ตัวเราคือ 'ปีศาจร้าย' ที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้ง หวังเพียงจะมีชีวิตบนโลกดำมืด ทางเดียวคือล่อลวง 'ของขวัญอันแสนบริสุทธิ์ของพระเจ้า' ให้แปดเปื้อน และดำดิ่งสู่ห้วงนรกจวบจนชั่วนิรันดร์
แฟนตาซี,ดราม่า,ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,ตะวันตก,โรแมนติกแฟนตาซี,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(E-Book) Black Wings — #ใต้ปีกรัตติกาลตัวเราคือ 'ปีศาจร้าย' ที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้ง หวังเพียงจะมีชีวิตบนโลกดำมืด ทางเดียวคือล่อลวง 'ของขวัญอันแสนบริสุทธิ์ของพระเจ้า' ให้แปดเปื้อน และดำดิ่งสู่ห้วงนรกจวบจนชั่วนิรันดร์
(Lucien x Cyrene)
♛
คุณเคยร้องขออะไรกับพระเจ้าหรือเปล่า?
แล้วคุณเชื่อในพระเจ้ามากแค่ไหนกัน?
สำหรับปีศาจร้ายอย่าง ซีลีน นั้น ได้สูญเสียศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าไปนานแล้ว
หากแต่ว่าวันหนึ่งพระองค์กลับได้มอบหนทางในการเป็นมนุษย์ให้กับเหล่าปีศาจทั้งหลาย
ลูเซียน เพื่อนร่วมคลาสคนใหม่ หนุ่มแว่นแสนเนิร์ดหลังห้องคนนั้นคือ ของขวัญที่พระเจ้าสร้างขึ้นจากแสงสว่างบริสุทธิ์ และทางเดียวที่จะได้รับพลังนั่นมาคือ การสมสู่ในกามารมณ์ กับมนุษย์ผู้นั้นด้วยความรัก
"คุณซีลีน..."
"ทำให้เราพอใจสิลูเซียน แล้วเราจะให้อภัยนายทั้งคืนเลยล่ะ"
เราตามหาของขวัญชิ้นนี้มาทั้งชีวิต เมื่อได้พบแล้วก็อย่าหวังว่าจะมีใครมาแย่งไปได้
เพราะแม้แต่พระเจ้าผู้สูงส่ง เราก็จะไม่คืนเขาให้เด็ดขาด
เราสาบาน
♛
เปิดเรื่อง : 19 เมษายน 2566
จบบริบูรณ์ : 12 มิถุนายน 2566
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน เหมาะกับผู้อ่านอายุ 18 ปีขึ้นไป อาจมีเหตุการณ์ไม่เหมาะสมที่ตัวละครในเรื่องได้กระทำ มีการบรรยายถึงความเชื่อศาสนา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
หากไม่ชอบสามารถกดออกได้เลยค่ะ รบกวนไม่คอมเมนท์บั่นทอนจิตใจนักเขียนนะคะ ขอบคุณค่ะ
— Trigger Warning —
Dirty talk, Blood, Depiction of sex scene, Demon, Submission, Supernatural
— Twitter —
— Page —
https://www.facebook.com/profile.php?id=61566029091647
01
คุณเคยร้องขออะไรกับพระเจ้าหรือเปล่า?
แล้วคุณเชื่อในพระเจ้ามากแค่ไหนกัน?
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสังเวชยิ่งนัก เฝ้าอธิษฐานกับสิ่งที่ตนไม่เคยได้เห็นตลอดทั้งชีวิต ศรัทธาและอดทนรอเพื่อความสมหวัง
แต่ความพยายามและความอดทนนั้นจะตอบแทนเราสักแค่ไหนกันเชียว บางคนก็ต้องตายไปพร้อมกับความหวังที่ไม่เคยสมหวัง หากแต่บางคนกลับได้ในสิ่งที่ต้องการโดยไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น
นั่นไม่ใช่เพราะว่าพระเจ้ามองข้ามเราไปหรอกหรือ
อืม แล้วแบบนี้ พวกคุณยังจะศรัทธาต่อท่านผู้ลำเอียงผู้นั้นอีกหรือไง
สำหรับปีศาจร้ายอย่างเขานั้น ได้สูญสิ้นศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าไปหมดแล้วล่ะ
ปลายเท้าของชายหนุ่มร่างบอบบางหยุดลงที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ดวงตาเรียวคู่สวยสะท้อนแสงแดดยามเช้ากวาดมองไปทั่วบริเวณ นักศึกษาหลาย ๆ คนที่เดินสวนไปต่างจดจ้องมาที่ร่างระหงเป็นตาเดียว
หากแต่ซีลีนน่ะชินกับการถูกจับจ้องและสายตาชื่นชมเหล่านั้นเสียแล้ว เขายืนอยู่สักพัก ทิ้งสายตามองเหม่อไปยังสนามหญ้ากลางแคมปัสตรงหน้า ก่อนที่เพื่อนสนิทในกลุ่มอย่าง มาร์แชลและเจค จะเดินมาถึง
“วันนี้ก็ดูดีอีกแล้วนะ” เจคเอ่ยเย้า
“ขอบใจ วันนี้มาร์แชลกับเจคก็ดูดีเหมือนกัน”
“รู้น่าว่าพูดตามมารยาทแต่ก็ขอบใจนะที่ชม คนอื่นน่ะมองพวกฉันเหมือนตัวประหลาดเฉิ่ม ๆ ที่มาคบกับนายกันทั้งนั้น” มาร์แชล ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยประชดประชันทีเล่นทีจริง สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมา
มีใครบ้างที่จะไม่รู้จัก ซีลีน สมิธ สาขาวรรณกรรม คณะอักษรศาสตร์ นอกจากใบหน้าที่งดงามจนสะกดคนมองเสียอยู่หมัดแล้ว ก็คงจะเป็นข่าวลือที่ว่า ตัวท็อปของสาขาวรรณกรรมเปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้าล่ะมั้ง
แต่ใช่ว่าซีลีนจะสนใจเสียงซุบซิบเหล่านั้นเสียเมื่อไร ไม่ว่าจะเป็นคำชื่นชมในความงดงามที่มิอาจหาใครเทียบ หรือคำนินทาว่าร้ายก็ตาม เขาไม่เคยตอบกลับ ใช้ความเงียบเป็นเกราะกำบัง แสร้งทำเป็นไม่รับรู้อย่างหยิ่งผยอง
เพราะแท้จริงแล้วซีลีนน่ะเกลียดความวุ่นวายที่เข้ามาหาตัวเองมากที่สุด เขาถึงได้อยู่เฉยและเลือกคบเพื่อนที่ไม่ได้หวังจะเอาแต่ประโยชน์ไปจากตนเพียงอย่างเดียว โชคดีที่ในคณะนี้ยังมีคนแบบนั้นอยู่บ้าง เจคและมาร์แชลเป็นเพื่อนประเภทเดียวกับที่เขาตามหา ดังนั้นทั้งคู่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้น คนภายนอกกลับมองว่าเจคและมาร์แชลธรรมดาเกินกว่าจะคบกับเขาได้ บางคนถึงกับซุบซิบว่าที่เขาคบกับสองคนนี้ เพียงเพราะแค่อยากได้เบ๊ไว้รับใช้จนจบปีสี่ก็เท่านั้น
เหอะ ถ้าตอนนั้นเจคไม่ห้ามเขาเอาไว้เสียก่อน ไม่แน่ว่าคนที่พูดจาสกปรกแบบนั้นอาจไม่มีได้โอกาสพูดอีกต่อไปก็ได้
“ปีสามแล้ว ก็เหนื่อยกันหน่อยนะ”
มาร์แชลกอดคอเจคและซีลีนไว้ก่อนจะพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น ซีลีนระบายยิ้มเพียงเล็กน้อยก่อนจะผลักเพื่อนตัวดีออกเบา ๆ
“ทับผมเราหมดแล้วมาร์แชล”
“โทษที”
มาร์แชลส่งเสียงหัวเราะ ส่วนเจคไม่ได้พูดอะไรแต่ยกมือขึ้นมาจัดผมให้ซีลีนใหม่อย่างง่ายดาย ด้วยความสูงที่มากกว่าซีลีนหลายเซนติเมตร
“รีบไปเข้าเรียนกันเถอะ สายมากแล้ว” เจคก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเตือนทั้งสองคนที่ยังคงเดินเอ้อระเหยไม่รีบร้อน
ซีลีนพยักหน้ารับเช่นเดียวกับมาร์แชล หากแต่หญิงสาวกลับเดินนำหน้าไปพร้อมกับเจคแล้ว ร่างบางมองตามหลังเพื่อนสนิทไป ใบหน้าหวานเงยหน้ามองตึกคณะอีกครั้งหนึ่ง
สามปีแล้วที่แม่ส่งเขามาเรียนที่นี่
มันห่างไกลจากบ้าน ห่างไกลจากความทรงจำและสิ่งแปลกประหลาดแสนน่ากลัวที่แม่ต้องการจะพาเขาหลีกหนี
“ที่นี่จะเป็นสรวงสวรรค์ของลูก อย่ากลับมาที่บ้านเกิดอีก ไว้แม่จะมาหาบ่อย ๆ รักลูกจ้ะ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่แม่กล่าว เสียงของเธอสั่นเครือคล้ายกับไม่อยากจากลูกชายอันเป็นที่รักไปไกล เธอยกหลังมือปาดน้ำตาก่อนที่จะวางกระเป๋าเดินทางใบสุดท้ายของเขาลงแล้วหันหลังกลับขึ้นรถไป
ตอนนั้นซีลีนทอดมองมารดาจากไปเงียบ ๆ เขาในวัยสิบเก้าปีไม่ได้โหยหาคิดถึงบ้านเกิด ไม่ได้ร้องไห้ และไม่แม้แต่จะยิ้มรับ
สวรรค์งั้นหรือ
ไม่มีที่ไหนเป็นสวรรค์สำหรับเขาได้หรอก เพราะที่ใดก็ตามที่มีเขาอยู่ ที่นั่นจะกลายเป็นนรกเสมอ
ถึงแม้กายหยาบจะเป็นมนุษย์ หากแต่จิตวิญญาณข้างในและกลิ่นอายของเขาคือปีศาจ
ฉะนั้นแล้ว สวรรค์จะสำคัญอันใดกัน
ย้อนกลับไปตอนที่เขายังเด็ก ในเมืองหนึ่งแถบชนบทของอังกฤษ หมู่บ้านที่เขาอยู่เป็นหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มากนัก มีบ้านรวมกันไม่ถึงสามสิบหลัง และบ้านของครอบครัวเขาก็ติดกับป่าทึบท้ายหมู่บ้านพอดี ใครหลายคนต่างก็บอกว่าบ้านของเขาร่มรื่นและน่าอยู่มากที่สุด แต่มันไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไปเมื่อเด็กอย่างเขาเกิดขึ้นมา
พ่อกับแม่ของเขามีความสุขมาตลอดจนกระทั่งลูกชายเพียงคนเดียวแตกต่างกับเด็กคน ๆ อื่นในหมู่บ้านมากเกินไป
“ซีลีน ซีลีนลูก อยู่ไหนซีลีน!?” เอมิลี่ มารดาของเขาร้องตะโกนเสียงดังท่ามกลางราตรีในป่าเงียบสงัด เช่นเดียวกับคนเป็นพ่อที่เดินตามหลังเธอมาติด ๆ
“ที่รัก ผมว่าลูกเรา…”
“ไม่เดวิด ลูกเราก็คือลูกเรา คุณเลิกเพ้อเจ้อว่าลูกเป็นผีเป็นปีศาจสักที!”
“แต่คุณ…”
“พ่อครับ แม่ครับ ซีอยู่นี่ครับ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงของลูกชายอันเป็นที่รัก พ่อและแม่ต่างมองหาต้นเสียงทันที หากแต่บนพื้นกลับไม่พบแม้แต่เงาของเด็กน้อย ยกเว้นเสียก็แต่เสียงนั่นอยู่เหนือหัวของพวกเขาไป
เดวิดเงยหน้ามองต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า และเขาก็พบว่าซีลีนนั่งอยู่บนนั้น ใบหน้างดงามของเด็กน้อยสะท้อนแสงจันทร์เนียนผ่อง ทั้งงดงามแต่ก็น่าหวาดกลัวจนเขาหวาดหวั่น
“ซีลีน!”
“ซะ…ซีลีน ลูกขึ้นไปทำอะไรบนนั้น”
“ก็แค่นั่งเล่น…” ซีลีนเอียงคอตอบคนเป็นพ่อและแม่ “…แล้วก็ดูงูบนต้นไม้ที่มันกำลังกินลูกนกน่ะครับ”
เด็กน้อยรู้ดีว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นตัวอะไรและมาจากไหน ดังนั้นการใช้ชีวิตแบบมนุษย์จึงยากเย็นสำหรับเขาเกินไป โดยเฉพาะการกระทำตามใจและแตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ แบบนี้
สำหรับวิสัยของปีศาจแล้วนั่นเป็นเรื่องปกติ แต่มันไม่ปกติสำหรับครอบครัวอีกต่อไป เมื่อความเป็นปีศาจทำให้เขาผิดแผกจากคนรอบข้างมากขึ้น
มีครั้งหนึ่งเขาพูดคุยกับดวงจิตปีศาจที่ร่อนแร่แถวนั้น ไม่นึกว่าพ่อกับแม่จะมาเห็น เด็กน้อยกลอกตาไปมาอย่างนึกรำคาญ
“คุยกับใครอยู่ซีลีน”
“คุยกับเพื่อนครับ”
“แล้วไหนเพื่อนลูกล่ะ พะ…พ่อก็เห็นอยู่ว่าลูกพูดอยู่คนเดียว”
“ไปแล้วครับ ตอนนี้คงจะไปยืนอยู่ข้างหลังพ่อแล้วล่ะมั้ง”
เด็กน้อยวับสิบขวบยิ้มกว้างให้คนเป็นบิดาแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือในมือต่อ ทั้งพ่อและแม่เงียบลง พวกเขาหน้าซีดเป็นไก่ต้มก่อนจะเดินออกไปทันที
“ผมไม่ไหวแล้วนะคุณ นั่นน่ะ ปีศาจมาเกิดชัด ๆ มันไม่ใช่…!”
“หยุดพูดนะเดวิด! นั่นลูกเรา!”
“ไอ้เด็กเวรนั่นน่ะเหรอ! เด็กดี ๆ ที่ไหนจะออกไปนั่งบนต้นไม้ตอนกลางคืนทุกวัน ดูอย่างเมื่อวันก่อนสิ! พวกเราตามหามันกันทั้งคืนเพราะกลัวว่ามันจะถูกหมาป่ากิน ที่ไหนได้มันดันเอามีดไปชำแหละศพกวางที่ตายแล้วเล่นตอนเที่ยงคืน!”
“ฮึก คุณ ฮึก คุณหยุดพูดนะ! นั่นลูกฉัน! นั่นลูกของฉัน!”
นั่นเป็นครั้งแรกที่ซีลีนเห็นพ่อของเขาโกรธจัดเหมือนคนเสียสติ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เห็นแม่ร้องไห้ เด็กน้อยวัยสิบขวบเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
แม่ เป็นเพียงคนเดียวยังอยู่ข้างเขา แม้ว่าเขาจะแปลกประหลาดสำหรับคนอื่นมากแค่ไหนก็ตาม ส่วนพ่อ ผู้ชายคนนั้นทนอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ถึงแค่ตอนที่เขาอายุสิบเจ็ดเท่านั้น
เมื่ออายุได้สิบเจ็ดปี เสน่ห์ของปีศาจน้อยบานสะพรั่ง ใบหน้าหวานล้ำอวดโฉม ทุกส่วนบนดวงหน้ารับกันพอประมาณ น่ามองไม่รู้เบื่อ อีกทั้งร่างกายที่เติบใหญ่ขึ้นมานั้นทั้งขาวผ่อง และได้สัดส่วนดูน่าทะนุถนอม
เสน่ห์พร่างพราว มักดึงดูดพวกมากตัณหาแลละโมบในกามารมณ์ ในคืนัวนหนึ่ง พระจันทร์เต็มดวงท่ามกลางผืนฟ้าสีทมิฬ ซีลีนถูกเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกันในหมู่บ้านดักฉุดและลากเข้าไปในป่า
มันช่างน่าเกลียดและน่าขยะแขยง
เขาเกือบจะใช้พลังของตนเองฆ่าพวกมนุษย์ต่ำทรามนั่นไปแล้ว แต่โชคดีที่พ่อกับแม่และพวกผู้ใหญ่แถวนั้นมาช่วยเขาไว้ได้ทันเสียก่อน
พ่อของเขาชกเด็กพวกนั้นไปหลายครั้งก่อนที่จะเข้ามากอดแม่กับเขาเอาไว้
“เป็นอะไรไหมซีลีน แม่ขอโทษนะ ฮึก แม่ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ซีลีนตอบ เขาพยายามบีบน้ำตาให้ไหลเพื่อให้ดูมีความรู้สึกหวาดกลัวอย่างมนุษย์มากที่สุด ก่อนที่แววตาแข็งกระด้างไม่มีแม้แต่ความหวาดหวั่นจะหันไปบิดาของตน
“ทำไมพ่อไม่ฆ่ามันให้ตายไปเลยล่ะครับ”
พ่อของเขาเงียบไป ก่อนจะถอยออกไปหลายก้าวอย่างนึกขนลุกกับน้ำเสียงของลูกชายตนเอง คืนนั้นพวกเขากลับบ้าน แม่อยู่ปลอบขวัญเขาเสียจนดึกดื่น ส่วนพ่อก็ได้แต่แอบมองผ่านบานประตูด้วยแววตาสั่นไหว
และเช้าวันถัดมา เด็กพวกนั้นก็ตายจริง ๆ
พวกมันตายเพราะฝีมือของหมาป่าแถวนั้น
“แกมันเป็นปีศาจใช่ไหมซีลีน!? แกไปฆ่าพวกมันใช่ไหม!?” พ่อของเขาตวาดลั่นเมื่อทราบข่าวนี้ในเวลาถัดมา เดวิดตัวสั่นสะท้าน มองใบหน้าเรียบเฉยของลูกชายที่ดูราวกับไม่รู้เรื่องอะไรแล้วโวยวายออกมาคล้ายกับเสียสติไปแล้ว
“คุณบ้าไปแล้วหรือไงเดวิด!” แม่ของเขาก้าวเข้ามาห้ามพ่อเอาไว้ ก่อนที่พ่อจะเข้าถึงตัวเขาได้
“ซีไม่ได้ทำนะพ่อ เมื่อคืนซีก็นอนอยู่กับแม่ พ่อก็เห็นนี่…ว่ามันเป็นฝีมือของหมาป่า”
พ่อของเขาไม่ฟังอะไรอีกต่อไปแล้ว เดวิดวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนบนชั้นสองก่อนจะกวาดข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋าเดินทางและตรงดิ่งไปยังรถยนต์ที่จอดไว้หน้าบ้านทันที
“คุณจะไปไหนเดวิด โอ๊ย!” เอมิลี่พยายามห้ามสามี แต่กลับถูกผลักออกมาจนซีลีนต้องถลาตัวไปรับคนเป็นแม่ไว้
แววตาดุดันของปีศาจน้อยจ้องไปยังคนเป็นพ่อที่บังอาจทำร้ายแม่ของเขา
“กูไม่อยู่แล้ว ครอบครัวเฮงซวย! มีลูกก็เป็นปีศาจ มีเมียก็เป็นบ้า แม่งเอ๊ย!”
รถยนต์ถูกสตาร์ทและขับออกไปด้วยความรวดเร็ว เอมิลี่ร้องไห้สะอื้นจนตัวโยนก่อนจะหันมารวบตัวลูกชายไปกอดเอาไว้
หากแต่สิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้จนแทบจะขาดใจมากกว่าการที่เดวิดเลือกที่จะหนี คือการที่ซีลีนนิ่งเฉย และมองดูพ่อของตนจากไปอย่างไม่ใยดี
และนั่นจึงเป็นเหตุผลทั้งหมดที่แม่ส่งเขามาเรียนที่นี่ ให้ไกลจากบ้านเกิดที่มีแต่เรื่องแปลกประหลาด
ซีลีนเดินตามหลังเพื่อนสนิททั้งสองคนที่เดินนำไปไกลแล้ว ขณะนั้นมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
เขาอยากจะบอกแม่เหลือเกินว่า สิ่งที่พ่อคิดน่ะ เป็นเรื่องจริงทั้งหมดเลยล่ะ
*
คลาสแรกในวันเปิดเทอมของการเรียนปีที่สามคึกคักเป็นพิเศษ โชคดีที่อาจารย์ประจำวิชายังไม่มา พวกเขาทั้งสามคนจึงยังไม่ถูกเช็คสายตั้งแต่คาบแรก แต่ถึงอย่างนั้นคนอื่น ๆ ในสาขาก็มากันจนเกือบล้นห้อง
เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจดังน่ารำคาญแสนปวดหู อันที่จริงสิ่งที่คนพวกนั้นคุยกันก็รวมเรื่องของเขาลงไปด้วย ให้ตาย เพิ่งจะเปิดเทอม ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เม้าท์กันแล้วหรือไงนะ
เมื่อกลุ่มของเขาหาที่นั่งได้ ซีลีนจึงหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ในทันที เช่นเดียวกับเจคและมาร์แชลเช่นกัน โดยปกติแล้วพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้มีอะไรพูดคุยกันมากนัก แต่ก็เรียกได้ว่ามองหน้าก็รู้ใจได้ทันที
“ซีลีน เหมือนมีคนกำลังเดินมาหานายนะ”
มาร์แชลสะกิดไหล่ของซีลีนครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะพยักเพยิดไปทางผู้ชายหน้าตาดี ตัวสูงเกือบสองเมตรคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา…ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“อย่าบอกนะว่าคู่ควงคนเก่า?” เจคถามเสียงเนือยคล้ายกับชินชาในเรื่องพวกนี้ของเพื่อนสนิทเต็มทน
“ไม่ใช่คู่ควงสักหน่อย แค่เจอกันเมื่อคืนที่บาร์”
“แค่นั้น?”
“ที่จริงก็จูบด้วยสองครั้ง”
“ให้ตายสิซีลีน นายนี่นะ เชื่อเขาเลย” เจคไหวไหล่ก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาใส่อีกครั้ง เช่นเดียวกับมาร์แชล และปล่อยให้ซีลีนแก้ปัญหาที่เขาก่อด้วยตนเอง
ซีลีนถอนหายใจหนัก ผู้ชายคนนั้น เขาจำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังจำไม่ได้ว่าเรียนอยู่ที่นี่ จำได้ก็แค่ว่า…จูบโคตรห่วยแตกเลย
ตึง!
เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าเขาแล้วทุบโต๊ะดังลั่น เสียงพูดคุยของคนอื่น ๆ ในก็ห้องเงียบลงทันที กลายเป็นว่าทุกคนสนใจละครฉากใหม่ตรงนี้เข้าเสียแล้ว
ซีลีนถอดหูฟังออกมาข้างหนึ่งแล้วกอดอกอย่างนึกหัวเสียก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นมา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ซีลีนฉีกยิ้มหวาดหยด เขารับมือมามากแล้วกับเหตุการณ์แบบนี้ “อ่า แต่เดี๋ยวก่อนนะ นายน่ะชื่ออะไรเหรอ เราไม่เห็นจะจำได้เลย”
“เอาสิ่งนั้นคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
“สิ่งนั้น? สิ่งนั้นคืออะไรเหรอ เราไม่เห็นเข้าใจเลย” ซีลีนเอ่ยถามต่ออย่างนึกสนุก
ผู้ชายคนนั้นขบกรามแน่น ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาแล้วดีดนิ้วกลางอากาศ
ป๊อก!
ทุกอย่างรอบกายถูกหยุดเอาไว้ ทั้งเวลาและผู้คน ซีลีนร้องว้าวอย่างกวนประสาทแล้วปรบมือสองสามที
“ถึงขนาดหยุดเวลาได้เชียวเหรอ เป็นทูตตกสวรรค์จากชั้นไหนกันน้า น่าเสียดายจริง ๆ ที่มีพลังมากขนาดนี้ แต่ดันถูกเนรเทศลงมาไม่ต่างกับหมาตัวหนึ่งเสียได้”
“นี่เจ้า!” ทูตตกสวรรค์ผู้นั้นตวาดใส่ปีศาจแสนงดงามตรงหน้าอีกครั้ง “คืนพลังแสงแห่งชีวิตของข้ามา!”
“ท่านแน่ใจหรือว่าเราขโมยไปน่ะ” ซีลีนยกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วยิ้มเย้ยหยัน
“เพราะข้ากับเจ้าจูบกันเมื่อคืน เจ้า! เจ้าจึงมีโอกาสดูดแสงแห่งชีวิตของข้าไปเพิ่มพลังชีวิตของตัวเอง!”
“เฮ้อ แล้วทูตสวรรค์ดี ๆ ที่ไหนจะมาจูบกับปีศาจอย่างเราล่ะ ถ้าไม่ใช่พวกทูตสวรรค์ที่หลงมัวเมาในบาปจนถูกเนรเทศลงมาแบบท่าน”
ทูตสวรรค์ตนนั้นไม่อาจตอบโต้ได้ เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุด
“เราไม่ได้บังคับให้ท่านจูบกับเราเสียหน่อย ท่านยอมมอบมันให้เราเอง ก็เท่ากับว่าท่านไม่มีสิทธิ์ทวงคืนแล้วไงล่ะ”
“นี่เจ้า!”
“อ่อ แล้วเราจะบอกอะไรให้ท่านรู้อีกอย่างนะ ท่านคิดว่าคนที่ท่านจูบคือเราจริง ๆ อย่างนั้นหรือ”
“เจ้าหมายถึงอะไร”
ซีลีนหัวเราะในลำคอ “เราก็หมายถึง ร่างปลอมที่เราสร้างมาจากเลือดของสัตว์นรกต่างหากล่ะที่จูบกับท่าน อืม พอท่านเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา ตัญหาและความโลภก็จะค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในจิตของทูตสวรรค์ แล้วยังไงต่อนะ อ่อ เราก็ใช้จังหวะนั้นดูดเอาพลังของท่านมาเพิ่มพลังชีวิตของตัวเองยังไงล่ะ”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ก็ลองดูสิ ทูตสวรรค์ที่ไร้แสงแห่งชีวิตเช่นท่านน่ะ ไม่ได้รับอนุญาตให้กลับขึ้นสวรรค์อีกแล้ว และก็คงจะต้องตกสู่ความดำมืดชั่วนิรันดร์”
ป๊อก!
ซีลีนพูดจบก็ดีดนิ้วขึ้นมาบ้าง ก่อนที่เวลาและผู้คนจะขยับเดินต่ออีกครั้ง
“ว้าว ขอบคุณที่นายมอบสิ่งนั้นให้เรานะ เราควบคุมได้แล้วล่ะ ขอบใจนายจริง ๆ”
รอยยิ้มของปีศาจร้ายนั้นแสนเสน่หาและพร้อมจะล่อลวงอยู่เสมอ และนั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ทูตสวรรค์ตนนั้นได้เห็นก่อนที่เขาจะเดินออกไปอย่างไร้ราศีและกลิ่นอายของสวรรค์อีกต่อไป
“นายไปเอาอะไรของเขามาล่ะซีลีน”
“ความลับ”
“อีกแล้ว”
ร่างบางหัวเราะเสียงหวาน ไม่ดังมากนัก นัยน์ตาสีดำเทามองตามแผ่นหลังของทูตตกสวรรค์ในร่างมนุษย์ที่ปิดประตูเสียงดังลั่นออกไป
ปีศาจ อย่างไรก็มีวิถีของปีศาจอยู่วันยังค่ำ แม้ได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์แล้วแต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายและพลังของปีศาจหลงเหลืออยู่ ทางเดียวที่จะชำระล้างความมืดนั้นให้หายไปได้คือการเสาะหาแสงสว่างแห่งชีวิต
ซีลีนอยากเป็นมนุษย์อย่างเต็มตัว แม้จะรู้ว่ามันผิด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องล่อลวงและขโมยแสงแห่งชีวิตจากทูตตกสวรรค์พวกนั้นมา อันที่จริงทูตตกสวรรค์นั้นเป็นพวกที่ถูกพระเจ้าเนรเทศลงมาเพียงชั่วคราว หากสะสมความดีได้อีกครั้งก็สามารถกลับขึ้นสวรรค์ใหม่ได้ แต่ทูตสวรรค์ที่ถูกดูดแสงแห่งชีวิตไปแล้ว ก็ยากที่จะสะสมแต้มความดีให้กลับขึ้นสวรรค์ได้อีก
ร่างบางทำแบบนี้มาตลอด ตามหาพวกทูตสวรรค์ที่ลุ่มหลงในราคะและเปลี่ยนไปเรื่อย จนสุดท้ายก็มีข่าวซุบซิบว่าเขาเปลี่ยนคู่ควงเกือบทุกเดือน แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยพลังที่ซีลีนรวบรวมมา อย่างไรมันก็ยังไม่พออยู่ดี
ดังนั้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมาในหมู่ของปีศาจคงเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเขาได้
‘ของขวัญจากพระเจ้า’ เป็นมนุษย์ที่ถูกสร้างด้วยพลังอันแสนบริสุทธิ์และถูกพระเจ้าส่งมาใช้ชีวิตบนโลก มนุษย์ที่เต็มไปด้วยแสงสว่างแห่งชีวิตอันเปี่ยมล้น ซีลีนตามหามาตั้งแต่ยังมีเพียงจิตวิญญาณ จนกระทั่งได้มาเกิดใหม่ในร่างมนุษย์ก็ยังไม่สามารถที่จะหาของขวัญชิ้นนั้นเจอ
“นี่ เห็นประธานสาขาบอกว่ามีนักศึกษาจะย้ายสาขามาตอนปีสามด้วย ไม่รู้ไปคุยกับคณบดียังไงถึงย้ายมาได้น่ะ”
“อาจเป็นพวกลูกคุณหนูรวย ๆ ไม่ก็คุณชายจากตระกูลเก่าแก่ก็ได้มั้ง”
ความคิดในหัวถูกขัดจังหวะด้วยบทสนทนาของเพื่อนสนิททั้งสองคน
นักศึกษาใหม่ที่ย้ายสาขามาตอนปีสามเนี่ยนะ?
“ไม่ใช่ทั้งสอง ก็แค่เด็กเนิร์ดคนหนึ่ง นั่นไง มานู่นแล้ว”
มาร์แชลชี้ไปทางประตูหลังห้องที่มีชายหนุ่มตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ซีลีนมองตามนิ้วของมาร์แชลไปก่อนจะพบว่า เพื่อนใหม่คนนั้นเป็นเด็กเนิร์ดอย่างที่บอกจริง ๆ
แต่ในเสี้ยววินาทีที่ซีลีนกำลังจะหันกลับมาและเลิกสนใจไป นัยน์ตาสีเทาคู่สวยกลับได้สบประสานเข้ากับนัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นของเด็กใหม่คนนั้น
ร่างกายของซีลีนสั่นสะท้าน หัวใจเต้นแรงราวกับจะระเบิด รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายบริสุทธิ์ที่หอมหวานและประกายแสงแห่งชีวิตที่ทะลักล้นออกมา
ซีลีนผุดลุกขึ้นท่ามกลางความความวุ่นวายภายในห้อง
พระเจ้า ในที่สุดเราก็ตามหาของขวัญของท่านเจอแล้ว
และเราสาบานว่าจะทำให้มันแปดเปื้อนยิ่งกว่าที่ท่านคิดไว้เลยล่ะ พระเจ้าผู้เป็นที่รัก