"ไม่อยากได้เงินคืนอยากให้-เอา-คืนครับ"

คนใจร้ายคนนี้...ของเธอ - 2 ปากร้าย โดย สีชาเย็น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คนใจร้ายคนนี้...ของเธอ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

"ไม่อยากได้เงินคืนอยากให้-เอา-คืนครับ"

ผู้แต่ง

สีชาเย็น

เรื่องย่อ

สาวน้อยแสนซื่อถูกส่งมาฝึกงานที่ไร่ชาแห่งแรกของภาคใต้

งานเหมือนจะง่ายแต่เธอกลับต้องมาเจอเจ้านายแสนโหดและเย็นชา

เธอจะมีชีวิตครบ 32 กลับไปรับปริญญาที่กรุงเทพไหม

หรือจะโดนหมกเป็นปุ๋ยบำรุงดินใต้ต้นชาเสียก่อน

 

สารบัญ

คนใจร้ายคนนี้...ของเธอ-1 แรกเจอ,คนใจร้ายคนนี้...ของเธอ-2 ปากร้าย

เนื้อหา

2 ปากร้าย

    ฉันเดินลงจากบันไดส่วนเขาน่าจะเพราะขายาวกว่าเลยลงนำหน้าไป ฉันเป็นฝ่ายเดินตามหลังเขาอย่างเงียบ ๆ จนไปถึงออฟฟิศ ตอนนี้มีพนักงานคนอื่นเพิ่มอีก 4-5 คน ฉันยกมือสวัสดีทุกคนเพราะฉันน่าจะเด็กสุดแล้วที่นี่ ทุกคนก็ยกมือรับไหว้ฉันแล้วก็แนะนำตัวว่าใครเป็นใครบ้าง ส่วนพี่คนขับรถก็เดินไปที่ห้องด้านในแล้วก็กลับออกมาก่อนที่ฉันจะออกไปพร้อมพี่นนท์ เขาพูดผ่ากลางวงขึ้นมาซึ่งทำให้ฉันแปลกใจ

"เดี๋ยวฉันพาไปเอง"

"ตามใจ...งั้นฉันไปคาเฟ่ก่อน"

พี่นนท์ตอบรับเขาทันทีโดยหันมาส่งยิ้มให้ฉันเหมือนเคย แล้วเขาก็เดินไปหยิบกุญแจรถอีกคันก่อนจะขึ้นรถมอไซค์ขับออกไปทางด้านหน้าไร่ และฉันที่อยู่นิ่งอยู่เพราะไม่รู้จะเอายังไงดี 

"ขึ้นรถสิยืนบื้อทำไม"

"พี่พูดจาดี ๆ ไม่เป็นหรอคะ"

"ตรงไหนที่พูดไม่ดี"

"พี่ว่าฉันบื้อ 2 ครั้งแล้ว"

"หรือไม่ใช่"

    ฉันไม่อยากเถียงกับเขาอีกเลยเลือกที่จะขึ้นไปซ้อนมอเตอร์ไซค์ตามที่เขาสั่ง อย่างน้อย ๆ  ถ้าเขาพาฉันไปส่งที่โรงครัวก็ยังดีกว่าต้องเดินไปเอง ยังดีที่รถคันนี้มีที่จับด้านหลังไม่งั้นตัวฉันคงได้ไหลไปแปะหลังเขาแน่ ๆ เล่นหยุดรถ ซะแรงขนาดนี้ เพียง 5 นาทีเขาก็พาฉันมาถึงโรงครัวกลางที่มีคนอยู่พอสมควร ให้ความรู้สึกเหมือนโรงอาหารที่มหาลัยเลย ทุกคนจะเดินไปตักอาหารใส่ถาดแล้วมานั่งกิน กินเสร็จก็เก็บตรงที่จัดเตรียมไว้ พอฉันก้าวเท้าเข้าไปทุกคนก็หันมา

 

มองกันหมด แถมยังยกมือไหว้ก่อนอีกด้วยทำเอาฉันรีบยกมือสวัสดีกลับคนทั้งโรงครัวแทบไม่ทัน จากนั้นทุกคนก็หันหน้าไปจัดการอาหารของตัวเอง ฉันรู้สึกเหมือนพวกเขากลัวอะไรก็ไม่รู้จะอ้าปากถามใครก็ไม่มีใครหันมาสบตาสักคน 

"จะกินไหมเดินดิ"

"..."

     เขาพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเคาน์เตอร์ยาวที่มีถาดอาหารเรียงวางอยู่ เขาหยิบถาดหลุมขึ้นมาแล้วก็เริ่มตักอาหารส่วนฉันก็ได้แต่ทำตามเขาอย่างเงียบ ๆ เมื่อตักเสร็จฉันก็มองหาโต๊ะว่างเพื่อจะได้นั่งกิน คิดว่ากินเสร็จก็จะได้เดินไปทักคนในไร่สักคน 2 คนเพื่อถามเรื่องงานในไร่บ้าง แต่ยังไม่ทันจะเดินเลี่ยงไป ก็ถูกเสียงดุของคนเดิมบอกให้ตามเขาไป

"ฉันไม่ได้อยากนั่งตรงนี้ค่ะ"

"กินเสร็จจะพาไปดูรอบ ๆ นั่งได้แล้วพูดมาก"

"พี่นั่นละ...พูดไม่ดี"

"แล้วอย่าริอาจเดินไปไหนมาไหนคนเดียวฉันขอเตือน"

"พี่เป็นใครจะมาสั่ง...นายหัวเหมืองก็ไม่ใช่"

"ฮึ...ระวังคนงานท้ายไร่กลัดมันลากไปทำเมียอย่ามาหาว่าไม่เตือน"

"ทำเมีย!!"

"เออดิ"

 

 

  ฉันหันมารอบตัวช้า ๆ ขนแขนแอบลุกชัน เลยรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานจนหมด พ่อแม่จ้าโปรดคุ้มครองบุหลันด้วยนะหนูยังไม่อยากเป็นเมียใคร ขอเรียนให้จบก่อนยังไม่เคยมีแฟนสักคนจะให้มาเป็นเมียคนงานที่นี่บุหลันทำใจไม่ได้นะจ๊ะ ฉันได้แต่อ้อนวอนภาวนาในใจถึงพ่อแม่ที่ขึ้นสวรรค์ไปตั้งแต่ฉันเล็ก ๆ ฉันจะเป็นอะไรไม่ได้ฉันต้องกลับมาดูแลปู่ย่าสิ นึกได้แบบนั้นฉันก็เงยหน้ามองคนปากร้ายที่นั่งตรงข้ามฉัน

"อะไร"

"เคยมีใครบอกไหมว่าพี่มันปากหมา"

     เสียงสำลักข้าวของเขาทำเอาฉันแอบสะใจไม่น้อย ไอ้เรื่องที่เขาขู่ฉันไม่รู้ว่ามันจริงเท็จแค่ไหนแต่ฉันก็รู้สึกว่าคนดี ๆ ที่ไหนจะมาพูดจาแบบนี้ใส่คนที่เพิ่งเจอกัน ปกติฉันไม่เคยว่าหรือเถียงใครทันเลยนะสงสัยวันนี้โดนหลายครั้งฉันเลยฟิลขาด แต่เขาดันไออยู่นานเลยกลับกลายเป็นว่าฉันต้องรีบไปเอาน้ำมาให้เขาดื่มเพื่อบรรเทาอาการไอ

"ดีขึ้นไหม"

"เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจา"

"พี่เริ่มก่อนนะฉันไปทำอะไรให้"

"กินเสร็จแล้วก็ลุกสิ...ชักช้า"

เขาพาฉันเดินดูรอบ ๆ อธิบายว่าตรงไหนเป็นอะไรไว้ทำอะไร กว่าจะเดินทั่วก็ปาไปเกือบเย็นแล้ว เขาบอกว่านี่ยังไม่พาเข้าไปในไร่นะแค่ดูว่ามีโรงเรือนทำอะไรบ้าง แล้วยังมีคาเฟ่ที่อยู่อีกด้านของไร่ตรงนั้นจะมีบรรยากาศสวยกว่าตรงนี้อีก ตอนนี้เหมือนเขายอมพักรบไม่ปากหมาอีก อาจเพราะอยากให้ฉันรีบทำงานเร็ว ๆ เลยรีบสอนให้อย่างดี ผิดกับก่อนหน้านี้แบบหน้ามือเป็นหลังตีนหมา

"ว่าแต่พี่ชื่ออะไรฉันชื่อจันทร์ญาดาเรียกดาก็ได้"

"เหมือง"

"ชื่อแปลกดีนะ"

"อืม"

"แล้วพี่ทำงานอะไรในไร่ล่ะ"

"ทุกอย่าง"

"โห...ขยันจัง"

"เราล่ะ...ทำไมมาฝึกงานที่นี่"

"ก็เกรงใจอาจารย์ท่านดีกับฉันมากบอกว่าถ้ามาที่นี่ฉันจะได้ความรู้เยอะมันดีกับตัวฉันเองในอนาคตถึงที่นี่จะไกลจากบ้านฉันมากก็เถอะ"

"อย่าร้องไห้หนีกลับก่อนล่ะ"

"เอ๊ะ...เมื่อกี๊พี่ว่าพี่ชื่ออะไรนะ"

"เหมือง...สมองปลาทองรึไงว่ะ"

"ทำไมพี่ไม่เปลี่ยนชื่อล่ะไปใช้ซ้ำกับเจ้าของไร่ไม่ดีนะคนจะหาว่าไม่เคารพผู้ใหญ่"

"ห๊ะ...นี่เธอคิดว่าเจ้าของที่นี่อายุเท่าไหร่"

"50-60 มั๊งฉันเห็นรูปท่านกับภรรยาอาจารย์เอาให้ดู"

"เฮ้อ...เธอไม่คิดว่าที่นี่เป็นของลูกชายเขาบ้างรึไง"

"อืมเนอะ"

"ก่อนมารู้อะไรบ้างเนี้ย...ยัยซื่อบื้อ"

 

     เสียงพี่นนท์เรียกฉันทำให้ฉันเลยต้องปิดปากลงก่อนจะเถียงกับเขา พี่นนท์เดินมาพร้อมกับหญิงสาวสวยคนหนึ่ง ท่าทางน่าจะเป็นคนรักของเขาฉันก็เลยยกมือสวัสดีอีกครั้งเพราะดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าฉันประมาณนึงได้ 

"สวัสดีจ้ะพี่ชื่อน้ำหวานนะเป็นภรรยาของพี่นนท์"

"จันทร์ญาดาค่ะเรียกดาก็ได้นะคะ"

"อ้าว...แล้วทำไมนายหัวมาอยู่กับน้องดาล่ะคะ"

"..."