เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

Soulpolis นครเวหาสมุทร - บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (1/2) โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค,ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soulpolis นครเวหาสมุทร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

ผู้แต่ง

S.T. Ratindh

เรื่องย่อ

ดินแดนแห่งแผ่นสมุทรลอยฟ้าทั้งเจ็ดกับการแสวงหาดวงพลังเออกอนที่มีอำนาจดุจเทพเจ้า ในยุคสมัยที่โลกสร้างนิรันดร์นครในอุดมคติ ด้วยวิทยาการผนึกจิตวิญญาณมนุษย์และสังเคราะห์ร่างอมตะ ทว่าทุกสรรพสิ่งล้วนต้องมีสิ่งชดเชย แล้วสิ่งใดเล่า คือ ค่าตอบแทนของโลกที่มนุษย์ไม่มีวันตาย?!




*ข้อมูลเบื้องต้น : วิทยาการเออกอน


แกนโลก คือ จุดศูนย์รวมพลังงานทั้งหมดของโลกธาตุ ก่อกำเนิดสายธารแห่งพลังหล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งในผืนโลกให้ดำรงอยู่ พลังไหลเวียนออกมาจากแกนโลกและกลับคืนสู่แกนโลก เป็นเช่นนี้ตราบสิ้นอายุขัยของโลกธาตุ


เออกอน คือ ดวงพลังงานธาตุต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อและสามารถดึงพลังจากแกนโลกออกมาได้ มีทั้งหมดสิบธาตุ คือ เตโช (ไฟ) ปฐวี (ดิน) อาโป (น้ำ) วาโย (ลม) โลหิต (สีแดง/สัตว์) โอทาต (สีขาว/วิญญาณ) ปีต (สีเหลือง/โลหะ) นีล (สีเขียว/ไม้) อากาส (ช่องว่าง) และอาโลก (แสงสว่าง)


เบลส์ คือ ผลึกธาตุ เกิดขึ้นจากการตกผลึกของพลังงานธาตุต่าง ๆ ในจุดที่มีพลังงานธาตุนั้นเข้มข้น


เออกอนน่า คือ เออกอนสมานที่สร้างจากการผสานเออกอนตั้งแต่สองธาตุขึ้นไปเพื่อสร้างพลังงานรูปแบบใหม่ เออกอนน่าสร้างพลังงานได้รูปแบบเดียวและไม่สามารถวิวัฒนาการได้แบบเออกอนตามธรรมชาติ


วอลแกน คือ อุปกรณ์ใช้พลังงานจากเออกอน เออกอนน่า หรือเบลส์ มีตั้งแต่วอลแกนขนาดเล็กเช่นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ขนาดกลางเช่นยานพาหนะ ระบบกลไกในอาคาร และขนาดใหญ่เทียมนครที่ใช้ควบคุมธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ วิทยาการนี้ทำให้โซลโพลิสกลายเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองไร้เทียมทานในแผ่นสมุทรทั้งเจ็ด


คราวน์ คือเหล่ามนุษย์อมตะผู้ที่กายร่างถูกสังเคราะห์ขึ้นจากพฤกษาโลก มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์




อ่านฉบับ E-Book ได้ที่ :

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiODg0MTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MTgwOSI7fQ


ซื้อฉบับเล่มกระดาษ :

https://forms.gle/23am1q6K2qskCu529


สารบัญ

Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-ภาคผนวก วอลแกนสำคัญของลินด์บลูม,Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๔ โซลโพลิส (1/1),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๖ คราวน์ (1/2)

เนื้อหา

บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (1/2)

นักผจญสมุทร




แผ่นสมุทรน้ำเงิน

ปี 1625





ม่านฝนถาโถม ฟ้าดำเมฆทมิฬ พายุคลั่งกรีดร้อง คลื่นทะเลอัดปะทะห่าพิรุณไร้สิ้นสุด วูบวาบแสงฟ้าฟาด ฟ้าผ่ากัมปนาทร่วมจังหวะบรรเลงจากสรรพทิศ มั่นคงสงบ ณ กึ่งกลางอภิวายุคือโดมแสงครอบฟ้าของมหานครแห่งสายฝน ลินด์บลูม


เด่นเหนือกลางมหาโดมปรากฏหอคอยลักษณะคล้ายประภาคาร ทรงบิดเกลียวดุจพายุหมุน ผิวหอคอยระยิบระยับด้วยเกล็ดผลึกเบลส์วาโยแสงสีเขียวจรัส ยอดสุดของมันคือห้องกำแพงแก้วส่องสว่าง


เรลีน ไรโอแนคซ์ เด็กหญิงตัวเปียกโชกแนบกายอยู่กับระเบียงนอก ห้องแก้ว หลับตาพริ้ม กางแขนทั้งสองข้างออกรับมวลฝนที่ระดมถาโถมเข้ามา สูดกลิ่นทะเลและลมคลั่ง ปล่อยใจล่องลอยไป


“ฉันคือสายฝน ฉันคือคลื่นทะเล ฉันคืออิสรภาพที่อยู่เบื้องหลังพายุนั่น” เธอพร่ำร้องเป็นจังหวะทำนอง


“และฉันก็คือน้องชายตัวเปียกโชกที่กำลังกลัวแทบตายอยู่ข้างหลังนี่”


“แร็ก” เรลีนหันกลับไปยิ้มกว้างให้กับน้องชายที่ยืนตัวเปียกสีหน้าไร้อารมณ์ “นายมาได้จังหวะพอดี ฉันมีแผน...”


แร็กชี้ไปที่หูว่าฟังไม่รู้เรื่องแล้วดึงตัวพี่สาวเข้ามาในห้องแก้ว เมื่อประตูปิดสนิทสรรพเสียงภายนอกก็ถูกตัดขาดทันที เหลือเพียงภาพพายุคลั่งเบื้องหลังกำแพงแก้ว


“ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ถึงชอบมาที่น่ากลัวและอันตรายสุด ๆ แบบนี้”


“เพราะมันเป็นของจริงไง ท้องฟ้าจริง ๆ ไม่ใช่ของปลอมสดใสที่อยู่ข้างล่างนั่น” เด็กหญิงบุ้ยหน้าถอนใจ “เอาเถอะ ยังไงนายก็ไม่เข้าใจหรอก เรื่องสำคัญก็คือพรุ่งนี้ฉันจะออกผจญสมุทรไปกับบาบา เพื่อค้นหาสุดยอดเออกอนมากำจัดพายุบ้านี่ให้สูญสลายไปตลอดกาล” เธอชี้มือเด็ดขาดไปยังพายุคลั่ง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมุ่งมั่นเป็นประกาย


แร็กอ้าปากค้าง ขมวดคิ้วจ้องเรลีนด้วยดวงตาพิศวง “ไม่จริงมั้ง พ่อคงไม่ได้อนุญาตให้พี่ไปกับบาบาหรอก”


“พ่ออนุญาตน่ะหรือ ให้ลิงออกลูกเป็นวาฬยังจะง่ายซะกว่า” เด็กหญิง ยิ้มมุมปาก เชิดจมูกอย่างวางท่า หัวเราะหึ “พ่อห้ามไป แต่ว่าพ่อไม่ได้ห้ามฉันขึ้นเรือนี่”


“อย่าบอกนะว่าพี่-”


เรลีนกอดคอน้องชายแน่น “และนายก็ต้องช่วยฉันด้วยโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น”



*



เที่ยงวันรุ่งขึ้น ณ ท่าเรือท่องบาดาลที่ตั้งอยู่ภายในโดมวารีกลีบเหนือของมหานครลินด์บลูม ชาวบ้านนับพันมารวมตัวกันเพื่ออำลากัปตันออลันด์ ไรโอแนคซ์ ตำนานที่มีชีวิต วีรบุรุษที่เหล่าปวงประชาเทิดทูนดุจเทพเจ้า


คราวน์ในวัย 1,645 ปีผู้นี้ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าฝูงชน ร่างสูงใหญ่เหนือทุกคนกว่าสองช่วงหัว ในชุดเสื้อคลุมหนังปกกว้างสีแดงสดลวดลายปีกเดี่ยวทองคำกลางแผ่นหลัง ดวงหน้าคมสง่าดุจเทวรูปโบราณที่แกะโดยช่างสลักผู้สะเพร่าเพราะมากด้วยริ้วคลื่นและรอยบากหลายสิบแห่ง ผิวน้ำตาลแดงคล้าย สีเปลือกไม้ในฤดูร้อน ผมน้ำเงินเข้มโค้งยาวราวคลื่นสมุทร นัยน์ตาฟ้าสว่างโรจน์เปี่ยมล้นด้วยพลังชีวิต


“ต้องไปกะทันหันแบบนี้เลยหรือครับ” เรนาร์ด ชายหนุ่มร่างเพรียวผู้ซ่อนแววตาจริงจังอยู่หลังแว่นเอ่ยขึ้น


“โยฮันน้อยว่าธารบาดาลทองคำเปิดแล้ว พลาดวันนี้อาจต้องรออีกถึงยี่สิบปี” ออลันด์กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวาน


“ยี่สิบปีคงเป็นเพียงชั่วอึดใจของบาบา แต่สำหรับพวกผมเท่ากับหนึ่งในห้าของชีวิตเลยนะครับ”


“เวลาอำลาบาบาเรเขาก็จะกลับเป็นเด็กน้อยทุกทีค่ะ” คอนชะ ภรรยาสาวร่างอวบของเรนาร์ดเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส บาบาคือคำเรียกบรรพบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่


“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่เป็นห่วงเรลีน เธอก็รู้ว่าแกติดบาบามาก” เรนาร์ดรีบปฏิเสธ “แกมาขอผมว่าต้องอนุญาตให้แกไปกับบาบาให้ได้เลยครับ”


“แล้วเจ้าให้ไปรึเปล่าเล่า”


เรนาร์ดนิ่งอึ้งกับคำถาม “ก็ต้องไม่น่ะสิครับแกเพิ่งจะอายุสิบขวบเองนะ”


ออลันด์หัวเราะใหญ่ “นั่นสิ ข้าก็ลืมไป เด็กน้อยคนนี้ดูจะมีเลือดผจญภัยเข้มข้นเกินมนุษย์สามัญหลายเท่านัก”


“จะเข้มข้นอย่างไร ก็ยังเป็นแค่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อยู่นะครับ”


บาบาปั้นหน้าขรึม “ลูกนกเมื่อถึงวันที่ปีกแข็งแกร่งแล้ว พ่อแม่ก็ต้องปล่อยให้มันโผบินไปในวิถีของตนเอง นี่เป็นอีกบทเรียนที่สำคัญของพวกเจ้าในอนาคต”


“เจ้าค่า แต่วันนี้พวกเราขอทะนุถนอมนกน้อยขนปุยตัวนี้ไปก่อนนะคะ” คอนชะยิ้มยิงฟัน


ออลันด์หัวเราะชอบใจ แย้มมองด้วยสายตาเอ็นดู “มีความสุขกับปัจจุบัน ต้องให้มันได้แบบนี้สิ”


เสียงหวูดโฮกดังขึ้น เจ้าของเสียงคือเต่าทะเลยักษ์โยฮันดาที่มีขนาดตัวใหญ่เทียมเรือ มันชูคอสีเขียวครามขึ้นจากกระดองตะปุ่มตะป่ำที่มีขนาดสูงพิลึก สังเกตดี ๆ จึงเห็นว่า ส่วนยอดมีหลังคาทรวดทรงสีสันสมานเป็นหนึ่งกับกระดองเต่า สีน้ำตาลดำ


มันคือยานพาหนะท่องบาดาลของกัปตันออลันด์และลูกเรือ ไม่ใช่เรือท่องบาดาลสามัญไร้ชีวิตทั้งหลายที่เทียบท่าอยู่และล่องไปได้เพียงธารบาดาลเชื่อมแผ่นดิน โยฮันดาสามารถท่องไปได้ทุกหนแห่งใต้มหาสมุทรไพศาล ตราบใดที่พลังของผู้ผจญสมุทรนั้นแข็งแกร่งเพียงพอ


“เจ้าเต่าน้อย เร่งเสียจริงนะ ข้ากำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ออลันด์หันไปหาแร็กที่กำลังยืนตาค้างเหม่อมองห้องโดยสารบนกระดองเต่ายักษ์ “เรลีนล่ะไม่ได้มาด้วยกันรึ”


“แร็ก บาบาถามลูกอยู่นะ” คอนชะสะกิด ทำเอาเด็กชายสะดุ้งโหยง


“นั่นน่ะสิครับ พี่เขาจะไปอยู่บนกระดองเต่าได้ยังไงล่ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะแหะ ๆ


“เจ้าเด็กประหลาด” เรนาร์ดเอ็ด “แกคงประท้วงผม เลยหนีไปอยู่คนเดียวบนหอคอยจ้าวพายุครับ”


“น้อยใจจนถึงขนาดไม่มาส่งบาบาเลยหรือคะ นี่ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีถึงจะ ได้เจอกันอีก”


ออลันด์หลับตาพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าเข้าใจ “เอาล่ะ ถึงเวลาต้องไปแล้ว”


คอนชะยื่นตะกร้าปิ่นโตใบยักษ์ให้กับกัปตันพร้อมรอยยิ้มกว้าง “แซนด์วิชสูตรพิเศษประจำตระกูล หนูทำสุดฝีมือเลยนะคะ”


ออลันด์รับปิ่นโตยักษ์มาด้วยมือข้างเดียว เมื่ออยู่ในมือมนุษย์โบราณมันก็ดูเล็กเท่าปิ่นโตทั่วไป “นี่สิ สิ่งมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของลินด์บลูม เจ้าหนูเรนาร์ดช่างไม่รู้เลยว่าตนเองโชคดีปานไหน”


คอนชะยิ้มแก้มปริ “ประสาทลิ้นของเรเขาไม่ต่างจากวัวหรอกค่ะ กินอะไรก็เหมือนกันหมด แต่ว่าบาบาห้ามแอบกินคนเดียวหมดนะ หนูทำมามากเป็นพิเศษเผื่อลูกเรือทุกคนด้วย”


ภายในหีบสัมภาระอันมืดอับ เรลีนแนบตัวนิ่งอยู่กับกองผ้าและพยายามหายใจให้บางเบาที่สุด คำอุทานพิลึกพิลั่นของแร็กทำเอาเธอถึงกับเหนื่อยใจ


ถ้ารู้ว่าเจ้าแร็กจะซื่อบื้อขนาดนี้ เราคงหาทางแอบเข้ามาในนี้เองโดยไม่ขอให้มันช่วย


เธอเงี่ยหูฟังสรรพเสียงภายนอก เสียงอำลาของออลันด์ เสียงอึกทึกของมวลชน เสียงอวยพรของชาวบ้าน และเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ ตะโกนขอให้กัปตันนำของฝากสุดวิเศษต่าง ๆ นานามาในครั้งหน้า


บาบากำลังมาแล้ว


เด็กหญิงใจเต้นระทึกตึกตัก มองลอดผ่านรูกุญแจ ภายในห้องโดยสารหกเหลี่ยมเส้นผ่าศูนย์กลางกว่ายี่สิบก้าวนี้มีเพดานสีน้ำตาลสว่างเข้าทรงกระดองเต่า ผนังมั่นคงแต่ละด้านเป็นแก้วหนาใสมองเห็นทิวทัศน์ภายนอก แต่จากภายนอกจะเห็นเพียงแก้วผลึกสีดำกลมกลืน เหลี่ยมห้องด้านหน้ากั้นไว้สำหรับต้นหน เหลี่ยมหลังกั้นเป็นห้องน้ำ พื้นปูด้วยพรมกำมะหยี่สีเลือดหมูใหม่เอี่ยมที่เรนาร์ดจัดหาให้เป็นของขวัญ


กึ่งกลางห้องมีเสาวอลแกนมั่นคง ผิวเสาบิดเป็นเกลียว เนื้อเสาถักทอจากเส้นใยที่แข็งปานเหล็กกล้า มันคือศูนย์รวมพลังงานของยาน บริเวณกลางเสามีสามช่องใส่เออกอนเรียงตั้ง รูล่างมีดวงแสงสีส้มรัศมีไฟฟ้า รูบนมีดวงใสรวมแสงทองเจิดจ้ากึ่งกลาง รูกลางว่างเปล่า


เรลีนจำได้ว่าคุณพ่อเคยอธิบายให้ฟังว่าวอลแกนคืออุปกรณ์ดึงพลังงานจากเออกอน เออกอนน่า หรือเบลส์ออกมาใช้ ส่วนลูกแก้วที่ติดอยู่ในเสาวอลแกนนั้นก็คือเออกอนน่าที่สร้างขึ้นโดยน้ำมือมนุษย์


พ่อเคยบอกว่าเออกอนน่าแต่ละดวงเหล่านั้นเรียกว่าอะไร ให้พลังงานอะไร และมีองค์ประกอบธาตุอะไรบ้าง ซึ่งเธอก็ลืมมันหมดทันทีที่คุณพ่อพูดจบ เธอรู้แค่ว่าเออกอนน่าเหล่านี้ทำให้เต่ายักษ์โยฮันดากลายเป็นเรือท่องบาดาลที่เจ๋ง เร็วปานสายลม และแข็งแกร่งไร้เทียมทาน


ความเงียบกดดันอึดอัด กว่าครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาลูกเรือสามคนที่อยู่ในนี้ทักกันไม่ถึงสิบคำ หน้าห้องต้นหนมีหนุ่มอ้วนประหลาดในชุดใหญ่เทอะทะ หน้าอ่อนวัยเหมือนเด็กน้อยแต่กลับไว้หนวดเคราเฟิ้มยาวถึงอก สวมที่ครอบหูสีส้มอันเบ้อเร่อ ตีมือเคาะจังหวะอยู่ในโลกส่วนตัว


ส่วนข้างเสาวอลแกนก็มีพี่สาวรูปงามหน้านิ่งราวตุ๊กตา ผมดำขลับเข้าทรงกับดวงหน้าใสเนียนไร้ที่ติ ชุดผ้าไร้รอยยับขับเน้นทรวดทรงอวบอิ่มดูสมบูรณ์แบบเกินมนุษย์มนา


ส่วนลูกเรือคนสุดท้ายที่กำลังยืนเหม่อมองฟ้าจำลองภายนอกผนังแก้วอย่างเพ่งพินิจ คือ อมนุษย์อังการ์ร่างเพรียว สูงเหนือมนุษย์ทั่วไป ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยผิวสีครามที่เต็มไปด้วยลวดลายเขียวเข้มเคลื่อนไหวตลอดเวลาดุจคลื่นสมุทร กลางแผ่นหลังดู ๆ ไปคล้ายดวงตาที่กำลังจ้องเขม็ง ทำเอาเรลีนหายใจเฮือก รีบเบนหน้าหนี


ในที่สุดกัปตันออลันด์ก็เข้าสู่ห้องโดยสาร เหล่าลูกเรือทั้งสามมา รวมตัวกันที่กลางห้อง ลินดา สาวหน้าสวยสรุปความพร้อมของยานโดยสารให้กัปตันฟังอย่างละเอียด ฮูน หนุ่มอ้วนเครายาวรับคำสั่งไปประจำห้องต้นหน


เรลีนถอนใจโล่งอก เท่ากับว่าเธอทำสำเร็จ ที่เหลือก็รอเวลาให้โยฮันดาเคลื่อนผ่านธารบาดาลทองคำซึ่งเป็นจุดยากหวนกลับ ถึงตอนนั้นเมื่อเธอ ปรากฏตัว บาบาก็ต้องจำยอมให้เธอร่วมผจญสมุทรไปด้วยอย่างแน่นอน