โคบา อีลีฟ ถูกจับคู่กับ ลูทวิช มุลเลอร์ เพื่อล่าตัว"ฮิตเลอร์"ผู้นำสังหารหมู่ที่หนีความตายโดยการสิงสู่ผู้คนไปเรื่อยๆ ฉากหลังการล่าอาชญากรระดับ A-list ทำให้ความสนิทสนมถลำลึกไปถึงเตียงนอนอย่างช่วยไม่ได้
อาชญากรรม,ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,ไทย,สืบสวนสอบสวน,ผี,วาย,วายแฟนตาซี,yaoi ,อาชญากรรม,อาถรรพ์,18+,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Swastika Hunter อุดมการณ์รัก หักกันไปข้างโคบา อีลีฟ ถูกจับคู่กับ ลูทวิช มุลเลอร์ เพื่อล่าตัว"ฮิตเลอร์"ผู้นำสังหารหมู่ที่หนีความตายโดยการสิงสู่ผู้คนไปเรื่อยๆ ฉากหลังการล่าอาชญากรระดับ A-list ทำให้ความสนิทสนมถลำลึกไปถึงเตียงนอนอย่างช่วยไม่ได้
ผมเกิดเป็นหมารับใช้ ทั้งชีวิตทำได้อยู่สองอย่าง
เห่ายามว่างและกระโดดงับภารกิจ ต้องทำให้มันสำเร็จไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร
จะเป็นผู้ล่าหรือผู้ถูกล่าก็เก็บสถานะของคุณไว้ให้ดี จงอย่าเปิดเผยตัวตนต่อหน้าศัตรูเป็นอันขาด
สวัสดีค้ามาเปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว เรื่องนี้ร่วมกิจกรรมกับนักเขียนรถแห่นะคะ #รถแห่ชวนเขียนVol.5
โดยเลือกจากคีย์เวิร์ด 3ใน4 สงคราม / break the 4th wall / สังหารหมู่ / ตัวเอกเป็นหมา
นิยายเรื่องนี้เราเลือก สงคราม / break the 4th wall / สังหารหมู่ ค่ะ
ตอนแรกคิดว่ารอบนี้จะไม่ร่วมแล้ว เนื่องจากคีย์เวิร์ดโคตรยาก แต่จู่ๆ พล็อตแล่นมาพอดีไม่ทันตั้งตัว
เป็นเรื่องสั้น(แสนคำ) 10 ตอนจบเหมือนเดิมค่ะ จำนวนคำน่าจะ 3 หมื่นพอๆ กับเรื่องซาวด์นะคะ
เรื่องนี้เดิมที Location ประเทศไทยค่ะ แต่เนื่องด้วยอาชีพของพระเอกมันหมิ่นเหม่ไปหน่อย เราเลยเปลี่ยนเป็นประเทศสมมุติชื่อว่า 'Riche (ริเช)' แต่ยังคงความเป็นชื่อไทยเอาไว้ เพื่ออรรถรสและบอกความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติของนายเอกค่ะ'
เรื่องนี้เป็นการชิมลาง Yaoi เรื่องแรกนะคะ แต่กลิ่นอายเรื่องไม่ได้ชูเรื่องนี้ชัดเจน เลยเอามาลงหมวกสืบสวนดีกว่าซึ่งเป็นธีมหลักของเรื่องค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบนะค้าาาา
1.เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับสายสุขนิยมค่ะ
2.มีความสัมพันธ์ระหว่าง ชายxชาย ดำเนินเรื่อง
3.ไม่ใช่แนวรักจ๋า
4.หากไม่ชอบเรื่องไม่ถูกจริตสามารถกด x ได้เลยนะคะ
5.ไม่ด่าเสียๆ หายๆ หากคู่โผลไม่ตรงใจ สามารถกด x ได้เช่นกันค่ะ
6.เรื่องนี้มันเข้ามากระทันหัน ทำให้เรารีบปั่นให้ทันสิ้นเดือน เราจะปล่อย 3 ตอน หลังจากนั้นจะหยุดไปทำงานหลักสักแป๊บ แล้วจะกลับมาอัปอีกที วันที่ 6 นะคะ
7.อ่านคำเตือนอีกทีนะคะ ทำใจก่อนอ่าน 5555+
ครอบครัวของผมล้วนต้องสงสัยอย่างนั้นเหรอ....?
มันเป็นเรื่องยากสำหรับผม ที่ต้องลงมือสืบสวนครอบครัวของตัวเอง เพื่อแลกกับการล้างชื่อออกจากบัญชีดำ ซึ่งในขณะนี้ผมได้ออกมาจากกรมอารักขาและมีโคบาคอยคุ้มอยู่ไม่ห่าง แม้จะใส่กำไลที่ข้อเท้าไว้แล้วก็ตาม
แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือเหตุผลจอมปลอมที่ต้องหลอกแม่ ว่าเหตุใดผมถึงออกจากการคุมขังไวกว่ากำหนด
แล้วก็ตามสไตล์คนรวยแหละครับ งานเลี้ยงต้อนรับต้องมา ผมล่ะยอมใจแม่เลยเจอเหตุการณ์ถล่มวันเกิดคุณลุงก็ยังมีกะใจสังสรรค์ ไม่รู้สึกแพนิคเหมือนคนอื่นเขาบ้างเลยเหรอ
ทำให้ตอนนี้ผมจึงนั่งเงียบๆ และสอดส่องไปยังแขกทุกคนที่เดินขวักไขว่อยู่ในงาน โดยมีแม่ผมยืนต้อนรับ
แม่เลือกสวนหน้าบ้านเป็นงานจัดเลี้ยง คงได้ประสบการณ์จากงานวันเกิดคุณลุงแน่ๆ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นทางหนีทีไล่ที่โล่งโจ้งน่าจะปลอดภัยกว่า
ไม่นานนัก บุคคลที่เกาะติดหนึบก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมไม่รู้หรอกนะว่าโคไปเปลาะหนึ่งไปที่ไหนมา แต่สายลับที่มีพลังพิเศษอย่างเขาก็คงสำรวจรอบบ้านผมนั่นแหละ ยิ่งผู้คนสนใจแต่ความสนุกตรงหน้า ไม่มีเวลามานั่งสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของคนอื่น บอกเลยว่าหวานปากเขาล่ะ
ถามว่าผมพอใจไหม?มันก็ต้องไม่อยู่แล้วแต่ทำไงได้ล่ะพวกคุณก็รู้ว่าอำนาจของกรมอารักขามีมากแค่ไหน
“แล้วไง เจออะไรบ้างล่ะ?”
“ผมแค่ไปเข้าห้องน้ำ”
“อย่ามาตลก ผมโง่แค่ตอนนอนให้คุณเอาเท่านั้นแหละ”
...ใครจะเชื่อวะ ถามจริง...
“แม่คุณไม่คิดจะปล่อยพ่อออกมารับลมบ้างเลยเหรอ ผมแอบเห็นตอนลอบเข้าไปข้างในว่ามีแต่พยาบาลดูแล เดินเล่นบริเวณบ้านมันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“ไม่รู้สิ ส่วนใหญ่ผมอยู่คอนโด แม่รักพ่อจะตายคงไม่อยากให้มาเดินเตร่จนลำบาก”
“งั้นเหรอ…” น้ำเสียงของเขาแกมเยาะเย้ยเล็กน้อย ราวกับผมนั้นเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“หมายความว่าไง”
“หืม...อะไร”
“ก็น้ำเสียงของคุณ มันไม่น่าไว้ใจ คุณรู้อะไร”
“รู้อะไร?” ยังมีหน้ามาถามกลับอีก ผมแทบอยากกระชากคอเขาแล้วฟาดหัวเขากับโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“ผมไม่ขำนะโว้ยโคบา”
“ผมว่าคุณอาจจะเครียดเกินไป ไปเดินกินอาหารที่แม่คุณอุตส่าห์เตรียมสำหรับงานนี้มั้ย ผมลองชิมแล้วมันอร่อยดี”
“ไม่โว้ย!”
ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากด่าเขาต่อ ก็มีบุคคลคุ้นเคยเข้ามานั่งแจมที่โต๊ะซึ่งเขาไม่ใช่ใครที่ไหน คุณอาอันทอนนั่นเอง ผมจึงจัดระเบียบสูทตัวเองเล็กน้อยเพื่อเรียกสติจากการหัวเสียใจโคบา
“ว่าไงหลานชาย นั่นเพื่อนเหรอ” จากนั้นคุณอาหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ ส่วนคำถามของเขาจะตอบยังไงดีล่ะ...เพื่อนมั้ยนะ ก็เพื่อนแหละ เพื่อนที่เอากันบ่อย
...แม่ง ตอบยากจังวะ...
“สวัสดีครับ ผมโคบาเป็นเพื่อนของคุณลูทด์” แต่ก็ไม่ทันเจ้าคนปากไวไปได้หรอก เขาไม่มีความคิดสะดุดเลยสักนิดเดียวราวกับว่าความสัมพันธ์ของเรามันเป็นเพียงลมที่พัดผ่านไป อย่างผมยังแอบคิดบ้างนะว่าจะตอบอะไร แต่เอาเถอะไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งน้อยใจอะไร
“การที่ลูทด์พาเพื่อนมา บ้านมันเกิดขึ้นไม่บ่อยนักหรอกนะ”
คุณอาไม่รูดซิปปาดเอาเสียเลย พูดแบบนี้ไอ้คนข้างๆ ก็หันมายิ้มพอดี! เพราะมันเหมือนผมพาเขามาให้คนที่บ้านดูตัว เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ที่จริงจังอะไรทำนองนั้น
“งั้นเหรอครับ ผมรู้สึกพิเศษขึ้นมาทันทีเลยนะเนี่ย”
“แล้วคุณโคบาทำงานเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ”
“ก็เหมือนลูทด์นั่นแหละครับ ผมอยู่กรมสืบสวน GKI”
...โกหกหน้าตายมาก กล้าๆ หน่อยสิ บอกไปเลยว่าเป็นคณะดาบเงิน...
“อ้อ...อย่างนั้นเหรอครับ” จู่ๆ คุณอาอันทอนก็หน้าถอดสีไปเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าโคบาทำงานอะไร ซึ่งผมไม่เข้าใจนัก เพราะผมก็เป็นสายสืบเหมือนกัน แต่ไม่เห็นคุณอามีปฏิกิริยาแบบนี้มาก่อน
...แต่เดี๋ยวนะ โคบามันไปถล่มงานคุณลุงด้วยนี่หว่า...
ผมกำลังกลัวนะเนี่ย เพราะวันนั้นคุณอาก็อยู่ด้วย ถ้าหากจำหน้าโคบาได้ เกรงว่าการแฝงตัววันนี้มันจะล่มไม่เป็นท่าน่ะสิ อีกอย่างทั้งสองคนก็จ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละซะด้วย
“ไม่ชอบสายลับเหรอครับ”
อ้าว! เฮ้ย! ถามอะไรตรงขนาดนั้น ผมชักอยากกระชากคอเสื้อเขาเพื่อเรียกสติจริงๆ แล้วนะ ถ้าภารกิจนี้ล่มก็เป็นผมนี่แหละที่จะลำบาก ล้างบัญชีดำให้ตัวเองไม่ได้กันพอดี
ญาติคนอื่นผมก็มี ทำไมเขาไม่ไปด้อมๆ มองๆ บ้างวะ ใครอยู่ใกล้ตัวสุดก็สงสัยไปก่อนเลยงี้เหรอ?
“แหม คำถามของคุณเล่นซะผมไปไม่เป็นเลยนะครับ”
“เห็นคุณทำหน้าแปลกๆ น่ะครับ ก็เลยลองเดาเล่นๆ”
“สายลับเนี่ย มันออกแนวรู้เรื่องชาวบ้านเกินไปน่ะครับ บางทีผมก็ไม่อยากเสวนาด้วย” เอ่อ...คุณอาก็ตรงไม่แพ้กันเลยนี่หว่า
“ปกติแล้ว...ถ้าไม่มีอะไรปกปิดก็ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”
ขอร้องล่ะโคบาอย่าไล่ต้อนคุณอาผมขนาดนี้ได้มั้ย ผมชักใจไม่ดีแล้วสิ ไม่ใช่ว่าตัวเขาตั้งธงมาแล้วเหรอว่าใครน่าสงสัย แค่มาใช้บริการผมบังหน้า เป็นพวกคุณจะคิดเหมือนกันไหม ในเมื่อเขาก็เคยหลอกผมอย่างแนบเนียนมาแล้ว
“ทำไมลูกไม่ไปทักทายแขกบ้างล่ะลูทด์”
จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ขัดขึ้นมาท่ามกลางการจ้องเขม็งระหว่างคุณอากับโคบา ผมเกือบจะวางใจไปเปลาะหนึ่งถ้าแม่ไม่หุบยิ้มและเปลี่ยนสีหน้าเป็นขึงขังเหมือนคุณอาซะก่อน
...แม่ง นี่มันเรื่องอะไรกันวะ...
“ผมโคบา เอส อีลีฟ ครับคุณหญิงอาภา” โคบาลุกเพื่อยื่นมือไปทักทายแม่ของผม แต่มันก็ค้างเติ่งอยู่แบบนั้น เพราะแม่ไม่มีท่าทีอยากรู้จักมักจี่เขาเอาเสียเลย
“ดิฉันรู้ค่ะว่าคุณคือใคร” คำพูดนี้มันคงทำให้โคบารู้แน่ชัดแล้ว ว่าแม่ของผมไม่ชอบขี้หน้าเขา
“ยินดีนะครับ ที่ผมไม่ต้องแนะนำตัวซ้ำซาก”
แม่งเอ๊ย คุณช่วยหุบปากกวนๆ ได้ไหมวะโคบา ตอนนี้แม่ผมเรียกได้ว่าจะบ่นไฟใส่เขาอยู่กลายๆ แล้วล่ะครับ
“ไวน์ ที่นำติดตัวมาอยู่ไหนล่ะคะคุณอันทอน” แม่ของผมจึงตอบโต้โดยการเมินโคบาและ หันไปคุยกับคุณอาแทน
“อ้อ...นั่นสิลืมของดีไปเลย อยู่ในห้องเก็บไวน์ครับ คุณหญิงจะไปเอาด้วยกันไหม”
“ไปสิคะ”
สายตาของโคบามองจ้องไปยังแผ่นหลังของทั้งคู่ที่เดินเข้าไปในตัวบ้าน จนผมอดกระชากชายเสื้อเพื่อให้เขานั่งลงกับเก้าอี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะผมอยากรู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่
“คำพูดของคุณ มันไม่น่าไว้ใจเลยนะ มีอะไรรึเปล่า”
“ผมก็พูดปกติ”
“หยุดทำให้ผมหัวร้อนไปมากกว่านี้เถอะ คุณสงสัยท่านทั้งคู่ใช่มั้ย คุณตั้งธงมาก่อนแล้วรึเปล่า แล้วใช้ผมเป็นเหยื่อล่อเฉยๆ”
“....”
เจ้าคนเก่งแห่งกรมอารักขานิ่งไปเลยครับ เมื่อผมถามออกไปแบบนั้น แต่ก็ผิดคาดเล็กน้อยเมื่อคำตอบที่ได้มามันราวกับหนังคนละม้วน
“ไวน์ที่อาคุณเอามาท่าทางจะเป็นของดี ไม่เข้าไปดูหน่อยเหรอจิ๊กมาแบ่งผมบ้างนะ เพราะที่ดื่มอยู่มันห่วยนิดหน่อย” ผมขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นพรวดโดยไม่สนความอยากห่าเหวอะไรของเขาทั้งนั้น!
ปึก!
จากนั้นกระแทกแก้วแชมเปญที่ยังไม่ได้ดื่มจนมันสะเทือนหกไปรดขาของโคบา โทษฐานที่เขาเลี่ยงตอบด้วยเสียหน้ากวนโอ๊ยเช่นนั้น และได้พาตัวเองระเหิดออกมาจากที่นั่น
เป้าหมายของผมก็คือแม่ เพราะอยากรู้ว่าท่านทราบได้อย่างไรว่าโคบาคือใคร และมันเกี่ยวกับที่เขาสงสัยท่านรึเปล่า
ผมเดินตรงไปยังห้องใต้ดินสถานที่เก็บไวน์ แต่ในขณะที่เท้ากำลังจะเหยียบบันไดขั้นแรก บทสนทนาอันน่าสงสัยก็ดังแว่วออกมาทำให้ผมอดใจไหวที่จะก้าวอย่างช้าๆ เพื่อแนบหูฟังกับประตู
“นี่ คุณไม่ได้พูดอะไรไร้สาระออกไปใช่ไหม” แม่เป็นคนเปิดประเด็นก่อน
“หมายความว่าไง”
“คุณรู้ไหมที่คุยด้วยน่ะใคร”
“ก็เพื่อนที่ทำงานของลูทด์ไง แต่น่ารำคาญนิดหน่อยที่เขาเป็นพวกสายลับ”
“ไม่ใช่! คนนั้นคือหน่วยราชองครักษ์”
“บ้าน่า! ไม่มีทางหรอก รูดท์จะไปรู้จักคนแบบนั้นได้ยังไง”
“แต่ก็รู้จักไปแล้ว!”
“คุณรู้อะไรบ้างภาอร บอกผมมาให้หมด”
“รู้อะไรบ้างงั้นเหรอ ฉันก็รู้แค่นี้แหละ รู้ไหมว่าลูทด์ถูกคุมตัว”
“แล้วทำไมคุณไม่บอกผม!”
“แล้วอย่างคุณ เคยสนใจลูกบ้างไหมล่ะ!!”
…เดี๋ยวก่อน! ลูกใครนะ?!..
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเถียงกันอยู่นั้น สิ่งที่แม่พูดออกมามันกำลังทำให้ในหัวของผมมึนงง ทุกอย่างรอบตัวคล้ายจะโงนเงนแม้ว่าตอนนี้ผมยืนอยู่เฉยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะสลบหรือร่วงหล่นลงพื้นเหมือนครั้งที่โคบาเข้ามาทุบท้ายทอยเมื่อคราวก่อน และเป็นตอนนั้นเองที่เสียของเขาก็ดังกระซิบมาจากด้านหลัง
“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง” สั้นๆ โดยที่ผมไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าเขากำลังเดินตามมา แต่อะไรก็ไม่น่าตกใจเท่ากับการกระทำต่อไปนี้หรอก!
ปึง!
แม้ว่าเขาจะอยู่เหนือผมบนบันไดอีกขั้น แต่ก็ไม่มีอะไรมาขัดขว้างความหุนหันพลันแล่นของเจ้าองครักษ์คนนี้ได้ เมื่อเจ้าตัวถีบประตูตรงหน้าจนเต็มแรงด้วยขายาวๆ นั่น เล่นเอาผมอ้าปากเหวอไปเลยทีเดียว!
...ระห่ำเกินไปแล้วโว้ย!...
“คุณไม่ทำแบบนั้นจะดีกว่าคุณอันทอน” ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเพียงเสียงของโคบากำลังเตือนอะไรบางอย่างกับคุณอา ผมจึงรีบชะโงกหน้าเข้าไปดูด้านในและพบภาพที่น่าตกใจ
“แม่ครับ!”
คุณอาอันทอนกำลังล็อกคอแม่และใช้ปืนจี้ที่ขมับ ให้ตายเถอะ! ต่อไปนี้พวกเราไม่ควรจัดงานสังสรรค์ใดๆ อีก ถ้ามันจะตามมาด้วยกลิ่นควันปืนขนาดนี้
“ออกไปซะไอ้สวะ”
คำพูดของคุณอาที่ส่งมายังโคบาราวกับคนล่ะคน ไม่เหลือภาพคนใจดีเหมือนอย่างเคยเลย แล้วญาติๆ ของผมเนี่ยมันใช้ปืนเป็นกันทุกคนเลยเหรอวะ
...ผมกลัวว่ะ กลัวว่าจะมีความลับอะไรที่ผมไม่รู้มันโผล่ออกมาอีก...
“แดกดันกันจริงจรี๊ง ถ้ารังเกียจสายลับขนาดนั้นให้ลูกเข้าไปเป็นหน่วยสืบสวนทำไมล่ะครับ คุณอันทอน”
“....”
เสียงคุณอาเงียบลง และตอบโต้ได้เพียงกระชับแรงที่คอของแม่ และกำปืนแน่นเพื่อเตรียมปะทะได้ทุกเมื่อ ส่วนผม...ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังของเขาเตรียมรับมือความลับที่อาจจะเปิดเผยออกมา
“มันหมายความว่ายังไงครับแม่”
“ลูทด์...”
“ก็หมายความว่าคุณเป็น...”
“ผมไม่ได้ถามคุณไม่ต้องสาระแน!!” ผมโมโหเจ้าคิงการ์ดคนเก่ง ที่เข้าใจอะไรได้ว่องไวและอยากเสนอตัวอธิบายให้ผมฟังเสียเหลือเกิน
“ว่าไงล่ะครับแม่!” ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มน้ำตาคลอ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากแม่นักที่ตอนนี้หยาดน้ำสีใส่มันอาบแก้มจนหยดลงพื้น
“ลูทด์...แม่”
“แม่มีชู้เหรอ”
“ไม่ใช่นะลูก”
“พอสักทีอาลัยอาวรณ์กันอยู่นั่นแหละ แกเป็นลูกของฉันรูดท์ ส่วนไอ้พี่บ้ากาม ที่ตอนนี้กรรมกำลังตามสนองมันอยู่ คือลุงของแกเข้าใจรึยัง”
“คุณก็บ้ากามไม่แพ้กันนี่คุณอันทอน ถ้าไม่อุตริไปข่มขืนเมียพี่ ลูทด์ก็คงไม่คลอดออกมาหรอกมั้ง” โคบากำลังร่ายความจริง โดยไม่สนว่าผมกับแม่จะรู้สึกยังไง สมกับเป็นสายลับที่มุ่งมั่นทำภารกิจให้สำเร็จจริงๆ จนบางครั้งผมก็รู้สึกว่าเขาไร้หัวใจ
...ยิ่งรู้จักเขาอุดมการณ์บางอย่าง มันก็ทำให้เราสองคนเหมือนเส้นทางคู่ขนาดอย่างชัดเจน...
“ก็ยังดีกว่าพี่ชายน่ารังเกียจของฉัน ที่ข่มขืนลูกสาวตัวเองจนไม่มีที่ยืนในเยอรมัน มันทำให้ทุกอย่างของตระกูลพัง จนฉันได้รับหางเลขไปด้วย คิดว่าฉันอยากจะมาเหยียบประเทศด้อยพัฒนาแบบนี้หรือไงวะ!”
“การข่มขืนมันแยกด้วยเหรอครับ ว่าผู้กระทำคือคนดีหรือคนเลว คุณก็ไม่ต่างอะไรจากพี่ชายนักหรอก”
“ช่วยไม่ได้ไอพี่ส้นตีนนั้นมันอยากโง่เอง”
“หยุดพูดสักทีเถอะ!” เสียงของแม่ดังแทรกขึ้นมา ในตอนที่โคบาและคุณอากำลังต่อล้อต่อเถียงกัน
...แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นมา...
ปัง!
กรี๊ดดดดดด!
เสียงปืนจากคุณอาดังลั่นในห้องเก็บไวน์ สิ่งนั้นทำให้โคบาและผมที่ยืนขวางประตูอยู่ต้องเบี่ยงตัวหลบ หลังจากนั้นมันก็ถูกยิงลงพื้นอีกหลายนัด ลามไปพุ่งเจาะขวดไวน์จนน้ำสีแดงฉานมันรั่วลงพื้นเป็นทางยาว
ปัง! ปัง! ปัง!
พวกเรามองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งโคบาก็หลบกระสุนจนเสียหลักล้มก้นจ้ำพื้น และคุณอาก็ใช้จังหวะนี้วิ่งสวนพวกเราออกไป จนผมเองก็สงสัยว่าการที่โอบาไม่ยิงสวนให้รู้แล้วรู้รอดนั้นเขาอยากจับเป็นรึเปล่า
...ไม่นะ ถ้าจับเป็นความลับทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย...
ผมไม่ยินดี ถ้าเรื่องที่แม่ถูกข่มขืนจะได้รับการเปิดเผย เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงอาศัยจังหวะที่โคบากำลังลุกเพื่อเตรียมไล่ล่า จับหัวของเขาโขกพื้นให้มึนงง ก่อนจะแย่งปืนที่มือและวิ่งไล่คุณอาไปคนเดียว
“ไม่นะรูดท์! ลูกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
ผมได้ยินเสียงของแม่ แต่ก็ไม่ได้สนว่าเธอจะห้ามด้วยเหตุผลอะไร เมื่อเห็นหลังคุณอากำลังวิ่ง ก็ได้แต่คิดว่าไม่อยากให้โอกาสนี้หลุดลอยออกไป จึงพยายามเล็งปืนไปด้วย แม้มันจะยากแค่ไหนก็ตามสำหรับเป้าหมายที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
“คุณอา!” ผมร้องเรียก จนเขาหยุดชะงัก คงเพราะไม่คิดว่าเสียงฝีเท้าที่ตามมาจะเป็นผม แต่ทันใดนั้นเองขณะที่กำลังหันมาตามเสียง มือที่ลดปืนลงก็ชักขึ้นเล็งอีกครั้งเพราะผมเองก็ถือมันจ่ออยู่เช่นกัน
ประจวบเหมาะกับที่ตรงนี้เป็นสนามหญ้าที่จัดปาร์ตี้ ผู้คนจึงแตกตื่นเมื่อเห็นอันตรายตรงหน้า และวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง มันทำให้ผมรู้สึกดีเล็กน้อยเพราะคุณอาจะได้จับใครมาเป็นตัวประกันพร่ำเพรื่อ
“ไม่เอาน่าลูกชาย” คำพูดที่ผมรังเกียจที่สุดมันได้เปล่งออกมา
“ทำไม...คุณทำกับแม่แบบนั้นทำไม”
“....”
“ฉันเจอแม่ของเธอก่อน แต่ไอ้พี่เวรมันแย่งไป นั่นแหละสันดานที่แท้จริงล่ะ มันไม่เคยปล่อยให้พ่อเด่นเกินหน้าเกินตาเลย”
“แล้วนั่นมันใช่ทางออกเหรอ!”
“ฟังนะลูทด์ ทุกอย่างที่มันเป็นของพ่อ ไอ้ห่านั้นก็แย่งไปหมด ปู่กับย่าก็ไม่เคยเห็นพ่ออยู่ในสายตาพ่อก็เหมือนท่านโยเซฟ เกิบเบลส์ นั่นแหละ ไม่เคยเด่นดังอะไรเลยจนกระทั่งพระเจ้าได้มอบอำนาจลึกลับให้ นั่นทำพ่อรู้ว่าควรจะดำเนินชีวิตอย่างไร และมันดีขนาดไหนที่เราเห็นวิญญาณได้ และได้รู้ว่าท่านฮิตเลอร์ผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่ตายเขาสิงอยู่ในร่างของรัฐมนตรีแก่ชราคนหนึ่งในรัฐบาล และต้องการจะเปลี่ยนภาชนะตัวใหม่ พ่อถึงได้รู้ว่าความยิ่งใหญ่ของตัวเองไม่จำเป็นต้องออกหน้าออกตา เราจะชักใยโลกในนี้เหมือนเงาเบื้องหลัง
“คุณถึงใช้พ่อของผมเป็นภาชนะรองวิญญาณบ้าๆ นั่นน่ะเหรอ”
“มันไม่ใช่พ่อของลูกด้วยซ้ำ มันก็แค่ไอ้คนระยำคนหนึ่ง”
“ความผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่เขาเลี้ยงผมมาไม่ใช่คุณ และอย่ามาทำเหมือนตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์หน่อยเลย การที่คุณให้ที่สิงสู่วิญญาณฮิตเลอร์ มันเป็นเพราะส่วนลึกคุณอยากควบคุมพ่อผมรึเปล่า ชักใยคนทั้งโลกงั้นเหรอ อยากชักใยพี่ชายตัวเองมากกว่าละมั้ง ทั้งหมดก็เพื่อนทดแทนปมในใจคุณทั้งนั้น”
“ลูทด์ลูกต้องเข้าใจพ่อนะ”
“หยุดพูดเถอะ ผมจะอ้วก อ้วกแม่งทั้งหมดนั่นแหละ พ่องั้นเหรอท่านฮิตเลอร์งั้นเหรอ แค่ฟังผมยังคันเลย”
“ลูกรู้ไหมสถานการณ์โลกมันเป็นยังไง พวกคนต่ำต้อยไร้การศึกษามันกำลังเขี่ยพวกเราชาวอารยันให้ตกกระป๋อง เรียกร้องบ้าบอห่าเหวเยอะแยะไปหมดไป พ่อรู้ว่ามันอาจจะฟังดูน่ารังเกียจแต่ท่านฮิตเลอร์พร้อมปรับตัว ท่านรักและเอ็นดูลูกแม้จะไม่ใช่คนผิวขาวร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่ยังไม่เพียง....”
ปัง!
ผมปล่อยให้เขาพ่นทัศนคติเป็นพิษนี้มานานเกินไปแล้ว หากปืนของโคบาในมือผมไม่คิดจะหยุดมันไวรัสร้ายนี้มันจะกระจายไปทั่ว แม้ว่าอาอันทอนอาจจะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของพวกนิยมลัทธินาซีที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก และการกำจัดเขาอาจจะไม่ได้ส่งผลอะไรนัก แต่ก็ดีกว่าที่จะปล่อยให้เขามีลมหายใจต่อไป
“อัก....อึก...”
เขาไม่ได้ล้มพับอย่างปกติ เพราะมีท่าทีที่ดิ้นพล่านราวกับตัวหนอนที่ถูกบดขยี้ ผมมองดูร่างนั้นทรมานอย่างช้าช้า โดยที่ร่างกายมีผื่นแดงและเส้นเลือดสีแดงฉานเปล่งแสงออกมา แต่ความเสียใจที่มีอยู่จนท่วมท้นก็ไม่อาจทำให้ผมตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ จนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“กระสุนอาคมน่ะ ใช้ยามจำเป็น”
“แล้วทำไมถึงไม ถึงไม่ยิงสวนตั้งแต่ทีแรกล่ะ”
“เรามีข้อมูลสรุปมากเพียงพอ จะจับเป็นหรือจับตายก็ค่าเท่ากัน เพียงแต่...ถ้าเราได้ตัวการไปนั่งสอบปากคำมันก็อาจจะดีกว่า”
“มั่นใจเหลือเกินนะ ที่คิดว่าจะเอาคุณอาอยู่”
“ผมก็บอกแล้วไงว่ามันคือกระสุนลงอาคม วิ่งไว้ให้ตายยังไง ถ้ายังไม่พ้นรัศมีสายตาผมยังไงก็โดน”
“หึ...ยินดีด้วยภารกิจคุณจบแล้ว”
พูดจบ ผมก็ใช้นิ้วกลางสอดห่วงไกปืนเพื่อให้ส่วนปลายของกระบอกชี้ลงพื้น จะได้ไม่อันตรายเวลายื่นไปคืนเขา
“....”
“จะถามหรือไงว่าผมโอเครึเปล่า ควรดีใจมั้ยเนี่ยในเมื่อคุณก็แฉความลับของแม่โดยไม่สนว่าผมจะรู้สึกยังไง” ผมถามขณะที่เขาเอาแต่จ้องหน้าราวกับห่วงใยผมนักหนา
“ความจริงบางอย่างเผชิญเร็วๆ มันก็ดีนะ อย่าเก็บงำไว้นักเลย”
จากนั้นจึงได้รู้สึกถึงเรียวนิ้วโป้งที่เข้ามาเกลี่ยมุมปาก โดยที่ผมไม่ได้ถูกชกหรือมีอะไรเสียหายบนใบหน้า ราวกับว่านี้คือสัมผัสแห่งการปลอบประโลม
“ถามจริงๆ เถอะ คุณชื่ออะไร”
“โคบาไง ส่วนชื่อห่วยๆ แบบนั้นให้มันอยู่ในบัตรพนักงานเถอะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็สอดมือเข้าไปในเสื้อสูทก่อนจะยกบัตรพนักงานขึ้นมาให้ผมดู…ผมจึงได้รู้ชื่อจริงของเขา
‘สัตยารัฐ สุทินพิสิษฐ์’
...เอ่อ แม่งห่วยจริงด้วยว่ะ...