เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง
แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค,ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Soulpolis นครเวหาสมุทรเวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง
ดินแดนแห่งแผ่นสมุทรลอยฟ้าทั้งเจ็ดกับการแสวงหาดวงพลังเออกอนที่มีอำนาจดุจเทพเจ้า ในยุคสมัยที่โลกสร้างนิรันดร์นครในอุดมคติ ด้วยวิทยาการผนึกจิตวิญญาณมนุษย์และสังเคราะห์ร่างอมตะ ทว่าทุกสรรพสิ่งล้วนต้องมีสิ่งชดเชย แล้วสิ่งใดเล่า คือ ค่าตอบแทนของโลกที่มนุษย์ไม่มีวันตาย?!
*ข้อมูลเบื้องต้น : วิทยาการเออกอน
แกนโลก คือ จุดศูนย์รวมพลังงานทั้งหมดของโลกธาตุ ก่อกำเนิดสายธารแห่งพลังหล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งในผืนโลกให้ดำรงอยู่ พลังไหลเวียนออกมาจากแกนโลกและกลับคืนสู่แกนโลก เป็นเช่นนี้ตราบสิ้นอายุขัยของโลกธาตุ
เออกอน คือ ดวงพลังงานธาตุต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อและสามารถดึงพลังจากแกนโลกออกมาได้ มีทั้งหมดสิบธาตุ คือ เตโช (ไฟ) ปฐวี (ดิน) อาโป (น้ำ) วาโย (ลม) โลหิต (สีแดง/สัตว์) โอทาต (สีขาว/วิญญาณ) ปีต (สีเหลือง/โลหะ) นีล (สีเขียว/ไม้) อากาส (ช่องว่าง) และอาโลก (แสงสว่าง)
เบลส์ คือ ผลึกธาตุ เกิดขึ้นจากการตกผลึกของพลังงานธาตุต่าง ๆ ในจุดที่มีพลังงานธาตุนั้นเข้มข้น
เออกอนน่า คือ เออกอนสมานที่สร้างจากการผสานเออกอนตั้งแต่สองธาตุขึ้นไปเพื่อสร้างพลังงานรูปแบบใหม่ เออกอนน่าสร้างพลังงานได้รูปแบบเดียวและไม่สามารถวิวัฒนาการได้แบบเออกอนตามธรรมชาติ
วอลแกน คือ อุปกรณ์ใช้พลังงานจากเออกอน เออกอนน่า หรือเบลส์ มีตั้งแต่วอลแกนขนาดเล็กเช่นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ขนาดกลางเช่นยานพาหนะ ระบบกลไกในอาคาร และขนาดใหญ่เทียมนครที่ใช้ควบคุมธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ วิทยาการนี้ทำให้โซลโพลิสกลายเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองไร้เทียมทานในแผ่นสมุทรทั้งเจ็ด
คราวน์ คือเหล่ามนุษย์อมตะผู้ที่กายร่างถูกสังเคราะห์ขึ้นจากพฤกษาโลก มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์
อ่านฉบับ E-Book ได้ที่ :
ซื้อฉบับเล่มกระดาษ :
https://forms.gle/23am1q6K2qskCu529
“...มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ
น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ...”
มันดาลา
แผ่นสมุทรเทา
ม.ศ. (มณฑลแสงศก) 302
“ทั้งหมดที่ตาลูกเห็น ในอดีตแผ่นดินไร้หมอกปกคลุมคือแผ่นดินของบรรพบุรุษเรา”
“ทั้งหมดนี้เลยเหรอท่านแม่”
อาเธดีส มันดาลา ในวัยสิบสองขวบตาเบิกกว้างประทับใจ ทอดมองทะเลหมอกสีน้ำตาลเพลิงใต้ตะวันเที่ยงแผ่ไกลสุดขอบฟ้า เขากำลังนั่งบน ขอบปราการลอยอยู่หน้าแอรีส ราชินีแห่งมณฑลแสงและประมุขนักรบอัคคี
นางไว้ผมมัดจุกตวัดปลายชี้หน้า ปล่อยปอยผมล้อมกรอบหน้าเรียวสวย อาเธดีสชอบผมทรงนักรบอัคคีของมารดามาตลอด ภูมิใจที่ตนเพิ่งผ่านบททดสอบจนได้เป็นนักรบอัคคีฝึกหัดและจะได้ไว้ผมอันทรงเกียรตินี้ แววตาสีน้ำตาลแดงของแอรีสแลโอรสอย่างอ่อนโยน มือบรรจงจับกรรไกรตัดผมด้านข้างให้
“ลูกอยากกำจัดหมอกชั่วร้ายพวกนี้ให้หมดไปจากโลก”
“หมอกอนธการไม่ได้ชั่วร้ายหรอกนะ ความชั่วร้ายอยู่ตรงนี้ต่างหาก” มารดาวางกำปั้นลงตรงอกของอาเธดีส “กำจัดหมอกร้ายตรงนี้ได้ แล้วค่อยใช้พลังจากมันเอาชนะหมอกข้างนอกนู่น”
“ท่านแม่พูดไม่รู้เรื่อง ในหัวใจจะมีหมอกได้ยังไง” แอรีสหัวเราะเอ็นดู เริ่มตัดผมอีกข้างให้ “ลูกจะใช้อัคคีทำลายพวกอสูรและหมอกธุลีให้หมด พวกเราจะได้กลับไปอยู่บนพื้นดินอีกครั้ง”
“อย่าคะนองนักลูกแม่ จำไว้ว่าไฟให้ได้ทั้งคุณและโทษ หากควบคุมได้ ไฟก็ช่วยชีวิต ให้ความสะดวกสบาย ให้แสงสว่าง แต่ไฟที่ไร้การควบคุม เผาผลาญทำลายทุกสิ่งให้ย่อยยับได้ พินาศแม้กระทั่งตัวผู้ใช้ไฟเอง”
“พลังนี้จงใช้เพื่อพิทักษ์ อย่าใช้เพื่อทำลาย” อาเธดีสย้ำคำที่มารดา พร่ำสอนบ่อย ๆ “ลูกรู้แล้วน่า”
มารดาเขกหัวโอรสเบา ๆ “จำได้กับเข้าใจมันคนละอย่างกันนะจ๊ะ”
ลูกชายปัดมือแม่ออก สองมือลูบหัวตัวเอง “ท่านแม่ยังไม่ได้มัดมวยอัคนีให้ลูกเลย”
“แหม ใจร้อนจริงนะ เพิ่งผ่านบททดสอบมาเมื่อวานจะเป็นนักรบอัคคีเต็มตัววันนี้เลยเหรอ”
“แต่ลูกสอบผ่านด้วยคะแนนสูงสุดเลยนะ” โอรสประท้วง “แถมได้เกราะเพลิงพยนต์เป็นรางวัลเกียรติยศด้วย”
“จะได้” มารดาแก้ “ต่อเมื่อเป็นนักรบฝึกหัดครบห้าปีและได้พิสูจน์ตนว่าคู่ควรแล้วต่างหาก”
อาเธดีสหน้ามุ่ย
“มันดาลาคือผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งไฟและแสงสว่าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเรามีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่นนะ” แอรีสปัดเศษผมให้ลูกรัก แล้วจับปอยผมยาวถักเปียเล็กคาดรอบหัวคล้ายมงกุฎ อันเป็นทรงผมของนักรบอัคคีฝึกหัด “ทุกคนต่างต้องพิสูจน์ตนเองก่อนทั้งนั้นจึงจะได้รับเกียรติยศ”
มารดาหมุนตัวโอรสกลับไปดูเหล่าชาวบ้านที่กำลังปลูกสร้างที่พักอาศัยบนปราการลอย ผู้คนเริ่มมาตั้งรกรากจนที่นี่กลายเป็นหมู่บ้านขนาดย่อม บ้านส่วนใหญ่เป็นกระโจมเรียบง่ายสำหรับกลุ่มผู้บุกเบิก
“แสงชี้นำ ไฟพิทักษ์ ดินสรรค์สร้าง คือสามเสาหลักของมณฑลแสง เราแต่ละคนต่างเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญของสังคม”
บุรุษยืนสูงเด่นท่ามกลางชาวบ้านคือกษัตริย์จิวล์ในอาภรณ์สีแดงทอง กำลังทักทายชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ใจดีและสง่างาม เทพเจ้าบนสรวงสวรรค์เป็นเช่นใด อาเธดีสก็มั่นใจว่าพระบิดาตนเป็นเช่นนั้น
อโลก้า อนุชาตัวน้อยวัยสองขวบที่ดูฉลาดเกินวัย ช่วยหยิบขนมดาวห้าแฉกในถุงย่ามของบิดาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านด้วยใบหน้าอิ่มเอมแจ่มใส ความน่ารักสดใสของเจ้าชายน้อยทำให้เขาเป็นขวัญใจของทุกคน
อาเธดีสยิ้มกว้างให้กับน้องรักที่กวักมือเรียกด้วยขนมทรงดาวเสียบไม้
“ท่านแม่ไปกินขนมกันเถอะ” โอรสดึงแขนมารดา
“ไปเถอะจ้ะพ่อนักรบอัคคีคนเก่ง” มารดายิ้ม “แม่จะตรวจงานก่อสร้างตรงนี้ก่อน”
“ลูกจะช่วยด้วย” อาเธดีสอาสา ใจจริงก็อยากกินขนม แต่คิดว่านักรบอัคคีจะทิ้งหน้าที่ไม่ได้ ต้องอยู่ช่วยงานผู้บังคับบัญชาให้ถึงที่สุดก่อน
“ไปก่อนเถอะจ้ะ ไปทำหน้าที่ปกป้องน้องแทนแม่ด้วย”
อาเธดีสเอากำปั้นกระชับอก “รับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ” ยิ้มกว้างเพราะหาข้ออ้างไปกินขนมได้อย่างสบายใจแล้ว
“จ้า ไปทำภารกิจให้อร่อยนะ”
มารดาจุมพิตที่หัวแต่ถูกลูกรักดันปากออก ปั้นหน้ามุ่ย ประมาณว่า โตแล้วอายคนอื่นเขา แอรีสขำเบา ๆ อาเธดีสละจากมารดาแล้ววิ่งไปหาอโลก้า รับขนมดาวห้าแฉกมากัดเข้าเต็มคำ ยิ้มดื่มด่ำกับความอร่อย แล้วช่วยน้องแจกขนมที่เหลือจนหมดถุงโดยแอบเก็บไว้ให้มารดาหนึ่งไม้ด้วย
“พ่อ มือยักษ์” อโลก้าชี้นิ้วไปยังขอบฟ้า ตาโตตื่นตะลึง
กษัตริย์จิวล์มองตามการชี้นิ้วของโอรสน้อย สีหน้าหวาดผวาสุดขีด รีบดึงโอรสทั้งสองมาอยู่หลังตนแล้วก้าวขึ้นประจัญ “ทุกคนมาอยู่ข้างหลังฉันเดี๋ยวนี้” พระองค์ตะโกนสุดเสียง กางมือขวาที่สวมทองกรผนึกเออกอนอาโลกสร้างบาเรียแสงคุ้มกัน
สึนามิหมอกดำสูงขนาดภูเขาย่อมผุดขึ้นจากทะเลอนธการ ทรงคล้ายฝ่ามือยักษ์ พุ่งเข้ามาด้วยความเงียบกริบ ชั่วพริบตาทั้งปราการลอยก็ปกคลุมด้วยพายุทมิฬ
อาเธดีสกางแขนป้องตัวอนุชาแน่น หลบอยู่หลังบิดา ตาค้างมองนอกม่านแสง ปรากฏเพียงความมืดสนิทที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรุนแรง ไร้สรรพเสียง เขาห่วงมารดาใจแทบขาด อยากวิ่งฝ่าความมืดออกไปช่วย แต่รับบัญชาไว้แล้วว่าจะปกป้องน้องจึงต้องพิทักษ์อโลก้าด้วยชีวิต
กาลผ่านไปนานนับนาที แต่สำหรับอาเธดีสรู้สึกยาวนานตลอดกาล เพราะหวาดกลัวว่ามารดาและชาวบ้านจะเป็นอันตราย กระนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขากับน้องและชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ ทำได้เพียงขดตัวอยู่ภายในบาเรียแสงที่กษัตริย์จิวล์สร้างขึ้น
เมื่อพายุทมิฬสงบลง แสงจากตะวันเที่ยงสาดส่องลงมาราวกับไม่มีเหตุร้ายใดเกิดขึ้น ทว่าสภาพรอบด้านกลับกลายเป็นหมู่บ้านร้าง ข้าวของระเนระนาดเกลื่อนพื้น ผู้คนทั้งหมดสาบสูญ ไร้ร่องรอยของราชินีแอรีส