เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

Soulpolis นครเวหาสมุทร - บทที่ ๖ คราวน์ (2/2) โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค,ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soulpolis นครเวหาสมุทร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,ผจญภัย,แอคชั่น,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,ไฮแฟนตาซี,นางเอกเด็ก,BlueSaga,รตินธร์,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

Soulpolis นครเวหาสมุทร โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เวหานครที่สงบสุขของสององค์ชาย อาเธดีสและอโลก้า ถูกทำลายด้วยสึนามิหมอกดำขนาดเท่าภูเขา พวกเขาจึงต้องออกแสวงหาเออกอนพระเจ้าเพื่อมาหยุดยั้งมหาภัยพิบัตินี้ ทว่าเบื้องหลังขุมพลังที่มีอำนาจในการสร้างโลกอมตะ มีเดิมพันดำมืดที่ต้องแลกเปลี่ยน ชะตากรรมของทั้งอาณาจักรจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสอง

ผู้แต่ง

S.T. Ratindh

เรื่องย่อ

ดินแดนแห่งแผ่นสมุทรลอยฟ้าทั้งเจ็ดกับการแสวงหาดวงพลังเออกอนที่มีอำนาจดุจเทพเจ้า ในยุคสมัยที่โลกสร้างนิรันดร์นครในอุดมคติ ด้วยวิทยาการผนึกจิตวิญญาณมนุษย์และสังเคราะห์ร่างอมตะ ทว่าทุกสรรพสิ่งล้วนต้องมีสิ่งชดเชย แล้วสิ่งใดเล่า คือ ค่าตอบแทนของโลกที่มนุษย์ไม่มีวันตาย?!




*ข้อมูลเบื้องต้น : วิทยาการเออกอน


แกนโลก คือ จุดศูนย์รวมพลังงานทั้งหมดของโลกธาตุ ก่อกำเนิดสายธารแห่งพลังหล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งในผืนโลกให้ดำรงอยู่ พลังไหลเวียนออกมาจากแกนโลกและกลับคืนสู่แกนโลก เป็นเช่นนี้ตราบสิ้นอายุขัยของโลกธาตุ


เออกอน คือ ดวงพลังงานธาตุต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อและสามารถดึงพลังจากแกนโลกออกมาได้ มีทั้งหมดสิบธาตุ คือ เตโช (ไฟ) ปฐวี (ดิน) อาโป (น้ำ) วาโย (ลม) โลหิต (สีแดง/สัตว์) โอทาต (สีขาว/วิญญาณ) ปีต (สีเหลือง/โลหะ) นีล (สีเขียว/ไม้) อากาส (ช่องว่าง) และอาโลก (แสงสว่าง)


เบลส์ คือ ผลึกธาตุ เกิดขึ้นจากการตกผลึกของพลังงานธาตุต่าง ๆ ในจุดที่มีพลังงานธาตุนั้นเข้มข้น


เออกอนน่า คือ เออกอนสมานที่สร้างจากการผสานเออกอนตั้งแต่สองธาตุขึ้นไปเพื่อสร้างพลังงานรูปแบบใหม่ เออกอนน่าสร้างพลังงานได้รูปแบบเดียวและไม่สามารถวิวัฒนาการได้แบบเออกอนตามธรรมชาติ


วอลแกน คือ อุปกรณ์ใช้พลังงานจากเออกอน เออกอนน่า หรือเบลส์ มีตั้งแต่วอลแกนขนาดเล็กเช่นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ขนาดกลางเช่นยานพาหนะ ระบบกลไกในอาคาร และขนาดใหญ่เทียมนครที่ใช้ควบคุมธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ วิทยาการนี้ทำให้โซลโพลิสกลายเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองไร้เทียมทานในแผ่นสมุทรทั้งเจ็ด


คราวน์ คือเหล่ามนุษย์อมตะผู้ที่กายร่างถูกสังเคราะห์ขึ้นจากพฤกษาโลก มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์




อ่านฉบับ E-Book ได้ที่ :

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiODg0MTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MTgwOSI7fQ


ซื้อฉบับเล่มกระดาษ :

https://forms.gle/23am1q6K2qskCu529


สารบัญ

Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๑ มันดาลา (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๒ นักผจญสมุทร (2/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๓ เวฟบอล (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-ภาคผนวก วอลแกนสำคัญของลินด์บลูม,Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๔ โซลโพลิส (1/1),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (1/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (2/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๕ ผู้นำแสง (3/3),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๖ คราวน์ (1/2),Soulpolis นครเวหาสมุทร-บทที่ ๖ คราวน์ (2/2)

เนื้อหา

บทที่ ๖ คราวน์ (2/2)


เรลีนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง สำหรับเธอแล้วรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น


“บาบาต้องมีตำแหน่งที่สำคัญมากสินะคะถึงได้เป็นผู้นำทัพในครั้งนี้”


“นายท่านมีตำแหน่งเป็นลุคอาร์ชแห่งนักรบขอรับ”


เด็กสาวตาค้างตะลึงงัน ออลันด์ไม่เคยเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของเขาให้ครอบครัวเธอได้รับรู้ และลุคอาร์ชนั้นก็เป็นถึงตำแหน่งสูงสุดของบทบาทเอกลักษณ์ทั้งเจ็ดในโซลโพลิส อันได้แก่ลุคอาร์ชแห่งกษัตริย์ นักรบ ปราชญ์ ช่างศิลป์ นักบวช ผู้รับใช้ และบัณฑิต ซึ่งเป็นเจ็ดผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักร ภายใต้การควบคุมกฎโดยปัญญาศูนย์รวม


“คุณหนูอยากไปเคารพป้ายจารึกอนุสรณ์ของคุณพ่อ คุณแม่ และน้องชายก่อนไหมขอรับ”






เจสคินพาเรลีนมายังสุสานประจำตระกูลไรโอแนคซ์บนเนินเขาเขียวขจี ในบริเวณสวนหลังคฤหาสน์ ป้ายจารึกอนุสรณ์ของทั้งสามถูกแกะขึ้นอย่างประณีตบนแผ่นหินสีขาว


สาวน้อยผู้คืนชีพมองรูปภาพของพ่อ แม่ และแร็กบนป้ายหิน แม้ปราศจากร่างแต่ก็เสมือนหลักฐานยืนยันความตายของพวกเขา หัวใจของเธอบีบคั้นจนน้ำตารินไหลออกมาไม่หยุด


เธอจุดดวงประทีป กำยาน และวางดอกไม้ที่เจสคินเตรียมไว้ให้ลงตรงหน้าป้ายจารึกอนุสรณ์ของทั้งสาม ตามประเพณีของโซลโพลิสเชื่อว่า แสงสว่างจากประทีป กลิ่นหอมของกำยาน และสีสันของดอกไม้ที่เปรียบเสมือนอัญมณีในโลกทิพย์ จะนำทางดวงวิญญาณที่หลงทางให้กลับคืน สู่บ้านและสู่สุคติภพได้


กุศโลบายเพื่อความสบายใจของผู้มีชีวิต แต่จะได้ผลต่อดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับจริง ๆ หรือไม่นั้นมิอาจทราบ


เราใฝ่ฝันมาตลอดว่าจะได้มาถึงอีเดนลีฟซ์และได้รับเลือกเป็นคราวน์ เป้าหมายนั้นเป็นจริงแล้วด้วยหนทางที่โหดร้าย แต่ความหมายของมันกลับดับสูญ จะนำท้องฟ้าสดใสกลับคืนแก่ลินด์บลูมเพื่ออะไรอีกเล่า ในเมื่อทุกคนที่มีความหมายในชีวิตของเรานั้นจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกแล้ว


เรลีนนั่งหลับตาสะอื้น ปล่อยน้ำตาทั้งหมดให้ไหลรินออกไปพร้อมกับความโศกเศร้าที่ยังคั่งค้างอยู่ในทรวงอก เมื่อเพียงพอแล้วจึงป้ายน้ำตาออกจนแห้งสนิทด้วยผ้าเช็ดหน้าที่เจสคินส่งให้อย่างรู้ใจ หมดเวลาเศร้าโศกเสียใจแล้ว นับแต่บัดนี้เราจะต้องเข้มแข็ง


“นอกจากหนูแล้วไม่มีใครอื่นในตระกูลอีกเลยหรือคะที่เป็นคราวน์”


“ไม่มีเลยขอรับ คุณหนูเป็นคนแรกและคนเดียวที่นายท่านมอบความเป็นคราวน์ให้ ด้วยหยาดทิพย์แห่งชีวิตเพียงหยดเดียวที่นายท่านมีอยู่”


เราเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของบาบา


ความจริงที่น่าหดหู่และที่น่าสะเทือนใจยิ่งกว่าคือในสุสานนี้มีป้ายจารึกอนุสรณ์ของผู้ล่วงลับในตระกูลไรโอแนคซ์มากกว่าร้อยป้าย แต่ละป้ายคือญาติพี่น้องลูกหลานเหลนโหลนอีกหลายชั่วโคตรของบาบาทั้งหมดที่เสียชีวิตลงในตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งพันหกร้อยปีที่ผ่านมา


แค่ลำพังความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักยิ่งเพียงครั้งเดียวก็ หนักหนาเกินทานทน แล้วความเจ็บปวดจากการสูญเสียแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกนับเป็นร้อยครั้งคงทรมานจนมิอาจหยั่งถึง


“ถึงหนูอยากไปช่วยบาบาแต่ก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้ ตอนนี้สิ่งที่หนูจะทำคือช่วยดวงวิญญาณของพ่อ แม่ แร็ก และทุกคนที่เสียชีวิตที่ลินด์บลูมให้ไปสู่สุคติให้ได้”


เจสคินยืนกอดอกนิ่ง ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “นี่คือภารกิจชีวิตที่คุณหนูเลือกเพื่อกลับมาเกิดใหม่ใช่ไหมขอรับ”


“คุณรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหนูที่โซลโพลิสด้วยหรือคะ”


“ไม่หรอกขอรับ แต่กระผมก็พอจะคาดเดาได้ เพราะบุคคลที่เลือกกลับมาเกิดใหม่ในร่างคราวน์แทนการเสวยสุขในโซลโพลิสต้องมีเจตจำนงที่แกร่งกล้ามาก”


“แต่มันก็เป็นสิ่งที่เทวีทาซานดร้าบอกว่าเป็นไปไม่ได้”


“ที่ท่านบอกก็จริงสำหรับปัจจุบันนี้ขอรับ เทคโนโลยีต่าง ๆ ของโซลโพลิสที่เป็นไปได้ในทุกวันนี้ เมื่อก่อนก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะโลกนี้ยังมี มหาเออกอนที่ทรงพลานุภาพอัศจรรย์และยังไม่ถูกค้นพบอยู่อีกมาก ไม่แน่ว่าพวกมันสักดวงอาจมีพลังช่วยดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับก็เป็นได้”


“ขอบคุณค่ะ คำพูดของคุณเจสคินทำให้หนูมีกำลังใจขึ้นมามากเลย”


“เป็นภารกิจชีวิตของกระผมขอรับ ในการสนับสนุนคุณหนูให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ”


คำอุทิศตนของเจสคินมีพลังยิ่งใหญ่เกินกว่าที่หัวใจของเรลีนจะรับได้ เธอรีบกางมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อปฏิเสธ


“หนูไม่กล้ารบกวนคุณเจสคินถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”


“ไม่เลยขอรับ” หัวหน้าพ่อบ้านกล่าวด้วยดวงตานิ่งมั่น “ตระกูลไรโอแนคซ์คงอยู่มาตั้งแต่ยุคต้นกำเนิด และเป็นผู้ร่วมสร้างโซลโพลิสจนเจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน อุดมการณ์ของนายท่านออลันด์ก็คือการสร้างโลก อันผาสุกให้แก่มวลมนุษยชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากจนกระผมยินยอมด้วยหัวใจที่จะติดตามรับใช้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฝันนั้นให้เป็นจริงขอรับ”


หัวใจของเรลีนพองโตด้วยความภูมิใจเมื่อสัมผัสถึงศรัทธาที่เจสคินมีให้ต่อบาบาตน


“แต่คงเอาหนูไปเทียบกับความยิ่งใหญ่ของบาบาไม่ได้หรอกค่ะ”


“เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ก็คือเป้าหมายที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น ซึ่งคุณหนูมีสิ่งนี้อยู่ในหัวใจ คู่ควรกับการเป็นทายาทตระกูลไรโอแนคซ์ทุกประการขอรับ”


เรลีนยิ้มรับด้วยความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณท่วมท้นหัวใจ “เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่จนแทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้ และตอนนี้หนูก็ยังไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มต้นจากตรงไหน”


“เริ่มต้นจากสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเองก่อนขอรับ ตอนนี้คุณหนูอยู่ในร่างคราวน์แล้ว ซึ่งมีขีดจำกัดเหนือกว่าร่างมนุษย์มากมายนัก


“อันดับแรกคุณหนูควรไปรับเออกอนประจำตัวที่หอคอยอาคาชิคก่อน ที่นั่นจะมอบเออกอนให้กับคราวน์ผู้ผ่านบททดสอบคนละหนึ่งดวง จากนั้นคุณหนูก็ต้องผ่านบททดสอบจนได้รับเลือกเป็นนักรบและสร้างผลงานจนได้เลื่อนขั้นสู่ภาคีปีกเทวะ จึงจะสามารถออกเดินทางไปทั่วทุกแผ่นสมุทรเพื่อค้นหามหาเออกอนที่คุณหนูหมายมั่นได้”


คำแนะนำของเจสคินฟื้นคืนกำลังให้เรลีน เธอลุกยืนขึ้นด้วยแววตาเปี่ยมประกาย


“ขอบคุณค่ะ” ขอเพียงรู้เป้าหมายที่ชัดเจน เธอก็พร้อมลงมือทำสุดหัวใจ “ปีกเทวะ ฟังดูแล้วคงเป็นเป้าหมายอันสูงลิบ”


“แค่การสอบผ่านเป็นนักรบก็มีอัตราผ่านเพียงหนึ่งในห้าขอรับ และนักรบคราวน์ที่สร้างผลงานจนได้ร่วมภาคีปีกเทวะที่จัดว่าเป็นสุดยอดของสุดยอดก็มีเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น”


ยอดเขาสูงเฉียดฟ้าเริ่มจากก้าวเดินทีละก้าว เป้าหมายที่เป็นไปได้ยากยิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เรลีนท้อใจเลย ตรงข้ามกลับทำให้จิตใจของเธอสงบมั่นคงพร้อมทุ่มเทลงมือกระทำ


“เอาล่ะ ตอนนี้หนูควรเริ่มทำขั้นแรกให้สำเร็จลงก่อน ช่วยบอกหนูทีว่าหอคอยอาคาชิคที่ว่านี้อยู่ที่ไหน”