โคบา อีลีฟ ถูกจับคู่กับ ลูทวิช มุลเลอร์ เพื่อล่าตัว"ฮิตเลอร์"ผู้นำสังหารหมู่ที่หนีความตายโดยการสิงสู่ผู้คนไปเรื่อยๆ ฉากหลังการล่าอาชญากรระดับ A-list ทำให้ความสนิทสนมถลำลึกไปถึงเตียงนอนอย่างช่วยไม่ได้
อาชญากรรม,ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,ไทย,สืบสวนสอบสวน,ผี,วาย,วายแฟนตาซี,yaoi ,อาชญากรรม,อาถรรพ์,18+,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Swastika Hunter อุดมการณ์รัก หักกันไปข้างโคบา อีลีฟ ถูกจับคู่กับ ลูทวิช มุลเลอร์ เพื่อล่าตัว"ฮิตเลอร์"ผู้นำสังหารหมู่ที่หนีความตายโดยการสิงสู่ผู้คนไปเรื่อยๆ ฉากหลังการล่าอาชญากรระดับ A-list ทำให้ความสนิทสนมถลำลึกไปถึงเตียงนอนอย่างช่วยไม่ได้
ผมเกิดเป็นหมารับใช้ ทั้งชีวิตทำได้อยู่สองอย่าง
เห่ายามว่างและกระโดดงับภารกิจ ต้องทำให้มันสำเร็จไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร
จะเป็นผู้ล่าหรือผู้ถูกล่าก็เก็บสถานะของคุณไว้ให้ดี จงอย่าเปิดเผยตัวตนต่อหน้าศัตรูเป็นอันขาด
สวัสดีค้ามาเปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว เรื่องนี้ร่วมกิจกรรมกับนักเขียนรถแห่นะคะ #รถแห่ชวนเขียนVol.5
โดยเลือกจากคีย์เวิร์ด 3ใน4 สงคราม / break the 4th wall / สังหารหมู่ / ตัวเอกเป็นหมา
นิยายเรื่องนี้เราเลือก สงคราม / break the 4th wall / สังหารหมู่ ค่ะ
ตอนแรกคิดว่ารอบนี้จะไม่ร่วมแล้ว เนื่องจากคีย์เวิร์ดโคตรยาก แต่จู่ๆ พล็อตแล่นมาพอดีไม่ทันตั้งตัว
เป็นเรื่องสั้น(แสนคำ) 10 ตอนจบเหมือนเดิมค่ะ จำนวนคำน่าจะ 3 หมื่นพอๆ กับเรื่องซาวด์นะคะ
เรื่องนี้เดิมที Location ประเทศไทยค่ะ แต่เนื่องด้วยอาชีพของพระเอกมันหมิ่นเหม่ไปหน่อย เราเลยเปลี่ยนเป็นประเทศสมมุติชื่อว่า 'Riche (ริเช)' แต่ยังคงความเป็นชื่อไทยเอาไว้ เพื่ออรรถรสและบอกความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติของนายเอกค่ะ'
เรื่องนี้เป็นการชิมลาง Yaoi เรื่องแรกนะคะ แต่กลิ่นอายเรื่องไม่ได้ชูเรื่องนี้ชัดเจน เลยเอามาลงหมวกสืบสวนดีกว่าซึ่งเป็นธีมหลักของเรื่องค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบนะค้าาาา
1.เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับสายสุขนิยมค่ะ
2.มีความสัมพันธ์ระหว่าง ชายxชาย ดำเนินเรื่อง
3.ไม่ใช่แนวรักจ๋า
4.หากไม่ชอบเรื่องไม่ถูกจริตสามารถกด x ได้เลยนะคะ
5.ไม่ด่าเสียๆ หายๆ หากคู่โผลไม่ตรงใจ สามารถกด x ได้เช่นกันค่ะ
6.เรื่องนี้มันเข้ามากระทันหัน ทำให้เรารีบปั่นให้ทันสิ้นเดือน เราจะปล่อย 3 ตอน หลังจากนั้นจะหยุดไปทำงานหลักสักแป๊บ แล้วจะกลับมาอัปอีกที วันที่ 6 นะคะ
7.อ่านคำเตือนอีกทีนะคะ ทำใจก่อนอ่าน 5555+
หลังจากที่เราไปบุกบ้านของคุณสักกะ ผมก็นำตัวเขามาอยู่ในห้องสอบสวนของกรม บอกตามตรงนะครับตอนนี้ผมยังตกใจไม่หาย
...ก็เขาเล่นชักปืนมายิงพวกเราแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยขนาดนั้น...
ไม่รู้คุณสักกะแกไปหลอนอะไรมา ทำราวกับรู้ตัวมาตลอดว่ากำลังถูกจับตาเล่นเอาพวกผมโต้กลับแทบไม่ทัน
เราได้รับรายงานว่าคุณสักกะแอบอ้างว่าสนิทกับเบื้องบน และใช้โอกาสนั้นโกยเงินเข้ากระเป๋า ก็ไม่รู้หรอกนะครับว่ามันประกอบไปด้วยธุรกิจอะไรบ้าง แต่ผมคิดว่ามันคงมีทั้งขาวและดำปนๆ กันไป
ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พวกเราเฝ้าสังเกตกันมานานแล้ว และเขาไม่มีท่าทีจะลดอำนาจบาตรใหญ่ที่ตัวเองชอบเบ่งเลย
แม้แต่งานเลี้ยงวันเกิด เบื้องหลังก็จัดเป็นที่ซ่องสุมสำหรับคนมีเงินดีลธุรกิจที่ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เชื่อเถอะว่ากองกันอยู่ในนี้เกือยครึ่ง
แน่นอนว่าในนั้นมันมีลูทด์ด้วย และอีกหลายคนที่อาจเป็นกุญแจไขปริศนาที่เหลืออยู่ จึงไม่แปลกเลยที่พวกเราจะเข้าไปทลายงานนี้และจับตัวคนต้นเรื่องอย่างคุณสักกะมาสอบถาม
ปึก
ผมวางแฟ้มประวัติของคุณสักกะไว้ตรงหน้าเพื่อคุยกับเขาไปพลาง และนั่งจดจ้องไม่วางตาไปครู่ใหญ่ จนเจ้าตัวต้องเป็นฝ่ายก้มหน้าหลบไปเอง
“อุกอาจน่าดูเลยนะครับเนี่ย” คำทักทายแรกจากผม
“ใช่ พวกคุณน่ะอุกอาจ”
“ห๊า...ผมหมายถึงการที่คุณชักปืนขึ้นมายิงพวกเราต่างหาก”
“ก็พวกคุณเล่นยกคนมาเป็นกองกำลังขนาดนั้น”
“แต่ก็รู้นี่ครับว่าพวกเราคือใคร ไม่ฆ่าคุณง่ายๆ หรอกน่า หรือคุณระแวงมานานแล้วว่าสักวันท่านจะลงมาลากคอคุณเอง”
“หุบปากนะโว้ย!”
“หุบทำไม ผมไม่ได้พูดมากเลยนะครับ แค่ถามปกติ”
แววตาของคุณสักกะแข็งกร้าวจนเห็นถึงเส้นเลือดสีแดงที่บ่งบอกถึงความโกรธได้เป็นอย่างดี
แต่ทันใดนั้นเองเขาก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาเปลี่ยนสีหน้าราวกับคนละคน ทำให้ผมไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าภายในใจของชายผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ผมจำแขกคนหนึ่งในงานนี้ได้ เขามาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำและอยู่ร่วมโต๊ะอาหารกับผมไม่ถึงชั่วโมงตามมารยาท เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลแต่ไม่ค่อยได้ออกสื่อสักเท่าไหร่ ท่านสนธิรัฐ สุทินพิสิษฐ์ โหรชื่อดังเบื้องหลังความมั่นคงในหลายยุค แล้วมันก็น่าตกใจมากที่ลูกชายคนเล็กของเขาดันหน้าคล้ายคุณ”
“ผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรนี่ครับ ว่าตัวเองเป็นลูกเต้าเหล่าใคร อีกอย่างพ่อของผมก็ไม่ได้อายุยืนถึงขนาดค้ำจุนความมั่นคงของประเทศหรอกในทุกยุคทุกสมัยหรอกนะครับ แต่ถ้าคุณหมายถึงตระกูลของผมละก็...ถูกครับตามนั้นแหละ”
“อย่าบอกนะว่าคุณส่งพ่อตัวเองมาดูลาดเลา ก่อนจะทำตัวเป็นหมาหมู่ถล่มงานวันเกิดของผมไม่เหลือซาก”
“นี่...คุณสักกะถ้ายังไม่หยุดมโนผมจะจับหัวคุณโขกกับโต๊ะ โดยไม่สนว่าหงอกบนหัวคุณมันจะมีกี่เส้น”
ซากที่ว่าเจ้าของงานเริ่มก่อนด้วยซ้ำ ผมจึงกอดอกแสดงท่าทีไม่พอใจให้เขาเห็น พวกเราไม่ได้กดดันทางจิตวิทยากับเขาเลย ไม่ได้ปฏิบัติกับเหมือนผู้ต้องหาเสียด้วยซ้ำ
คำถามทั้งหมดมันเรียบง่ายและเปิดโอกาสดีลไว้ชัดเจน ว่าถ้าเขาเลิกพฤติกรรมนี้ก็จะไม่มีอันตรายอะไรกับชีวิต แต่ดันมาละลาบละล้วงเรื่องครอบครัวของผมนี่น่ะสิ สมควรจะปล่อยเขาไปมั้ยเนี่ย
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” เขาไม่สำนึกแถมยังยื่นหน้ามาใกล้ผมเพื่อตอกย้ำสถานะอาวุโส เครื่องมือที่เหมือนใบเบิกทางของคนขี้ขลาดเวลาจนตรอกและสู้อะไรไม่ได้อีกแล้ว
ตึ้ง!!
ผมจึงจัดให้ตามคำขอ โดยการดึงเนกไทเขาเอาไว้ไม่ให้มีโอกาสได้ยืดตัวไปไหน จากนั้นใช้มือกดหัวเขากระแทกพื้นโต๊ะอย่างแรง จนรู้สึกว่าได้ว่ามันเด้งเหมือนลูกบาสเลยทีเดียว ส่งผลให้ร่างกายซวนเซถอยหลัง ซึ่งดีเท่าไหร่แล้วที่เก้าอี้มันมีพนักพิงให้เขาเอนไปทิ้งตัวอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่ละก็...คงได้เห็นฉากล้มหงายท้องของเจ้าสัวใหญ่ผู้ร่ำรวยไปแล้ว
และไม่ต้องเดาอะไรให้มาก ท่ามกลางความมึนงงที่หัวโดนโขก เขาฉายแววตาชัดเจนว่าโกรธจนพูดอะไรไม่ออก
“ไม่น่าเอาอายุมาขู่เจ้าหน้าที่รัฐเลยนะครับ จบไม่สวยสักราย”
“หึ ราชองครักษ์จัดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วยเหรอไอ้หนู”
ปากเขายังไม่สิ้นกลิ่นคนแก่ เมื่อสายตาของคุณสักกะมองมายังอกเสื้อของผมที่มีรูปดาบไขว้กันเป็นกากบาท
...ใช่มันคือที่มาของฉายาคณะดาบเงิน...
“รับเงินเดือนแบบข้าราชการ มีหน้ามีหน้าแบบข้าราชการ ถ้าไม่ใช่ มันจะไปเป็นซากอะไรได้อีกล่ะครับ” สิ้นคำพูดนี้ดูเหมือนคุณสักกะอยากลุกขึ้นมาต่อยหน้าของผมเหลือเกิน แต่คงพึงระลึกได้ว่าที่นี่มันถิ่นของใคร หากวู่วามขึ้นมาก็เป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่จะซวย
“โคบา” ไม่นานนักก็มีเสียงของนาตาลีดังขึ้นมา
ผมจึงหันไปมอง ก็ได้เห็นแค่หน้าของเธอที่โผล่พ้นประตูเท่านั้น การที่ดูเร่งรีบจนไม่มีเวลาเข้ามาในห้องแสดงว่ามีเรื่องด่วนอะไรแน่ๆ ผมจึงกลับไปมองคุณสักกะและทิ้งท้ายในสิ่งที่เขาต้องทำ
“ถ้าคุณอยากกลับบ้านไวๆ แนะนำให้รับข้อเสนอของพวกเราทุกอย่าง ไม่งั้นก็เลือกเอาว่าจะโดนยึดทรัพย์หรือโกนหัวเข้าคุก” ผมเดินออกไปซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับเจ้าหน้าที่คนอื่นมานั่งสืบสวนต่อ
ผมกับนาตาลีเดินไปตามทางเดินยาวอย่างรวดเร็ว เป้าหมายคือลิฟต์ที่จะลงไปยังชั้นใต้ดิน ซึ่งที่นั่นมีร่างของลูทด์อยู่ในความคุ้มกันที่แน่นหนา ซึ่งมีแต่ผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นที่เข้าไปได้
“เป็นไงบ้าง ยอมตกลงมั้ยไอ้แก่คนนั้น”
“ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นไอ้แก่ ลีลาอยู่นั่นแหละ มันไม่ได้เลือกยากเลยนะระหว่างอยากมีชีวิตกับความตาย แถมยังมีขยี้เรื่องครอบครัวผมด้วย”
“เขารู้แล้วเหรอ ว่าเธอก็เป็นไฮโซโก้หรูไม่เบา”
“อย่าพูดอะไรแบบนี้ได้มั้ย เรื่องหน้าใหญ่ใจโตชอบออกสื่อออกแสงให้เป็นความสามารถของพี่ๆ ผมเถอะ แต่ก็นับว่าผมเก็บตัวมิดชิดนะ กว่าเขาจะรู้ว่าผมคือใครเล่นจ้องหน้าผมซะนานเลย”
“ใครจะไม่ตื่นเต้นบ้าง เกิดในครอบครัวโหรชื่อดังทำงานเป็นหน่วยราชองครักษ์ ประวัติแบบนี้คุณหนูลูทด์ยังแพ้เลยนะ”
“พอเถอะน่า” ผมโบกมือตัดรำคาญใส่นาตาลี แต่เจ้าตัวเหมือนจะชอบใจที่ได้แหย่ผมเล่น ก็แน่สิทั้งเรื่องครอบครัวและตำแหน่งงาน ผมไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ การที่เรามีนามสกุลโดดเด่นจนคนสนใจมากกว่าความสามารถ เป็นใครก็ต้องหงุดหงิดแหละครับ
อีกอย่างนาตาลีเองเป็นตำแหน่งเดียวกันนี่แหละ ฐานะก็พอๆ กับผม ทำเป็นแซวเหมือนตัวเองเป็นลูกแม่ค้าเสียอย่างนั้น
หน่วยราชองครักษ์ (King Guard)
แค่ชื่อก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายถึงขอบข่ายอำนาจพวกเรา นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม จู่ๆ ผมจึงโผล่หน้าไปที่กรมสืบสวนกลางของ GKI
และได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าเฉพาะกิจของมิชชั่นตามหาฮิตเลอร์ และไม่แปลกหากผมจะเข้างานออกงานไม่ตรงเวลา เพราะต้องไปมาระหว่างที่นั่นและสำนักงานของกรมอารักขาบ่อยๆ
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ กรมสืบสวนกลางในระยะ 5เดือนมานี้ อยู่ในการควบคุมของผมเพียงคนเดียว ทุกคนขึ้นตรงกับผมรายงานความเคลื่อนไหวกับผมแม้แต่ผู้บัญชาการสูงสุดของที่นั่นก็ต้องฟังผม
นี่ไม่ใช่การแสดงอำนาจกดหัวอะไรของราชองครักษ์ แต่เพราะภาชนะของวิญญาณฮิตเลอร์คือลูทด์ซึ่งเป็นพนักงานของรัฐ เรื่องนี้จึงต้องถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
แต่ต่อไปนี้มันก็จบแล้วล่ะ ผมหวังว่าระดับหัวหน้าของ GKI คงได้หายใจหายคอมากขึ้นหลังจากเกร็งตัวเกรงใจกันมาเกือบครึ่งปี
ราชองครักษ์มีอยู่หลายหน่วย บางแผนกก็เต็มไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อ เช่นเดียวกับความรับผิดชอบที่ผมดูแลอยู่ ซึ่งมันเกี่ยวกับเวทมนตร์ต่างๆ หรือสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น
เพราะผมมีความสามารถพิเศษที่คนอื่นไม่มี ซึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้กับตระกูลผมละนะ ที่ไล่ผีจนได้ดีแถมคลอดลูกออกหลานที่มีสัมผัสที่6 มาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน และพวกเราก็ถูกบรรจุเป็นหน่วยอารักขามาตลอดราวกับว่านี้คืออาชีพประจำตระกูล
“นั่นไงคุณหนูลูธด์ของนาย”
เราเดินมาถึงแล็บใต้ดิน นาตาลีใช้สายตาชี้ไปยังร่างเปลือยเปล่าในห้องกระจกที่พวกเราไม่อาจจะไปยุ่มย่ามได้
...บนเตียงโลหะอันไร้ที่กั้น ลูธด์นอนอยู่บนนั้น...
และถูกพันธนาการไปตัวที่รัดกาย ที่แทบจะทำให้เขาเป็นแหนม และก็ดิ้นพล่านพยายามบิดร่างกายจนใบหน้าแดงฉานจากการออกแรงที่มากเกินไป เจ้าหน้าที่หลายคนแทบเอาไม่อยู่
ดูเหมือนการดึงวิญญาณร้ายออกจากลูทด์มันจะดำเนินมาหลายชั่วโมงแล้ว ภายในห้องปฏิบัติการแห่งนี้เต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่ลงอาคมและมียันต์กำกับอยู่ทุกชิ้น
ยุควิวัฒนาการก็แบบนี้แหละครับ มีเครื่องมือทุ่นแรงหลายอย่างหมอผีอย่างผมจึงไม่ต้องมานั่งร่ายมนตร์คาถาพร่ำเพรื่อ การมองเห็นวิญญาณของคนทั่วไปก็ทำได้โดยมองจากจอมอนิเตอร์
ซึ่งตอนนี้กลุ่มควันสีเทากำลังระเหยออกจากตัวลูทด์ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญใช้มีดหมอจรดด้านคมลงใจกลางหน้าผาก แม้มีเลือดบ้างจากการดีดดิ้นของเขาแต่ก็ไม่ได้เป็นแผลลึกอะไรมากมายนัก
ตัวมีดนั้นสุดปลายด้ามเป็นท่อต่อยืดหยุ่นเหมือนสายยาง มันถูกเชื่อมไปยังเตาปฏิกรณ์ทรงตั้งสูง ที่ทั้งตัวนั้นทำด้วยกระจกพิเศษที่มีชิ้นส่วนของอะไหล่จอเข้าไปผสม ทำให้คนไร้สัมผัสที่6 ได้เห็นถึงมวลวิญญาณและค่าความเข้มข้นของมัน
...อดทนเข้าไว้ลูทด์ อีกไม่นานหรอก...
ผมยืนกอดอกอย่างเคร่งเครียดเมื่อทุกการขัดขืน เขาดิ้นพล่านเหมือนมีเข็มนับพันเข้าไปทิ่มแทงกาย
หากคุณจะจินตนาการความเจ็บปวดของเขาไม่ออก ผมขอยกตัวอย่างใกล้เคียงว่ามันเหมือนโดนผ่าตัดสดโดยไม่ใช้ยาสลบนั่นแหละ
จากนั้นไม่นานกลุ่มควันก็เริ่มบางเบาลง เป็นสัญญาณที่ดีกว่าวิญญาณร้ายใกล้ออกไปหมดแล้ว
“ดำไปปะ” นาตาลีที่ยืนข้างๆ ดูอึ้งไปนิดหน่อยเมื่อเห็นหมอกควันสีทมิฬภายในเตาปฏิกรณ์
“ยิ่งดำมากเท่าไหร่ ก็แสดงว่าความชั่วร้ายยิ่งมีมากเท่านั้น ซึ่งไม่แปลกเลยสำหรับฮิตเลอร์”
เรามองอย่างไม่กระพริบตากับปฏิบัติการเหล่านี้ จนกระทั่งลูทด์แน่นิ่งไป และสายต่อของมีดหมอที่เชื่อมกับเตามันขาวใส่แสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรวิ่งผ่านแล้ว นี่จึงเป็นจุดสิ้นสุดของวิญญาณร้ายในร่างลูดท์
วินาทีนี้ทำให้ผมถอนหายใจโล่งเป็นปลิดทิ้ง จากนั้นไม่นานก็มีหน่วยฟื้นฟูร่างกายเข็นร่างลูทด์ออกมาโดยไม่ลืมใช้ผ้าผืนใหญ่คลุมร่างกายเขาด้วย
และเตียงนั้นก็ถูกเข็นออกมาเพื่อผ่านหน้าของผมไป แม้ในใจอยากสัมผัสเขาเพื่อสอดส่องอาการแต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้ เพราะไม่อยากแสดงพิรุธให้เห็นความสัมพันธ์ของเรา
“ไม่เคยไล่ผีนานขนาดนี้เลยว่ะ แม่งโหดจริงสมเป็นหัวหอกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว” เพื่อร่วมแผนกของผมออกมาด้วยใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อ
“เอ่อ แต่นายก็ทำได้ดีนี่หว่าเพื่อน แล้ว...เขาจะฟื้นเมื่อไหร่” ผมแอบถามอาการของลูทด์
“อาจจะใช้เวลาหลายอาทิตย์ เพราะต้องเช็กว่าไม่เหลือมวลวิญญาณอยู่ในตัวแล้วจริงๆ อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่สำคัญกว่านั้นคือการล้างชื่อในบัญชีดำต่างหาก”
“คงต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในกรมไปก่อนสินะ ใช้เวลาเป็นเดือนแน่ๆ”
“ตามนั้นละว่ะ ฉันไปก่อนล่ะเหนื่อยชิบ”
“โชคดี” ผมกล่าวคำอำลาและตบไปยังไหล่ของเพื่อนร่วมงานเบาๆ ซึ่งประจวบเหมาะกับที่นาตาลีมองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่มเหมือนเคย
“ยังไงก็ต้องอยู่ในความดูแลของนายแน่นอน หักห้ามใจเอาไว้อย่าเผลอจัดหนักคุณหนูลูทด์ล่ะ สถานที่ข้าราชการมันไม่เหมาะนะจ๊ะ”
“เห้ย! ผมไม่ได้เงี่ยนขนาดนั้นนะเว้ย”
ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นผู้ชายผมฟาดกระบาลไปแล้ว ข้อหามาแซวให้ผมเสียทรงแล้วคุณเธอก็เป็นประเภทอ่านใจผมออกซะด้วย
ผมยอมรับว่าตอนนี้ไม่อาจจะละสายตาไปจากลูทด์ได้ ไม่ว่าจุดเริ่มต้นของเรามันจะมาจากเซ็กซ์หรืออะไรก็ตาม แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่า...
...ถ้ามีโอกาสผมอยากลองพัฒนาความสัมพันธ์นี้ดู ...