เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

Soulpolis นครเวหาสมุทร - บทที่ ๓ เวฟบอล (1/3) โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค,ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soulpolis นครเวหาสมุทร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

ผู้แต่ง

S.T. Ratindh

เรื่องย่อ

ดินแดนแห่งแผ่นสมุทรลอยฟ้าทั้งเจ็ดกับการแสวงหาดวงพลังเออกอนที่มีอำนาจดุจเทพเจ้า ในยุคสมัยที่โลกสร้างนิรันดร์นครในอุดมคติ ด้วยวิทยาการผนึกจิตวิญญาณมนุษย์และสังเคราะห์ร่างอมตะ ทว่าทุกสรรพสิ่งล้วนต้องมีสิ่งชดเชย แล้วสิ่งใดเล่า คือ ค่าตอบแทนของโลกที่มนุษย์ไม่มีวันตาย?!




*ข้อมูลเบื้องต้น : วิทยาการเออกอน


แกนโลก คือ จุดศูนย์รวมพลังงานทั้งหมดของโลกธาตุ ก่อกำเนิดสายธารแห่งพลังหล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งในผืนโลกให้ดำรงอยู่ พลังไหลเวียนออกมาจากแกนโลกและกลับคืนสู่แกนโลก เป็นเช่นนี้ตราบสิ้นอายุขัยของโลกธาตุ


เออกอน คือ ดวงพลังงานธาตุต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อและสามารถดึงพลังจากแกนโลกออกมาได้ มีทั้งหมดสิบธาตุ คือ เตโช (ไฟ) ปฐวี (ดิน) อาโป (น้ำ) วาโย (ลม) โลหิต (สีแดง/สัตว์) โอทาต (สีขาว/วิญญาณ) ปีต (สีเหลือง/โลหะ) นีล (สีเขียว/ไม้) อากาส (ช่องว่าง) และอาโลก (แสงสว่าง)


เบลส์ คือ ผลึกธาตุ เกิดขึ้นจากการตกผลึกของพลังงานธาตุต่าง ๆ ในจุดที่มีพลังงานธาตุนั้นเข้มข้น


เออกอนน่า คือ เออกอนสมานที่สร้างจากการผสานเออกอนตั้งแต่สองธาตุขึ้นไปเพื่อสร้างพลังงานรูปแบบใหม่ เออกอนน่าสร้างพลังงานได้รูปแบบเดียวและไม่สามารถวิวัฒนาการได้แบบเออกอนตามธรรมชาติ


วอลแกน คือ อุปกรณ์ใช้พลังงานจากเออกอน เออกอนน่า หรือเบลส์ มีตั้งแต่วอลแกนขนาดเล็กเช่นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ขนาดกลางเช่นยานพาหนะ ระบบกลไกในอาคาร และขนาดใหญ่เทียมนครที่ใช้ควบคุมธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ วิทยาการนี้ทำให้โซลโพลิสกลายเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองไร้เทียมทานในแผ่นสมุทรทั้งเจ็ด


คราวน์ คือเหล่ามนุษย์อมตะผู้ที่กายร่างถูกสังเคราะห์ขึ้นจากพฤกษาโลก มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์




อ่านฉบับ E-Book ได้ที่ :

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiODg0MTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MTgwOSI7fQ


ซื้อฉบับเล่มกระดาษ :

https://forms.gle/23am1q6K2qskCu529


สารบัญ

Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-ภาคผนวก วอลแกนสำคัญของลินด์บลูม,Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๔ โซลโพลิส (1/1),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๖ คราวน์ (1/2)

เนื้อหา

บทที่ ๓ เวฟบอล (1/3)




แผ่นสมุทรน้ำเงิน

ปี 1632




แผ่นสมุทรน้ำเงินประสบพิบัติภัยจากมหาวายุล้างแผ่นดินอันเป็นวิบากเลวร้ายจากสงครามใหญ่เมื่อกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบปีก่อน นับจากบัดนั้นที่มหาวาตภัยนามยุคันตวาตถือกำเนิด อำนาจทำลายล้างของมันก็มิเคยลดทอนตราบปัจจุบัน สร้างความวิบัติแก่ทุกแผ่นดินบนแผ่นสมุทรน้ำเงินจนมนุษย์มิอาจดำรงชีพ


เหลือเพียงมหานครลินด์บลูมเป็นปราการสุดท้าย มั่นคงธำรงอยู่ได้ด้วยวิทยาการเออกอนที่โซลโพลิสถ่ายทอดให้ ทั้งได้คิดค้นพัฒนาวอลแกนทั้งหลายจนเหนือล้ำ


กล่าวว่านี่คงเป็นประโยชน์หนึ่งเดียวของพิบัติสลาตันร้ายที่ยุติสงครามของหมู่มนุษย์ บีบคั้นผลักดันให้ร่วมใจสามัคคี พัฒนาศักยภาพของตนให้ถึงขีดสุด จนสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสันติรุ่งเรืองท่ามกลางเทวษภัยธรรมชาติทั้งมวล


มหานครแห่งสายฝนนี้สร้างขึ้นบนเสี้ยวส่วนที่โผล่พ้นสมุทรของแผ่นดินปราพก ลักษณะภายนอกเป็นกลุ่มโดมแสงมหึมาคุ้มครองผู้อาศัยกว่าสิบล้านชีวิต


ศูนย์กลางคือโดมนครยิ่งใหญ่ ห้อมล้อมสี่ทิศด้วยโดมทรงคล้ายกลีบดอกไม้โอฬาร แต่ละกลีบมีโดมโค้งเข้ารูปขนาดลดหลั่นแผ่ทรงกลีบออกทั้งสามด้านเหยียดจรดผืนสมุทรโอบล้อม


โดมทั้งสิบเจ็ดนี้เชื่อมเข้าเป็นหนึ่งมหาโดมนครไพศาล ปรากฏทรงคล้ายบุปผชาติเกรียงไกรเปล่งแสงรัศมีเรือง ลอยเด่นสง่าเหนือผืนน้ำมืดมิด ห้อมล้อมด้วยรัตติกาล ห่าฝน พายุสลาตัน และคลื่นมหรรณพร้ายไร้สิ้นสุด


เจ็ดปีนับจากการอำลาที่ท่าเรือท่องบาดาล สาวน้อยผิวขาวพิสุทธิ์กำลังยืนมั่นคงอยู่บนปลายระเบียงท่ามกลางพายุโกลาหล มวลน้ำอาบชโลมเส้นผมสีน้ำเงินเข้มไล้ผ่านชุดเวทสูทขาวสว่างขับเน้นทรวดทรงเพรียวระหง


มือทั้งสองทาบประสานที่ทรวงอก หลับตาสนิท ปลดปล่อยความตึงเครียดทั้งสรรพกายไปกับสายน้ำ ความโกลีอึงคะนึงภายนอกขับดันให้เธอรวมจิตสู่สมาธิภายใน ประดุจหนึ่งตาพายุสงบนิ่ง ณ ใจกลางการเคลื่อนไหวของมวลมหาพลังงาน


“ข้าแต่องค์เทวนารีนักรบ ผู้พิทักษ์จิตวิญญาณหาญกล้า ลูกขออุทิศความเพียรพยายาม ความอดทน และความตั้งใจมั่น ขอความแข็งแกร่งเหนืออุปสรรคทั้งปวงจงสถิตเป็นหนึ่งเดียวกับลูกด้วยเถิด”


เรลีนน้อมจิตภาวนาจนเกิดความรู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ มนุษย์จุติจากทวยเทพ และทวยเทพก็ถือกำเนิดขึ้นจากมนุษย์ วิถีสู่เทพเจ้าคือการสร้างคุณสมบัติแห่งทวยเทพให้เกิดขึ้นในตน นี้คือหลักการภาวนาของผู้ศรัทธาทั้งหลาย


“พลังมหัศจรรย์ใดที่พี่เค้ามี ก็ขอให้ลูกมีเหมือนกันทั้งหมดนั่นละ”


เสียงจากข้างหลังทำเด็กสาวลืมตาขึ้น หันกลับไปยิ้มสดใสให้กับน้องชาย แสงสว่างเล็ดลอดจากโดมแสงกระทบนัยน์ตาดำเข้มของเธอเป็นประกายสีน้ำเงิน


“เอาง่าย ๆ แบบนี้เลยนะ”


แร็ก ที่เติบโตเป็นหนุ่มวัยรุ่นหน้าทะเล้นบุ้ยมือไปที่หูว่าไม่ได้ยิน แล้วดึงตัวพี่สาวเข้าสู่ด้านในของโดมนคร ประตูอัตโนมัติปิดลงทันทีตัดสรรพเสียงภายนอก


“คงไม่มีใครในลินด์บลูมหาที่ภาวนาได้สุดไปกว่านี้อีกแล้ว” แร็กผิวปากมองท้องฟ้านอกผนังโปร่งใส


“แต่ก็ช่วยให้ทีมชนะมาได้ทุกครั้งไม่ใช่หรือไง”


“เพราะพวกเราโหมฝึกหนักแทบตายทุกวันต่างหากเล่า”


“ทีมอัคคีก็ฝึกโหดไม่น้อยไปกว่าเราหรอก ในระดับฝีมือที่สูสีกัน ใครใจแกร่งกว่าย่อมเป็นผู้ชนะ” เรลีนหัวเราะหึให้กับน้องชายที่กำลังเบะปาก “เอาเถอะ อธิบายไปนายก็ไม่เข้าใจหรอก”


“ไม่เห็นต้องซับซ้อน แค่ไปเล่นให้ชนะ เอาถ้วยรางวัลชนะเลิศพร้อมตั๋วเดินทางไปอีเดนลีฟซ์มาให้ได้ก็พอแล้ว”


“มั่นใจจริงนะเด็กน้อย”


“มีพี่อยู่ ยังไงก็ชนะอยู่แล้ว”


สองพี่น้องยิ้มรู้ใจขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองได้ร่วมทีมโลหะ ทีมเวฟบอลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของลินด์บลูม และวันนี้ หลังจากความมานะบากบั่นทุ่มเทด้วยชีวิตตลอดเจ็ดปีเต็ม ทีมของพวกเขาก็เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เตรียมปะทะกับทีมอัคคีเจ้าของแชมป์สี่สมัยล่าสุด


โดยการแข่งขันจัดขึ้นที่โลเกียสเตเดี้ยม ณ กลีบตะวันตกของโดมโลหะ อันตั้งอยู่ทางปลายตะวันตกสุดของลินด์บลูม


ทั้งสองเดินผ่านประตูอีกบานหลังประตูโดม เปิดออกสู่ท้องฟ้าแจ่มใสผืนใหม่ทิ้งฟ้าจริงดำมืดไว้เบื้องหลัง ดวงสุริยะจำลองลอยเด่น ณ จุดสูงสุดจรัสแสงเจิดจ้า สเตเดี้ยมที่จุคนได้ครึ่งแสนแห่งนี้ราวกับแกะสลักออกมาจากภูเขาหินอ่อนทั้งลูก ตั้งสง่าดุจปราสาทหินวิสุทธิ์เหนือท้องทะเลสีน้ำเงินเข้มสงบ ไล่เฉดสีกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับผืนนภาสีฟ้าสดใส


สองพี่น้องข้ามสะพานเชื่อมไปสู่ห้องพักนักกีฬาเพื่อรวมตัวกับสมาชิกทีมอีกเจ็ดคนที่กำลังวอร์มร่างกายกันอย่างตื่นเต้น เตรียมพร้อมสู่การแข่งขันชี้ชะตาที่จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า


ก้อนอุปกรณ์พุ่งตรงใส่พวกเขาทันทีที่เข้ามาถึง ผู้เขวี้ยงคือรันเต้ กัปตัน ทีมโลหะ สาววัยยี่สิบต้นในร่างมัดกล้าม สูงเกือบสี่ศอก กำลังส่งสายตาดุเดือดราวสัตว์ร้าย


“ให้ฟ้าแตกสิวะ เกมจะเริ่มขึ้นในนาทีนี้แล้วนะเว้ย”


ทั้งสองหน้าถอดสีรีบแกะอุปกรณ์ที่มัดเป็นก้อนโดยมีเวฟบอร์ดอยู่ตรงกลาง


“คือพวกเราไปภาวนาให้ทีม ทีมที่สูสีกันสู้กัน ทีมใดใจแกร่งกว่าถึงจะชนะได้นะครับ” น้องตัวแสบขโมยคำพูดพี่มาแก้ตัวอย่างหน้าไม่อาย


“ทีมใจแกร่งเป็นเพชรแต่เข้าแข่งไม่ทันก็คือแพ้นั่นแหละวะ”


กำปั้นทุบเข้ากลางหัวเจ้าหนุ่มแร็กจนน้ำตาเล็ด ส่งสายตาบอกพี่ว่าเสียสละรับความผิดให้แล้วนะ เรลีนกล่าวขอโทษกัปตันเบา ๆ ยิ้มขำน้องชายแล้วจึงรีบสวมอุปกรณ์ นักเวฟบอลแต่ละคนจะมีเวฟบอร์ดและอุปกรณ์วอลแกนอีกสามชิ้นสวมใส่ทับชุดเวทสูท


ชิ้นแรกคือเข็มขัดที่มีช่องสำหรับใส่เบลส์ เมื่อคาดเอวแล้วเส้นแสงสีทองก็วาดขึ้นบนเวทสูทตามลำตัว แขนขา และเบื้องหลังเป็นรูปสิงห์โลหะตัดพื้นหลังสีขาวของชุดสูท โดยสีของเวทสูทและเส้นแสงลวดลายนั้นจะเป็นสัญลักษณ์ประจำทีม


ชิ้นที่สองคือเกราะ ลักษณะเป็นปลอกคอมีอัญมณีสีเหลืองตรงกลางขนาบด้วยช่องใส่เบลส์ซ้ายขวา ทั้งมีกลไกเสียงให้ทีมสื่อสารกันได้ เมื่อเปิดพลังจะสร้างเกราะป้องกันโปร่งใสครอบคลุมกาย


ชิ้นสุดท้ายคือถุงมือเวฟ ถุงมือเปิดนิ้วที่มีช่องใส่เบลส์อยู่หลังมือ


“เอาล่ะเจ้าพวกขบถ ออกไปเล่นให้สุด ประกาศศักดาทีมโลหะเราให้ลั่นโลก”


กัปตันเรียกรวมใจด้วยน้ำเสียงบาดหูแต่ปลุกพลังได้พิลึก สมาชิกทีมทั้งเก้าประสานมือเปล่งเสียงทีมสุดกำลัง แล้วย่ำก้าวออกสู่สนามกีฬายิ่งใหญ่