‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
นักข่าวเอ่ยคำถามที่ใครหลายคนอยากรู้ออกมาอย่างไม่มีการอ้อมค้อม
[คุณพอจะรู้มั้ยคะว่าลูกค้าที่โดนทำร้ายเป็นใคร]
[ไม่ทราบค่ะ พนักงานในร้านถูกกันออกไปก่อน]
หญิงสาวหลบตานักข่าว เนื่องจากเรื่องที่พูดออกไปมีความจริงเพียงครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งก็คือเมื่อคืนเธอเห็นว่าท่านผู้นั้นอุ้มคนบาดเจ็บออกมาด้วยตัวเอง อีกทั้งยังแสดงออกว่าเป็นห่วงมาก ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขารู้จักกัน
ถึงจะเป็นเพียงพนักงานต้อนรับที่เรียนไม่สูง แต่เธอกลับรู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด
แน่นอนว่าพฤติกรรมหลบตานี้ นักข่าวที่ผ่านการออกภาคสนามมาอย่างโชกโชนย่อมดูออก เมื่อคืนได้ยินว่าท่านเอลเลียสผู้นั้นมาด้วยตัวเอง คาดว่าคงมีบางเรื่องที่ไม่ควรพูด นักข่าวสาวค่อนข้างมีไหวพริบจึงเปลี่ยนคำถาม
[คุณพอจะจำใบหน้าของแวมไพร์ตนนั้นได้ไหมคะ เขามีหน้าตาเป็นยังไง]
[หน้าตาดี ขาว สูง เหมือนนายแบบเลยค่ะ] พนักงานร้านอาหารตอบทันที
คำถามนี้ตอบง่ายมาก เนื่องจากลูกค้าสองท่านค่อนข้างหน้าตาดีจริง ๆ คนหนึ่งหล่อเหลา ส่วนอีกคนที่ตัวเล็กกว่าก็มีใบหน้างดงาม เครื่องหน้าอ่อนละมุน ราวกับดาราหรือไอดอลหลุดออกมาจากโทรทัศน์
พนักงานหญิงแทบทั้งร้านเรียกได้ว่าพากันมองพวกเขาจนตาแทบหลุด
หลังจากผ่านการสัมภาษณ์ไปก็เป็นคลิปเหตุการณ์ภายในห้องอาหารเมื่อคืนที่ผ่านการเช็กและตัดช่วงที่เห็นเอลเลียสออกไป
ในคลิปเริ่มจากช่วงที่ฉินอวี่วิ่งไปที่ประตูแต่กลับโดนแวมไพร์มาดัก เขาวิ่งกลับไปที่โต๊ะแล้วหยิบมีดมาป้องกันตัวแต่ก็สู้แรงอมนุษย์ที่ตัวใหญ่กว่าไม่ได้
กระทั่งถึงช่วงท้ายที่โดนจับเหวี่ยงอีกครั้งจนตัวปลิว ผู้เสียหายตัวจริงที่กำลังนั่งดูข่าวก็ร้องซี้ดพลางลูบเอวตัวเองไปมา
“ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ตายเนี่ย”
หลังจากนั้นจึงเป็นการสัมภาษณ์หน่วยปราบปรามและเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกหลายคนเกี่ยวกับการล้อมจับแวมไพร์และเบาะแสต่าง ๆ ฉินอวี่ดูอย่างตั้งใจทว่ากลับไม่เห็นอะไรที่เป็นประโยชน์เลยสักอย่าง พอกดเปลี่ยนช่องก็มีแต่ข่าวนี้รายงานเต็มไปหมด มาถึงตรงนี้เขาก็หาวหวอดออกมาอย่างเบื่อหน่าย
ทีวีถูกปิดลง ห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ครั้นจะลุกออกไปเดินสำรวจสถานที่ก็ติดที่ร่างกายไม่อำนวย เมื่อไม่มีอะไรทำเขาจึงเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นฉินอวี่ก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เขาปรือตาขยับลุกขึ้นมานั่งนิ่ง ๆ สมองมึนงงสับสนอยู่พักหนึ่ง พร้อมกับที่จาคอปยกถาดอาหารเข้ามาเสิร์ฟถึงเตียงนอน
ยิ่งกว่าผู้ป่วยติดเตียงอีก!
“อาหารเย็นครับคุณชายอวี่”
“กี่โมงแล้วครับ” ฉินอวี่ขยี้ตา ยื่นมือไปรับผ้าเย็นมาเช็ดหน้าตัวเองลวก ๆ “ที่จริงไม่ต้องเอามาให้ที่เตียงก็ได้นะครับ ผมเดินไปกินที่โต๊ะเอาก็ได้”
พ่อบ้านชราส่ายหน้า ขยับโต๊ะมาวางข้างเตียงก่อนจะวางถาดอาหารลงไป กล่าวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ “ร่างกายคุณช้ำมาก อย่างน้อยสองสามวันนี้ต้องอยู่แบบนี้ไปก่อนนะครับ”
“...”
สาบานสิว่าคนคนนี้เป็นคนใช้ เข้มงวดยิ่งกว่าแม่ของเขาในชาติก่อนอีก!
ฉินอวี่นั่งกินอาหารท่ามกลางสายตาจับจ้องของพ่อบ้านชรา กระทั่งกินยาเรียบร้อยอีกฝ่ายก็จากไปแบบไม่เห็นฝุ่น
หน้าต่างห้องถูกผ้าม่านบดบังเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถรับรู้เวลาได้ เขาเอื้อมไปเปิดโทรศัพท์เพื่อดูเวลา ถึงได้รู้ว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว ฉินอวี่ขยับตัวยุกยิกไปมาด้วยความไม่สบายตัว
เขา อยาก เข้า ห้องน้ำ!!
วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้เข้าห้องน้ำสักรอบ อีกทั้งเมื่อคืนก็ผ่านเรื่องมามากมาย ตอนนี้เขาเลยรู้สึกเหนียวเหนอะไปทั้งตัว
ในเมื่อตาลุงพ่อบ้านนั่นไม่อยู่เฝ้า ฉินอวี่จึงฝืนขยับร่างที่ปวดร้าวเดินกุมเอวเกาะผนังไปทางห้องน้ำด้วยความเร็วที่ช้ายิ่งกว่าเต่า
ผ่านไปห้านาทีในที่สุดเขาก็มาถึงห้องน้ำในสภาพเหงื่อเปียกชุ่ม
“ให้ตายเหอะ ห้องจะกว้างไปไหนเนี่ย” ฉินอวี่บ่นงึมงำ เริ่มรู้สึกคิดถึงห้องรูหนูที่เพียงห้าก้าวก็เดินทั่วทั้งห้องขึ้นมา
มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลงฉินอวี่รีบจัดการเปลื้องผ้าตัวเองจนเกลี้ยงก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงในอ่างอาบน้ำขนาดไหนด้วยสีหน้าที่เก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่มิด
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อาบน้ำในอ่างใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้มีคนลงมาเพิ่มอีกสองสามคนก็ยังไม่อึดอัดเลยด้วยซ้ำ!
น้ำถูกเติมจนเต็ม เงือกที่ยังอยู่ในร่างมนุษย์ไม่รอช้า ดำผุดดำว่ายไปมาอย่างสนุกสนานจนลืมแม้แต่ความเจ็บตรงช่วงเอว สายน้ำเย็นสบายชำระล้างความเหนื่อยล้าทั้งหมดออกไป เส้นผมสีทองแผ่กระจายอยู่ใต้น้ำขยับไหวไปมาราวกับมีชีวิต
ในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความสุข จู่ ๆ เขาก็ถูกดึงขึ้นมาเหนือผิวน้ำกะทันหัน
น้ำเสียงเข้มเอ่ยด้วยความหวาดวิตก “ทำอะไรของเธอ!”
“ครับ?” ฉินอวี่หน้าเหวอ ดวงตาสีน้ำทะเลมองชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าอย่างตกตะลึง ลืมแม้กระทั่งขยับตัวหนี
ใครอีกเนี่ย?
แววตางุนงงที่มองมาของเงือกทำให้ชายหนุ่มในชุดสูทราคาแพงได้สติขึ้นมา กระทั่งดวงตาเผลอเหลือบมองแผงอกขาวนวลที่มีหยดน้ำเกาะพราวเขาก็รีบดึงสายตากลับมามองใบหน้างดงาม ก่อนกล่าวเสียงทุ้ม “เมื่อกี้เธอกำลังทำอะไร”
“ผม?” นิ้วเรียวชี้เข้ามาหาตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะชี้ลงด้านล่าง “ผมก็อาบน้ำ”
ใบหน้าหล่อเหลากระตุกไปวูบหนึ่ง “ฉันหมายถึงทำไมถึงมุดน้ำแบบนั้น มันอันตรายนะ”
ฉินอวี่อึ้งงัน “แล้วทำไมถึงอันตรายล่ะครับ”
ทันใดนั้น ดวงตาสีม่วงพลันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างคนนึกอะไรขึ้นมาได้
“...”
ต้องโทษที่เขาตกใจมากเกินไปจริง ๆ หลังกลับมาจากทำธุระข้างนอก เขาก็รีบเร่งมาหาอาอวี่อย่างอดรนทนไม่ไหว ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายดันไม่ได้อยู่บนเตียงอย่างที่พ่อบ้านรายงาน พอเดินหาจนทั่วห้องกลับมาพบอีกฝ่ายจมอยู่ในน้ำแบบนี้
นาทีนั้นราวกับหัวใจตกไปอยู่ที่เท้า เอลเลียสลืมแม้กระทั่งว่าอีกฝ่ายเป็นเงือก รีบพุ่งไปคว้าตัวคนขึ้นมาด้วยความตกใจ
มาตอนนี้เขารู้สึกอับอายจนต้องเบนสายตาไปทางอื่น ใบหูขึ้นสีแดง “ฉันจะไปรอข้างนอก ส่วนชุดของนายเดี๋ยวฉันเอามาวางให้อีกที”
คนแปลกหน้าที่หน้าตาโคตรดีพูดรัวเร็วจากนั้นก็ผละออกไป ฉินอวี่รีบถาม “คุณเป็นใครครับ”
ชายแปลกหน้าชะงัก “เธอรู้จักฉัน อาอวี่”
ฉินอวี่ลองเดาด้วยความคาดหวัง “คุณเอล?”
“อืม” เอลเลียสพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายวาววับราวกับหมู่ดาว รอยยิ้มบางแต่งแต้มที่ขอบปาก จากนั้นก็ขำออกมาอย่างอดไม่อยู่ “น่ารักแฮะ”
แถมยังหล่อมากอีกด้วย
พอมีคนรออยู่ ฉินอวี่เลยไม่คิดจะเล่นน้ำต่อ ขาเรียวยาวค่อย ๆ ก้าวออกมาจากอ่างอย่างระมัดระวัง บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีชุดถูกพับวางเอาไว้
เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีเข้าคู่กับกางเกงขายาวสีดำขนาดพอดีตัว คิ้วสีอ่อนเลิกขึ้นเล็กน้อย ชุดที่เนื้อผ้าดีขนาดนี้ย่อมไม่ใช่ของเขาอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกะไซซ์เขาได้เป๊ะขนาดนี้ หลังจากสำรวจเสื้อผ้าตรงหน้าเสร็จ หางตาก็เหลือไปเห็นกล่องหนึ่งเข้า กระทั่งแกะออกมาดูจึงได้เห็นว่ามันคือ
กางเกงใน!
“นะ นี่”
คราวนี้แก้มขาวขึ้นเลือดฝาดอย่างห้ามไม่อยู่ มือกำชั้นในตัวจิ๋วจนแทบจะขาดคามือ
ถึงจะถูกเห็นร่างเปลือยไปแล้ว แต่การต้องถูกคนอื่นซื้อกางเกงในให้นี่เขารับไม่ไหวจริง ๆ
หลังกลั้นใจแต่งตัวไปด้วยอาการหน้าร้อนเสร็จ ฉินอวี่ก็ผลักประตูห้องน้ำออกไป แต่ใครจะคิดว่าคนหน้าไม่อายคนนั้นจะยืนเฝ้าอยู่ข้างประตูไม่ไปไหนเสียได้
ทันทีที่เห็นเงือกเดินออกมา เอลเลียสรีบขยับเข้าไปทำท่าจะอุ้มทันที
“ผมเดินเองได้ครับ” ฉินอวี่รีบบอกปัด ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย “รบกวนคุณช่วยพยุงผมทีนะครับ”
“อืม”
แววตาเรียบเฉยปรากฏร่องรอยยินดี มือหนาโอบไหล่ผอมเพรียวก่อนจะพยุงคนตัวเล็กกว่าให้เดินไปพร้อมกัน กระทั่งมาถึงเตียงหลังจัดแจงให้เงือกขึ้นมาเอนบนหมอนเรียบร้อย เอลเลียสก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง
“...”
ฉินอวี่พูดไม่ออกกับการกระทำที่ทำเหมือนเขาเป็นคนพิการแบบนี้ แต่จะให้หักน้ำใจอีกฝ่ายเขาก็ทำไม่ลง จึงได้แต่เลยตามเลย
ทั้งที่คิดว่าอยากเจอหน้าสักครั้ง แต่พอต้องมาเจอกันจริง ๆ ทั้งคู่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ฉินอวี่ทนไม่ไหวจึงเปิดปากก่อน
“เมื่อคืนคุณมาช่วยผมเหรอครับ”
“ใช่”
“...”
“...”
แค่นี้? ไม่มีอะไรต่อแล้วเหรอ
คำตอบนี้สั้นมาก ฉินอวี่เงียบไปอย่างรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ สีหน้าของเขาแสดงออกว่าต้องการคำอธิบาย เอลเลียสที่ปกติพูดน้อยจึงเรียบเรียงคำพูดแล้วกล่าวออกมาราวกับนักเรียนตอบคำถามคุณครู
“ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปหาเธอ ฉันคิดว่าพอเคลียร์งานเสร็จแล้วจะรีบไปหา ใครจะไปคิดว่าเรื่องที่ต้องจัดการมันมีมากจนแทบปลีกตัวไม่ได้เลย”
ฉินอวี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ “แล้วทำไมเมื่อคืนคุณมากับหน่วยปราบปรามได้ล่ะครับ”
ชายหนุ่มผมดำกล่าวต่ออย่างไม่ปิดบัง “นั่นเป็นหน่วยย่อยที่ขึ้นตรงต่อฉัน คนที่ออกคำสั่งได้มีเพียงแค่ฉัน เมื่อวานฉันมีธุระที่นั่นพอดี อันที่จริงก็เห็นเธอตั้งแต่ตอนเข้าร้านมาแล้วแหละ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ไหมเลยไม่กล้าเข้าไปรบกวน”
“ก็เลยมาได้ทันเวลาพอดีสินะ” ฉินอวี่พยักหน้าอีกครั้ง
“อืม”
หน่วยปราบปรามนี้เส้นสายภายในสลับซับซ้อน กลุ่มของเอลเลียสก็เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มย่อยที่ขึ้นตรงต่อเขา และมันก็เป็นเพียงแค่ชื่อเรียกภายนอกเท่านั้น ความจริงแล้วหลังจากเข้ามาทำงานให้ชายหนุ่ม คนพวกนี้ก็ไม่ต่างไปจากองครักษ์ส่วนตัว เปลือกนอกคือเจ้าหน้าที่รัฐแต่เบื้องหลังคอยทำงานลับ ๆ ให้เจ้านาย
แน่นอนว่าหน่วยปราบปรามไม่ได้มีเพียงแค่คนของเอลเลียส แต่มีเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นตรงต่อประเทศอยู่อีกมากมาย
ดวงตาคู่สวยหรี่ลงอย่างสงสัย “คุณดูมีอำนาจมากเลยนะ”
นี่เขาโดนขาใหญ่เปย์มาตลอดเลยเหรอเนี่ย!
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก” เอลเลียสยิ้มขำ ยังไงในอนาคตเขาก็อยากจะบอกทุกเรื่องให้เงือกน้อยตรงหน้ารู้เหมือนกัน
ถ้าอีกฝ่ายอยากรู้น่ะนะ
ฉินอวี่ถามสิ่งที่อยากรู้ทันที “แล้วเรื่องของฉีเฟิง เอ่อ แวมไพร์ตนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ”
“ยังจับไม่ได้ หมอนั่นฉลาดมากแถมยังหลบเก่งสุด ๆ”
พูดถึงเรื่องนี้เอลเลียสก็ถอนหายใจ ใครจะไปคิดว่าคนที่มากับอาอวี่ดันสร้างเรื่องใหญ่โตเสียได้ ตอนนี้เงือกน้อยของเขาเลยกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วยอีกคน
หากไม่ใช่เพราะเขาออกหน้าเอง ป่านนี้อาอวี่คงได้ไปนอนในคุกรอไต่สวนไปแล้ว
ตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนั่งเม้มปากเงียบ ๆ “...”
ขอโทษนะครับ เหมือนว่านั่นจะเป็นความผิดผม...