"ข้าจะปกป้องเจ้าสุดชีวี ต่อคนทั้งใต้หล้าปรปักษ์กับข้า เพื่อเจ้าแล้วนั่นเป็นเพียงฝุ่นธุลี" - ไป๋หลี่หรงอี้

ตำนานไท่เล่อเหริน - 2 พรรคต้าจิน โดย PHRAE_MAI @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,จีน,แฟนตาซี,ดราม่า,รัก,พระเอกครั่งรัก,การเมือง,ชาย-ชาย,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ตำนานไท่เล่อเหริน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,จีน,แฟนตาซี,ดราม่า,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกครั่งรัก,การเมือง,ชาย-ชาย,จีนโบราณ

รายละเอียด

"ข้าจะปกป้องเจ้าสุดชีวี ต่อคนทั้งใต้หล้าปรปักษ์กับข้า เพื่อเจ้าแล้วนั่นเป็นเพียงฝุ่นธุลี" - ไป๋หลี่หรงอี้

ผู้แต่ง

PHRAE_MAI

เรื่องย่อ

สารบัญ

ตำนานไท่เล่อเหริน-1 คุณชายไป๋ฉาง,ตำนานไท่เล่อเหริน-2 พรรคต้าจิน

เนื้อหา

2 พรรคต้าจิน





เมื่อห้าปีที่แล้ว พรรคต้าจินที่แพร่บารมี เริ่มระรานเมืองเล็กต่างๆ เพื่อให้มาอยู่ใต้อำนาจตน การล่าอานานิคมของพรรคต้าจินได้แพร่กระจาย และเริ่มเข้าไกล้แคว้นไท่เล่อเหรินเข้ามาเรื่อยๆ 


ครานั้นชื่อเสียงของไป๋ฉางลี่อิงก้องหล้า เมื่อขึ้นชื่อบุปผาสี่ฤดูของเมืองเป่ยเหลียง เมืองหลวงภาคกลางที่รุ่งเรืองที่สุดในยุทธจักร การที่จะครองยุทธภพอย่างแท้จริง ต้องล้มเมืองเป่ยเหลียงให้ได้ ถึงครานั้นจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง


จอมมารที่โฉดชั่วได้ยินคำพร้องร้องป่าว ว่าลี่อิงงามล่มยุทธภพก็นึกอยากได้บุปผาดอกนี้ไปครอบครอง แลกกับการไม่ยกทัพเข้าล่าอานานิคนของตนเข้ามาย่างก้าวเข้ามาแต่เสี้ยวเดียว นั่นคล้ายเป็นการเหยียดหยามและท้าทายเมืองเป่ยเหลียงโดยแท้ อนาถจักรที่รุ่งเรืองนับร้อยปีต้องยอมเพื่อสงบศึกกับมารที่ไม่มีอาระธรรมเช่นนั้นไม่

ไม่นานแคว้นไท่เล่อเหริน ก็ประกาศทำศึกสงคราใกับมารตัณหากลับ อย่างไม่หวาดกลัว เขาเริ่มจากตีเมืองที่มารร้ายอานานิคม ปลดปล่อยชาวเมือง คืนบ้านคืนเมืองให้แก่ประชาชนอย่างผาสุขซ้ำใน

ครั้งนั้นมารทั้งเก้าพันตนที่ะเข้ามาตีแคว้น ก็ล้มตายเพียงเพลงกระบี่ของไป๋ฉางลี่อิงได้เพลงเดียว เพลงกระบี่ถามไถ่อวลผกามรรคาเซียน เป็นเพลงกระบี่ที่ทรงอนุภาพที่สุดในบรรดาเพลงกระบี่พันปี เพลงกระบี่แคว้นต้าชิง ของตระกูลเซียวที่ล่มสลายแลสาปสูญไปนานนับร้อยปีอีกเช่นกัน เพลงกระบี่ท่าทีสง่าราวเซียนจุติ บางคนถึงกับอิจฉาพวกมารเหล่านั้นี่ได้เห็นความงามก่อนสิ้นชีพ 






แต่ใครจะไปรู้เบื้องหลังว่าเขาเป็นเช่นไรต่อจากนั้น เมื่อเขาเหาะเหินข้าไปในป่าล้มตัวลงพิงต้นไม้ใหญ่ใจกลางป่า กระบี่ก็พลันหักลงลี่อิงกระอักเลือดคำโต ดีเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ตายตกลงไปตั้งแต่ตอนนั้น

เขานอนหอมหายใจโรยรินอยู่ใต้ต้นพลัม เขาหลับตาเพียงชั่วครู่ก็พบที่อายุเพียงสิบหนาวเดินเข้ามาดูเขา เด็กคนนั้นท่าทีไร้เดียงสายิ่ง แต่ทักษะการแพทย์กลับยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เพียงแค่ไม่กี่วันก็ทำให้เขาก็ทุเลาความเจ็บปวดลงไปได้เยอะเชียว


“เกอเกอ ช่วนสอนกระบี่แก่ข้าได้หรือไม่”


เด็กน้อยพูดออกหน้านิ่งแต่แววตากลับคาดหวัง เมื่อครานั้นที่เขาได้สังหารกองทัพมารเก้าพันตน เด็กคนนี้ก็มองดูเขาด้วยความชื่นชม เมื่อเห็นว่าลี่อิงบาดเจ็บเช่นนี้ก็เข้าทีหมอน้อย ที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเพื่อแลกกับวิชากระบี่กระบอง


“หากเจ้าอยากให้ข้าสอน อีกห้าปีข้างหน้าเดินทางเข้ามาที่เป่ยเหลียง แล้วเปิดผ้าคลุมข้าออกให้ได้ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ และสอนวิชากระบี่ให้เจ้า”










“เจ้าหายดีแล้วแน่หรือปราณแท้ของเจ้าเสียหายไปหลายส่วนหรือไม่ แล้วกระบี่เจ้า... หลายปีมานี้เจ้าไม่พกกระบี่เพราะเหตุนี้เองหรือ”


เมื่อเล่าเรื่องราวจนหมดจด ศิษย์พี่ก็ซัดคำถามมาไม่วางปาก เขาเอ่ยท่าทีที่เป็นห่วงด้วยใจจริงพร้อมสลัดความเคร่งขรึมออกไปจนหมดสิ้น ทั้งยังฉวยคว้าข้อมือบางขึ้นมาเพื่อตรวจชีพจรปราณ


พร้อมหน้านิ่ว เมื่อลมปราณของอีกคนปั่นป่วนเป็นอย่างมาก หรงอี้มองหน้าลี่อิงด้วยความไม่พอใจ หลายปีมานี้ลี่อิงเอาแต่เก็บเงียบ ไม่ปริปากพูดแม้แต่น้อย ความลับนี้เป็นจุดอ่อนของเป่ยเหลียงโดยแท้ ไม่ต่างอะไรกับแก้วที่เปราะบาง พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ


“หรงอี้ ท่านอย่ากังวล”


“จะไม่ให้ข้ากังวลได้เช่นไร !”

พูดจบพรางวางข้อมือเล็กอย่างทะนุถนอม คล้ายกลัวจะบุบสลาย พร้อมหมุนตัวไปทิศอื่นด้วยไวพรางก้มเงยหน้าเล็กน้อยกระพริบตาถี่ๆ 


ตอนนี้ภายในห้องโถงใหญ่ของลี่อิงเงียบกริบ ไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว ภายใต้ผ้าคลุมหน้าขาวโปร่งบาง กลับร้อนผ่าวที่หน้าด้วยความเขินอายอย่างไม่รู้ตัว คนชุดำตลอดทั้งตัวก็พลันใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นตนเอง 


ไม่นานเจ้าเด็กชุดแดงก็ตื่นจากนิทรา เขาลืมตาขึ้นมาแล้วส่งเสียงโวยวายว่าตนอยู่ที่ไหน ลี่อิงลุกออกมาจากที่ตรงนั้นด้วยความไว ทีแรกปลีกตนออกไม่ได้ ในเมื่อเป็นเจ้าบ้านมีแขกมาหาก็ต้องนั่งเพื่อต้อนรับแขกอย่างมีมารยาท คล้ายกับเสียงสวรรค์เมื่อเด็กน้อยตื่นขึ้นมา 


“อาจารย์”

ลี่อิงชะงักไปเล็กน้อย เขาปลดเปลื้องผ้าคลุมหน้านั่นลงข้างๆตัว แล้วเผยรอยยิ้มออกมา เด็กหนุ่มคล้ายลมจะจับอีกรอบเสียให้ได้ เขาฝืนตนให้ลุกขึ้นมานั่ง เมื่อจะมองคนงามตรงหน้าได้อย่างถนัดถนี่


“เป็นอย่างไรบ้านศิษย์ข้า”


เด็กน้อยส่ายหัวพันละวัน เชิงปฏิเสธว่าตนนั้นไม่ได้เป็นอะไร แล้วฉีกยิ้มออกมาเมื่อทวนคำพูดเมื่อครู่ในหัวว่าลี่อิงเรียกตนว่าศิษย์แล้ว 


“เจ้าชื่ออะไรนะ?”


เขาลืมชื่อแซ่เด็กคนนัั้นจนหมดสิ้น


“เซียว เซียวจินเยว่”


"!!"

"!!"