"ทำใจเถอะอาหลิว อัปลักษณ์อย่างลื้อจะมีใครมารัก เลิกหวังได้แล้ว"
ดราม่า,รัก,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,โรแมนติก,พีเรียดไทย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐"ทำใจเถอะอาหลิว อัปลักษณ์อย่างลื้อจะมีใครมารัก เลิกหวังได้แล้ว"
(พญา x หลิว)
꧁✵꧂
หลิวเป็นคนขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไร ไร้ซึ่งความกล้าหาญที่จะยอมรับในสิ่งที่เป็น ตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่จึงได้แต่กักขังตนเองอยู่ภายใต้ความอัปลักษณ์นั้นจนหลงลืมไปแล้วว่าแท้จริงการเชื่อมั่นในตนเองนั้นเป็นอย่างไรกันแน่
ความหวาดกลัวฝังรากลึกลงในจิตใจของเขามาเนิ่นนาน
เพียงแต่ในตอนนี้กลับมีมือของใครบางคนฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากความกลัวนั้น
"เธออาจจะคิดว่ารอยแผลเป็นนั้นน่ารังเกียจจนทนไม่ไหว แต่สำหรับฉันแล้ว เธอมีค่ามากกว่าคำดูถูกพวกนั้นเสียอีก"
"..."
"อย่าได้สนใจคำพูดของคนอื่นอีกเลยอาหลิว เธอจำคำพูดของฉันเอาไว้แค่คนเดียวก็พอแล้ว"
และคุณพญาก็คือคนนั้น คนที่ใจดีกับเขาเสมอมา
ขอบคุณที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ผมเองก็สัญญาว่าจะภักดีต่อคุณตลอดไปเช่นกัน
꧁✵꧂
เปิดเรื่อง : 02/10/2566
จบบริบูรณ์ : 29/01/2567
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน เหมาะกับผู้อ่านอายุ 18 ปีขึ้นไป อาจมีเหตุการณ์ไม่เหมาะสมที่ตัวละครในเรื่องได้กระทำ มีการบรรยายถึงความเชื่อศาสนา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
หากไม่ชอบสามารถกดออกได้เลยค่ะ รบกวนไม่คอมเมนท์บั่นทอนจิตใจนักเขียนนะคะ ขอบคุณค่ะ
— Trigger Warning —
Attempted murder, Physical Abuse, Mental Abuse, Blood, Branding, Body Shaming, Corpse, Dirty Talk, Domestic Violence, Forced Marriage, Mutilation, Trafficking
— Twitter —
— Page —
“เร็วเข้า! ยกไปเสิร์ฟไว ๆ วันนี้ร้านเรามีแขกจากสมาคมจินหลง อย่ามัวชักช้า!”
เถ้าแก่กวงผู้เป็นถึงเจ้าของภัตตาคารไห่ฟู่ลงมาคุมคนครัวด้วยตัวเองในคืนนี้ เหตุผลก็เพราะว่าภัตตาคารของตนถูกเลือกเป็นที่จัดงานเลี้ยงของสมาคมจินหลง
ลูกจ้างและพ่อครัวแม่ครัวต่างวิ่งกันให้วุ่นเมื่อแขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้ามานั่งตามโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ นักร้องและนักดนตรีประจำร้านก็เริ่มบรรเลงเพลงขับกล่อม พร้อมกับอาหารเรียกน้ำย่อยที่เริ่มออกเสิร์ฟตามโต๊ะต่าง ๆ
เถ้าแก่เรียกใช้เด็กในร้านไม่ขาดปาก บางคนก็ทำหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะต้อนรับแขก เสิร์ฟอาหาร หรือแม้กระทั่งช่วยแม่ครัวหั่นผักเพราะวัตถุดิบไม่เพียงพอ และด้วยจำนวนคนงานที่ไม่พอใช้ หลิวจึงต้องไปช่วยเสิร์ฟด้วยอีกแรง เถ้าแก่เลยสั่งให้เขาหาเศษผ้ามาปิดครึ่งหน้าที่มีรอยแผลเป็นเอาไว้ เด็กหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวในกระเป๋าขึ้นมาผูกรอบใบหน้าไว้ลวก ๆ
นาน ๆ ทีจะได้ทำงานที่หน้าร้านบ้าง หลิวที่แอบฟังเพลงที่นักร้องในร้านร้องทุกคืนคลี่ยิ้มภายใต้ผ้าเช็ดหน้าผืนบางด้วยความดีใจ
คนจน ๆ อย่างเขาไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อเทปสักอันหรือวิทยุสักเครื่องมาไว้ฟังเพลงฟังละครหรอก หลิวจึงได้แต่แอบฟังตามร้านรวงต่าง ๆ หรือเครื่องขยายเสียงที่ติดกับรถยนต์ที่ขับผ่านไปมาก็เท่านั้น
“อาหลิว! มาช่วยอั๊วขนของทางนี้หน่อยเร็ว!”
หัวหน้าคนงานร้องเรียกหลิวที่เพิ่งจะกลับมาจากเสิร์ฟอาหารจานแรก ร่างโปร่งรีบวางถาดเปล่าในมือก่อนจะวิ่งตามหัวหน้าคนงานไปจนถึงหน้าร้าน
รถสามล้อที่ขนถุงผักและเนื้อสัตว์เต็มคันจอดอยู่ริมถนน ห่างจากประตูด้านหน้าภัตตาคารไม่มาก หลิวกับลูกจ้างอีกสองสามคนแบกถุงพวกนั้นใส่รถเข็นอย่างขมักเขม้น
“ไป ๆ รีบขนเข้าไปในครัวเลยนะ เดี๋ยวอั๊วจัดการจ่ายเงินอาแปะอีก่อน”
หัวหน้าคนงานเอ่ยคำสั่ง หลิวและคนที่เหลือพยักหน้าก่อนจะทยอยเข็นรถเข็นตามกันไป และในขณะที่กำลังจะพ้นกำแพงหน้าร้าน หลิวก็หันไปเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งที่เพิ่งลงจากรถคันหรูมา ชายผู้นั้นยังคงน่าเกรงขามเฉกเช่นครั้งล่าสุดที่ได้พบกันที่ศาลเจ้าเมื่อวานนี้
คุณพญาดูดีอยู่เสมอ ทั้งสุขุมและดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้อง เต็มไปด้วยผู้คนรายล้อม เด็กหนุ่มขนผักอย่างเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไม่อาจละสายตาไปจากคุณพญาได้
ริมฝีปากเล็กระบายยิ้มบางเบากับตนเอง เพียงแค่ได้มองจากตรงนี้และเห็นว่าอีกคนมีชีวิตที่ดีก็เพียงพอแล้ว
ถ้ามีโอกาสเขาก็อยากจะเอ่ยขอบคุณต่อหน้าผู้มีพระคุณของตนเองอีกสักครั้ง
“ลื้อชักช้าอีกแล้วนะอาหลิว! ไปได้แล้ว!”
“ครับเฮีย” หลิวลนลานพยักหน้าหงึกหงักแล้วเข็นรถเข้าไปด้านในอย่างรีบร้อน หักใจที่จะไม่หันกลับไปมองคุณพญาอีกครั้ง
ภายในครัวยั่งวุ่นวายเหมือนเดิม หลิวยกถุงผักและเนื้อสัตว์ส่งให้ผู้ช่วยแม่ครัวก่อนที่จะออกมาช่วยคนอื่น ๆ ยกอาหารกับเครื่องดื่มไปเสิร์ฟอีกครั้ง
ด้านหน้าร้านเต็มไปด้วยเสียงช้อนส้อมกระทบกันกับเสียงพุดคุยของแขกเหรื่อหลายร้อยคน หลิวมั่นใจว่าผ้าที่ผูกไว้บนใบหน้าของตนนั้นแน่นหนาดีแล้วจึงค่อย ๆ เดินเสิร์ฟแต่ละโต๊ะด้วยความระมัดระวัง ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเพลงเพราะ ๆ จากนักร้องภายในร้านคลอเคล้าไปด้วย
บรรยากาศหน้าร้านครื้นเครงและหรูหราถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ถ้าวันนี้เด็กเสิร์ฟหน้าร้านมีไม่เพียงพอทำหน้าที่ เขาก็คงไม่ได้เห็นภาพแบบนี้เสียแล้ว
หลิวยืนหลบอยู่มุมหนึ่งเพื่อรอคอยคำสั่งจากหัวหน้าคนงาน เขากอดถาดเปล่าเอาไว้แน่นขณะที่มองเลยเวทีไปจนพบกับเจ้าของร่างสูงคนเดิมที่หน้าร้าน เพราะต่อให้อยู่ท่ามกลางคนมากมายแค่ไหน แต่คุณพญาก็โดดเด่นเกินกว่าใครอยู่ดี
มือหนาหยิบแก้วไวน์รสชาติดีขึ้นมาแล้วแกว่งมันเล็กน้อยขณะที่ทอดมองนักร้องสาวบนเวที แม้ว่าคุณพญาจะไม่ได้ยกยิ้มเชิญชวนอย่างผู้ชายเจ้าชู้ แต่ใบหน้าหล่อเหลาและท่าทางที่มีเสน่ห์เกินต้านทานเช่นนั้นกลับทำให้นักร้องสาวหน้าแดงไปตาม ๆ กัน
ดวงตาคมปลาบคู่นั้นช่างมีเสน่ห์เหลือร้าย ถ้าใครเผลอไผลไปกับมัน ก็คงไม่พ้นที่หัวใจจะถูกหลอมละลายจนไม่เหลือชิ้นดีอย่างแน่นอน
อาหารจานต่อไปเริ่มออกเสิร์ฟแล้ว หลิวจึงต้องเรียกสติตนเองและรีบกลับเข้าไปในด้านในเพื่อทำหน้าที่ของตนเองต่อ
“จานนี้โต๊ะสิบกับโต๊ะสิบเอ็ด ค่อย ๆ ยกไปล่ะ” หัวหน้าคนงานที่ยืนจัดอาหารใส่ถาดให้พนักงานเสิร์ฟไล่บอกทีละคน หลิวตอบรับคำสั่งแล้วยกถาดเดินออกมา
แต่ก่อนที่จะออกไปถึงหน้าร้าน ร่างโปร่งก็สังเกตเห็นพนักงานชายคนหนึ่งที่เดินออกไปก่อนหน้านี้ทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่หลังม่านกั้น หลิวหยุดฝีเท้าลงแล้วเอี้ยวตัวหลบหลังกำแพงอีกฝั่ง ก่อนจะชะเง้อมองโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว
แสงไฟบริเวณนั้นไม่สว่างเท่าไรนัก แต่กลับเห็นได้ชัดเจนว่าผู้ชายคนนั้นกำลังเอาบางอย่างใส่ลงไปในอาหาร และถ้าหลิวจำไม่ผิด หมายเลขโต๊ะที่ชายคนนั้นต้องไปเสิร์ฟคือโต๊ะของคุณพญานั่นเอง
“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเราไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อนเลยล่ะ”
หลิวพึมพำกับตนเองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่เคยเห็นพนักงานคนนี้มาก่อน และเถ้าแก่ก็ไม่ได้จ้างใครเพิ่มในช่วงนี้ด้วย
พนักงานคนนั้นรีบเก็บซองเปล่าเข้ากระเป๋าเสื้อหลังจากเทบางอย่างที่อยู่ด้านในจนหมดแล้ว จากนั้นก็ถือถาดเดินออกไปด้วยความเร่งรีบ ไวกว่าความคิด หลิวก้าวเข้าไปขวางหน้าผู้ชายคนนั้นก่อนจะใช้มือปัดอาหารบนถาดจนหกเกลื่อนเต็มโต๊ะที่พญานั่งอยู่
เคร้ง!
จานกระเบื้องตกแตกกระจาย เศษอาหารกระเด็นไปทั่วบริเวณพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจของใครหลายคน พญาถูกเตชินดันให้ถอยห่าง เช่นเดียวกับลูกน้องคนอื่น ๆ ที่ผุดลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยความรวดเร็ว
ชายแปลกหน้าผู้นั้นล้มลงไปกับพื้นเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่นี้ เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่หลิวก็กระโจนเข้าไปดึงตัวเขาเอาไว้ก่อน
“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พนักงานของร้านครับ!”
หลิวตะโกนลั่นและพยายามจับตัวผู้ชายคนนั้นไว้ ลูกน้องของพญากำลังจะเข้าไปช่วยแต่ชายแปลกหน้ากลับเหวี่ยงหลิวให้พ้นตัวและวิ่งหนีไป
ร่างโปร่งที่ถูกเหวี่ยงออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวหลับตารอรับความเจ็บปวดจากแรงกระแทกที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่แล้วมือหนาของใครบางคนก็รวบตัวเขาไว้ในอ้อมกอดได้เสียก่อน แผ่นหลังของคนผู้นั้นกระแทกกับพื้นแทนที่จะเป็นเขา หลิวรีบลืมตาขึ้นมาก่อนจะหันไปเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุ…”
เพียงแต่คำขอบคุณทั้งหมดกลับกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนชัดเจนในสายตา
คุณพญายังประคองเขาไว้ด้วยแขนแกร่ง ฝ่ามือใหญ่กระชับเอวเขาไว้แน่น ร่างสูงตะโกนสั่งให้ลูกน้องของตนตามคนร้ายไปจนหลิวสะดุ้งตกใจ ก่อนที่ความวุ่นวายจะตามมาเมื่อแขกเหรื่อพากันลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความหวาดกลัว
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
พญาหันมาเอ่ยถามพร้อมกับพยุงคนตัวเล็กกว่าให้ยืนขึ้น หลิวตัวสั่นคล้ายกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อคุณพญาที่เคยอยู่แค่ในความคิดกลับอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม เขาเผลอเงยหน้าสบสายตาคู่นั้นที่มองมา ก่อนจะรีบก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกได้ว่าผ้าที่เคยผูกเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นนั้นหล่นลงพื้นไปแล้ว
“ไม่…ไม่เป็นไรแล้วครับ”
“ขอบคุณที่ช่วยฉัน”
“ค…ครับคุณพญา”
หลิวถอยห่างออกมาทันทีที่คุณพญาปล่อยมือ นั่นเป็นเพราะเขาสกปรกและไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะล้มทับคุณพญาไปแบบนั้น ทว่าหัวใจดวงน้อยกลับเต้นระรัวอย่างไม่รักดีเพียงเพราะความใกล้ชิดในเสี้ยววินาทีนั้น
พญาหันไปสั่งลูกน้องให้จัดการความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาหาเด็กหนุ่มแต่ก็ไม่พบว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
สถานการณ์กลับสู่ความสงบ พญายืนรอให้พนักงานเปลี่ยนผ้าปูโต๊ะให้ใหม่ และในตอนนั้นเองที่เขาเห็นผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนหนึ่งตกอยู่ที่พื้น
ร่างสูงก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาพิจารณา ผ้าผืนนี้ดูเก่าและมีรอยไหม้บางอย่าง แต่กระนั้นก็สะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้อยู่ด้วย เขาจำได้ว่าเด็กคนนั้นผูกมันเอาไว้ที่ใบหน้าคล้ายกับต้องการปกปิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่เอาไว้
รอยแผลเป็นที่ข้างแก้มซ้าย…เป็นเด็กคนนั้นเองสินะ
“จับตัวคนร้ายได้แล้วครับคุณพญา” เตชินที่เดินเข้ามาจากด้านนอกกระซิบบอกเสียงเบา
พญากระชับสูทที่ใส่ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจนบรรยากาศรอบกายหนักอึ้ง
“นายไปเตรียมรถให้พร้อม ฉันจะกลับไปเค้นความจริงจากปากไอ้เวรนั่นด้วยตัวเอง”
งานเลี้ยงจำต้องเลิกรา แขกคนอื่น ๆ ไม่กล้าจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เถ้าแก่เจ้าของภัตตาคารรีบออกมากล่าวขอโทษต่อหน้าแขกทุกคน พญาและผู้นำตระกูลอื่น ๆ ก็ไม่ได้ติดใจเอาความใด ๆ
ผู้คนเริ่มทยอยลุกจากโต๊ะ เถ้าแก่หน้าเสียแต่ก็ยังยิ้มและสั่งให้พนักงานเดินออกไปส่งแขกทีละคนด้วยความสุภาพ ชายชราก้มหัวซ้ำ ๆ ให้กับพญาที่กำลังจะเดินออกไปเป็นคนสุดท้าย
“ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหลังเถ้าแก่ก็ช่วยรอบคอบให้มากกว่านี้ด้วย เพราะถ้าคืนนี้ผมไม่ได้เด็กคนนั้นช่วยไว้ก็คงตายไปแล้ว”
“…”
“เถ้าแก่คงรู้ใช่ไหมว่าถ้าผมตายที่นี่ ภัตตาคารของเถ้าแก่อาจจะเหลือแค่ชื่อก็ได้”
“อ…อั๊วเข้าใจแล้ว ๆ ขอบคุณคุณพญามาก ๆ ที่ไม่เอาเรื่องอั๊ว”
พญายกมือห้ามไว้เมื่อเถ้าแก่กวงทำท่าจะก้มหัวให้เขาอีกรอบ ดวงตาคู่คมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณร้าน ก่อนจะหันมาพูดกับชายชราตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
“บอกกับเด็กคนนั้นด้วยว่าขอบคุณ”
“…”
“และผมก็จะตอบแทนเขาอย่างแน่นอน”
พญาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป โดยไม่ทันได้รู้ตัว ร่างสูงเผลอเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นใส่ลงในกระเป๋าเสื้อของตนเองไปเสียแล้ว
*
คืนนั้นหลิวไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ใบหน้าเศร้าสลดของเถ้าแก่ยังฉายชัดในความคิด เหตุการณ์ครั้งนี้คงจะทำให้ความเชื่อมั่นในภัตตาคารลดลงไปมากทีเดียว ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นเต็มอก บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาที่ทำอะไรไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ถึงได้ทำให้เถ้าแก่กวงเดือดร้อนแบบนี้
ตะเกียงที่จุดไว้ตั้งแต่หัวค่ำยังคงส่องให้ความสว่าง ร่างโปร่งพลิกกายไปมาบนฟูกนอนแข็ง ๆ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขานอนไม่หลับก็คงจะเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากคุณพญาที่ติดตรึงในความรู้สึกมาจนถึงตอนนี้
กลิ่นหอมสะอาดและความอุ่นร้อนจากฝ่ามือใหญ่ที่รวบตัวเขาไว้ตอนนั้นทำให้ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หลิวพยายามข่มตาอีกครั้ง วันนี้เกิดเรื่องมากมายกว่าที่คิด ความรู้สึกของเขาไม่มั่นคงจนทำให้ใจว้าวุ่น แต่แล้วกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ในความรู้สึกก็ปลอมประโลมให้เขาสงบลงได้อย่างน่าประหลาด เปลือกตาสีมุกเปิดขึ้นมาอีกทีก็เช้าตรู่เสียแล้ว
หลิวตั้งใจเอาไว้ว่าวันนี้เขาจะไม่ไปทำงานที่ท่าเรือในช่วงเช้าเหมือนอย่างทุกวัน ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนออกจากบ้านและตรงไปที่ภัตตาคารด้วยความรวดเร็ว
อย่างน้อยถ้าเขาได้ช่วยงานเถ้าแก่ให้มากกว่าเดิมก็คงจะทดแทนความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นได้บ้าง
ทันที่ไปถึงหลิวก็ไม่อาจรั้งรอได้ เด็กหนุ่มเดินตรงไปหาเถ้าแก่ที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านทันที ร่างโปร่งโค้งจนหัวแทบติดพื้นแล้วเอ่ยขอโทษเถ้าแก่อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ใช่ความผิดของลื้อที่ไหนล่ะอาหลิว ลื้อทำถูกแล้ว เกิดคุณพญาอีเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ อั๊วก็คงจะแย่กว่านี้”
โชคดีที่เถ้าแก่ยังมีเมตตาและมีเหตุผลกับเรื่องนี้ ชายชราตบไหล่คนอายุน้อยกว่าเบา ๆ ก่อนจะพยักเพยิดไปทางด้านหลัง
“ไป ๆ ลื้อไปทำงานต่อเถอะ อั๊วว่าจะไปพักสักหน่อย”
หลิวมองตามชายชราที่เดินเข้าห้องทำงานของตนเองไป ถึงแม้เถ้าแก่จะเอ่ยเช่นนั้นแต่ความรู้สึกผิดก็ยังไม่จางหายไปไหนเสียที
“อาหลิว! มีคนมาหาอยู่ที่หน้าร้าน!”
ในขณะที่หลิวถอนหายใจอย่างปลงตก เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็ตะโกนเรียกขึ้นมาเสียงดัง หลิวตอบกลับว่าจะรีบออกไปโดยเร็วถึงแม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย
ใครกันนะ คนอย่างเขามีใครให้มาหาด้วยหรือ
ร่างโปร่งรีบวิ่งออกไปที่หน้าร้าน ก่อนจะเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนรออยู่ตรงนั้น เมื่อเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นก็พบว่าเป็นเลขาคนสนิทของคุณพญาที่เห็นเมื่อคืนนี้
หลิวเดินเข้าไปทักทายชายคนนั้นด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
“สวัสดีครับ ผมเตชิน เลขาของคุณพญาครับ”
“ส…สวัสดีครับ ผมชื่อหลิวครับ”
หลิวเอ่ยทักทายและแนะนำตัวกลับอย่างมีมารยาท หากแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาเอ่ยสักเท่าไรนัก เตชินหันไปหยิบซองจดหมายสีขาวขึ้นมาจากในกระเป๋าก่อนจะยื่นมาตรงหน้า
“นี่คือ…”
“นี่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณช่วยคุณพญาไว้เมื่อคืนนี้”
หลิวเบิกตากว้าง เขารับมันมาด้วยมือที่สั่นเทาจากนั้นจึงค่อย ๆ เปิดซองออกอย่างระมัดระวังราวกับเป็นของล้ำค่า กระดาษใบหนึ่งถูกพับสอดอยู่ด้านในนั้น เมื่อกางแผ่นกระดาษออกก็พบกับตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือบรรจงและหมึกสีดำสนิท
‘ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉัน
จาก พญา’
เนื้อความในกระดาษมีเพียงเท่านั้น พร้อมกับธนบัตรหนึ่งร้อยบาทเจ็ดใบ แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ทำให้คนจน ๆ อย่างเขาตาลุกวาวแต่ทว่านัยน์ตาสุกใสกลับไม่อาจละสายตาไปจากตัวอักษรบนกระดาษได้
ริมฝีปากเล็กระบายยิ้มอย่างเผลอไผล ขอบตาร้อนผ่าวคล้ายกับจะร้องไห้ออกมาเสียดื้อ ๆ
คุณพญายังคงใจดีอยู่เสมอ
“รับเอาไว้เถอะครับ คุณพญาไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร”
“ฝ…ฝากขอบคุณคุณพญาด้วยนะครับ”
“ได้ครับ”
เตชินพยักหน้าอย่างวางมาด หลิวเห็นสายตาที่เตชินมองมาที่เขา ดูแล้วอีกฝ่ายคงจะสมเพชเขาอยู่ไม่น้อย
“เอ่อ…แล้วจับคนร้ายได้หรือยังครับ”
แต่ก่อนที่เตชินจะหันหลังเดินจากไป หลิวก็โพล่งถามขึ้นมาเสียก่อน ความเป็นห่วงอัดแน่นอยู่เต็มอก เพราะถ้าหากคนร้ายยังลอยนวลอยู่ คุณพญาก็อาจจะเป็นอันตรายได้
“ผมคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะสนใจนะครับคุณหลิว”
หากแต่เขาลืมนึกไปว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องรู้
“เอ่อ…ครับ จริงด้วย” หลิวหน้าเสียก่อนจะยกมือลูบหลังคอแก้เก้อ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ” เตชินเอ่ยลาแล้วหันหลังเดินออกไป
หลิวมองตามแผ่นหลังเลขาคนสนิทของคุณพญาไปจนกระทั่งถึงรถยนต์หรูคันหนึ่ง หลิวเห็นเตชินขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับก่อนที่เด็กหนุ่มจะเคลื่อนสายตามาที่เบาะหลัง
คุณพญานั่งอยู่ในนั้น แม้ว่ากระจกรถไม่ได้ใสจนเห็นชัดเจนแต่ก็ไม่ได้ขุ่นมัวจนเกินไป หลิวกำกระดาษที่คุณพญาเขียนให้ไว้ในมือแน่น เขากอดมันอย่างแสนรัก
“ขอบคุณนะครับคุณพญา ขอบคุณจริง ๆ ครับ”
หลิวรู้ดีว่าเสียงของเขาคงส่งไปไม่ถึงอีกฝ่าย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ดีใจมาก ๆ แล้วที่เห็นคุณพญาปลอดภัย แม้ชั่วชีวิตนี้จะไม่มีอะไรดีนักแต่อย่างน้อย ๆ ก็ยังได้ตอบแทนผู้มีพระคุณของตนเอง
รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกไปแล้ว หลิวเอ่ยคำขอบคุณผ่านสายลมไปอีกครั้ง และแล้วเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของคุณพญาก็ลับหายไปจากสายตา
ชะตาชีวิตของพวกเขาไม่มีวันมาบรรจบกันได้
จากนี้ก็คง…จะไม่ได้พบเจอกันอีกแล้ว