ดาวร้ายอันดับหนึ่งของวงการอย่างเขาต้องมาแต่งงานลับๆกับพระเอกแห่งชาติ แต่ใครจะไปคิดว่าสามีเขาปากร้ายอย่างกับหมา! แถมอ่อยเท่าไรก็ไม่เคยสนใจ นี่สามีเขาไร้ความรู้สึกไปแล้วหรือไงกัน!
ดราม่า,ชาย-ชาย,รัก,ผู้ใหญ่,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(E-Book)(mpreg) you're loser — #ราชาพ่ายดาวร้ายอันดับหนึ่งของวงการอย่างเขาต้องมาแต่งงานลับๆกับพระเอกแห่งชาติ แต่ใครจะไปคิดว่าสามีเขาปากร้ายอย่างกับหมา! แถมอ่อยเท่าไรก็ไม่เคยสนใจ นี่สามีเขาไร้ความรู้สึกไปแล้วหรือไงกัน!
♛
ลัดฟ้า คือดาวร้ายอันดับหนึ่งของวงการที่ต้องมาแต่งงานลับๆ กับ ราชา พระเอกที่ได้ฉายาว่าเป็นสามีแห่งชาติของสาวๆ ทั้งประเทศ
แต่ใครจะไปคิดว่าภาพลักษณ์ราวกับเทพบุตรพวกนั้นล้วนหลอกลวงทั้งสิ้น สามีแห่งชาติบ้าอะไรกัน นี่มันปากหมาแห่งชาติสิไม่ว่า!
เขาอุตส่าห์งัดทุกกลเม็ดมาอ่อยจนสุดตัว แต่ไอ้สามีเวรนั่นกลับมองเขาแค่หางตาก่อนจะพ่นคำพูดสมควรตายออกมาว่า
"เมื่อไรจะหยุดขยิบตา แล้วนั่นกัดปากทำไม หิวจนไม่มีอะไรกินเหรอ"
"..."
"อ่อ แล้วก็หยุดบิดเอวสักทีด้วย เห็นแล้วมันเมื่อยแทน"
ให้ตายสิ! ราชาหยิบไม้เรียวขึ้นมาจะตีก้นเขาอีกแล้ว!
นอกจากจะได้สามีเป็นคนไร้ความรู้สึก นี่เขายังได้ครูฝ่ายปกครองแถมมาด้วยอย่างนั้นเหรอ!?
♛
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายออริเรื่องแรกของเรา ฝากทุกคนเอ็นดูเรื่องนี้ด้วยนะคะ
เปิดเรื่อง : 14 เมษายน 2565
จบบริบูรณ์ : 18 กันยายน 2565
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน อาจมีเหตุการณ์ไม่เหมาะสมที่ตัวละครในเรื่องได้กระทำ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
หากไม่ชอบสามารถกดออกได้เลยค่ะ รบกวนไม่คอมเมนท์บั่นทอนจิตใจนักเขียนนะคะ ขอบคุณค่ะ
— Trigger Warning —
Dirty talk, Toxic relationship, Demestic Violence (ตัวละครหลักไม่ได้กระทำ)
— Twitter —
— Page —
—
01
สายฝนกระหน่ำแรงขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง อีกทั้งเสียงฟ้าร้องก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์สีซีดทรุดตัวลงกับพื้น แผ่นหลังกว้างพิงประตูรถยนต์ของตน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดครึ้มทั้งน้ำตา
“ทำไมคุณถึงไม่รักผม” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าตะโกนดังลั่น เขาทุบกำปั้นลงพื้นซ้ำ ๆ ด้วยความเจ็บปวด “ได้โปรด…เกวลิน คุณกลับมาหาผมได้ไหม”
ความเสียใจยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางหยดน้ำฝนหลั่งริน ชายหนุ่มทิ้งตัวไปด้านหลังราวกับหมดสิ้นหนทาง ความแข็งแกร่งที่เคยมีสลายหายไปเหลือเพียงหยดน้ำตาบนใบหน้า
“ขอร้อง คุณกลับมาได้ไหม…ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
ร่างกายสูงใหญ่เปียกปอนไปทั้งตัว เขาสะอื้นไห้จนไหล่หนาสั่นระริก ความหนาวเหน็บจากน้ำฝนยิ่งทำให้ร่างกายหนักอึ้ง
อาการปวดศีรษะก่อนหน้านี้ทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม และภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือหญิงสาวผู้เป็นที่รักกำลังวิ่งเข้ามาหา
โชคร้ายที่ทำได้เพียงแค่เอ่ยกระซิบกับสายลมก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไป
“เกวลิน”
“คุณปกรณ์!”
“...ผมรักคุณ”
“คัท!”
ทันทีที่ผู้กำกับสั่งคัท สายฝนที่ถูกทำขึ้นก็หยุดลง ทีมงานที่ยืนแสตนด์บายอยู่ก่อนแล้วก็พากันกรูเข้าไปดูแลนักแสดงที่อยู่ในฉากทันที
ราชา พระเอกละครที่กำลังถ่ายทำอยู่ในตอนนี้ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่ผู้จัดการส่วนตัวจะยื่นผ้าขนหนูผืนใหญ่มาให้
“เลิกกองได้ วันนี้ขอบคุณทุกคนมาก”
ผู้กำกับประกาศขึ้นอีกครั้ง ทีมงานพากันร้องลั่นด้วยความดีใจเมื่อได้เลิกงานแล้ว เนื่องจากเกิดปัญหาหลายอย่าง กว่าจะถ่ายทำได้เสร็จสิ้นก็กินเวลามาตั้งแต่ตีสามจนตอนนี้ก็หกโมงเช้าเข้าไปแล้วพระเอกหนุ่มที่เปียกไปทั้งตัวยกมือไหว้ผู้กำกับและทีมงานอาวุโสด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับนางเอกของเรื่องแล้วหมุนตัวเดินออกมาทันที
“พี่บอกให้นายเลื่อนคิวถ่ายทำวันนี้ออกไปก่อนก็ไม่ฟัง เป็นไงล่ะ ลากยาวมาจนหกโมงเช้าแบบนี้จะไปทันฤกษ์ไหม!” ผู้จัดการส่วนตัวหนุ่มที่อายุมากกว่าราชาสองปีเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขาวิ่งมาขึ้นรถตู้ส่วนตัวด้วยความเร่งรีบ
“แล้วพี่ดิวจะให้ผมบอกผู้กำกับว่าเพราะจะแต่งงานเลยเลื่อนออกไปหรือไงครับ”
ราชาถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้ว ร่างสูงเอนตัวพิงเบาะด้วยความเหนื่อยล้าพลางยกมือขึ้นมานวดขมับตนเองเบา ๆ
ดิว ผู้จัดการส่วนตัวของเขาหันไปบอกคนขับรถให้ออกรถในทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาตีไหล่นักแสดงหนุ่มในความดูแลของตนเองเต็มแรง
“ตีผมทำไมเนี่ยพี่ดิว”
“ยังจะทำชิลอยู่ได้อีก รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว แล้วก็เป่าผมให้แห้งด้วย” ดิวแหวใส่ราชาเสียงดัง จากนั้นจึงหันไปหยิบชุดสูทสีขาวและไดร์เป่าผมแบบพกพามาให้ ราชาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะยื่นมือไปรับมันมาอย่างจำใจ
เขาใช้เวลาไม่นานก็จัดการเปลี่ยนชุดเสร็จสิ้น สูทสีขาวดูแล้วสะอาดตาเข้ากันได้ดีกับกลุ่มผมสีดำสนิทที่ถึงแม้ว่าตอนนี้มันออกจะยุ่งเหยิงไปบ้าง แต่ก็ลดทอนความดูดีของชายหนุ่มไม่ได้เลยสักนิด
“ฤกษ์กี่โมงนะครับ” ราชาเอ่ยถามส่ง ๆ พลางติดเข็มกลัดช่อดอกกุหลาบสีเดียวกันกับสูทไว้ที่อกข้างซ้าย
“เก้าโมง ดังนั้นนายมีเวลาแต่งหน้าทำผมแค่อีกสองชั่วโมง” ดิวหันไปเร่งคนขับรถอีกครั้งก่อนจะหันมาตอบพระเอกหนุ่มข้างกาย
“สองชั่วโมงยังไงก็ทัน พี่ห่วงฝั่งว่าที่ภรรยาผมเถอะ ตื่นหรือยังก็ไม่รู้” ราชาแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะนึกไปถึงรอยยิ้มบนใบหน้าหวานล้ำของว่าที่ภรรยาตนเอง ที่ไม่ว่าจะมองอีกสักกี่ครั้งก็เป็นความหวานที่เคลือบไปด้วยยาพิษร้ายแรงอยู่ดี
“พ่อนายโทรมาบอกพี่ว่าทางนั้นเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่ตัวเจ้าบ่าวอย่างนายนี่แหละที่ไปไม่ถึงงานสักที”
“อ่อ ว่าที่ภรรยาผมก็ทำตัวดีเป็นนี่”
“ปากนายนี่มันจริง ๆ เลยนะราชา” ร่างสูงยักไหล่เล็กน้อย นัยน์ตาคมปลาบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ก่อนจะนึกไปถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดงานแต่งงานในวันนี้ขึ้นมา
มันไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่งานแต่งนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าครอบครัวฝั่งเจ้าสาวและฝั่งเขาได้ทำธุรกิจร่วมกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องมีอำนาจเหนือกว่า การรวมอำนาจของทั้งสองตระกูลใหญ่จึงเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วเพียงแค่สองเดือน
ใช่ สองเดือนที่เขาโดนพ่อและแม่กดดันจนต้องยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ในที่สุด หากแต่เขาและว่าที่ภรรยาได้ตกลงกับผู้ใหญ่เอาไว้ว่า พวกเขาจะยอมให้งานแต่งงานเกิดขึ้นแต่จะหย่าทันทีเมื่อครบหนึ่งปี รวมถึงต้องเก็บทุกอย่างเป็นความลับ โชคดีที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งเข้าใจ เพราะทั้งเขาและว่าที่ภรรยาเองต่างก็เป็นดาราดังในวงการทั้งคู่
ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว ถ้าว่าที่ภรรยาของเขาไม่ทำตัวกวนประสาทใส่ทุกครั้งที่เจอกันเสียก่อน อีกทั้งการกระทำพวกนั้นช่างยั่วโมโหเขาดีเสียจริง
“ถึงแล้วครับ”
ขณะที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รถตู้ที่เขานั่งก็เข้ามาถึงเขตพื้นที่จัดงานเรียบร้อยแล้ว ราชาลงจากรถและเดินเข้างานอย่างไม่รีบร้อนจนผู้จัดการส่วนตัวต้องเอ่ยเร่งซ้ำ
ทุกอย่างในงานดูเรียบง่ายตามที่เจ้าสาวของเขาได้จัดการเอาไว้ ดอกกุหลาบสีขาวถูกจัดไว้ในช่อและกระถางตกแต่งเรียงรายตลอดทางเดิน เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเคล้าไปกับบรรยากาศแสนหวาน ประกอบกับโต๊ะและเก้าอี้ที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวมุกแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่างานแต่งงานครั้งนี้ราวกับอยู่ในฝัน
ถึงแม้จะมีแขกมาร่วมงานเพียงไม่กี่คน แต่ถึงกระนั้นสถานที่จัดงานก็หรูหราสมกับฐานะของทั้งสองตระกูล
“งานแต่งทั้งทีก็ยิ้มหน่อยสิราชา”
“มีเมียแบบนั้น ผมคงจะยิ้มออกหรอก”
สาบานได้เลยว่าไม่มีเจ้าบ่าวคนไหนทุกข์ใจได้เท่าเขาอีกแล้ว ก็ตาขวากระตุกไม่หยุดแบบนี้ เห็นทีหลังจากวันนี้ไปคงจะมีแต่เรื่องปวดหัวไม่หยุดแน่ ๆ
*
“ฮัดชิ่ว!”
“โอ๊ย น่าเกลียดชิบหายไอ้ฟ้า เช็ดน้ำมูกเดี๋ยวนี้เลย”
ลัดฟ้า หัวเราะออกมาเสียงดังหลังจากเห็นว่าเพื่อนสนิทของตนกระโดดหนีไปอยู่มุมห้อง ร่างบอบบางแต่สูงโปร่งลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ก่อนจะเดินไปหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดจมูกตนเอง
“เจ้าบ่าวคงจะคิดถึงกูแล้วล่ะ”
ใบหน้าหวานวาดรอยยิ้มกว้างมากกว่าเดิมประกอบกับเสียงหัวเราะนุ่มทุ้มแล้วช่างเป็นภาพที่น่ามอง หากแต่กวินผู้เป็นเพื่อนสนิทรู้ดีว่ารอยยิ้มนั่นเคลือบยาพิษเอาไว้มากแค่ไหน ก็รู้ว่าเล่นบทตัวร้ายบ่อย แต่ไม่เห็นว่าจะต้องเอามาใช้ตลอดเวลาแบบนี้เลย!
“อย่าเช็ดแรงสิโว้ย เครื่องสำอางหลุดหมดแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า วันนี้ไม่มีนักข่าวที่ไหนสักหน่อย จะห่วงหล่อไปทำไม”
ลัดฟ้าเลิกสนใจกวินที่ยืนบ่นอยู่ในห้อง ร่างสูงโปร่งนั่งลงที่โซฟาตัวเดิมอีกครั้ง ขาเรียวยกขึ้นไขว่ห้าง แผ่นหลังเอนพิงพนักโซฟาก่อนที่นัยน์ตาหงส์งดงามจะปิดลง
“นี่มึงยังจะหลับอีกเหรอเนี่ย ใกล้จะได้เวลาแล้วนะ”
“มึงก็ปลุกกูสิ มึงรู้ไหมว่าไอ้พระเอกที่มึงชื่นชอบนักหนาปล่อยให้กูจัดการงานแต่งคนเดียวเป็นเดือน ๆ นี่กูไม่ไปแหกอกเขาก็ดีเท่าไรแล้ว” ริมฝีปากบางเบะออกเมื่อนึกถึงใบหน้าเย่อหยิ่งของว่าที่สามีตนเอง ไอ้หล่อมันก็หล่ออยู่หรอก แต่หน้านิ่ง ๆ กับคำพูดที่ออกจากปากแต่ละคำนั่นโคตรจะน่าหมั่นไส้เลย
“มึงก็ตัวดีเหอะ รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้จะแต่งงาน เมื่อคืนยังจะออกไปเที่ยวอีก”
“เอาน่า ก็เด็กมันอ้อนอะ ให้กูทำไงได้” ลัดฟ้าอมยิ้ม นัยน์ตาวิบวับเป็นประกายจนกวินอยากจะจิ้มดวงตาคู่นั้นให้บอดเสียตรงนี้
กวินส่ายหัวให้กับท่าทางกวนประสาทนั่น เพื่อนสนิทตัวดีของเขาเป็นถึงดาราดาวร้ายอันดับหนึ่งของวงการ ไม่ว่าจะเล่นบทร้ายเรื่องไหนก็ดังเปรี้ยงปร้างทุกเรื่อง และยังได้ฉายาเซ็กซี่สตาร์ถึงสองปีซ้อนอีกด้วย หากแต่ชีวิตในวงการของลัดฟ้าคงสงบสุขจนเกินไป เจ้าตัวถึงได้มีข่าวเดตให้แฟนคลับตกใจเล่นทุกเดือนแบบนี้
เชื่อเถอะว่าอีกไม่กี่วันภาพที่เจ้าเพื่อนตัวดีของเขาไปกินข้าวกับรุ่นน้องในวงการเมื่อคืนนี้คงจะถูกแชร์ว่อนเน็ตแน่ ๆ แต่ถ้าถามว่าลัดฟ้าสนใจข่าวพวกนี้หรือไม่นั้น
'กูไม่ได้ทำอะไรผิดอะ ก็เดือนก่อนลองคุยกับคนนี้ไปแล้วไม่ถูกใจ เดือนนี้ก็ต้องเปลี่ยนคนดิ ชีวิตเราก็มีสิทธิ์เลือกปะ'
อืม ลัดฟ้ามันก็เป็นคนแบบนี้แหละ
“ตาย ๆ ๆ ๆ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยฟ้า ชุดยับหมดแล้ว!”
ปริม ผู้จัดการส่วนตัวของลัดฟ้าเปิดประตูพรวดเข้ามาก่อนจะเอ่ยเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่าเจ้าสาวในวันนี้นอนไถลลงไปกับโซฟาเสียแล้ว
“เร็วเลย เจ้าบ่าวมาแล้ว”
“ช่างเป็นเจ้าบ่าวที่ดีจริง ๆ ปล่อยให้เจ้าสาวรับแขกอยู่คนเดียวตั้งนาน ส่วนตัวเองก็ไปเล่นละครหาตังค์” ลัดฟ้าแค่นหัวเราะแล้วลุกขึ้นตามแรงดึงของปริม
ผู้จัดการสาวดันตัวลัดฟ้าให้นั่งลงที่หน้ากระจกบานใหญ่ ไฟสีส้มอาบไล้บนใบหน้าสวย นัยน์ตาหงส์ดูเย้ายวนมากกว่าเดิมเมื่อแสงของมันสะท้อนกับกากเพชรบนเปลือกตาสีมุก แพขนตาถูกดัดงอนขึ้นมาเล็กน้อย แก้มเนียนแต่งแต้มสีชมพูอ่อน ๆ ริมฝีปากบางดูอวบอิ่มด้วยสีแดงของลิปมันฉ่ำวาว องค์ประกอบรวมทั้งหมดนั่นสมบูรณ์แบบเกินกว่าใครจะมี
หากแต่สีหน้าบูดบึ้งของตัวเจ้าสาวช่างขัดกับความงดงามตอนนี้เสียเหลือเกิน
“พร้อมไหมฟ้า” ปริมบีบไหล่คนเป็นน้องเบา ๆ
ลัดฟ้ามองภาพสะท้อนของตนเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ปริมจะหยิบผ้าคลุมผืนบางเรียบมาปิดใบหน้าสวยเอาไว้
“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม”
ไหน ๆ ก็จะได้แต่งงานเป็นครั้งแรกในชีวิตแล้ว เขาก็ต้องเต็มที่กับมันเสียหน่อยสิ
“อยากเจอหน้าเจ้าบ่าวจะแย่แล้วครับ”
ว่าที่สามีของเขาจะต้องจดจำวันแห่งความสุขนี้ไปอีกนานเลยล่ะ
*
ขาเรียวก้าวไปบนทางเดินกระเบื้องลายหินอ่อนบนลานกว้าง เสียงเปียโนและไวโอลินดังคลอเคล้าประสานกับเสียงระฆังที่ดังขึ้น ริมฝีปากบางอวบอิ่มยกยิ้มเล็กน้อยภายใต้ผ้าผืนบางที่ปกคลุมใบหน้าเอาไว้ นั่นยิ่งชวนให้บรรยากาศรอบกายของเจ้าสาวดูเย้ายวนและมีเสน่ห์มากกว่าเดิม
ลัดฟ้ายอมรับว่าอดตื่นเต้นไม่ได้กับการแต่งงานครั้งนี้ แม้จะไม่ได้เกิดจากความรักแต่รอบกายที่ถูกเนรมิตขึ้นด้วยฝีมือการออกแบบของเขาช่างน่าพอใจเสียจริง
สองมือถือช่อดอกกุหลาบสีขาวที่เขาลงทุนจัดขึ้นเองอย่างเบามือ กลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้ชนิดเดียวกันที่จัดวางไว้ทั่วงานลอยพัดผ่านมาตามสายลม นัยน์ตาเรียวจับจ้องร่างสูงของว่าที่สามีที่ยืนห่างไปไม่ไกลตรงหน้า
วันนี้ราชาหล่อเหลามากกว่าที่เขาคิด ถึงแม้จะเคยเห็นผลงานของว่าที่สามีผ่านตามาบ่อยครั้งแต่ยอมรับเลยว่าวันนี้ราชาสง่างามสมกับฉายาสามีแห่งชาติของสาว ๆ เสียจริง
อืม แต่สาว ๆ พวกนั้นคงจะต้องเสียใจแล้วล่ะ เพราะวันนี้พระเอกของพวกเธอจะต้องกลายเป็นของตัวร้ายอย่างเขาเสียแล้ว
“เดินช้าเป็นเต่า”
ราชาพึมพำบ่นกับตัวเองเมื่อทอดมองร่างบอบบางของเจ้าสาวที่เดินเข้าประตูวิวาห์มาอย่างเชื่องช้า บาทหลวงผู้ทำหน้าที่เป็นพยานรักในงานวันนี้ได้ยินเข้าจึงหันมามองหน้าเจ้าบ่าวด้วยความเลิ่กลั่ก
บาทหลวงชรากระแอมในลำคอเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเจ้าสาวก็เดินมาหยุดยืนข้างกายเจ้าบ่าว
“วันนี้คุณดูดีนะ”
“ขอบคุณ คุณเองก็ดูดีเหมือนกัน”
“หลงเสน่ห์ผมแล้วละสิ” ลัดฟ้าเอ่ยหยอกเย้าเสียงเบา
“ผมไม่ฆ่าตัวตายด้วยการชอบคุณหรอกน่า”
“ปากร้ายชะมัดเลย” ลัดฟ้าเบะปากเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของบาทหลวงที่ยืนระหว่างกลางพวกเขาทั้งคู่
บาทหลวงชราได้แต่คิดในใจว่า พระผู้เป็นเจ้าลิขิตให้คู่รักหรือศัตรูมาแต่งงานกันแน่ เสียงกระแอมจากบาทหลวงดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความเงียบของเสียงดนตรีที่หยุดลง
“คุณราชาครับ”
“ครับ?”
“เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสิครับ”
ราชาขานตอบรับอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะขยับเข้าไปใกล้เจ้าสาวของตนมากขึ้น จากนั้นราชาจึงโน้มตัวลงไปและยื่นมือไปเปิดผ้าผืนบางนั้นออก
ใบหน้าหวานล้ำปรากฏชัดเจนในดวงตาคมปลาบ วันนี้ลัดฟ้าแตกต่างไปจากทุกครั้งที่ได้เจอ ดวงหน้าเรียวมีเสน่ห์และน่าทะนุถนอมมากขึ้นไปอีกเมื่ออยู่ในชุดแต่งงานสีขาว
ผ้าผืนบางถูกปล่อยทิ้งไปกับสายลมที่พัดมา ริมฝีปากบางดูแย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่อีกคนจะช้อนตาขึ้นมามองอย่างออดอ้อน ร่างสูงเบือนสายตาไปอีกทางทันทีที่รู้สึกตัวได้ว่าตนเองเกือบจะตกหลุมพรางของลัดฟ้าเข้าเสียแล้ว
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง และพิธีให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าก็เริ่มขึ้นทันที
“คุณราชา คุณจะยอมรับคุณลัดฟ้าเป็นภรรยาหรือไม่”
ราชาลอบถอนหายใจกับตนเอง เขาหันมามองหน้าลัดฟ้าอีกครั้งอย่างจำใจ เอาเถอะ มันก็แค่การแต่งงานจอมปลอม อีกแค่หนึ่งปีก็จะจบลงแล้ว
“ครับ ผมยอมรับ”
“คุณลัดฟ้า คุณจะยอมรับคุณราชาเป็นสามีหรือไม่”
“ครับ ผมยอมรับ”
ลัดฟ้าเอ่ยตอบขณะที่ไม่ละสายตาไปจากใบหน้าคมของสามี ราวกับว่าคำมั่นสัญญานั่นกลายเป็นเรื่องจริงเมื่อราชาเองก็ไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของเขาเช่นกัน
ร่างบอบบางนึกไปถึงวันแรกที่ได้เจอกัน ถึงแม้ว่าการเจอกันครั้งนั้นจะมาจากการหาข้อตกลงระหว่างการแต่งงานในครั้งนี้ก็เถอะ แต่ลัดฟ้าเองก็อดยอมรับไม่ได้ว่าครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าราชานั้น หัวใจไม่รักดีกลับเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
ราชาหล่อเหลาเสียจนแทบลืมหายใจ แม้แต่คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันยามไม่สบอารมณ์นั้นก็หล่อกระชากใจจริง ๆ
หากแต่คำพูดสุดท้ายของราชาในวันนั้นกลับทำให้เขาแทบอยากจะกระโดดหักคออีกคนให้รู้แล้วรู้รอด
“เลิกส่งสายตาเลี่ยน ๆ ให้ผมได้แล้ว”
ลัดฟ้าที่มองอีกคนจนเคลิบเคลิ้มชะงักไปกับประโยคนั้น คิ้วขวากระตุกเล็กน้อยราวกับรูว่าหลังจากนี้ชีวิตคู่คงจะไม่ได้ราบรื่นอีกต่อไป
“เลิกคิดที่จะอ่อยผมด้วย ผมไม่ชอบคนแบบคุณหรอกนะครับ”
“แล้วคนแบบผมมันทำไมล่ะครับ” ลัดฟ้าอ้าปากค้างก่อนจะถามออกไปช้า ๆ
โอเค เขายอมรับว่าแอบส่งสายตาให้ราชาอยู่บ้าง แต่ทำไงได้ล่ะ ก็เขาแพ้คนหล่อนี่! ไม่คิดเลยว่าไอ้พระเอกบ้านั่นจะเอ่ยออกมาตรง ๆ แบบนี้
“ผมชอบคนเรียบร้อย พูดจาอ่อนหวาน ซึ่งคุณ....” ราชาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันมาจ้องเขาด้วยแววตาเรียบเฉย “....ไม่มีมันเลยสักนิดเดียว”
หลังจากประโยคนั้นจบลง ราชาก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกจากห้องอาหารไป ลัดฟ้าแค่นหัวเราะในลำคอด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครปากหมาใส่คนที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรกแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แล้วไอ้หน้าหล่อนี่มันเป็นใครกันถึงกล้ามาพูดกับเขาแบบนี้!
“คุณราชา”
ร่างสูงหยุดเดินก่อนจะหันมาตามเสียงเรียกของเขา
“คุณคงจะเล่นบทพระเอกมากเกินไปสินะ ถึงได้รีบโยนบทตัวร้ายมาให้ผมแบบนี้”
ลัดฟ้าเดินเข้าไปหาร่างสูงที่หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร มือบางจับไหล่หนาแล้วเขย่งตัวกระซิบข้างหูอีกคนเบา ๆ
“ผมจะยอมเล่นบทตัวร้ายให้ก็ได้ คอยดูแล้วกันว่าผมจะอ่อยพระเอกแบบคุณได้ยังไง”
เหอะ ถ้าชอบคนเรียบร้อยนักก็ชอบไปเถอะ แต่ลัดฟ้าคนนี้จะทำให้ราชาผู้ยิ่งใหญ่เชื่องเป็นหมาเลยคอยดู
“สวมแหวนได้เลยครับ”
แหวนสีเงินเรียบง่ายที่ลัดฟ้าเลือกเองกับมือถูกสวมให้กันและกัน จี้เพชรเม็ดงามขนาดเล็กส่องเป็นประกายกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา
ราชาคิดในใจว่าพิธีคงจะจบสิ้นแล้วถ้าคนเป็นภรรยาไม่ยกมือขึ้นมาคล้องคอเขาให้โน้มตัวลงไปหาเสียก่อน
เสียงโห่ร้องเอ่ยแซวจากเพื่อน ๆ และแขกในงานดังขึ้นทันทีที่เห็นบ่าวสาวใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม จะมีก็แต่กวินที่ลอบถอนหายใจอย่างปลงตกกับสิ่งที่ลัดฟ้าคิดจะทำ
“ไอ้ฟ้ามันจะทำเหี้ยอะไรวะน่ะ”
“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!”
ลัดฟ้าเอียงคอแล้วยิ้มกว้างให้สามีที่อยู่ตรงหน้าอย่างกวนอารมณ์ มือหนาพยายามจะจับแขนของภรรยาออกโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น แต่ลัดฟ้ากลับไม่สะทกสะท้านอีกทั้งยังจับมือของเขาให้คล้องเอวคอดของตนเองไว้อีก
“จะทำอะไรคุณฟ้า”
“ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคุณสามี หลังสวมแหวนก็ต้องจูบกันสิ”
ลัดฟ้าไม่ปล่อยให้ราชาได้พูดอีกต่อไป ริมฝีปากประกบลงไปบนอวัยวะเดียวกันทันที ดวงตาคมปลาบเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนที่ลัดฟ้าจะขยับองศาการจูบแล้วสอดเรียวลิ้นเข้ามาหยอกเย้า
เสียงโห่ร้องของแขกในงานดังขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกับจูบแสนหวานของบ่าวสาวที่ยังดำเนินไปเรื่อย ๆ ลัดฟ้าดูดดึงริมฝีปากหนาเบา ๆ จนเกิดเสียงน่าอายก่อนจะผละออกมา ร่างบอบบางหัวเราะน้อย ๆ ยามเห็นใบหน้าหงุดหงิดของสามีตนเอง
“คุณฟ้า!”
ราชาสบถเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคน เขาบีบเอวบางแรงขึ้นจนลัดฟ้ารู้สึกเจ็บแต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มกวนประสาทบนใบหน้าหวานก็ยังคงไม่จางหายไป
“จูบของผมหวานใช่ไหมล่ะครับคุณสามี”
ริมฝีปากบางก้มลงจูบบนแก้มของราชาอีกครั้ง เช่นเดียวกับนิ้วเรียวที่เขี่ยปลายคางของอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อ
ราชายังคงยืนนิ่งแต่ดวงตากลับวาวโรจน์มองอีกคนที่อมยิ้มให้กัน มือหนาดึงเอวบางเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม แล้วก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ
“คุณฟ้าเรียกแบบนั้นว่าจูบเหรอครับ”
“…”
“เอาจริง ๆ ผมว่ามันโคตรห่วยแตกเลย”
ลัดฟ้าก็แค่เด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ชอบเด็กเอาแต่ใจเสียด้วย เห็นทีว่าหลังจากนี้เขาคงจะต้องอบรมภรรยาของตนเองอย่างหนักเลยล่ะ
;
#ราชาพ่าย
TBC.