“เซเลส”ได้พลีชีพปกป้องกาแล็กซี่ แต่เขากลับตื่นขึ้นมาในโลกใบใหม่ การกลายพันธ์ุ/วิวัฒนการ การใช้ชีวิตหลังเกษียณเขาก็ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอีกหรอ ร่ายกายที่ปวกเปียกนี้คืออะไร กล้ามเขาหายไปไหนหมด!!

ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ! - ตอนที่4 4 โดย Girl obsess @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แอคชั่น,ไซไฟ,เลือดสาด,ตะวันตก,เอาขีวิตรอด,เกิดใหม่ ,นายเอกเก่ง,วันสิ้นโลก,ซอมบี้,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ!

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แอคชั่น,ไซไฟ,เลือดสาด,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เอาขีวิตรอด,เกิดใหม่ ,นายเอกเก่ง,วันสิ้นโลก,ซอมบี้

รายละเอียด

ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ! โดย Girl obsess @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“เซเลส”ได้พลีชีพปกป้องกาแล็กซี่ แต่เขากลับตื่นขึ้นมาในโลกใบใหม่ การกลายพันธ์ุ/วิวัฒนการ การใช้ชีวิตหลังเกษียณเขาก็ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอีกหรอ ร่ายกายที่ปวกเปียกนี้คืออะไร กล้ามเขาหายไปไหนหมด!!

ผู้แต่ง

Girl obsess

เรื่องย่อ

#ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข....ก็บ้าละ!


...


แนะนำเรื่อง




เซเลส จอมพลผู้ยิ่งใหญ่ในวัยเก้าสิบห้าปีที่อยู่ในระหว่างการทำภารกิจครั้งสุดท้ายก่อนปลดเกษียณไปใช้ชีวิตที่สงบสุข กลับต้องมาพลีชีพทำลายดาวฤกษ์ที่พร้อมจะกลายเป็นหลุมดำเขมือบทั้งกาแล็กซี


แต่มันจบแค่นั้นก็ดีสิ! เขาดันกระเด็นมาอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยการกลายพันธุ์และได้ร่างใหม่เป็นเผ่าพันธุ์ที่แสนจะอ่อนแอ โดยที่ไม่รู้เลยว่าการมาของเขานั้นทำให้โลกทั้งใบตกอยู่ในมหันตภัยครั้งใหญ่ เซเลสตื่นขึ้นมาหลังจากหลับใหลไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ คำถามแรกคือ อาวุธของเขาอยู่ไหน?


//////////


เซเลสเดินตรงเข้าไปหาผู้ควบคุมอันดับหนึ่ง"นี่ ขออาวุธฉันคืนได้รึเปล่า? พอดีฉันทำมันหล่น "


ถึงแม้คนตรงหน้าจะไม่ได้อ้าปากพูดสักประโยค แต่เสียงของอีกฝ่ายกลับดังก้องอยู่ภายในหัวของผู้ควบคุมอันดับหนึ่ง


ผู้ควบคุมอันดับหนึ่ง ก้มลงมองคนตรงหน้าที่มีส่วนสูงเท่าหน้าอกของเขาเท่านั้น


เขาตบกระเป๋ากางเกงเบาๆ


"อืม ผมน่าจะลืมมันไว้บนห้อง"


"..." เซเลส


"..." อาวุธ






คำเตือน


เนื้อหามีความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ


....

สารบัญ

ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ!-ตอนที่1 1,ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ!-ตอนที่2 2,ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ!-ตอนที่3 3,ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ!-ตอนที่4 4,ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ!-ตอนที่5 5,ชีวิตหลังเกษียณที่แสนจะสงบสุข...ก็บ้าละ!-ตอนที่6 6

เนื้อหา

ตอนที่4 4


ผ่านมาสองวันแล้วที่เซเลสติดอยู่ที่เมืองนี้ กิจกรรมระหว่างวันของเขาคือการออกไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ เพื่อหาทางออกจากเมือง


เซเลสเข้าไปสำรวจตามตึกต่างๆ และวันนี้เขาเจอเข้ากับแผนที่เมืองตกอยู่ภายในตึกแห่งหนึ่ง


ดูจากแผนที่ เมืองมีลักษณะเป็นเกาะ มีเส้นแม่น้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบและมีสะพานข้ามแค่ทางเดียวเท่านั้น ปัญหาก็คือเขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนของเมือง เขาอ่านตัวหนังสือพวกนี้ไม่ออกสักตัว มีตัวอักษรอยู่สี่ตัว N W E S เขาคิดว่าใช้บอกทิศ ซึ่งตัวอักษร N น่าจะเป็นทิศเหนือ สะพานอยู่ทางทิศเหนือ ถ้าเขาเดินทางตรงไปเรื่อย ๆ เขาก็จะเจอกับสะพาน


ว่าแล้วเซเลสก็ออกเดินทางทันที โดยมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ เขาเลือกที่จะกระโดดข้ามระหว่างตึกแทนการเดินเท้า มันสามารถตัดปัญหาที่จะตามมาได้เยอะมาก เพราะตอนที่เขาออกไปสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ มานั้น มีการปล้นและฆ่ากันระหว่างมนุษย์เกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว


เซเลสใช้เวลาเดินทางจนค่ำมืด เขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง


ตอนกลางคืนมีสิ่งมีชีวิตประหลาดเยอะพอสมควรพวกมันอยู่กันเป็นกลุ่ม แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สิ่งมีชีวิตประหลาดพวกนี้ แต่เป็นพวกมนุษย์ที่อาจจะดักปล้นอยู่ต่างหาก


ระหว่างนั้นเซเลสเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดมีลักษณะที่แตกต่างจากพวกตัวในเมือง เขาต้องการที่จะเห็นลักษณะของพวกมันชัดๆ จึงเดินตรงเข้าไปใกล้แต่พวกมันกลับคลานหนีเขาตลอดเวลา เซเลสจึงกระโดดเข้าไปคว้าคอหนึ่งในนั้นเอาไว้


สิ่งมีชีวิตประหลาดในมือเขา มีลักษณะคล้ายมนุษย์ผิวซีดบางจนเห็นเส้นเลือด ผอมแห้งหนังติดกระดูกและผิวหนังเป็นสีเทา ดวงตาโกนโบ๋ ศีรษะไม่มีผมสักเส้นเดียว มีคราบเลือดแห้งติดอยู่ตามตัว แถมพวกมันไม่ใส่เสื้อผ้ากันเลยสักชิ้น แต่สิ่งมีชีวิตประหลาดนี้มีร่างกายที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา


ฮือ....ฮือ


มันพยายามสะบัดตัวออกจากสิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายด้านหลัง แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะมือที่กำคอของมันไว้เหมือนกับเหล็กหนีบ


สักพักมันก็มีอาการกลัวจนเริ่มตัวสั่นและเกิดอาการชักเกร็ง เซเลสโยนสิ่งมีชีวิตประหลาดในมือทิ้ง เขามองดูรอบๆ เห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดลักษณะแบบเดียวกัน คลานยั้วเยี้ยตามถนน ข้างทาง รอบตัวบ้านก็มีพวกมันเกาะเต็มไปหมด


เซเลสจึงเดินตรงเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่งเพื่อพักผ่อน ก่อนที่จะออกเดินทางอีกทีตอนเช้า


สิ่งมีชีวิตประหลาดที่อยู่ละแวกนั้น ต่างคลานหนีตายกันจ้าละหวั่น




ด้านกลุ่มของแจ็ค


ข้างในบ้านหลังหนึ่งไม่ไกลจากบ้านที่เซเลสอยู่นัก มีมนุษย์สามคนอาศัยอยู่ภายข้างในบ้าน


แจ็ค เอริน อเล็กซ์ พวกเขามองออกไปยังบ้านหลังหนึ่งด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน


“พวกนายเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่า? หรือว่าฉันกำลังตาฝาด” เอรินกะพริบตาไล่ความเหนื่อยล้า


“พระเจ้า!! ผู้ชายคนนั้นจับมิวแทนท์ด้วยมือเปล่า” อเล็กซ์เอ่ยพร้อมทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง


แจ็คยืนมองไปด้านนอกด้วยสีหน้าเครียดภายในหัวเขากำลังประมวลเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างหนัก ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่พวกเขาโดนทั้งมิวแทนท์โจมตี ทั้งโดนโจรปล้น แทบเอาชีวิตไม่รอด อาวุธที่เหลือก็มีแค่ไม้เบสบอลโง่ ๆ เท่านั้น ทำให้พวกเขาต้องระวังตัวยิ่งขึ้น


เมื่อสองวันก่อนพวกเขาออกค้นหาเสบียงได้มากพอสมควรและตกลงกันว่าจะเดินทางกลับฐาน


พอออกเดินทางได้สองวันจึงตัดสินใจหยุดพักที่บ้านหลังนี้เพราะความเหนื่อยล้าในการเดินทาง และหลบซ่อนจากพวกมิวแทนท์ที่ออกล่าเหยื่อตอนกลางคืน


เเละเมื่อกี้นี้เขาเห็นชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ที่ถนน บ้านที่พวกเขาอยู่นั้นไกลจากถนนมาก ทำให้ไม่สามารถเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ชัด ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวมิดชิดด้วยเสื้อผ้าสีดำสนิทไม่มีส่วนไหนโผล่ออกมาเลย มีแค่ครึ่งใบหน้าที่โผล่ออกจากหมวกเสื้อฮู้ดขนาดใหญ่เท่านั้น


สิ่งที่ทำให้แจ็คตกใจยิ่งกว่าเห็นผีคือ ชายคนนั้นเดินตรงไปคว้าคอมิวแทนท์ขึ้นมาตัวหนึ่ง จับมันพลิกซ้ายทีขวาทีทำอย่างกับกำลังเลือกซื้อปลาที่ตลาด เสร็จแล้วก็โยนมันทิ้งแล้วเดินผ่านฝูงมิวแทนท์ที่คลานเต็มพื้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


แถมพวกมิวแทนท์ยังพยายามคลานหนีอีก พวกมันไม่พุ่งเข้าใส่ผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด โดยปกติแล้วพวกมันคงพุ่งเข้าใส่ทันทีเมื่อได้ยินเสียง


ถ้าเป็นพวกเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นคงเหลือแค่ชื่อ


เป็นไปได้ยังไงกันหรือว่าจะเป็นมนุษย์ที่ผ่านการวิวัฒนาการแล้ว แต่ดูจากรูปร่างแล้วก็ไม่น่าใช่


“พวกมันไม่ทำอะไรคนคนนั้นเลย กลับกันมันแทบจะลุกขึ้นมาวิ่งหนีเลยด้วยซ้ำ” แจ็ค


“หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นมนุษย์วิวัฒนาการ?” อเล็กซ์


เอรินหัวเราะเยาะ “เหอะ ไม่มีมนุษย์วิวัฒนาการคนไหนทำแบบนั้นได้นอกจากผู้ควบคุมอันดับหนึ่งหรอกนะ”


“แล้วเธออธิบายได้ไหมล่ะว่าผู้ชายคนนั้นทำแบบนั้นได้ยังไง?” อเล็กซ์


แจ็คขบคิดอยู่สักพักก็พูดขึ้น “ฉันคิดว่าเราควรลองเสี่ยงเข้าไปทักทายเขาดู ถ้าเป็นมนุษย์เราก็ชวนเขาร่วมเดินทางไปกับเราด้วย แต่ถ้าไม่ก็แค่ยิงทิ้ง”


ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือไม่ ถ้าพวกเขาสามารถทำให้อีกฝ่ายยอมเดินทางไปด้วยกันได้ พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องมิวแทนท์อีกต่อไป


“แน่ใจหรือฉันรู้สึกว่าเขาน่ากลัวมาก เมื่อกี้เขาเดินเหมือนลอยได้แหนะ” เอรินกล่าวด้วยความกังวลพลางหันหน้าไปมองอเล็กซ์


อเล็กซ์หยักไหล่ “ฉันได้หมด ยังไงก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว” พลางเลิกม่านและมองออกไปนอกหน้าต่าง “แต่เราจะผ่านมิวแทนท์พวกนี้ไปได้หรือเปล่านี่สิถึงพวกมันจะไม่ได้ไวต่อเสียงมากแต่ก็อันตรายอยู่ดี”


“พวกเราก็แค่ต้องทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด” เอริน


“if we fuck-up just fucking run baby” แจ็คได้กล่าวไว้




ด้านเซเลส


เซเลสหลังอาบน้ำเสร็จก็เดินมาเเต่งตัวที่หน้ากระจก พอได้เห็นร่างใหม่ชัดๆ แล้ว เซเลสยิ้มมุมปากด้วยความภูมิใจ ร่างใหม่ของเขาดูดีมาก เขาสามารถเป็นดาราได้เลย แต่ถ้าเป็นที่ดาวเก่าเขาคงต้องปั้นกล้ามให้มากกว่านี้


ตอนนั้นเองเซเลสก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจนเสียงหลงฟังไม่เป็นภาษาตรงมาบ้านที่เขาอยู่


“เสียงอะไร?” เซเลสพูดออกมาด้วยความสงสัย เขาเดินไปหยิบของทุกอย่างและเดินตรงไปที่หน้าต่าง ภาพที่เซเลสเห็นคือมนุษย์สามคน สะพายสิ่งของพะรุงพะรัง กำลังวิ่งหนีสิ่งมีชีวิตประหลาดมาที่บ้านเขา


เซเลสมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าอึมครึม เขาไม่คิดว่าต้องเจอกับพวกมนุษย์เร็วขนาดนี้


พอคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เซเลสก็ค่อย ๆ พรางตัวเข้าไปในความมืด




ตึง! ตึง! ตึง! โครม!!!


เสียงพังประตูเข้ามาตามด้วยเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาภายในบ้าน


“แฮ่ก แฮ่ก ปิดประตูเร็วๆ เข้า!” อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงหอบหายใจ


“ไม่เป็นไร พวกมันไม่ตามเข้ามาแล้ว” แจ็คมองออกไปนอกประตูที่เปิดอยู่ มิวแทนท์ที่เข้ามาบริเวณนี้มีอาการตัวสั่นมองซ้ายทีขวาทีเหมือนหาอะไรบางอย่างและถอยกลับไป ทำให้บริเวณบ้านหลังนี้ไม่มีพวกมันสักตัว


“ดูเหมือนพวกมันกำลังกลัว” เอริน


“ท่าทางของมันเมื่อกี้เหมือนกับมิวแทนท์ฝูงนั้นเลย” แจ็คพูดในขณะที่ยังจ้องมองมิวแทนท์ด้านนอก


คำพูดนั้นทำให้อเล็กซ์และเอรินหันมามองหน้ากัน พวกเขารู้ทันทีว่าแจ็คหมายถึงอะไร


“ฝูงมิวแทนท์ที่โจมตีเราครั้งแรกสินะ” เอริน


“ใช่” แจ็คพูดพลางชี้ไปที่มิวแทนท์ตัวที่ถอยกลับไปเมื่อกี้


“ตัวนั้นมันวิ่งตามหลังพวกเรามา พอเข้าถึงบริเวณบ้านอยู่ๆ มันก็ตัวสั่น มองซ้าย มองขวาแล้วก็วิ่งหนีออกไป”


จบประโยคนั้นก็เกิดความเงียบปกคลุม ถ้าสิ่งที่พวกเขาคิดเป็นจริงละก็สิ่งที่ทำให้พวกมันกลัว ก็คือ ผู้ชายคนนั้น


“ฉันว่าเรากำลังหนีเสือปะจระเข้” เอรินพูดพลางมองไปรอบๆ บ้าน


“พวกนายคิดว่าเขายังอยู่หรือเปล่า?”


“ยังอยู่สิ บางทีเขากำลังจับตาดูเราอยู่ก็ได้” แจ็คพูดจบก็เดินเข้าไปภายในบ้าน


ภายในบ้านมืดมากมีเพียงแสงดวงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่าง และเงียบมากจนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง พวกเขามองหน้ากันไปมา


ตอนนั้นเองก็มีเงาคนค่อยๆ เดินออกมาจากมุมมืด ทำให้พวกเขาเห็นลักษณะของอีกฝ่ายได้ชัดเจนมากขึ้น พอมองดูใกล้ๆ แล้วเห็นแค่รูปร่างก็รู้เลยต้องหล่อมากแน่ๆ


รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง แต่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้เพราะเงาของหมวกปิดปังใบหน้าไว้จนหมด


ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าอึดอัดแจ็คตัดสินใจเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน


“เอ่อ สวัสดีครับ”


แจ็คสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบทำให้ทั้งสามคนเริ่มเหงื่อออกมือกันเลยทีเดียวแต่จู่ ๆ คนตรงหน้าก็เริ่มเคลื่อนไหว


คนตรงหน้าเอียงศีรษะเล็กน้อย นั้นทำให้แจ็คเขาใจชื้นขึ้น เขาคิดว่าคนตรงหน้าอาจเป็นคนต่างชาติเลยไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูด


แจ็คจึงเปลี่ยนเป็นพูดสวัสดีเป็นภาษาอื่นมากกว่าสิบภาษา แต่อีกฝ่ายก็ยังแสดงท่าทีเหมือนเดิมเขาจึงเปลี่ยนมาใช้ภาษามือแทน


“ผมชื่อแจ็ค นี่อเล็กซ์ นี่เอรินครับ”


เขาชี้นิ้วมาที่ตัวเองและชี้ไปที่อเล็กซ์และเอริน จบประโยคก็ชี้นิ้วไปที่คนตรงหน้า


“แล้วคุณละ?”


“เซเลส”


คนตรงหน้าพูดอย่างช้าๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำ น้ำเสียงเรียบนิ่งทำให้ทุกคนที่ฟังขนลุกพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย


“เอ่อ คุณพูดภาษาเราได้ไหม?” แจ็ค


ผลตอบลัพท์คือความเงียบเช่นเดิม เป็นสัญลักษณ์อย่างดีเลยว่า ฉันไม่เข้าใจ


ระหว่างที่แจ็คกำลังหาวิธีสื่อสารกับอีกฝ่าย แต่คนตรงหน้ากลับยื่นบางอย่างออกมา


มันมีลักษณะเหมือนกระดาษอะไรสักอย่างที่พวกเขาคุ้นเคย แจ็ครับมาแล้วเปิดดู มันคือแผ่นที่เมืองที่มีกากบาทอยู่ที่สะพาน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินทางออกจากเมือง


เห็นดังนั้นแจ็คจึงใช้ภาษามือในการสื่อสารแทน


“พวกเราก็จะไปที่นี่” แจ็คชี้ที่พวกเขาสามคนแล้วชี้ไปที่สะพานในแผนที่


“คุณไปด้วยกันไหมครับ?” แจ็คชี้ต่อไปที่เซเลสแล้วกลับไปชี้ที่แผนที่


เวลาผ่านไปสักพักคนตรงหน้าก็พยักหน้าตกลง