Chapter5
ณ ห้องประชุมเล็ก
“เชิญอาจารย์ฮยอนเข้ามาได้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ ผู้อำนวยการ”
“อย่างที่เราคุยกันไปเมื่อสามวันก่อน วันนี้ถึงกำหนดที่คุณต้องให้คำตอบกับผมแล้วนะ…อย่าลืม!! คำตอบของคุณมีผลกับลายเซ็นต์ของผมบนเอกสารอนุมัติทุนฉบับนี้”
“เอ่อคือ…” คนตัวเล็กเอ่ยอย่างละล่ำละลัก
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องมาถึงวันนี้ทั้งชาฮยอนกับปรรณรักได้คุยกันบ้างแล้ว และน่าจะเป็นครั้งแรกที่ความคิดเห็นของทั้งคนพี่และคนน้องไม่ตรงกันเลย
“ผมไม่มีเวลาให้คุณมานั่งคิดอะไรตอนนี้หรอกนะ มันเสียเวลาผม” ผอ.คิมพูดพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“ฉันจะกลับไทยให้เองค่ะ” เป็นคำตอบที่พูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทาจากบุคคลที่สามที่เดินเข้ามาอยู่ภายในห้องประชุมเล็ก
“รักคะ…” ชาฮยอนเรียกชื่อคนรักทันทีที่หันไปเห็นหน้าบุคคลที่สามที่ค่อยๆ เดินเข้ามา
“มันเป็นทางออกดีที่สุดแล้วค่ะพี่ฮยอน…เค้ารู้ ที่รักรอคอยกับทุนนี้มานานแค่ไหน เค้าเห็นทุกความพยามของที่รักมาตลอด เค้าไม่อยากให้ที่รักพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้นะคะ” ปรรณรักพูดไปพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ตอนนี้เริ่มร้องไห้สะอื้นจนตัวโยก…
“ไม่เอาแบบนี้สิ พี่ไม่เอาทุนก็ได้นะ พี่ไม่เรียนต่อก็ได้” คนตัวเล็กโผตัวเข้ากอดปรรณรักทันทีที่คนตัวสูงเดินมาถึง
“เราแค่แยกกันไม่กี่ปี วันนึงที่ที่รักเรียนจบ เค้าสัญญาว่าเค้าจะกลับมา…ที่รักอย่าลืมนะว่า ความฝันสูงสุดของที่รักในอาชีพครูคืออะไร”
ใช่…ความฝันสูงสุดของชาฮยอนคือการที่เธอได้เรียนหลักสูตร ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต และได้เป็น อาจารย์สอนนักศึกษาในมหาฯลัย
“พี่อยากเรียนต่อเร็วๆ จัง พี่อยากจบมาสอนเด็ก ป.โทแล้วค่ะ”
“ทำไมถึงจะอยากสอนแต่เด็ก ป.โทล่ะคะ เด็ก ป.ตรีก็มี และวุฒิของที่รักตอนนี้ก็สามารถสอนได้แล้วนะ” ปรรณรักถามด้วยความไม่เข้าใจกับระบบความคิดของคนพี่
“รักจำตอนเราเรียน ป.โทด้วยกันได้ไหมคะ”
“ตอนไหนอ่ะคะ เราเรียนกันมาสองปี มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเลยนะ” พูดไปพลางเก็บไรผมไปที่หลังหูของคนรักอย่างอ่อนโยน
“ก็ตอนนั้นที่พี่มีปัญหากับอาจารย์ที่ปรึกษาไงคะ” ชาฮยอนพูดไปก็หันมาทำหน้ายู่ใส่คนตัวสูง
“อ๋อออ จำได้แล้วค่ะ” ปรรณตอบพร้อมพยักหน้า
จุดเริ่มต้นนี้ เริ่มจากความสะเพร่าของอาจารย์ที่ปรึกษาของชาฮยอน ที่ทำรายงานของชาฮยอนหาย และที่ทำให้คนตัวเล็กโกรธที่สุดคือการที่มาโทษเธอว่าไม่ส่งรายงาน ทำให้คนพี่ต้องทำรายงานเพื่อส่งใหม่อีกครั้ง และหลังจากนั้นปัญหาก็มีตามมาเรื่อยๆ ทำให้ผลคะแนนของคนตัวเล็กออกมาแย่มาก เพราะคะแนนในส่วนของรายงานฉบับนั้นได้น้อยที่สุดในคลาสด้วยเหตุผลว่าเธอส่งรายงานช้ากว่ากำหนด และเคราะห์ซ้ำไปอีกคือวันที่ต้องพรีเซ็นต์งานสุดท้ายก่อนจบ คนตัวเล็กของเธอก็ไม่ได้พรีเซนต์ตามวันเวลาที่กำหนด เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ได้เข้าร่วมตามที่นัดหมายกันไว้ล่วงหน้าด้วยเหตุผลส่วนตัว กว่าจะเคลียร์ปัญหาต่างๆ ได้ก็เกือบเลยเวลายื่นคำร้องขอจบการศึกษา
“เฮ้ออ…พูดแล้วก็แค้นนะคะ พี่เกือบได้จบช้ากว่ารักไปอีกเทอมนึงเลยนะ เหตุจากเพราะคนที่ไม่รับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองเพียงคนเดียว…พี่ไม่ชอบมากๆ พี่เลยอยากไปสอนเอง พี่อยากสอนทุกอย่างที่พี่รู้ ไม่ใช่สอนไปกั๊กไป สงสัยกลัวเด็กจะฉลาดกว่าอาจารย์ล่ะมั้ง ตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี” เหตุผลของคนตัวเล็กมีเพียงเท่านี้…
บางทีจิตวิญญาณของความเป็นครู มันช่างยิ่งใหญ่เกินจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ
ณ ห้องประชุมเล็ก
“เชื่อเค้านะที่รัก…ที่รักเลือกอนาคตของตัวเองก่อนนะคะ”
การฝืนยิ้มนี่มันเหนื่อยหน้ามากเลยนะ
“เค้ารักพี่ฮยอนมากนะคะ ดูแลตัวเองดีๆ หลังจากนี้…ใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด เค้าจะรอดูวันที่พี่ประสบความสำเร็จนะ”
“ไม่เอาแบบนี้สิ” ชาฮยอนที่ร้องไห้อย่างหนัก ตอนนี้สายตาของคนตัวเล็กพร่ามัวไปด้วยม่านน้ำตาก่อนค่อยๆ วูบดับไป
ผ่านไปหลายชั่วโมงกว่าที่ชาฮยอนจะได้สติ ทันทีที่เจ้าของร่างเล็กลืมตาขึ้นมา เธอค่อยๆ ปรับสายตาให้ชินกับภาพรอบๆ ตัว…ที่มองยังไงก็ไม่ใช่ห้องประชุมเล็ก
“ตื่นแล้วหรอฮยอน” เสียงของอาจารย์พัคเอ่ยถามทันทีที่เห็นเพื่อนสนิทเริ่มขยับตัว
“พี่ฮยอนเป็นยังไงบ้างคะ ปวดหัวไหม” เสียงของดาอินพูดต่อขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ปรรณล่ะ ปรรณอยู่ไหน” เสียงคนบนเตียงถามด้วยความร้อนใจ พร้อมกับเขย่ามือเพื่อนสนิทเพื่อจะเอาคำตอบอย่างคนเอาแต่ใจ
เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอยังกอดเจ้าหมาเด็กของเธออยู่เลย
“ปรรณรัก…” อาจารย์พัคเม้มปากแน่น ไม่ต่างจากคนตัวเล็กที่กำลังจ้องมองไปที่เพื่อนเพื่อรอฟังคำตอบอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ในตอนที่ชาฮยอนเป็นลมหมดสติไป ปรรณรักได้พาชาฮยอนไปส่งที่โรงพยาบาลของมหาฯลัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกเรียน ก่อนจะรีบย้อนกลับไปคุยกับ ผอ. คิม อีกครั้ง
“อาจารย์คะ…หนูจะกลับไทยให้เองค่ะ”
ตอนนี้ปรรณรักทำได้แค่กำหมัดแน่นเพื่อข่มความอ่อนแอไม่ให้คนตรงหน้าเห็น และพยามกลั้นน้ำตาด้วยเม้มกัดริมฝีปากตัวเองจนมีเลือดไหลซึม ทำให้เจ้าตัวรับรู้ได้ถึงรสสนิมในปาก
“ปรรณรัก ที่เกาหลีน่ะ รักเพศเดียวกันมันอาจจะไม่ได้ผิดหรอกนะ แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สังคมยอมรับกันในวงกว้าง โดยเฉพาะพวกเรา…ที่อยู่ในแวดวงการศึกษา ครูต้องเป็นต้นแบบ เป็นแม่พิมพ์ที่ดีให้แก่ลูกศิษย์ และถ้าครูมาทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมซะเอง…” ผอ.คิม พูดออกไปด้วยสีหน้าหนักใจแต่สายตากลับแฝงไปด้วยความสะใจ ทั้งที่เจ้าตัวก็เคยเป็นครูสอนปรรณรักอยู่หลายเทอม
“อาจารย์คะ พี่ฮยอน…เอ่อ อาจารย์ฮยอนเขาคาดหวังกับทุนนี้มากนะคะ ถ้าเขาสมควรได้รับอยู่แล้ว ได้โปรดอย่าพรากโอกาสไปจากเขาไปเลยนะคะ” ปรรณรักกล่าวอ้อนวอนอดีตคุณครูของตัวเอง
“ปรรณไม่อยากให้อาจารย์ต้องลำบากใจกับเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วงนะคะ ปรรณจะทำตามสัญญาแน่นอน ยังไงปรรณรบกวนอาจารย์ด้วยนะคะ” ปรรณรักพูดจบก็โค้งคำนับแสดงความเคารพอาจารย์ของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“เฮ้ออออ…”
ปรรณรักหยุดยืนถอนหายใจอยู่ที่หน้าห้องพักผู้ป่วยชั้นเจ็ดของโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ภายในสถานศึกษา
“ปรรณรัก…” อาจารย์พัคเรียกชื่อคนตัวสูงจากทางด้านหลัง
“อาจารย์พัค…”
“เมื่อสักครู่ ผอ.คิม โทรมาบอกครูหมดแล้วนะ”
“ค่ะ ยังไงปรรณฝากพี่ฮยอนด้วยนะคะอาจารย์…”
“ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วยล่ะปรรณ” เพื่อนสนิทคนตัวเล็กเอ่ยถาม
“มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วค่ะ พี่ฮยอนทำเพื่อปรรณมาเยอะแล้ว ถึงเวลาที่ปรรณต้องทำเพื่อพี่เค้าบ้างแล้วค่ะ”
“…” รอยยิ้มที่เศร้าหมองบนใบหน้าของปรรณรักในตอนนี้ มีหรือที่คนเป็นครูอย่างเธอจะไม่รู้ว่าลูกศิษย์ของตัวเองเจ็บปวดแค่ไหนกับการตัดสินใจในครั้งนี้
“ปรรณขอตัวก่อนนะคะ จะรีบไปเก็บกระเป๋าแล้วไปสนามบินค่ะ”
“ต้องรีบขนาดนั้นเลยหรอปรรณ…จะไม่รอเจอฮยอนเขาหน่อยหรอ”
“…ไม่ดีกว่าค่ะ” ปรรณรักเม้มปากแน่น
“ครูคิดว่าฮยอนเค้าน่าจะ…” อาจารย์พัคยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ปรรณรักกลับพูดแทรกขึ้นมา
“อย่าเลยค่ะ ปรรณกลัว…กลัวเห็นหน้าพี่ฮยอนแล้วจะทำใจไม่ได้ค่ะ”
ปรรณรักก้มหัวทำความเคารพให้อาจารย์พัค ผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์และเป็นเพื่อนสนิทของคนรัก ก่อนหันหลังเดินจากไป
“อื้มม อื้มม…โชคดีนะปรรณรัก” อาจารย์พัคได้แต่มองลูกศิษย์คนโปรดของตัวเองค่อยๆ เดินลับตาไป