เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

Soulpolis นครเวหาสมุทร - บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (2/2) โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค,ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soulpolis นครเวหาสมุทร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

ผู้แต่ง

S.T. Ratindh

เรื่องย่อ

ดินแดนแห่งแผ่นสมุทรลอยฟ้าทั้งเจ็ดกับการแสวงหาดวงพลังเออกอนที่มีอำนาจดุจเทพเจ้า ในยุคสมัยที่โลกสร้างนิรันดร์นครในอุดมคติ ด้วยวิทยาการผนึกจิตวิญญาณมนุษย์และสังเคราะห์ร่างอมตะ ทว่าทุกสรรพสิ่งล้วนต้องมีสิ่งชดเชย แล้วสิ่งใดเล่า คือ ค่าตอบแทนของโลกที่มนุษย์ไม่มีวันตาย?!




*ข้อมูลเบื้องต้น : วิทยาการเออกอน


แกนโลก คือ จุดศูนย์รวมพลังงานทั้งหมดของโลกธาตุ ก่อกำเนิดสายธารแห่งพลังหล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งในผืนโลกให้ดำรงอยู่ พลังไหลเวียนออกมาจากแกนโลกและกลับคืนสู่แกนโลก เป็นเช่นนี้ตราบสิ้นอายุขัยของโลกธาตุ


เออกอน คือ ดวงพลังงานธาตุต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อและสามารถดึงพลังจากแกนโลกออกมาได้ มีทั้งหมดสิบธาตุ คือ เตโช (ไฟ) ปฐวี (ดิน) อาโป (น้ำ) วาโย (ลม) โลหิต (สีแดง/สัตว์) โอทาต (สีขาว/วิญญาณ) ปีต (สีเหลือง/โลหะ) นีล (สีเขียว/ไม้) อากาส (ช่องว่าง) และอาโลก (แสงสว่าง)


เบลส์ คือ ผลึกธาตุ เกิดขึ้นจากการตกผลึกของพลังงานธาตุต่าง ๆ ในจุดที่มีพลังงานธาตุนั้นเข้มข้น


เออกอนน่า คือ เออกอนสมานที่สร้างจากการผสานเออกอนตั้งแต่สองธาตุขึ้นไปเพื่อสร้างพลังงานรูปแบบใหม่ เออกอนน่าสร้างพลังงานได้รูปแบบเดียวและไม่สามารถวิวัฒนาการได้แบบเออกอนตามธรรมชาติ


วอลแกน คือ อุปกรณ์ใช้พลังงานจากเออกอน เออกอนน่า หรือเบลส์ มีตั้งแต่วอลแกนขนาดเล็กเช่นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ขนาดกลางเช่นยานพาหนะ ระบบกลไกในอาคาร และขนาดใหญ่เทียมนครที่ใช้ควบคุมธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ วิทยาการนี้ทำให้โซลโพลิสกลายเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองไร้เทียมทานในแผ่นสมุทรทั้งเจ็ด


คราวน์ คือเหล่ามนุษย์อมตะผู้ที่กายร่างถูกสังเคราะห์ขึ้นจากพฤกษาโลก มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์




อ่านฉบับ E-Book ได้ที่ :

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiODg0MTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MTgwOSI7fQ


ซื้อฉบับเล่มกระดาษ :

https://forms.gle/23am1q6K2qskCu529


สารบัญ

Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-ภาคผนวก วอลแกนสำคัญของลินด์บลูม,Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๔ โซลโพลิส (1/1),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๖ คราวน์ (1/2)

เนื้อหา

บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (2/2)

เสียงหวูดแหลมเล็กของพญาเต่าลั่นขึ้นกะทันหัน ทำเอาเรลีนสะดุ้งจนหัวกระแทกฝาหีบ เธอรีบเอามืออุดปาก กลั้นใจ หวังว่าคงไม่มีใครจับพิรุธเสียงได้


ต้นหนเรือเดินอุ้ยอ้ายออกมาจากห้อง เสียงที่เล็กเหมือนเด็กชายเอ่ยว่า “ปู่โยฮันบอกว่ามีผู้โดยสารเกินมาหนึ่งคนครับ”


ชาวอังการ์ยักไหล่อย่างรู้อยู่แล้ว ส่วนลินดาก็เอ่ยนิ่ง ๆ ว่า “เขารู้กันทั้งเรือแล้วค่ะ มีแต่คุณคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง”


“เส้นทางอันตราย ให้เด็กน้อยไปด้วย กัปตันไม่ควร” ชาวอังการ์กล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก


“ตามหลักการแล้ว หากเด็กพิสูจน์ตนว่าสามารถพอด้วยการแอบขึ้นเรือได้สำเร็จคงจะให้ไปด้วยได้ค่ะ แต่นี่หลอกได้เพียงคุณบิ๊กฮูนคนเดียวถือว่าไม่ผ่านคุณสมบัติค่ะ”


“เฮ้ ผมไม่เกี่ยวสักหน่อย” บิ๊กฮูนรีบแย้ง “ปู่กับผมถือว่าเป็นคนเดียวกัน ปู่รู้ก็หมายความว่าผมรู้นั่นแหละ”


“ข้อโต้แย้งสมเหตุผล สรุปว่าแอบได้ศูนย์คน คุณสมบัติในการท่องสมุทรจึงมีเพียงศูนย์เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถให้ออกเดินทางไปด้วยกันได้ค่ะ” ลินดาสรุปด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้สีหน้า


กัปตันออลันด์หลับตาส่ายหัวเบา ๆ เหล่มองไปยังหีบสัมภาระ แล้วทุกสายตาก็จับจ้องไปยังจุดนั้น


“ออกมาได้แล้วเจ้าตัวเล็ก”


เรลีนถอนหายใจหนักอย่างช่วยไม่ได้ แง้มเปิดฝาหีบแล้วค่อย ๆ ไต่ลงจากกองสัมภาระ เดินก้มหน้าร้อนผ่าวเข้าไปช้า ๆ กำมือเกร็งแน่น ในใจระดม หาเหตุผลโน้มน้าวให้บาบายอมพาเธอไปด้วยให้ได้


เราจะไม่มีวันยอมลงจากเรือเด็ดขาด


เธอหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้ากัปตันร่างยักษ์ ตั้งสติ สูดหายใจลึก แล้วเงยขึ้นมองตรงเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสว่างของออลันด์ นัยน์ตาสีน้ำเงินดำของเด็กหญิงเปี่ยมพลังมุ่งมั่น


“ไม่ได้เด็ดขาด”


ออลันด์กล่าวเสียงเรียบก่อนที่เด็กหญิงจะทันเปิดปาก ราวกับ ปราสาทแห่งความฝันพังทลายในพริบตา น้ำตาเอ่อล้นและไหลบ่าลงจากดวงตาของเรลีนทันที เธอรู้จักบาบาดี การตัดสินใจของเขามั่นคงดุจขุนเขามิอาจเปลี่ยนแปลงได้อีก


ออลันด์ย่อตัวลงนั่งหน้าเด็กหญิง ลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน “บาบาไม่เคยสอนให้เจ้าเป็นเด็กที่เห็นแก่ตัวนะ ถ้าหนีไปแบบนี้พ่อแม่จะเสียใจปานไหน”


เรลีนปาดน้ำตา อั้นเสียงสะอื้น “หนูไม่ได้เห็นแก่ตัวนะ”


“เจ้าอยากออกผจญสมุทรไปกับข้า ก็เพราะอยากสนุกมิใช่รึ”


เด็กหญิงผงกหัว กัดริมฝีปาก ก่อนจะส่ายหน้ารุนแรง “ไม่ใช่เพราะสนุกอย่างเดียว หนูอยากหาเออกอนที่ทรงพลังมาก ๆ มาหยุดพายุลูกนี้ให้หายไปตลอดกาล” ก้มหน้าในความเงียบอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยเสียงอ่อยว่า “ถึงแม้ทุกคนจะหัวเราะเยาะหนูแล้วบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่หนูแค่คิดว่าถ้าพายุที่น่ากลัวนี้หายไป ทุกคนก็คงจะมีความสุขกันมาก”


ออลันด์ใช้นิ้วปาดน้ำตาให้เด็กน้อย มองตรงเข้าไปในดวงตาคลอน้ำคู่นั้น “ที่นี่ไม่มีใครเย้ยฝันอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ดอก”


“วอลวาโวคา” ชาวอังการ์เอ่ยเสียงทุ้มลึก ก้มหัวเอามือแตะหน้าผาก “ความนับถือ ขอมอบให้ แด่ผู้หมายปองสมบัติของพระผู้สร้าง”


“หนึ่งในเจ็ดเออกอนพระเจ้าที่มีพลังควบคุมดินฟ้าอากาศเท่านั้น จึงมีอำนาจหยุดมหาวายุลูกนี้ได้ มันคือสุดยอดมหาสมบัติที่แม้แต่คราวน์ผู้ทรงพลังที่สุดในโซลโพลิสก็ยังไม่สามารถพิชิตได้ค่ะ” ลินดาอธิบาย


“แม้แต่บาบาหรือคะ”


ออลันด์เอานิ้วแตะหน้าผากเด็กหญิงอย่างเอ็นดู “ถ้าบาบาพิชิตสมบัติทั้งหมดในแผ่นสมุทรทั้งเจ็ดแล้ว จะเหลือสมบัติใดให้เจ้าได้พิชิตอีกเล่า”


เด็กหญิงยิ้มกว้าง แสงแห่งความหวังลุกโชนในหัวใจ “หมายความว่าบาบาให้หนูไปด้วยแล้ว”


“ไม่” สิ้นคำออลันด์ น้ำตาของเด็กหญิงก็ไหลออกมาอีกระลอก “สำหรับวันนี้ แต่วันหน้าหากเจ้าพิสูจน์ตนจนได้รับเลือกเป็นคราวน์ ข้าจะมารับเจ้าเป็นลูกเรือด้วยตนเองเลย”


คราวน์คือจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มนุษย์ที่ได้รับการยอมรับจากปัญญาศูนย์รวมเท่านั้น จึงจะได้รับมอบพลังเพื่อปรับร่างกายให้เป็นคราวน์ผู้มีอำนาจดุจเทพเจ้าและมีชีวิตเป็นอมตะ


ทว่าทรัพยากรในการสร้างคราวน์นั้นมีค่าควรเมือง ในแต่ละปีจากทั้งอาณาจักรจะมีผู้ได้รับเลือกเป็นคราวน์เพียงหนึ่งถึงสามคนเท่านั้น จนเป็นที่เข้าใจตรงกันว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ทั่วไป


“แล้วถ้าหนูทำไม่สำเร็จล่ะ” เรลีนปาดน้ำตา ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“คำถามไม่ใช่ทำได้รึไม่ได้ จะสำเร็จรึไม่สำเร็จ แต่อยู่ที่ว่าได้ลงมือทำสุดหัวใจแล้วรึยัง หากได้ลงมือทำสุดหัวใจจริงแล้ว ผลลัพธ์ย่อมดีที่สุดเป็นแน่”


“ลงมือทำสุดหัวใจ” เรลีนเอ่ยย้ำคติประจำตระกูลไรโอแนคซ์ คาถาแห่งความสำเร็จที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น


“เลือดของบาบานี้” ออลันด์เอามือทาบหน้าอกตนแล้วชี้อีกมือตรงไปที่กลางอกของเด็กหญิง “ไหลเวียนอยู่ในกายเจ้า” คำกล่าวนี้ของต้นบรรพบุรุษทำให้ เรลีนผู้เป็นทายาทรู้สึกอบอุ่นหัวใจ “จงตระหนักในสัจจะนี้ ว่าเจ้ามีความพิเศษเหนือปุถุชนใด”


กัปตันลุกยืนขึ้นช้า ๆ จับไปที่เข็มขัดหนังสีดำเส้นหนามีช่องเรียงรายตลอดสาย แต่ละช่องมีอัญมณีส่องแสงสุกสว่างหลากสีสัน ที่หัวเข็มขัดมีลูกแก้วแสงฟ้าวาว


ออลันด์บรรจงแกะมันออกด้วยมือขวา ชูขึ้นในระดับสายตา เพชรหัวแหวนสีแดงจรัสบนนิ้วกลางมือซ้ายเปล่งออร่าวูบวาบ เขากรีดมือวาดแสงออกเป็นสร้อยหวาย แล้วร้อยติดลูกแก้วลงไปอย่างชำนาญ จากนั้นจึงย่อตัวและคล้องมันลงที่คอของเรลีนอย่างอ่อนโยน


“ไข่มุกแห่งนภาดวงนี้ บาบามอบให้เจ้า”


เรลีนหยิบดวงไข่มุกขึ้นดูอย่างทะนุถนอม “สวยจังค่ะ หนูจะใส่มันไว้ตลอดเวลา”


กัปตันยิ้มอ่อนโยน “มันคือสมบัติประจำตระกูลไรโอแนคซ์ มีพลังวิเศษช่วยให้เจ้าบรรลุสิ่งที่ปรารถนาได้ ใส่มันไว้ตลอดเวลา ระลึกถึงมันทุกครั้งทุกวันที่เจ้าภาวนาถึงทวยเทพ”


เรลีนพยักหน้าหนักแน่น เธอมองตาออลันด์ด้วยความเข้าใจที่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้เขาหัวเราะสบายใจ เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นนั่งบนบ่าและพาลงไปส่งที่ท่าเรือ




พญาเต่ายักษ์โยฮันดาโฮกเสียงสะท้านเป็นการบอกลา หันหน้าตรงสู่ดวงตะวันในท้องฟ้าจำลอง เท้าหน้ายิ่งใหญ่ทั้งสองข้างแหวกน้ำออกในท่วงท่างามสง่าทะยานสู่เบื้องหน้ารวดเร็ว ม่านพลังสีแดงสุกสว่างขึ้นครอบกระดองเต่า ปีกพลังสีทองสี่ข้างกางออกอย่างสูงส่ง เต่ายักษ์ดำหัวลงสู่ห้วงน้ำ ปีกสะบัดส่งร่างพุ่งดิ่งเป็นเส้นแสงสู่ก้นทะเลลึก


เรลีนนั่งกอดเข่า เหม่อมองจุดที่สุดยอดเรือท่องบาดาลมีชีวิตดำหายฉับพลันอย่างไม่วางตา จนกระทั่งดวงตะวันคล้อยลับขอบทะเล ท้องฟ้าจำลองเปลี่ยนจากสีทองส้ม เป็นสีชมพูเพลิง ม่วงอำพัน และน้ำเงินดำราตรีในที่สุด ดวงดาวเรือนแสนสุกสว่างระยับแผ่นฟ้า


ภาพจำลองสวยจับใจอย่างไรก็ไม่ใช่ของจริง แต่เด็กหญิงรู้จริงถึง หนทางสู่การผจญสมุทรแล้ว สิ่งเดียวที่เธอทำได้ดีที่สุดคือการเล่นเวฟบอล และนักเวฟบอลที่เก่งที่สุดในลินด์บลูมจะได้รับเลือกไปแข่งขันที่มหานครหลวงอีเดนลีฟซ์ ที่ซึ่งผู้ชนะเลิศจะมีโอกาสได้รับเลือกเป็นคราวน์


ลงมือทำสุดหัวใจ เฝ้าดูหนูเถอะ หนูจะเป็นสุดยอดนักเวฟบอลที่โลกไม่เคยมีมาก่อน