‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ - ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ

รายละเอียด

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ผู้แต่ง

Ferylin

เรื่องย่อ

ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด

เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย 

เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ 

ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน 

[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]

“ฉิบ”

โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย

สารบัญ

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-บทนำ เรื่องราวหลังการตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 3 เผลอไผล,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 4 หลงตัวเอง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 5 ท่านเลวี่คนดัง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 6 ข้อมูลใหม่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 7 รับจ้างตามใจ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 8 ลองทายสิ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 9 ได้โปรดมาโปรยเงินที่ช่องผมบ่อย ๆ นะครับ!,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 10 กลายเป็นคนดังแบบงง ๆ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 12 ร้องไห้,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 13 ทดลองผลงาน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 14 ท่ามกลางคนมากมาย ยังมีเขาที่คอยเป็นห่วง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 15 คนเราต้องใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 17 อมนุษย์ผู้งดงาม,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 19 ทำอาหาร,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 20 ลีเจีย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่- ตอนที่ 21 WARNING,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 22 ยังมีชีวิต,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 23 เธอรู้จักฉัน อาอวี่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 24 นายจะให้ฉันไปตายหรือไง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 26 นับจากนี้ไปขอให้เธอมีแต่ความสุข,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 27 แวมไพร์ตนนี้จะทำงานไวเกินไปแล้ว,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 28 แผนในใจของแต่ละคน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 29 ของคู่กัน

เนื้อหา

ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย

 

 

“คุณพอจะมาที่ลีเจียได้ไหม”

[เลวี่ : นายจะให้ฉันไปตายหรือไง ตอนนี้ข่าวพวกนายดังไปทั่ว เที่ยวบินไปลีเจียมีแต่เข้าไม่มีออก แถมคนที่จะเข้าไปยังต้องโดนตรวจสอบเข้มงวดยิ่งกว่าปกติอีกด้วย]

จริงดังที่อีกฝ่ายว่า ตอนนี้ทุกพื้นที่ในประเทศเข้มงวดมากจริง ๆ ในโทรทัศน์ก็ยังออกข่าวแต่นี้ทั้งวัน และคงจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าฉีเฟิงจะโดนจับนั่นแหละ แต่เขาก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วเหมือนกัน

“แล้วผมจะทำยังไงดี”

[เลวี่ : มีอะไรหรือเปล่า ถ้านายไม่บอกสาเหตุที่ต้องการให้ฉันไป ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะช่วยยังไง]

“ผมต้องการให้ช่วยจับฉีเฟิง” ฉินอวี่ชั่งใจก่อนจะพิมพ์เพิ่ม “ภายในเดือนนี้”

[เลวี่ : ครั้งก่อนก็ทำให้หมอนั่นเป็นอมนุษย์ ครั้งนี้ยังจะจับอีกเหรอ ใจร้ายเกินไปแล้ว]

ประโยคนี้คล้ายกับการต่อว่า แต่ข้อความนี้เขากลับคล้ายว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะอย่างนึกสนุกของอีกฝ่ายยังไงยังงั้น

ในเมื่อแวมไพร์ช่วยไม่ได้ เขาก็หมดธุระกับหมอนี่แล้ว ในขณะที่เตรียมจะพิมพ์บอกลา ข้อความพลันเด้งขึ้นมา

[เลวี่ : จริง ๆ เรื่องนี้ก็พอจะมีวิธีอยู่ แต่มันแพงมากเลยล่ะ]

เรื่องหน้าเลือดนี่ไว้ใจแวมไพร์อันดับหนึ่งได้เลย ไหนบอกว่าไม่ขาดแคลนเงิน ทำไมคุยกันทีไรมีแต่เขาเสียเงินทุกที แม้จะบ่นในใจทว่ามือก็ยังคงพิมพ์ตอบอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น

“วิธีอะไร”

[เลวี่ : ฉันสามารถส่งลูกน้องฝีมือดีที่เป็นมนุษย์ไปให้ได้ ส่วนค่าดำเนินการ ลดให้สุด ๆ ได้เต็มที่สี่แสนเหรียญ]

สี่แสน!!

“สาบานว่านี่ลดแล้ว”

ฉินอวี่เกินอาการมือสั่นขึ้นมา รู้สึกว่ายิ่งจ้างยิ่งแพงขึ้นแบบก้าวกระโดดจริง ๆ แบบนี้มันไม่ค้ากำไรเกินไปหน่อยหรือไง!

[เลวี่ : ลดแล้วจริง ๆ ปกติถ้าต้องทำงานนอกประเทศเรตราคาจะอยู่ที่เกือบล้านเลยนะ นายคิดดูสิฉันต้องส่งลูกน้องไปที่ลีเจียมีทั้งค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พัก ฉันไม่ทำการค้าการกุศล แน่นอนว่าย่อมต้องมีค่าแรงของคนที่ส่งไป ฉันเห็นนายเป็นคนกันเองหรอกนะ ค่านายหน้าฉันก็เก็บแค่สิบเปอร์เซ็นต์เอง]

พอเลวี่พูดมาอย่างนี้ ฉินอวี่จึงว่าอีกฝ่ายไม่ลงแต่หลังจากที่จ้างทำงานครั้งก่อน ได้เงินค่าไข่มุกมาหนึ่งแสน รวมทั้งเงินจากการดูดวงและโดเนทพอหักลบแล้วเขาก็มีเพียงแค่สองแสนกว่า ๆ เท่านั้น ยังขาดอีกตั้งเกือบครึ่ง

“ขอจ่ายครึ่งหนึ่งก่อนได้ไหม พวกนายรีบมาก่อน”

เขาพิมพ์อย่างไม่คาดหวัง ไม่คาดว่าเลวี่กลับใจกว้างขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

[เลวี่ : ได้สิ]

หลังจากคุยตกลงธุระกับจบ ฉินอวี่จึงลุกเดินออกไปสูดอากาศที่ระเบียงห้อง ในสมองครุ่นคิดถึงวิธีหาเงินเพิ่มไม่หยุด

ถ้าอยากได้เงินไว ๆ ก็มีแต่ต้องขายไข่มุกหรือทำสร้อยขาย แต่ตอนนี้เขาดันมาติดแหง็กอยู่ที่นี่ เพราะงั้นวิธีนี้ตัดออกได้เลย

คิดไปคิดมาก็เหลือแต่การไลฟ์เท่านั้น

เงือกมือใหม่ยกมือที่มีผ้าพันแผลขึ้นมามองเงียบ ๆ แผลนี้ยังใหม่มากไม่เหมาะที่จะโดนน้ำ อีกทั้งบนโลกใบนี้ไม่ขาดแคลนพวกคนช่างเดา หากพวกนั้นเห็นแผลที่มือแล้วเอาไปโยงเข้ากับผู้เสียหายในเหตุการณ์ ไป ๆ มา ๆ มันก็อาจจะเป็นการเปิดเผยตัวตนเอาได้

หากตัวตนเปิดเผย ไม่ใช่แค่ฉินอวี่ที่ซวย แต่คนที่ให้การช่วยเหลือเขาอย่างคุณเอลก็จะพลอยซวยไปด้วย แม้อีกฝ่ายดูจะมีอำนาจมาก ทว่าเขาก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้คุณเอลเลยจริง ๆ

คิดอยู่นานก็ยังหาทางออกไม่ได้ ฉินอวี่ที่โดนจำกัดบริเวณออกอาการเบื่อสุด ๆ เนื่องจากไม่มีอะไรทำ

หลังจากเดินวนในห้อง กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงจนผ้าห่มเละเทะ ทว่าก็เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น

“เบื่อ!!!”

เสียงตะโกนดังลั่นทำให้ฟินน์ที่เฝ้าอยู่นอกห้องรีบเปิดประตูเข้ามาทันที ในมือหอบหิ้วโน้ตบุ๊กเข้ามาด้วย ท่าทางดูทุลักทุเลสุด ๆ “คุณอวี่เป็นอะไรครับ”

คนบนเตียงพลิกตัว เส้นผมสีอ่อนยุ่งเหยิง “ผมเบื่อจะตายอยู่แล้ว”

ออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ ไลฟ์ก็ไม่ได้ โทรทัศน์ก็มีแต่ข่าวเดิม ๆ ไม่มีอะไรให้เขาทำเลย ความรู้สึกของการติดคุกก็คงเป็นอย่างนี้สินะ

ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองเงือกที่หน้าบูดแต่กลับยังดูน่ามอง พลางยกมือขยับแว่น “อดทนอีกสักสามสี่ชั่วโมงนะครับ วันนี้ท่านเอลเลียสบอกว่าจะกลับมาไว”

ฉินอวี่งึมงำ “เขากลับมาแล้วผมจะหายเบื่อเหรอ”

เขาไม่ได้ตั้งใจกวนประสาท เพียงแค่พูดไปตามที่คิดเท่านั้น

ฟินน์เงียบไปเล็กน้อยก่อนตอบเสียงเบา “ผมก็ไม่รู้ครับ”

“คุณมีงานอะไรให้ผมช่วยทำไหม” เงือกผมทองเงยหน้ามองเลขาหนุ่มทั้งที่ตัวเองยังนอนแผ่อยู่บนเตียง ผ่านไปยังไม่ทันสองวันดีแต่เขากลับเหมือนตัวขี้เกียจไปแล้ว

จะไปมีได้ไงล่ะครับ ขืนใช้คุณทำงานท่านเอลเลียสได้กินหัวผมพอดี 

ฟินน์คิดในใจ สมองแล่นเร็วจี๋อย่างใช้ความคิดว่าจะทำยังไงให้เงือกน้อยของเจ้านายหายเบื่อ ไม่นานชายหนุ่มก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา

หลังจากเดินหายออกไปจากห้องนอนแขก ไม่นานฟินน์ก็กลับมาพร้อมกับเอกสารและหนังสือประวัติศาสตร์กองโต

“คุณจะให้ผมเรียนหนังสือ?” ฉินอวี่เงยหน้ามองเลขาอย่างไม่เชื่อสายตา

เอาจริงดิ นี่มันไม่น่าเบื่อกว่าเดิมหรือไง 

ฟินน์ยิ้มบาง “ผมคิดว่าคุณอาจจะอยากรู้ก็ได้” พูดจบก็เดินไปนั่งลงตรงชุดโซฟาภายในห้องของเงือกเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขาเสียเลย

และก็เป็นอย่างที่เลขาว่า ฉินอวี่ที่ตอนแรกตั้งใจจะอ่านแค่ผ่าน ๆ กลับจมลงไปในหนังสือตรงหน้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

นี่เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ของลีเจียเริ่มตั้งแต่สมัยก่อตั้งประเทศ ผ่านการรบราฆ่าฟันชิงดินแดนกับเหล่าอมนุษย์จนสุดท้ายมนุษย์ที่มีจำนวนมากกว่าก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

อมนุษย์ถูกกีดกันออกจากสังคม ถูกเหยียบย่ำ นานวันเข้าพวกเขาเหล่านั้นก็แทบไม่เหลืออยู่ในประเทศนี้อีกแล้ว หรือต่อให้ยังมีก็ต้องหลบซ่อนอยู่ในหลืบไปทั้งชีวิต

แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉินอวี่สนใจ เรื่องที่เขาสนใจก็คือประวัติราชวงศ์ในช่วงเวลาปัจจุบันมากกว่า เพราะมันมีเอลเลียสอยู่ด้วย!

นี่มันหมายความว่ายังไงน่ะเหรอ

ก็หมายความว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าชายยังไงล่ะ!

“นะ นี่” ฉินอวี่กางหนังสือ ดวงตาเบิกกว้างมองภาพถ่ายชายหนุ่มหน้าตาดีผู้มีดวงตาสีม่วงอันแสนคุ้นเคยในชุดเต็มยศซึ่งปรากฏอยู่ในแผนผังตระกูล ใต้ชื่อมีกำกับเอาไว้ว่า เจ้าชายลำดับที่ 1

เงือกที่อ้าปากหวอจนดูตลกหันไปหาฟินน์ก่อนชี้นิ้วไปยังคนในภาพ “เรื่องจริงเหรอครับ”

เลขาหนุ่มอมยิ้ม “แล้วทำไมถึงไม่ใช่เรื่องจริงล่ะครับ”

ในเมื่อท่านเอลเลียสแสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกยังไงกับเงือกตนนี้ การให้อีกฝ่ายรู้ฐานะของท่านเอาไว้ก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว

อีกอย่างท่านเอลเลียสก็ไม่ได้สั่งห้ามพวกเขาปากโป้งเรื่องของตัวเอง ในเมื่อท่านไม่บอก งั้นเขาที่เป็นเลขาก็จะบอกให้เองนี่แหละ!

มีผู้ช่วยที่ฉลาดขนาดนี้ ท่านเอลเลียสก็ไม่ต้องเหนื่อยมานั่งอธิบายตัวเองแล้ว

 

เอลเลียสที่กำลังทำธุระอยู่ในวัง “แคก ๆ!”

 

“...” ฉินอวี่ยังคงอึ้งไม่หาย

มิน่าถึงมีพ่อบ้านที่เหมือนหลุดมาจากการ์ตูน มิน่าถึงมีบ้านริมทะเลที่ใหญ่ขนาดนี้ มิน่าถึงบอกว่ามีหน่วยปราบปรามที่ขึ้นตรงกับตัวเอง มิน่าถึงมีเงินเปย์เขาขนาดนั้น

ฉินอวี่มีแต่คำว่า ‘มิน่า’ เต็มหัวไปหมด ตอนแรกเขาเดาเอาไว้แค่ว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นพวกผู้ดีเก่าหรือฝ่ายการเมืองที่ยศสูง ๆ แต่ไม่คาดเลยว่าจะเป็นเจ้าชายไปได้!

สุดท้ายอาการเบื่อก็หายเป็นปลิดทิ้งเพราะตลอดช่วงบ่ายของวันฉินอวี่ใช้เวลาไปกับการหาข่าวของเอลเลียสแทน และเนื่องจากคนคนนี้เป็นเจ้าชายที่มีใบหน้าหล่อเหลา เลยเป็นที่จับตามองจากสื่อและหญิงสาวทั่วประเทศ ขึ้นแท่นชายหนุ่มที่อยากแต่งงานด้วยที่สุด

ทว่าแม้อายุของอีกฝ่ายจะเข้าใกล้เลขสามแล้ว เจ้าชายท่านนี้กลับไม่มีข่าวออกเดตเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงบางครั้งจะมีสำนักข่าวไร้จรรยาบรรณเต้าข่าวจับคู่ให้อยู่บ่อยครั้ง เอลเลียสก็ทำเพียงแค่ส่งคนไปจัดการเท่านั้น

ไม่รู้ทำไม เรื่องนี้กลับทำให้ฉินอวี่รู้สึกอยากยิ้มอย่างบอกไม่ถูก

ช่วงสี่โมงเย็น เอลเลียสก็กลับมาถึงบ้านอย่างที่ฟินน์บอกเอาไว้ จากมุมห้องตรงนี้จะมองเห็นทั้งวิวทะเลและทางเข้าคฤหาสน์พอดี ที่ด้านล่าง ชายหนุ่มร่างสูงลงจากรถ ก่อนจะยื่นเสื้อสูทตัวนอกให้จาคอปที่มายืนรอรับ

ขณะกำลังเดินเข้าบ้าน ราวกับสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมองตัวเองอยู่ เอลเลียสเงยหน้ามองไปยังตำแหน่งห้องนอนแขก ดวงตาสองคู่สบประสานกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์ยิ้มบางให้ ทว่าคนแอบมองกลับหลบสายตาแล้วมุดหน้าเข้ามาในห้องแทน

ฟินน์ที่แม้จะนั่งทำงานแต่ก็ยังคอยสังเกตเงือกตลอดเวลาหรี่ตาลงอย่างสงสัย เมื่อกี้ไม่ใช่ว่ากำลังชมวิวอยู่หรือไง ไหงตอนนี้ทำหน้าประหลาดแบบนั้น “เป็นอะไรไปครับ”

“เปล่า” ฉินอวี่งึมงำ

ตอนนี้พอรู้ว่าคุณเอลเป็นเจ้าชาย อยู่ ๆ เขาก็เกิดอาการไม่กล้าสู้หน้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องพักก็ดังขึ้น ฟินน์ขยับแว่นก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู “ท่านเอลเลียส”

“ฟินน์” น้ำเสียงทุ้มต่ำมีความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “นายมาอยู่ห้องอาอวี่ได้ไง”

“ก็คุณบอกให้ผมคอยดูแลเขาไม่ใช่เหรอครับ ช่วงนี้เขาบาดเจ็บ ผมคิดว่าอยู่ใกล้ ๆ เอาไว้จะได้ช่วยเหลือสะดวก” เลขาอธิบายอย่างเป็นหลักการ ก่อนจะผายมือเชิญเจ้านายเข้ามา “อีกอย่างคุณอวี่เขาก็บอกว่าเบื่อด้วย”

“อาอวี่เบื่อเหรอ” คราวนี้คำถามพุ่งตรงมาที่แขกเพียงหนึ่งเดียว

เงือกมือใหม่นั่งหลังตรง ใบหน้าหันไปทางผู้สูงศักดิ์แต่กลับไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ “นิดหน่อยครับ”

แน่นอนว่าอากัปกิริยาแบบนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนเลยแม้แต่น้อย ตอนนั้นแม้จะเป็นการพบหน้ากันครั้งแรก แต่ฉินอวี่ดูผ่อนคลายกว่านี้มาก

ระหว่างที่เขาไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ดวงตาคมปรายมองเลขาที่ยืนทำหน้านิ่งเหมือนปกติ ก่อนจะเบนไปมองคนตัวขาวในห้อง หัวคิ้วคมขมวดเข้าหากัน “ฟินน์ นายกลับไปได้แล้ว”

“ครับ” เลขาหนุ่มที่ได้เลิกงานไวย่อมขานรับด้วยความยินดี

ถึงจะบอกให้กลับไป แต่ที่จริงแล้วเขาก็พักอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้เช่นกัน เพื่อให้สะดวกต่อการช่วยงานเอลเลียสได้ทุกเมื่อ

ภายในห้องไม่มีคนอื่นอีก มีเพียงเจ้าของคฤหาสน์และแขกผมทองเท่านั้น เอลเลียสเดินไปหาฉินอวี่ แต่ทั้ง ๆ ที่เข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้ว อีกฝ่ายกลับไม่ยอมมองกันเลยสักแวบ

กระทั่งเดินมาถึงโต๊ะ ดวงตาคู่คมก็เจอเข้ากับกองหนังสือเจ้าปัญหาเข้า ชายหนุ่มถอนหายใจพลางนั่งลงตรงหน้าเงือก “รู้แล้วเหรอ”

ฉินอวี่พยักหน้าอย่างซื่อตรง “ครับ”

“แล้วทำไมไม่มองฉันเลย”

ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย” ผมแค่ทำตัวไม่ถูก”

เอลเลียสถอนหายใจอีกหน น้ำเสียงแสดงออกชัดว่าปวดใจ “เธอเป็นแบบนี้ฉันเสียใจนะ”

หน้าอกฉินอวี่วูบโหวง เขารีบหันมองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ จากนั้นก็เจอเข้ากับใบหน้าคมที่แม้จะเรียบเฉย ทว่าดวงตากลับไม่สามารถปกปิดความรู้สึกเสียใจอย่างที่พูด

“ผมขอโทษ ผมไม่รู้จะทำตัวกับคุณยังไงดี”

มือเล็กกำแน่น ก่อนหน้านี้เขาตกใจก็จริง แต่พอหายจากอาการตกใจมันกลับกลายเป็นความไม่สบายใจแทน อีกทั้งยังมีความรู้สึกถึงความต่างของฐานะที่แทรกเข้ามา

เจ้าชายเลยนะ เจ้าชาย!

“เธอก็ทำตัวแบบเดิมสิ” เอลเลียสพูดพลางลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งเบียดบนโซฟาตัวเดียวกับเงือก มือหนาถือวิสาสะกุมมือเล็กกว่าเอาไว้แน่น “ฉันอยากให้เธอมองฉันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ได้ไหม”

ฉินอวี่ตกใจกับความใกล้ชิดกะทันหันนี้ แต่เขากลับไม่รู้สึกอยากผลักไสเลยสักนิด ดวงตาสีน้ำเงินก้มลงมองมือที่กุมกันอยู่พลางพูดเสียงค่อย “ผมจะพยายามครับ”

“เด็กดี”

ฉินอวี่ “แล้วคนอื่นล่ะครับ เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ”

“ใครจะมาว่าอะไร” เอลเลียสก้มมองคนด้านข้างด้วยสายตาลุ่มลึก ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มบาง

“ก็ที่ผมมาตีเสมอเจ้าชายอย่างคุณแบบนี้ ผมกลัวว่าคนอื่นเขาจะว่าเอาได้ อีกอย่างคุณก็เป็นถึงเจ้าชายลำดับหนึ่ง....”

ฉินอวี่หยุดไปราวกับมีอะไรมาอุดคอเอาไว้ คิ้วสีอ่อนขมวดเข้าหากัน

พูดถึงเจ้าชายลำดับหนึ่ง ย่อมหมายถึงการสืบทอดต่อจากกษัตริย์คนก่อน ในอนาคตก็ต้องขึ้นครองบัลลังก์และแต่งงานมีลูกตามประเพณี

ไม่รู้ทำไม พอนึกถึงตรงนี้แล้วเขากลับรู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย” เอลเลียสกระชับฝ่ามือที่กุมแน่นขึ้น เอ่ยเสียงขำขันในลำคอ “จริงๆ นะ เชื่อฉันสิ ถ้าโกหก ฉันอนุญาตให้เธอตีได้เลย”

ฉินอวี่มองคนตรงหน้าอยู่นานมาก ก่อนจะพยักหน้า “งั้นจากนี้ผมไม่เกรงใจแล้วนะ”

เอลเลียส “ได้”