"ไม่อยากได้เงินคืนอยากให้-เอา-คืนครับ"
รัก,ชาย-หญิง,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คนใจร้ายคนนี้...ของเธอ"ไม่อยากได้เงินคืนอยากให้-เอา-คืนครับ"
สาวน้อยแสนซื่อถูกส่งมาฝึกงานที่ไร่ชาแห่งแรกของภาคใต้
งานเหมือนจะง่ายแต่เธอกลับต้องมาเจอเจ้านายแสนโหดและเย็นชา
เธอจะมีชีวิตครบ 32 กลับไปรับปริญญาที่กรุงเทพไหม
หรือจะโดนหมกเป็นปุ๋ยบำรุงดินใต้ต้นชาเสียก่อน
ฉันบุหลันนักศึกษาปี 4 มหาลัยชื่อดังคณะทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากฉันเป็นนักศึกษาได้ทุนเรียนดีอาจารย์เลยแนะนำไม่สิเรียกว่าชักจูงจะดีกว่า ให้ลงมาฝึกงานที่ไร่ชาแห่งแรกของจังหวัดพัทลุง ซึ่งอาจารย์แม่หรือชื่อเต็มว่ารองศาสตราจารย์ ดร.กัลยาณี อรุณอักษร ชื่อก็บ่งบอกแล้วว่าท่านพูดเพราะขนาดไหน ฉันถึงยอมตกลงรับปากท่านแล้วนั่งรถทัวร์มาเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ฉันยืนเหม่ออยู่ไม่นานก็มีรถกระบะคันเก่าเข้ามาจอดใกล้ ๆ ผู้ชายที่ขับมาก็ชะโงกหน้ามาด้านฝั่งคนนั่งข้างที่กระจกเปิดอยู่ก่อนแล้ว เขามองมาที่ฉันด้วยสายตาเหมือนไม่สบอารมณ์
"เธอ...นักศึกษาฝึกงานใช่ไหม"
"ค่ะ"
"งั้นก็ขึ้นรถ"
"อ๋อ...ค่ะ"
ก่อนฉันจะตอบรับฉันแอบมองป้ายทะเบียนรถแล้วตรงกับที่อาจารย์แม่ส่งมา เพียงแต่คนขับรถไม่ตรงปกเท่าไหร่เพราะอาจารย์แม่บอกว่าจะเป็นคุณลุงแก่ ๆ ตัวผอมไม่สูงมากชื่อลุงบุญ แต่ที่ฉันเห็นอยู่น่าจะอายุ 30 ได้เนื้อตัวดูเหมือนเพิ่งไปคลุกดินมาก่อนจะขับรถมารับฉัน ผิวสีน้ำผึ้งแต่ก็เนียนใช้ได้เสียอย่างเดียวดุไปหน่อยสำหรับการเจอกันครั้งแรก
"ขอบคุณนะคะพี่ที่มารับ"
"อืม"
"อาจารย์บอกว่าลุงบุญจะมารับทำไมเป็นพี่ละคะ"
"ลุงบุญรถล้มฉันเลยมาแทน"
"อ๋อ...แบบนี้นี่เอง"
"แอร์เสียนะต้องเปิดกระจก"
"ค่ะ"
ความเงียบเข้ามาปกคลุมตลอดเวลาที่นั่งรถไปไร่เกือบ 1 ชั่วโมง บรรยากาศรอบตัวดีเหลือเกินต้นไม้สีเขียวกลิ่นอายธรรมชาติแท้ ๆ ทำให้ฉันเผลอตัวยื่นหน้าออกไปสูดอากาศนอกหน้าต่าง พอรู้ตัวก็รีบหันไปมองเขาแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เส้นทางเป็นทางลาดขึ้นเขาแต่ไม่ได้ชันมาก บางช่วงไม่มีสัญญาณมือถือฉันเลยตัดใจเก็บมือถือใส่กระเป๋า ยังดีที่ตอนลงรถฉันได้ส่งข้อความไปบอกอาจารย์แม่ไว้แล้ว เพราะเดี๋ยวถ้าท่านโทรมาไม่ติดอาจจะเป็นห่วงมากก็ได้ รถกำลังชะลอความเร็วแล้วเลี้ยวเข้าทางส่วนบุคคลที่มีป้ายไม้เขียนว่า ไร่ชาเจษฎาง ประตูไม้ใหญ่ถูกเปิดกว้างไว้อยู่แล้วเหมือนรอต้อนรับใครก็ตามที่จะที่นี่ก็สามารถเข้ามาได้เลย
ขับเข้ามาเพียง 200-300 เมตรรถกระบะสีส้มคันเก่าที่พาฉันมาถึงที่นี่ก็จอดสนิทและดับเครื่องลง ฉันก็เลยรีบเปิดประตูรถเอาตัวเองลงมาแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าที่หลังท้ายกระบะ เขายืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่ไม่ไกลมาก ฉันเองก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลยรอให้เขาสูบบุหรี่ให้เสร็จก่อน แล้วว่าจะถามเขาว่าออฟฟิศของที่นี่อยู่ไหน ใช่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหน้าของฉันไหม แต่เพราะหน้าตาแสนร้ายของเขาทำให้ฉันกลัวจนเผลอแทนตัวเองว่าหนู เวลาฉันตระหนกฉันจะพูดผิด ๆ ถูก ๆ ใช่คำบ้าน ๆ แทนเสมอ
"พี่ค่ะ...หนูต้องไปเจอผู้จัดการไร่ที่ชื่อคุณนนท์"
"อยู่ข้างในเข้าไปสิ"
"เอ่อ...ขอบคุณนะคะที่ไปรับ"
"อืม"
ถามคำตอบคำแต่ก็ยังดีที่ยังตอบ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยได้แต่ยิ้มให้เขาก่อนจะเดินตรงไปที่ออฟฟิศของไร่ เปิดเข้าไปมีผู้ชายผิวเหมือนพี่คนขับรถแต่ตัวบางกว่า เขาหันมาเจอฉันแล้วก็ยิ้มให้พร้อมกับลุกขึ้นเดินมาต้อนรับฉัน รอยยิ้มเขาทำให้ฉันค่อยหายเกร็งจากเสียงดุ ๆ ของพี่คนนั้น ฉันยกมือขึ้นสวัสดีคนตรงหน้า
"สวัสดีค่ะดิฉันจันทร์ญาดานักศึกษาที่อาจารย์กัลยาณีส่งมา"
"สวัสดีครับผมนนท์เรียกพี่นนท์ก็ได้นะ"
"ค่ะพี่นนท์"
"เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่บ้านพักแล้วจะพาชมไร่ก่อนจะได้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนแบบคร่าว ๆ งานเดี๋ยวค่อยมาเริ่มพรุ่งนี้ที่นี่นะ"
"ได้ค่ะ"
พี่นนท์เป็นคนยิ้มเก่งพูดไปก็ยิ้มไป บ้านพักของฉันอยู่ไม่ไกลเป็นส่วนหนึ่งของโฮมสเตย์ ที่นี่เป็นบ้านยกสูงมีแค่ห้องนอนกับห้องน้ำ ไม่ได้มีส่วนอื่นให้ใช้สอย แต่นี่ก็ถือว่าสบายมากแล้วฉันเองก็อยู่ได้เพราะบ้านที่ต่างจังหวัดของฉันก็แบบนี้ หลังจากพี่นนท์ส่งฉันเสร็จเขาก็บอกให้ฉันพักผ่อนก่อนอีกสักชั่วโมงค่อยเดินไปหาเขา เดี๋ยวเขาจะเตรียมรอมอเตอไซค์พาไปกินข้าวที่ครัวกลางแล้วค่อยไปทำเรื่องอื่น
น่าแปลกที่ฉันแอบนึกถึงหน้าตาแสนร้ายของพี่คนขับรถคนนั้น แม้ว่าจะดูไม่รับต้อนรับแขกแบบฉันแต่ฉันก็ยอมรับนะว่า ส่วนสูงและบางอย่างทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ควรมาเป็นคนขับรถเลย แต่ก็ช่างเถอะฉันจะไปคิดถึงเขาทำไมมีเวลา 3 เดือนที่ฉันต้องฝึกงานแล้วก็เขียนงานส่งอาจารย์แม่ ไม่มีเวลาสนใจใครหรืออะไรทั้งนั้น ฉันยกมือถือขึ้นดูว่ามีสัญญาณแล้วเลยโทรหาปู่กับย่า แจ้งว่าฉันถึงแล้วเพื่อไม่ให้ท่านเป็นห่วง ฉันรับปากว่าจะโทรหาท่านทุกวัน หลังจากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางจนเรียบร้อย ฉันจัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เดินลงไปจากบ้านเพื่อไปออฟฟิศ เสียงประตูที่เปิดออกพร้อมกันกับฉันคือหลังข้าง ๆ ที่ห่างกันไม่เยอะ เป็นเขาที่ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนดินตอนไปรับฉัน
"จ้องทำไม"
"ปะ เปล่าค่ะ...ก็แค่มอง"
"ฮึ"
"..."
"จะไปออฟฟิศก็รีบสิยืนบื้ออยู่ได้"
"เอ้า"
"ยัยบื้อ...ฮึ"