เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

Soulpolis นครเวหาสมุทร - บทที่ ๖ คราวน์ (1/2) โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค,ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soulpolis นครเวหาสมุทร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

Soulpolis นครเวหาสมุทร โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

ผู้แต่ง

S.T. Ratindh

เรื่องย่อ

ดินแดนแห่งแผ่นสมุทรลอยฟ้าทั้งเจ็ดกับการแสวงหาดวงพลังเออกอนที่มีอำนาจดุจเทพเจ้า ในยุคสมัยที่โลกสร้างนิรันดร์นครในอุดมคติ ด้วยวิทยาการผนึกจิตวิญญาณมนุษย์และสังเคราะห์ร่างอมตะ ทว่าทุกสรรพสิ่งล้วนต้องมีสิ่งชดเชย แล้วสิ่งใดเล่า คือ ค่าตอบแทนของโลกที่มนุษย์ไม่มีวันตาย?!




*ข้อมูลเบื้องต้น : วิทยาการเออกอน


แกนโลก คือ จุดศูนย์รวมพลังงานทั้งหมดของโลกธาตุ ก่อกำเนิดสายธารแห่งพลังหล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งในผืนโลกให้ดำรงอยู่ พลังไหลเวียนออกมาจากแกนโลกและกลับคืนสู่แกนโลก เป็นเช่นนี้ตราบสิ้นอายุขัยของโลกธาตุ


เออกอน คือ ดวงพลังงานธาตุต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อและสามารถดึงพลังจากแกนโลกออกมาได้ มีทั้งหมดสิบธาตุ คือ เตโช (ไฟ) ปฐวี (ดิน) อาโป (น้ำ) วาโย (ลม) โลหิต (สีแดง/สัตว์) โอทาต (สีขาว/วิญญาณ) ปีต (สีเหลือง/โลหะ) นีล (สีเขียว/ไม้) อากาส (ช่องว่าง) และอาโลก (แสงสว่าง)


เบลส์ คือ ผลึกธาตุ เกิดขึ้นจากการตกผลึกของพลังงานธาตุต่าง ๆ ในจุดที่มีพลังงานธาตุนั้นเข้มข้น


เออกอนน่า คือ เออกอนสมานที่สร้างจากการผสานเออกอนตั้งแต่สองธาตุขึ้นไปเพื่อสร้างพลังงานรูปแบบใหม่ เออกอนน่าสร้างพลังงานได้รูปแบบเดียวและไม่สามารถวิวัฒนาการได้แบบเออกอนตามธรรมชาติ


วอลแกน คือ อุปกรณ์ใช้พลังงานจากเออกอน เออกอนน่า หรือเบลส์ มีตั้งแต่วอลแกนขนาดเล็กเช่นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ขนาดกลางเช่นยานพาหนะ ระบบกลไกในอาคาร และขนาดใหญ่เทียมนครที่ใช้ควบคุมธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ วิทยาการนี้ทำให้โซลโพลิสกลายเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองไร้เทียมทานในแผ่นสมุทรทั้งเจ็ด


คราวน์ คือเหล่ามนุษย์อมตะผู้ที่กายร่างถูกสังเคราะห์ขึ้นจากพฤกษาโลก มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์




อ่านฉบับ E-Book ได้ที่ :

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiODg0MTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MTgwOSI7fQ


ซื้อฉบับเล่มกระดาษ :

https://forms.gle/23am1q6K2qskCu529


สารบัญ

Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-ภาคผนวก วอลแกนสำคัญของลินด์บลูม,Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๔ โซลโพลิส (1/1),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๖ คราวน์ (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๖ คราวน์ (2/2)

เนื้อหา

บทที่ ๖ คราวน์ (1/2)


*ว่าด้วยหลักความเชื่อของโซลโพลิส


ธรรมชาติของโลกธาตุรังสรรค์ขึ้นจากฐาน 7

7 เฉดสีในสายรุ้ง 7 ระดับเสียงในดนตรี

7 แผ่นสมุทรในโลกธาตุ 7 วันในหนึ่งสัปดาห์

7 จักระศูนย์พลังกาย 7 บทบาทเอกลักษณ์ของจิตวิญญาณ

แต่ละบุคคลถือกำเนิดมาล้วนมีบทบาทเฉพาะเป็นเอกลักษณ์

ต่างเป็นหนึ่งเฉดสีที่รังสรรค์โลกหล้า


ในอาณาจักรโซลโพลิส แต่ละบุคคลจะได้รู้จักบทบาทเอกลักษณ์ของตนตั้งแต่เยาว์วัย ผ่านการช่วยเหลือแนะนำของครูบาอาจารย์ และจะได้รับการศึกษาฝึกฝนทักษะที่เหมาะสมกับอุปนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์ของตน เพื่อเข้าถึงศักยภาพสูงสุด และกลายเป็นหน่วยหนึ่งของสังคมที่ทรงคุณประโยชน์ต่ออาณาจักรในอนาคต






บทที่ ๖

คราวน์



เวหาสมุทร

ปี 1632



แสงแยงเปลือกตา เรลีนตื่นขึ้นพบตนเองกำลังนอนอยู่ในความนุ่มสบายดุจปุยเมฆ อบอุ่นใต้ม่านผ้าสว่างเบา ในหัวว่างเปล่าไม่รู้กาลสถาน แล้วความรู้สึกนึกคิดก็ค่อย ๆ ตื่นตัวกลับคืน


เธอลุกนั่งบนเตียงใหญ่ แหวกม่านรอบเตียงออกพบห้องอันโอ่โถง พื้นห้องและเพดานเป็นไม้สีน้ำตาลทองเรียบโค้งราวรังสรรค์ขึ้นเองโดยธรรมชาติ กลิ่นละมุนของแสงแดดกระทบไม้อบอุ่นสูดซับเข้าเต็มปอด เท้าเปล่าเปลือยเหยียบสัมผัสพื้นไม้สบายผิว เดินสู่แสงที่ลอดผ่านแนวผนังแก้วเผยท้องฟ้าไพศาลเหนือทะเลเมฆขาว ดวงอาทิตย์สว่างเจิดจ้ากึ่งกลางฟ้า


ท้องฟ้าของจริง


เด็กสาวเอามือสัมผัสกระจก มันขุ่นขาวขึ้นจนมองไม่เห็นภายนอกแล้วสะท้อนภาพร่างเปลือยเปล่าของเธอ ความรู้สึกในร่างกายเหมือนเดิม รูปลักษณ์เหมือนเดิมแต่...เหนือล้ำขึ้น


เธอรู้สึกว่าสูงขึ้น กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้น เปี่ยมพลังและกระปรี้กระเปร่า ทรวดทรงองค์เอวสัดส่วนที่เคยผอมหรืออ้วนไปปรับสมดุลจนลงตัวในทุกสัดส่วน ผิวพรรณผ่องใสมีน้ำมีนวลขึ้น ผมสีน้ำเงินเข้มประบ่านุ่มลื่นมีชีวิตชีวา ใบหน้าเดิมแต่กลับดูมีเสน่ห์ขึ้นอย่างมหัศจรรย์


ด้วยความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ประหนึ่งร่างกายเดิมแต่ถูกปรับแต่งให้สมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด และที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือนัยน์ตา ที่บัดนี้กลายเป็นสีฟ้าสว่างสดใสอันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของคราวน์


ยืนเปลือยเปล่าในสถานที่ไม่รู้จัก ร่างใหม่ บ้านใหม่ ชีวิตใหม่ แต่เรลีนกลับรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ห้องนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน ขนาดเกือบจะเท่าบ้านทั้งหลังของเธอที่ลินด์บลูม


เธอพบห้องแต่งตัวที่มุมซ้ายของห้อง บนชั้นวางมีชุดชั้นใน เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายจัดวางไว้ให้พร้อมสรรพ เธอเลือกใส่ชุดผ้าสีมืดเข้ารูปทะมัดทะแมง สวมเข็มขัดบรรจุเบลส์ที่มีกระโปรงผ้าสว่างพลิ้วคลุมเอวและเสื้อคลุมไหล่สีฟ้าสด ตรงกลางกลัดดวงอัญมณีสีแดงหรืออาภรณ์พยนต์ที่มีกลไกปรับแต่งชุดแฝงไว้


เมื่อออกจากห้องแต่งตัวมีเสียงเคาะประตูเบา ๆ


“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” น้ำเสียงสุภาพดังเข้ามาจากประตู


“ค...ค่ะ”


ประตูห้องเปิดกว้างออกพร้อมสตรีสองคนในชุดกระโปรงแม่บ้านเต็มยศสีน้ำตาลเข้มตัดผ้ากันเปื้อนลายลูกไม้สีขาวกำลังยืนต้อนรับ


“สวัสดีค่ะ คือว่า...หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วร่างกายนี้”


“ไม่ต้องตระหนกไปนะเจ้าคะ นี่เป็นร่างใหม่ของคุณหนูที่ถูกส่งมาที่นี่” แม่บ้านร่างท้วมแววตาอ่อนโยนเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำบนถาด “คุณหนูได้เกิดใหม่ในร่างคราวน์ และที่นี่ก็คือคฤหาสน์ประจำตระกูลไรโอแนคซ์ ดื่มน้ำเย็นสดชื่นก่อนสิเจ้าคะ เรื่องราวต่าง ๆ คุณหัวหน้าพ่อบ้านที่กำลังรออยู่ข้างล่างจะเป็นคนอธิบายให้คุณหนูฟังเอง”


“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวรับแก้วน้ำใบสวยอย่างเกรงใจ คฤหาสน์ ประจำตระกูล ที่นี่คงเป็นบ้านของบาบาสินะ ออลันด์ไม่เคยเล่าถึงบ้านของเขาให้เรลีนฟังมาก่อน และตลอดชีวิตเธอก็ไม่เคยเดินทางออกนอกลินด์บลูม ไม่อยากเชื่อว่าต้องตายครั้งหนึ่งก่อนจึงจะได้เห็นโลกภายนอก มีคำถามมากมายอยู่ในหัวจนเธอจับต้นชนปลายไม่ถูก


เธอดื่มน้ำเย็นสดชื่นให้ความกระปรี้กระเปร่า เสร็จแล้วจึงคืนแก้วให้แม่บ้านพร้อมรอยยิ้ม และรีบออกจากห้องอย่างกระตือรือร้นด้วยหวังว่าจะได้พบกับบาบาโดยเร็ว


ภายในคฤหาสน์ราวกับแกะออกมาจากเนื้อในของต้นไม้ยักษ์ พื้นบ้าน ฝาบ้าน และเพดานสูงโปร่ง คือไม้หินสีน้ำตาลทองสมานเป็นเนื้อเดียวกัน ช่องแสงถูกออกแบบอย่างดีให้ส่องสว่างทั่วถึงตลอดตัวบ้าน เด็กสาวรีบเดินลงบันไดโค้งสู่ห้องโถงกว้างใหญ่ชั้นล่างแล้วมุ่งสู่แสงสว่างที่ส่องเข้ามาจากหลังบ้าน


ลานระเบียงไม้ยื่นออกสู่แผ่นฟ้ากว้างใหญ่สุดสายตา กลิ่นท้องฟ้าปลอดโปร่งให้ความสดชื่นพร้อมทิวทัศน์จับใจ นครเบื้องล่างปลูกสร้างบนผืนดินแปลกตาทรงคล้ายกลีบดอกไม้มหึมาเหนือหมู่เมฆขาว กึ่งกลางเป็นเนินเขาประดิษฐานวิหารงดงามตระการตา ห้อมล้อมด้วยคูน้ำกว้างใหญ่ ตัดสลับกับ ผืนดิน คูน้ำล้อม และแผ่นดินรอบคูน้ำอีกทียังชั้นนอกสุด


นครเขียวชอุ่มด้วยต้นไม้ใบหญ้า สิ่งปลูกสร้างสมานเข้าเป็นหนึ่งกับธรรมชาติด้วยการเนรมิตหินและแมกไม้ให้เป็นรูปทรงที่ต้องการ นครปราศจากยานพาหนะ ผู้คนล่องไหลว่องไวไปตามทางเท้าพื้นหินสีส้มเชื่อมต่อทั่วถึงตลอดทั้งนคร ออกแบบให้สมมาตรลงตัว ทั้งหมดนี้คือกลีบนครหนึ่งเชื่อมต่อกับกลีบนครด้านข้างในลักษณะคล้าย ๆ กัน


“นครด้านล่างที่คุณหนูเรลีนเห็นคือคาโนพีเป็นแดนชั้นบนของมหานครอีเดนลีฟซ์ขอรับ มีทั้งหมดเจ็ดกลีบนครแผ่ออกจากแกนพฤกษาโลก ส่วนคฤหาสน์หลังนี้ก็อยู่ในแดนสูงสุดเรียกว่าโอเวอร์ลีฟซ์”


เรลีนตื่นตะลึงกับซีกโลกใหม่ที่ต่างจากโลกเดิมอันคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง เธอหันกลับไปพบเจ้าของเสียงคือชายชราร่างสูงในชุดพ่อบ้านสีขาวสะอาดสะอ้านทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำพิถีพิถัน สวมถุงมือขาวละเอียด ไว้หนวดยาวจัดปลายโค้งขึ้นสีขาวเงินเช่นเดียวกับผมทรงเนี้ยบ นัยน์ตาสีเทาสว่างบ่งบอกถึงความเป็นคราวน์


“ยินดีต้อนรับสู่บ้านขอรับ กระผมเจสคิน โอดินสัน หัวหน้าพ่อบ้านประจำตระกูลไรโอแนคซ์ ยินดีรับใช้คุณหนู”


เด็กสาวนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งทักทายอย่างสุภาพ กล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรืนร้น “สวัสดีค่ะคุณเจสคิน คฤหาสน์หลังนี้เป็นของท่านออลันด์ใช่ไหมคะ หนูอยากเจอท่านเหลือเกิน”


“ใช่แล้วขอรับ คฤหาสน์หลังนี้เป็นของนายท่านออลันด์ แต่น่าเสียดายที่ขณะนี้นายท่านไม่อยู่ จึงมอบหมายให้กระผมมาเป็นผู้ต้อนรับคุณหนูแทนขอรับ”


“บาบาไม่อยู่หรือคะ” เรลีนกล่าวเสียงละห้อย ความผิดหวังอ้างว้างเข้าจับหัวใจ


“นายท่านนำทัพปีกเทวะออกตามล่ากลุ่มผู้ก่อวินาศกรรมลินด์บลูมอยู่ขอรับ ขอให้คุณหนูพักรออยู่ที่นี่ให้สบายใจ เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลงแล้วนายท่านก็จะกลับมาเอง”


เรลีนรู้สึกจุกอยู่ในอกเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ลินด์บลูม


“กระผมขออภัยหากได้ทำให้คุณหนูนึกถึงสิ่งที่สะเทือนใจนะขอรับ”


เด็กสาวเอามือกุมอก เรียกสติให้มั่นคง สบตาพ่อบ้านแล้วเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงหนูก็ต้องทำใจยอมรับความจริงให้ได้ คุณพ่อบ้านบอกมาให้หมดเถอะค่ะว่าที่ลินด์บลูมเสียหายหนักขนาดไหน”


“เหตุการณ์ที่ลินด์บลูม โดมโลหะกลีบตะวันตกถูกทำลายทั้งหมด ส่วนโดมโลหะหลักได้รับความเสียหายบางส่วน ดีที่ได้ทัพนักรบคราวน์เข้าจัดการจักรกลอสูรตัวการและควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ขอรับ ถึงกระนั้นก็มีผู้เสียชีวิตและสูญหายมากถึง 312,300 ชีวิต”


เรลีนใจสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงอสูรโลหะที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังตนนั้น ทั้งความสูญเสียมหาศาล ผู้คนล้มตายนับแสน ดีที่มันถูกกำจัดลงไปแล้ว


“เป็นฝีมือใคร ทำไมพวกเขาต้องทำสิ่งเลวร้ายขนาดนั้นด้วย” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา


“เรื่องนั้นกระผมก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ขอรับ”


เด็กสาวหลับตา กัดฟันกรอด สัมผัสได้ถึงภูเขาไฟแห่งความโกรธแค้นที่ฝังลึกอยู่ใต้ความโศกเศร้า ยิ่งอัดอั้นเมื่อไม่รู้ตัวคนร้ายเพราะไม่รู้จะไประบายความแค้นนี้กับใคร


“นานเท่าไรแล้วหรือคะจากเหตุการณ์วันนั้น”


“ถึงวันนี้ก็ผ่านมาได้เก้าวันแล้วขอรับ”