‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
ฉินอวี่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าผ่อนคลายมากกว่าตอนเพิ่งตื่น ไอน้ำอุ่นลอยระอุออกมาจากด้านใน เส้นผมชื้นแนบกรอบหน้า ดวงตาหยีลงเล็กน้อย
ก็แค่ฝันล่ะนะ ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายวันจะรีบเครียดไปทำไม ไม่สู้ใช้เวลาในตอนนี้ให้มีความสุขดีกว่า!
ชุดของวันนี้จาคอปวางเอาไว้ให้บนเตียงอย่างเรียบร้อย ฉินอวี่เดินไปกางออกดูแล้วจุปากเบา ๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นทรงเข้ารูป ตรงคอมีเชือกเส้นเล็กเอาไว้สำหรับผูกเป็นโบ ส่วนกางเกงเป็นขายาวสีดำ แม้รูปแบบจะดูเรียบง่าย แต่เนื้อผ้าและการตัดเย็บกลับประณีตอย่างถึงที่สุด
เรือนร่างผอมเพรียวหันหลังให้ประตูก่อนจะเริ่มสวมชุดด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย ทว่าจู่ ๆ ประตูห้องกลับถูกเปิดเข้ามากะทันหันโดยไม่มีการเคาะ
ฉินอวี่สะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตกใจมากนัก ถึงยังไงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะพ่อบ้าน เลขาหรือแม้แต่เจ้าของคฤหาสน์ก็มักจะเข้าห้องเขากันแทบทุกวันอยู่แล้ว
เอลเลียสชะงักเมื่อเห็นแผ่นหลังขาวนวลอยู่ตรงหน้า ใบหูขึ้นสีชมพู “ขอโทษที”
ฉินอวี่รีบสวมเสื้อก่อนจะหันไปมองคนมาใหม่ ใบหน้าเจือรอยยิ้มน้อย ๆ แก้มยังคงแดงปลั่งจากการเพิ่งอาบอุ่นมา “คุณเอล มาพอดีเลย ช่วยผมติดกระดุมแขนเสื้อหน่อยสิครับ ทำเองไม่สะดวกเลย”
เจ้าของคฤหาสน์เดินไปตรงหน้าแขกรูปงาม นัยน์ตาสีม่วงก้มลงสำรวจใบหน้าเงือกน้อยอย่างละเอียด
แววตาสดใส ใบหน้ายิ้มแย้ม แก้มอมชมพู ไม่มีเค้าว่าเคยร้องไห้เลยแม้แต่น้อย
ชายผมดำอยากถามเหลือเกิน แต่ก็ยั้งปากตัวเองเอาไว้ ยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของอีกคนมาก่อนจะค่อย ๆ ติดกระดุมให้อย่างเบามือ
“ขอบคุณครับ” ฉินอวี่พูดเสร็จก็ทำท่าจะเดินออกไปอีกทาง ทว่ามือหนากลับคว้าไหล่ของเขาเอาไว้ นัยน์ตาสีน้ำเงินมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง “ครับ?”
เอลเลียส “เดี๋ยวฉันผูกโบตรงคอให้”
ฉินอวี่ก้มลงมองมือที่ขยับอยู่ตรงคอตัวเองด้วยความพลิ้วไหว หลังจากที่ผูกเสร็จ จังหวะที่ขยับออก มือแข็งกระด้างของชายหนุ่มผมดำพลันสัมผัสเข้ากับริมฝีปากนุ่มหยุ่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งสองคนชะงัก บรรยากาศแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นมา ฉินอวี่เบนสายตาหลบ “ผมไปเป่าผมก่อนนะครับ”
“อืม”
หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เดินเคียงคู่ลงด้านล่างไปด้วยกัน ฉินอวี่เหลือบตามองผู้เป็นเจ้าชายของประเทศนี้ ในใจเกิดความสงสัย “คุณทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรเลยนะครับ เป็นเรื่องที่พูดยากงั้นเหรอ”
เอลเลียสถอนหายใจ เขาอยากถามออกไปตรง ๆ ว่าอีกฝ่ายร้องไห้ทำไม แต่สิ่งที่พูดออกไปดันเป็นคนละอย่าง “เธออยากกลับบ้านไหม”
“อยากสิครับ ไม่มีใครไม่อยากกลับบ้านหรอก”
บ้าน ในที่นี้ของเขามันหมายถึงโลกเก่าซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้น่ะนะ
ดวงตาสีม่วงขรึมลง “...”
จู่ ๆ ฉินอวี่ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา เขายกมือลูบแขนด้วยความงุนงง พลางพูดต่ออย่างไม่ได้คิดอะไร “แต่ต่อให้กลับไปผมก็ตัวคนเดียวอยู่ดี เพราะงั้นจะอยู่ที่ไหนก็ไม่แตกต่าง”
ใช่แล้ว ในโลกนี้เขาไม่มีครอบครัวให้ต้องกลับไปเจอ ส่วนในโลกเดิม พ่อแม่ก็เสียไปตั้งแต่ที่เขาอายุยี่สิบเจ็ด ต่อให้อยากกลับไปแค่ไหน ก็ไม่มีใครรออยู่ดี
ประโยคนี้ทำให้เมฆหมอกในใจของผู้เป็นเจ้าชายสลายหายไป มือหนายกขึ้นลูบศีรษะเงือกน้อยไปมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความเศร้าในน้ำเสียงของอีกฝ่าย
“เธออยู่ที่นี่ก็ได้นะ”
ฉินอวี่เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง “...”
บทสนทนาจบลงแค่ตรงนั้น พวกเขาไม่ได้คุยอะไรกันต่อ ทำเพียงเดินข้างกันไปเงียบ ๆ ทว่าบรรยากาศกลับดูสนิทสนมกลมเกลียวกันยิ่งกว่าเดิม
จาคอปเดินออกมาส่งคนทั้งคู่ เมื่อฉินอวี่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว เอลเลียสกลับปิดประตูแล้วพยักหน้าเป็นการบอกให้พ่อบ้านเดินตามมาอีกทาง
“เรื่องไข่มุกไม่ต้องบอกอาอวี่นะ” เอลเลียสกล่าวเสียงเรียบ ขอแค่เงือกน้อยตนนั้นไม่มีทีท่าว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ถามถึงเรื่องนี้อีก “แล้วก็ฝากหากล่องมาใส่เอาไปวางไว้บนโต๊ะทำงานในห้องให้ที”
“ได้ครับท่านเอลเลียส”
หลังพ่อบ้านโค้งตัวรับคำสั่ง กระทั่งรถของเจ้านายขับพ้นออกไปจากคฤหาสน์จาคอปถึงได้ถอนหายใจออกมา
ท่านอวี่มีอิทธิพลกับนายท่านมากจริง ๆ
ระยะทางจากคฤหาสน์ริมทะเลมายังห้างใจกลางเมืองนั้นค่อนข้างไกล ฉินอวี่เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากแรงเขย่าที่แขน
ดวงตาสีน้ำเงินปรือขึ้น อ้าปากหาวหวอด รู้สึกมึนเบลอเล็กน้อย “อือ ถึงแล้วเหรอครับ”
เสียงทุ้มต่ำเจือไปด้วยแววขบขัน “เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไง ลุกเร็วถึงแล้ว”
ฉินอวี่พลันได้สติ ก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพิงไหล่เอลเลียสเสียเต็มตัว ทำเอาชุดสูทของอีกฝ่ายยับย่นไปเล็กน้อย มือเรียวจึงรีบยื่นไปจัดชุดให้
“ขอโทษนะครับ ชุดคุณยับเลย”
“ช่างเถอะ” มือหนาคว้าแขนของเงือกผมทองให้หยุด ก่อนจะหันไปรับผ้าเย็นจากฟินน์ที่นั่งด้านหน้ามาฉีกซองออกแล้วยื่นไปให้คนขี้เซา “เช็ดหน้าก่อนนะ”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย พวกเขาจึงได้ฤกษ์เข้าห้างกันเสียที
ฉินอวี่เดินตีคู่ไปกับเอลเลียส ด้านหลังตามมาด้วยฟินน์ที่เดินตามอย่างใกล้ชิด ถัดจากฟินน์ไปอีกก็เป็นหน่วยปราบปรามซึ่งพ่วงหน้าที่องครักษ์ในชุดสีดำสนิทอีกสองนาย ทั้งขบวนดูยิ่งใหญ่อลังการจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาพากันหันมองคอแทบหัก
ฉินอวี่รีบเอนไปกระซิบ “เด่นไปไหมครับ”
ดวงตาคมเหลือบมองประชาชนที่มาเดินห้าง ก่อนจะกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ก็ปกตินะ”
“...” โดนมองเหมือนเจอสัตว์หายากแบบนี้เรียกปกติเรอะ!
ฉินอวี่ส่ายหน้าคนเดียวเงียบ ๆ แม้จะรู้สึกว่าแบบนี้มันเด่นเกินไปหน่อย แต่พอมาคิดอีกที เขาว่ามันก็ดีเหมือนกัน
ตอนนี้ฉีเฟิงหลบไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ การที่เขาออกมาเดินเฉิดฉายแบบนี้ อาจจะทำให้หมอนั่นเห็นเข้าแล้วตามมาก็ได้
ถึงชาตินี้ฉินอวี่จะไม่ได้คลุกคลีกับจางลี่มากนัก ทว่าฉีเฟิงเป็นคนประเภทขัดตาหนึ่งครั้งเท่ากับขัดตาตลอดไป ยังไงไอ้หมอนั่นก็ต้องอยากเล่นงานเขาอยู่ดี
ในขณะที่เงือกหนุ่มกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องในใจกับความชาญฉลาดของตัวเอง ทางฝั่งเจ้าชายของประเทศก็มีแผนของตนเองเช่นกัน
ปกติเอลเลียสไม่ใช่คนชอบออกมาเปิดตัวข้างนอก ยิ่งเดินห้างนั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะอยากประกาศให้หลายคนรู้ว่าห้ามแตะต้องคนของตนเอง
แม้ประชาชนธรรมดาทั่วไปจะไม่รู้ว่าใครคือคนที่อยู่ในคลิปเหตุการณ์และเป็นคนที่มากับแวมไพร์ แต่พวกระดับสูงกลับรู้กันทุกคนว่าคือฉินอวี่ และยิ่งรู้ด้วยว่าเจ้าชายเป็นคนเก็บผู้ต้องสงสัยเอาไว้
เวลาที่เข้าวังไปจัดการธุระ เอลเลียสจึงมักจะได้รับข้อร้องเรียนมากมายให้ส่งตัวฉินอวี่มาไต่สวน และทุกครั้งเขาก็มักจะทำเมินเฉยไป แต่เขารู้ว่าในจำนวนคนพวกนั้นมันมีพวกหัวแข็งอยู่ด้วย ไม้อ่อนไม่ได้ผลก็จะตามมาด้วยเล่ห์กลต่างๆ นานา เพื่อให้เขายอมมอบคนออกไป
ทว่าการเปิดตัวฉินอวี่ในที่สาธารณะแบบนี้ จะทำให้พวกเขารู้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีความสัมพันธ์กับเจ้าชายลำดับหนึ่ง หากอยากแตะต้องก็ต้องคิดให้เยอะหน่อย
“คนมองเต็มเลยครับ” ฉินอวี่ป้องปากกระซิบอีกหน ขาขยับออกห่างเจ้าชายของประเทศอย่างแนบเนียน ทำท่าทางราวกับว่าไม่รู้จักกัน
ถึงแม้ว่ามันจะสายไปแล้วก็เถอะ!
เอลเลียสขำเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเอ็นดูอย่างปิดไม่มิด ยื่นมือไปดึงเงือกน้อยให้มาเดินข้างตัวเองเหมือนเดิม
ปกติเจ้าชายเอลเลียสนั้นออกงานสังคมน้อยมาก ภาพส่วนใหญ่ที่ปรากฏออกมาตามสื่อก็มักจะเป็นใบหน้าเงียบขรึมเย็นชา ดูเข้าถึงยาก แต่วันนี้รอยยิ้มตรงมุมปากของเขากลับทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ รวมถึงชายหนุ่มหลายคนพากันหน้าแดงก่ำ แอบถ่ายรูปเจ้าชายผู้หล่อเหลากันไม่หยุด
ในระหว่างที่เจ้าชายกับเงือกกำลังทอดน่องอวดโฉม เวลานั้นโลกโซเชียลก็ปรากฏแฮชแท็กร้อนแรงขึ้นมาหลายอัน
#เจ้าชายเอลเลียสยิ้ม
#เจ้าชายลำดับหนึ่งมาเดินห้าง
#หนุ่มน้อยรูปงามข้างกายเจ้าชายคือใครกัน!?
เนื่องจากพอฉินอวี่ตื่นแล้วก็ถูกพาออกมาโดยที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า เอลเลียสจึงพาเขาและคณะติดตามไปยังห้องอาหารส่วนตัวซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของห้าง หลังกินเสร็จก็ไปเดินเลือกเสื้อผ้าต่อด้วยความสบายใจ
เสื้อตัวหนึ่งถูกทาบลงบนตัวชายหนุ่มผมทอง ฉินอวี่เหลือบมองพนักงานร้านขายชุดที่หน้าแดงเถือกพลางแอบยกมือถือขึ้นมาถ่าย ก่อนจะเบนสายตามองคนผมดำตรงหน้า
“คุณสั่งชุดใหม่ให้ผมแล้วตั้งหลายชุด ไม่ต้องซื้อเพิ่มก็ได้นะครับ”
มือเรียวหยิบป้ายราคาขึ้นมาดู จากนั้นก็ต้องตาเหลือกลิ้นจุกปากเมื่อเห็นเลขศูนย์ยาวเหยียด เชี่ย! เสื้อบ้าอะไรราคาเป็นแสน
เอลเลียสเมิน มือยังคงทาบชุดไม่หยุดก่อนจะหันไปขอความเห็นจากฟินน์ “ชุดนี้เป็นไง”
เลขาสารพัดประโยชน์ใช้ความคิดเล็กน้อย จากนั้นก็วิจารณ์ “เหมาะมากครับ เสื้อเชิ้ตสีครีมน้ำตาลช่วยขับผิวที่ขาวอยู่แล้วของคุณอวี่ให้ดูขาวมากกว่าเดิม สีฟ้าใส่แล้วดูน่ารักสดใส สีชมพูอ่อนดูหวานและเรียบร้อย” ฟินน์เงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “อันที่จริงคุณอวี่ใส่สีไหนก็เข้าทั้งนั้นแหละครับ”
เอลเลียสพยักหน้า “งั้นเอามาหมดทุกสี”
“เดี๋ยว-”
“ต่อไปก็ชุดนอน”
“...”
ฉินอวี่อยากค้านเสียเหลือเกิน แต่พอมองสีหน้าที่ฉาบไปด้วยความสุขของอีกฝ่ายเขาก็ค้านไม่ออก ได้แต่เดินตามคนจ่ายเงินไปลองชุดอย่างว่าง่าย
ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่ได้จ่ายเอง อีกอย่างคุณเอลก็ดูมีความสุขมากด้วย
แน่นอนว่าถ้าฉินอวี่สังเกตเห็น เป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกน้องอีกสามคนจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ของเจ้านาย
เจ้าชายที่แข็งทื่อเย็นชาจนเหมือนหิมะพันปี วัน ๆ เอาแต่ทำงานไม่เคยคิดหาความสุขใส่ตัว วันนี้ได้พบเจอความสุขเพียงหนึ่งเดียวแล้ว แม้มันจะมาจากอมนุษย์ แต่พวกเขากลับรู้สึกขอบคุณเงือกตนนี้จากใจจริง ๆ
หลังจากซื้อเสื้อผ้าเสร็จ ผู้ติดตามสามคนด้านหลังก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นคนแบกหามทันที มือสองข้างหิ้วถุงกันพะรุงพะรัง คาดว่าถ้าไม่ห่วงภาพลักษณ์เจ้าชายพวกเขาก็คงจะใช้ปากคาบไปแล้ว!
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ที่ข้อมือเล็กของฉินอวี่ถูกอีกคนกุมเอาไว้แล้วจูงเดินไปด้วยกัน ดวงตาสีน้ำเงินก้มมองเงียบ ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะดึงออก
พวกเขาเดินมาถึงร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ภายในร้านถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่กลับสัมผัสได้ถึงความหรูหราสุด ๆ
“สวัสดีค่ะท่านเอลเลียส” พนักงานสาวสองคนรีบออกมาต้อนรับพร้อมกับก้มหัวทักทาย
ร้านนี้สมกับเป็นร้านหรู พนักงานถูกอบรมมาอย่างดีเยี่ยม เพราะแม้แต่ฉินอวี่ที่ไม่ได้มีฐานะอะไรและคนติดตามอีกสามคนด้านหลัง พวกเธอก็ก้มหัวทักทายอย่างนอบน้อม
ฉินอวี่รีบก้มหัวกลับ ก่อนจะบิดข้อมือที่ถูกกุมเอาไว้เบา ๆ ปลายนิ้วชี้ไปยังโซฟา “คุณดูไปนะครับ เดี๋ยวผมไปนั่งรอตรงนั้น”
“เธอไม่ต้องไป” เอลเลียสยิ้ม จากนั้นก็เบนสายตาไปยังลูกน้องทั้งสาม “ส่วนพวกนายไปนั่งรอก่อน”
ชายหนุ่มผมทองมองข้อมือที่ถูกกุมเอาไว้อีกครั้ง ก่อนจะเงยขึ้นมองดวงตาสีม่วงตรงหน้า รอยยิ้มกวน ๆ ฉายออกมา “อย่าบอกนะว่าคุณก็จะซื้อพวกนั้นให้ผม”
เอลเลียสพยักหน้า “อืม”
“...” เปย์เกิ๊น!!