‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
“อย่าบอกนะว่าคุณก็จะซื้อพวกนั้นให้ผม”
เอลเลียสพยักหน้า “อืม”
“...” ฉินอวี่พูดไม่ออก รั้งแขนตัวเองเอาไว้สุดชีวิต “ไม่เอาครับ คุณจะมาซื้อให้ผมทำไม”
พนักงานสาวสองคนยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก ส่วนฟินน์กับองครักษ์นั้นหมุนตัวเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างว่าง่าย ทำท่าทางประมาณว่า เชิญตามสบายเลยครับเรื่องนี้พวกผมไม่ยุ่ง อะไรประมาณนั้น
นี่พวกนายจะไม่ตกใจเลยหรือไงกัน!
เอลเลียสขมวดคิ้ว “เธอไม่อยากได้เหรอ”
ฉินอวี่ตอบทันควัน “ไม่ครับ”
แล้วทำไมต้องอยากได้ด้วยล่ะ
ถึงพวกเขาจะรู้จักกันมาสักพักแล้ว ฐานะตอนนี้ก็น่าจะอยู่ในระดับเพื่อน แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาซื้อของแพง ๆ ให้แบบนี้เลย
ลำพังแค่ค่าเสื้อผ้าที่หมดไปเป็นล้านเขาก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว
“ทำไม” หัวคิ้วคมเข้มกดลึกกว่าเดิมอย่างข้องใจ
ฉินอวี่ “ผมสิต้องถามว่าคุณจะซื้อให้ทำไม”
เอลเลียส “ก็ฉันอยากซื้อให้”
ชายหนุ่มสองคนยื้อยุดกันไปมาอยู่ในร้านเครื่องประดับอย่างไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางสายตาคนทั้งร้านรวมถึงลูกค้าคนอื่นที่มองมา ราวกับคู่รักงอนง้อกันยังไงยังงั้น
พนักงานสาวเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ “เอ่อ ถ้าท่านเอลเลียสกับคุณชายท่านนี้ยังตกลงกันไม่ได้ ดิฉันจะขอตัวไปดูแลลูกค้าท่านอื่นก่อนนะคะ”
ทั้งคู่หันมามองหน้าพนักงานพร้อมกัน เอลเลียสรีบพูด “เห็นไหมว่าเขาต้องมารอพวกเรา เพราะเธอดื้อไง”
“ความผิดผมเหรอ” ฉินอวี่เริ่มฉุนขึ้นมา เตรียมจะสะบัดหน้าหนี ทว่าประโยคถัดมาของคุณเอลกลับทำเอาเขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ฉันอยากซื้อให้เธอจริงๆ นะ อยากให้เธอใส่ของที่ฉันซื้อให้”
เงือกมือใหม่ประสานตากับชายหนุ่มตรงหน้า นัยน์ตาสีม่วงมีแต่ความจริงจังไม่มีวี่แววของการล้อเล่นแม้แต่น้อย แก้มขาวเกิดอาการเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“กะ ก็ได้ ถ้าคุณว่าแบบนั้น”
“ก็แค่นี้” เอลเลียสยิ้ม ฉุดมือเงือกน้อยให้เดินตามไปเลือกเครื่องประดับด้วยกัน
บรรยากาศอ่อนโยนแผ่ออกมาจากเจ้าชายอย่างปิดไม่มิด พาให้คนทั้งร้านมองกันตาค้าง
“ไม่คิดว่าท่านเอลเลียสจะเป็นแบบนี้ไปได้” โจ องครักษ์ผู้มีผมและตาสีดำสนิทกระซิบเสียงเบากับอีกสองคน
เบรคซึ่งเป็นองครักษ์อีกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดนี้
ฟินน์นั่งกอดอก ดวงตาหลังเลนส์แว่นมองเจ้านายและเงือกนิ่ง ๆ “หลังจากนี้ก็คงจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้อีก”
ทั้งที่ทุกคนคิดว่าท่านเอลเลียสจะไม่มีวันกลับมายิ้มได้อีกแล้ว ใครจะคิดว่าโชคชะตาดันส่งเงือกตนหนึ่งมาเติมส่วนที่หายไปนี้ให้กลับมาได้
หนึ่งเจ้าชายหนึ่งเงือกเลือกสร้อยกันอยู่นานมาก สุดท้ายฉินอวี่ก็ได้สร้อยคอเส้นเล็กสีเงินประดับด้วยจี้ขนาดเล็ก ตัวจี้ทำจากเพชรทั้งชิ้นแกะสลักเป็นรูปเปลือกหอย เมื่อส่องกระทบกับแสงไฟจะเกิดเป็นประกายแวววาวราวกับหมู่ดาวที่แสนงดงาม
ฉินอวี่ไม่มีความรู้เรื่องเพชรพลอย เขาเพียงแค่เห็นว่ามันสวยและรูปทรงถูกใจเท่านั้น ส่วนราคา...
เขาไม่อยากรู้หรอก กลัวจะนอนไม่หลับเอา
เอลเลียสพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เลือกได้ดี เหมาะกับเธอมาก”
แน่นอนว่าคนกระเป๋าหนักอย่างเจ้าชายลำดับหนึ่งย่อมไม่สนใจราคาเช่นกัน บัตรเครดิตสีดำขอบทองถูกยื่นไปให้พนักงานสาวที่ยิ้มหน้าบานรออยู่แล้ว
หญิงสาวยื่นสองมือไปรับบัตรมา ก่อนจะเสนออย่างเอาใจ เนื่องจากเห็นว่าลูกค้าทั้งสองคนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกัน
“คุณลูกค้าจะไม่รับเพิ่มอีกสักชิ้นเหรอคะ” พนักงานสาวผายมือไปด้านข้างพลางรีบอธิบาย “ดิฉันขอแนะนำเพิ่มเติมนะคะ สร้อยเพชรเปลือกหอยจริง ๆ แล้วมีคู่ของมันด้วยค่ะ ทั่วทั้งโลกนี้มีเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น”
ที่พนักงานแนะนำคือกำไลสีเงินขนาดเล็ก ประดับด้วยจี้เปลือกหอยแบบเดียวกับสร้อยของฉินอวี่ ตัวจี้แกะสลักจากเพชรทั้งชิ้นเช่นกัน แต่ขนาดจี้นั้นเล็กกว่าของสร้อยคอเล็กน้อย
เอลเลียสพยักหน้าอย่างไม่คิดเยอะ “เอาอันนี้ด้วย”
“ขอบพระคุณมากนะคะ เดี๋ยวเชิญท่านทั้งสองมาวัดขนาดทางด้านนี้เลยค่ะ”
หลังจากวัดขนาดเสร็จ พนักงานสาวก็รีบไปหลังร้านเพื่อแก้ความยาวของสร้อยกับกำไลให้พอดีกับลูกค้า ไม่นานเธอก็เดินถือถาดออกมา
“จะใส่ไปเลยหรือจะให้ดิฉันใส่กล่องดีคะ”
ฉินอวี่ “ใส่กล่องก็ได้ครับ”
เอลเลียส “ใส่เลย”
ฉินอวี่หันขวับมองคนจ่ายเงินอย่างพูดไม่ออก “...”
สุดท้ายพวกเขาก็สลับกันสวมให้อีกฝ่าย เอลเลียสยืนด้านหลังของเงือกน้อย มือหนารวบปลายผมสีอ่อนปัดไปไว้ข้างหน้า สร้อยเส้นเล็กกางออกแนบกับลำคอระหง
ฉินอวี่ก้มลงมองสร้อยคอเย็นเฉียบ ผิวด้านหลังคอสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วอุ่นร้อนของอีกคนที่ปัดป่ายไปมาก่อให้เกิดความรู้สึกวูบวาบในอก ซึ่งพาให้เขาไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี
“เสร็จแล้ว ตาเธอใส่ให้ฉันบ้าง” เอลเลียสปัดปลายผมของเงือกน้อยให้กลับคืนเข้าที่ ขาเรียวยาวก้าวมาข้างหน้าก่อนจะหยิบกำไลจากบนถาดมายื่นให้
“ครับ”
ฉินอวี่รับคำพลางก้มหน้าก้มตาใส่กำไลให้อีกฝ่าย ไม่กล้าเงยหน้ามองคุณเอลแม้แต่นิดเดียว ด้วยกลัวว่าฝ่ายนั้นจะเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
เมื่อใส่เรียบร้อย เขาก็รีบหมุนตัวออกไปนอกร้านทันที “กลับกันเถอะครับ นี่ก็จะเย็นแล้ว”
วันนี้พวกเขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการช็อปปิ้ง เรียกได้ว่าซื้อเพลินจนลืมดูเวลากันเลยทีเดียว
ทว่าแค่นี้มันก็น่าจะพอแล้ว…
ฉินอวี่ปรายตามองผู้คนรอบด้าน มีหลายคนที่กำลังทำท่ายกโทรศัพท์ขึ้นมาเนียน ๆ เพื่อแอบถ่ายพวกเขา เห็นได้ชัดว่าภาพกิจกรรมของวันนี้น่าจะถูกถ่ายเก็บเอาไว้หมดแล้ว
เงือกหนุ่มพรูลมหายใจ หวังว่าฉีเฟิงจะเห็นนะ
ระหว่างที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ที่ด้านหลังพลันมีน้ำเสียงขุ่นมัวดังขึ้นมา “เธอเป็นอะไร ไม่อยากได้จริง ๆ เหรอ ถึงได้เดินหนีแบบนี้”
ฉินอวี่สะดุ้งรีบหันไปมองชายหนุ่มด้านหลัง เขาไม่ต้องการให้เอลเลียสคิดมากจึงได้ยอมบอกความจริงออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ถูกคนจ้องตอนสวมสร้อยเยอะขนาดนั้น ผมก็อายนะครับ”
เมฆหมอกที่อยู่ในแววตาสีม่วงสลายหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เอลเลียสส่ายศีรษะ “อายอะไรกัน”
ดีเสียอีก เขาอยากเปิดให้ทุกคนรู้ไปเลย ยิ่งรู้เยอะยิ่งดี
พวกเขาทั้งคู่มีความคิดไปในทางเดียวกัน นั่นก็คืออยากให้เรื่องในวันนี้กลายเป็นที่จับตามอง ทว่าความหมายกลับไปกันคนละทิศละทางอย่างสิ้นเชิง
คนหนึ่งเพื่อปกป้อง ส่วนอีกคนก็เพื่อภารกิจ…
หลังเป้าหมายเสร็จสิ้น ทั้งคณะของเจ้าชายก็ตรงดิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็ว หนนี้ฉินอวี่หลับคอพับไปอีกครั้ง เขามีประสบการณ์จากขามาแล้ว และเพื่อไม่ให้ตัวเองไปทำชุดของคุณเอลยับอีกจึงเอนหัวไปทางกระจกแทน
ดวงตาสีม่วงราวกับอเมทิสต์เหลือบมองเงือกน้อยเงียบ ๆ มือแข็งแกร่งยื่นไปช้อนศีรษะเล็กให้มาพิงไหล่ตัวเอง ก่อนจะวางมือไว้บนไหล่อีกฝ่ายในท่าโอบ แล้วหลับตาลงไปด้วยอีกคน
ฟินน์เหลือบมองผ่านกระจกหลัง ดวงตาสีดำเบนไปสบเข้ากับเบรคที่ทำหน้าที่ขับรถ ไม่มีประโยคใดหลุดออกมาจากปาก แต่พวกเขากลับใจตรงกันอย่างน่าอัศจรรย์
เสียดายที่โจไม่ได้เห็น!
เมื่อก่อน เวลาที่เจ้าชายเอลเลียสออกไปข้างนอกมักจะมีลูกน้องไปด้วยสามคนเสมอ ทุกครั้งจะอาศัยไปด้วยกันในรถหนึ่งคัน แต่พอมีฉินอวี่เข้ามา เพื่อที่ฟินน์จะได้ไม่ต้องไปนั่งเบียดกับเจ้านายสองคนทางด้านหลัง หนึ่งในองครักษ์จึงต้องไปขับรถอีกคันตามหลังแทน และคนที่ต้องแยกตัวออกไปครั้งนี้ก็คือโจผู้เป็นหัวหน้า อีกฝ่ายจึงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพหายากภาพนี้!
เนื่องจากใช้พลังไปกับการเดินช็อปปิ้งทั้งวัน รวมทั้งกินมื้อเย็นจนหนังท้องตึง การนั่งรถขากลับจึงทำให้ฉินอวี่หลับลึกมาก ลึกขนาดที่ว่ามาถึงคฤหาสน์แล้วเขาก็ยังไม่ยอมตื่น
ฟินน์รีบเปิดประตูลงไปจากรถ ทำท่าจะเข้าไปช่วยปลุกฉินอวี่ ทว่ากลับโดนเจ้านายยกมือห้าม “ให้เขานอนเถอะ”
เอลเลียสขยับกายออกจากรถอย่างเงียบเชียบ ก้มลงอุ้มเงือกขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็เดินตรงเข้าบ้านไป
ฟินน์มองตามหลังเจ้านายไปเงียบ ๆ ก่อนจะรีบหันมาพูดกับคนที่เหลือ “พวกเราก็รีบขนของเถอะครับ”
เป็นเพราะหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ฉินอวี่จึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนกลางดึก ทั้งห้องมืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น มือเรียวยื่นไปกดเปิดโคมไฟก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดดูเวลา
ตีสองครึ่ง…
เขาอ้าปากหาวหวอด หยาดน้ำเม็ดกลมใสเอ่อคลอหางตาเล็กน้อย ยกมือขึ้นเกาศีรษะไปมา
“ตื่นตอนนี้แล้วจะได้นอนอีกทีตอนไหนเนี่ย!”
ชุดที่ใส่ยังคงเป็นชุดเดิมกับเมื่อเช้า ฉินอวี่รีบลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำทันที
น้ำอุ่นถูกเติมจนเต็มอ่าง ในขณะที่กำลังแหวกว่ายไปมาด้วยสองขา จู่ ๆ เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าตนเองไม่ได้แปลงเป็นเงือกนานมากแล้ว
“อยากลงทะเลอะ!”
ไม่ได้การล่ะ พรุ่งนี้ยังไงเขาก็ต้องลงทะเลให้ได้ ไม่งั้นในเร็ว ๆ นี้ อาจจะมีศพเงือกตากแห้งเพราะขาดใจตายก็เป็นได้!
หลังอาบน้ำเสร็จ ฉินอวี่เดินไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าโน้ตบุ๊กด้วยดวงตาใสแจ๋ว
ปลายนิ้วกดเปิดแพลตฟอร์มบนดินที่พวกมนุษย์นิยมเล่นกัน ด้านบนมีแฮชแท็กยอดฮิตอยู่หลายอัน โดยลำดับบน ๆ ถูกเหมาไปโดยฉินอวี่และเอลเลียสอย่างที่คาด
#เจ้าชายเอลเลียสยิ้ม
#เจ้าชายลำดับหนึ่งมาเดินห้าง
#หนุ่มน้อยรูปงามข้างกายเจ้าชายคือใครกันแน่!?
ริมฝีปากบางสีแดงสดอมยิ้มออกมา กำลังจะเลื่อนเมาส์คลิกไปแฮชแท็กที่สาม ทว่ากลับไปสะดุดตาเข้ากลับแฮชแท็กด้านล่างอีกอันที่กำลังไต่ระดับความฮิตขึ้นมาเรื่อย ๆ
#คนรักของเจ้าชายเอลเลียส
แฮชแท็กนี้ทำเอาใบหน้าที่กำลังยิ้มของฉินอวี่แข็งค้าง มือหยุดนิ่งราวกับโดนสตาฟ
แท็กนี่มันขึ้นมาได้จังหวะพอดีกับวันที่พวกเขาไปเดินห้างกัน หากจะบอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนอื่นฉินอวี่ก็คิดไม่ออกว่าหมายถึงใคร
คงไม่ใช่...
ทันทีที่คลิกเข้าไป เขาก็ถูกภาพในโพสต์แรกกระแทกหน้าจนปากอ้าค้าง
มันคือภาพตอนที่อยู่ในร้านจิวเวลรี่ ภาพแรก ฝ่ายเจ้าชายกำลังสวมสร้อยให้ชายหนุ่มผมทองด้วยสีหน้าอ่อนโยน ส่วนคนที่ตัวเล็กกว่าก็ก้มหน้าใบหูแดงก่ำแฉความรู้สึกออกมาจนหมดเปลือก
ภาพที่สอง เป็นจังหวะที่ชายหนุ่มผมทองก้มหน้าก้มตาใส่สร้อยข้อมือให้เจ้าชาย แม้จะไม่เห็นสีหน้าของเขาเพราะก้มอยู่ แต่ภาพนี้กลับถ่ายแววตาที่เจ้าชายลำดับหนึ่งมองคนผมทองออกมาได้อย่างชัดเจน
มันเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล…
“…”
[กรี๊ด! อีกฝ่ายเป็นใครเนี่ย หญิงสาวทั่วประเทศแหลกสลายกันหมดแล้ว (กัดผ้าเช็ดหน้า) ]
[ถึงจะเจ็บใจ แต่ต้องยอมรับเลยว่าคนคนนี้หน้าตาดีมากจริง ๆ]
[หล่อมากค่ะ ฮือ อีกคนก็สวยมาก แงงง อิจฉาจนตาลุกเป็นไฟ]
[ในใจฉันก็อยากแสดงอาการโกรธเกรี้ยวออกมา แต่พอเห็นสายตาที่ท่านเอลเลียสมองคนผมทองแล้ว ฉันก็พูดไม่ออก มันละมุนมาก! ถ้ามีคนมามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ฉันจะยอมถวายตัวให้เลย อ๊ะ! แต่ต้องหล่อนะ]
[อยากรู้จังว่าเขาเป็นใคร หน้าตาตรงไทป์ฉันมาก ถึงจะรักท่านเอลเลียส แต่หนุ่มน้อยผมทองก็ทำเอาใจสั่นขึ้นมาเฉยเลย]
[ฮือ เจ้าชายผู้เย็นชามีเจ้าของหัวใจซะแล้ว]
ฉินอวี่อ่านโพสต์ไปก็กัดปากไปจนแทบขาด ใบหน้าเห่อร้อนจนแทบไหม้
ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าน่าจะโดนคนทั้งประเทศรุมสาป แต่กระแสกลับไปในทางบวกมากกว่าที่คิด เห็นได้ชัดเลยว่าแม้ประเทศนี้จะแบนอมนุษย์ ทว่าเรื่องอื่น ๆ พวกเขาก็เปิดกว้างมากทีเดียว
แต่ตอนนี้ช่างหัวเรื่องนั้นก่อนเถอะ!
เขาอุตส่าห์ก้มหน้าหลบเพราะไม่อยากให้คุณเอลเห็นแล้ว ใครจะไปคิดว่าดันถูกถ่ายช็อตนี้เอาไว้ได้ ให้ตายสิ!