"ทำใจเถอะอาหลิว อัปลักษณ์อย่างลื้อจะมีใครมารัก เลิกหวังได้แล้ว"

(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐ - - ๐๘ โดย ssin_sz @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,รัก,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,โรแมนติก,พีเรียดไทย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,รัก,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก,พีเรียดไทย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,สืบสวนสอบสวน

รายละเอียด

"ทำใจเถอะอาหลิว อัปลักษณ์อย่างลื้อจะมีใครมารัก เลิกหวังได้แล้ว"

ผู้แต่ง

ssin_sz

เรื่องย่อ

(พญา x หลิว)

꧁✵꧂

 

หลิวเป็นคนขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไร ไร้ซึ่งความกล้าหาญที่จะยอมรับในสิ่งที่เป็น ตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่จึงได้แต่กักขังตนเองอยู่ภายใต้ความอัปลักษณ์นั้นจนหลงลืมไปแล้วว่าแท้จริงการเชื่อมั่นในตนเองนั้นเป็นอย่างไรกันแน่

ความหวาดกลัวฝังรากลึกลงในจิตใจของเขามาเนิ่นนาน

เพียงแต่ในตอนนี้กลับมีมือของใครบางคนฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากความกลัวนั้น

"เธออาจจะคิดว่ารอยแผลเป็นนั้นน่ารังเกียจจนทนไม่ไหว แต่สำหรับฉันแล้ว เธอมีค่ามากกว่าคำดูถูกพวกนั้นเสียอีก"

"..."

"อย่าได้สนใจคำพูดของคนอื่นอีกเลยอาหลิว เธอจำคำพูดของฉันเอาไว้แค่คนเดียวก็พอแล้ว"

และคุณพญาก็คือคนนั้น คนที่ใจดีกับเขาเสมอมา

ขอบคุณที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ผมเองก็สัญญาว่าจะภักดีต่อคุณตลอดไปเช่นกัน

 

꧁✵꧂

 

เปิดเรื่อง : 02/10/2566

จบบริบูรณ์ : 29/01/2567

 

คำเตือน

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน เหมาะกับผู้อ่านอายุ 18 ปีขึ้นไป อาจมีเหตุการณ์ไม่เหมาะสมที่ตัวละครในเรื่องได้กระทำ มีการบรรยายถึงความเชื่อศาสนา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

หากไม่ชอบสามารถกดออกได้เลยค่ะ รบกวนไม่คอมเมนท์บั่นทอนจิตใจนักเขียนนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

— Trigger Warning —

Attempted murder, Physical Abuse, Mental Abuse, Blood, Branding, Body Shaming, Corpse, Dirty Talk, Domestic Violence, Forced Marriage, Mutilation, Trafficking

— Twitter —

https://twitter.com/ssinszxx

— Page —

https://www.facebook.com/profile.php?id=61566029091647

สารบัญ

(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๑,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๒,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๓,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๔,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๕,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๖,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๗,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๘,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๐๙,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๐,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๑,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๒,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๓,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๔,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๕,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๖,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๗,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๘,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๑๙,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๐,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๑,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๒,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๓,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๔,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๕,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๖,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๗,(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- ๒๘ (จบบริบูรณ์),(E-book) ลิขิตใจ — พีเรียด พ.ศ. ๒๕๒๐-- 📍E-Book มาแล้วค่ะ!!

เนื้อหา

- ๐๘

บางครั้งนิยามของคำว่าโชคชะตาลิขิตนั้นก็มีความหมายเดียวกับคำว่าความบังเอิญ หลิวไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร หรือกำหนดเส้นทางชีวิตของเราแบบไหน แต่การที่คุณพญายืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าความบังเอิญนั้นมีอยู่จริง

พญากระชากตัวเขาให้ลุกขึ้นจากพื้น หลิวเซถลาชนอกแกร่งโดยไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าคมเข้มของคุณพญาเต็มไปด้วยโทสะ ดวงตาสีดำขลับเยือกเย็นมีประกายพาดผ่าน ฝ่ามือหนาที่จับข้อมือเล็กเอาไว้บีบรัดแน่นจนคนในอ้อมกอดนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“เธออยากตายหรือไง!”

พญาตะคอกเสียงดังลั่น ใบหน้าของร่างสูงในตอนนี้เกรี้ยวกราดจนหลิวตัวสั่นไม่กล้าสบตา

“ผะ ผมแค่มายืนรับลม…” ร่างโปร่งกะพริบตาปริบ ๆ แล้วพึมพำออกมาเสียงเบา แต่ทว่าคุณพญาไม่คิดจะฟังมัน

“แต่ที่ฉันเห็นคือเธอกำลังจะกระโดดลงจากสะพาน!”

หลิวสะดุ้งโหยงเมื่อได้ฟังน้ำเสียงแข็งกระด้างของคนตรงหน้าที่เอ่ยทัดทานขึ้นมา

คุณพญาดูโกรธมาก…มากเสียจนเขาอดแปลกใจไม่ได้

หลิวไม่เคยเห็นคุณพญาผู้สุขุมและน่าเกรงขามเป็นแบบนี้มาก่อน นัยน์ตาคู่งามตรงหน้าคล้ายกับมีความกลัวอยู่ในนั้น อีกทั้งฝ่ามือหนาที่จับเขาไว้ก็สั่นระริกราวกับกำลังสะกดกั้นอารมณ์ข้างในเอาไว้

คุณพญาผู้เป็นดั่งมังกรแห่งตระกูลหยางกำลังยืนอยู่ตรงหน้าคนไร้ค่าอย่างเขา 

นี่มันความบังเอิญแบบไหนกันแน่ 

และทั้งที่หลิวควรจะหวั่นเกรงผู้ชายคนนี้ แต่ทว่าไม่อาจหักใจให้ถอยห่างไปได้

“ผะ ผมไม่ได้…โอ๊ย!”

ข้อมือเล็กถูกร่างสูงรัดแน่นจนแดงช้ำ นัยน์ตาของพญาเยือกเย็นอย่างฉุนเฉียว ร่างโปร่งถูกกระชากให้เดินตามไปและเมื่อห่างจากขอบสะพานพอสมควรแล้ว ร่างของเด็กหนุ่มก็ถูกร่างสูงเหวี่ยงเข้ากับกำแพงบริเวณนั้น ก่อนที่พญาจะใช้มือทั้งสองข้างกักตัวอีกฝ่ายเอาไว้

“อยากตายนักหรือไงอาหลิว” 

ในขณะที่หลิวกำลังจะอธิบายให้อีกฝ่ายใจเย็นลง คุณพญากลับใช้มือข้างหนึ่งบีบคางเขาไว้ แม้จะไม่แรงมากนักแต่หลิวก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บที่แล่นพล่านขึ้นมา

เพียงแต่ประโยคที่คุณพญาเอ่ยเมื่อครู่นี้กลับทำให้เขาลืมความเจ็บปวดจนหมดสิ้น

“คุณพญาจำผมได้…”

หลิวตัวแข็งทื่อแล้วเงยหน้ามองตาคนตัวสูงด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชื่อของตนจะน่าฟังมากถึงเพียงนี้จนกระทั่งน้ำเสียงทุ้มกังวานของคุณพญาเอ่ยเรียกมันออกมา

“ฉันไม่ได้ช่วยเธอในวันนั้นเพื่อให้เธอมาฆ่าตัวตายต่อหน้าฉันแบบนี้”

พญาปล่อยมือออกจากคางมน เขาจ้องตาเด็กหนุ่มที่เคยช่วยชีวิตเอาไว้อย่างฉุนโกรธ หน้าตาใสซื่อเช่นนี้ช่างน่าหงุดหงิดเสียเต็มประดา

“แต่ว่าผมไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลยนะครับ”

หลิวเริ่มตอบโต้กลับไปบ้างแต่ดูเหมือนว่าคุณพญาจะไม่ยอมฟังในสิ่งที่เขาอธิบายเลยสักนิดเดียว ร่างโปร่งพยายามดันแผงอกแกร่งของคนตัวสูงที่ขยับเข้ามาใกล้ให้ออกห่าง เมื่อนั้นถึงได้รู้สึกว่าหายใจสะดวกมากขึ้น แต่เพียงแค่ครู่เดียวข้อมือทั้งสองข้างก็ถูกตรึงไว้กับกำแพงทันที

“ที่ดินผืนนี้และคลองสายนี้เป็นสมบัติของตระกูลหยาง”

“…”

“และฉันก็ไม่อนุญาตให้เธอมาตายในพื้นที่ของฉันเด็ดขาด”

ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

คุณพญาในวันนั้นกับตอนนี้ช่างแตกต่างเสียจนเด็กหนุ่มใจหาย กายบางสั่นเทาลนลานไม่กล้าแม้แต่จะโต้เถียงอะไรกลับไปอีก

ร่างสูงสบถเสียงดังลั่นอีกครั้ง เขาปล่อยเด็กหนุ่มตรงหน้าให้เป็นอิสระ ก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปเห็นกระดาษยับ ๆ ใบหนึ่งที่ตกอยู่ข้างปลายเท้าของคนตรงหน้า พญาก้มเก็บมันขึ้นมาพิจารณาแล้วยื่นกลับไปให้หลิวที่ยังคงไม่กล้าสบตากัน

มือบางเอื้อมมารับไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“ถ้าหางานทำไม่ได้ก็เอาเอกสารมายื่นสมัครงานที่บ้านฉัน แล้วก็หยุดความคิดที่จะฆ่าตัวตายเสีย”

พญาพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดเมื่อหลิวไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา เขาหลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะวางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมนิ่มของเด็กหนุ่มเบา ๆ

ดวงตาเรียวเบิกกว้าง พลันชั่ววินาทีนั้นหลิวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน โทสะและความกดดันรอบกายคนตัวสูงกลับค่อย ๆ จางหายไปช้า ๆ ครู่หนึ่งฝ่ามือหนาก็ผละออกไป หากแต่สัมผัสอุ่นร้อนนั้นยังติดตรึงในความรู้สึกของเด็กหนุ่มไม่หาย

“ฉันเพิ่งจะนึกออกว่าเธอคือคนที่ฉันเคยช่วยเอาไว้ พอได้เห็นว่าตอนนี้เธอไม่รักชีวิตของตัวเองแล้ว ฉันจึงควบคุมอารมณ์ไม่อยู่”

“…”

“ฉันขอโทษที่ทำให้เธอตกใจ อาหลิว” 

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่คุณพญาเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินจากไป แผ่นหลังกว้างของผู้มีพระคุณยังคงสง่าผ่าเผยเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกัน ที่เปลี่ยนไปก็คงจะมีแต่วันเวลาที่ผ่านพ้นจนทำให้คุณพญากลายเป็นผู้ที่อยู่สูงเกินเอื้อมถึง

คุณพญาเดินจากไปไกลแล้ว หากแต่เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม และไม่อาจควบคุมหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะดวงนี้ได้

สัมผัสอบอุ่นที่คุณพญาเหลือทิ้งไว้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่คอยย้ำเตือนให้เขารู้คุณค่าของตนเองอีกครั้ง

ถ้าหากเพื่อคุณพญาแล้ว ไม่ว่าจะต้องล้มลงอีกสักเท่าไร หลิวก็ยอมที่จะดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่บนโลกแสนโสมมนี้ตลอดไป

*

ความมืดมิดรอบกายเป็นสิ่งแรกที่ได้เห็นหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตาสุกใสตื่นตระหนกราวกับลูกกวางหลงป่า เด็กหนุ่มพิศมองไปโดยรอบ ไม่มีแสงสว่างอื่นใดนอกจากตรงที่เขาอยู่ตรงนี้

หลิวกำลังนั่งอยู่บนเตียงนุ่ม และนั่นไม่ใช่สิ่งที่บ้านเท่ารูหนูของเขาจะมี เช่นเดียวกับสิ่งที่อยู่บนฝ่ามือจนหนักอึ้ง มันคือกระบอกปืนสีดำสนิท และสิ่งนี้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในมือของเขาด้วยซ้ำ

ขาเรียวขยับลุกขึ้นจากเตียงด้วยความสับสน หากแต่ร่างกายนั้นไม่เชื่อฟัง หลิวพยายามปล่อยมือออกจากปืนกระบอกนั้นแต่ก็ไม่อาจทำได้ตามใจคิด

ก่อนที่เขาจะพบว่าผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดกลับถูกย้อมไปด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดงฉาน เช่นด้วยกับชุดผ้าปักลายหงส์ที่เขาสวมใส่อยู่

นี่มันอะไรกัน

แม้แต่ริมฝีปากก็ไม่อาจขยับพูดได้ ราวกับว่าเขาทำได้เพียงแค่มองผ่านดวงตาคู่นี้เท่านั้น พลันเสี้ยววินาทีแห่งความสับสน มือข้างที่ถือปืนกระบอกนั้นก็ยกขึ้นมาจ่อที่ขมับตนเองอย่างเชื่องช้า

และตัวเขาที่ไม่ใช่เขาก็เริ่มสะอื้นไห้จนตัวโยน

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดโดยไม่ลังเล พร้อมกับหยดเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ร่างทั้งร่างล้มลงไปบนเตียงใหญ่ ดวงตาเหลือกค้าง และกลิ่นดินปืนก็ลอยคลุ้งในอากาศ

ราวกับถูกกระชากวิญญาณออกจากร่าง หลิวสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมาจากความฝัน เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่ระรัวคล้ายกับคนวิ่งมาเป็นร้อยเมตร ก่อนจะพบว่าที่ปลายหางตาเปียกชื้นด้วยหยดน้ำตาที่กำลังไหล

มันก็แค่ฝันร้าย แต่ทว่าสิ่งที่เห็นในฝันกลับทำให้ความหวาดกลัวเข้าครอบงำหัวใจของเขาได้

ร่างโปร่งพยุงตัวลุกขึ้นนั่งบนฟูกนอน เขาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและนั่งกอดเข่าท่ามกลางความมืดยามราตรีอยู่แบบนั้น

หลิวไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อน บางทีเรื่องราวที่พบเจอในวันนี้คงจะทำให้เขาเก็บไปคิดมากจนเกินไป

ความคับแคบภายในห้องช่างน่าอึดอัดเสียจนแทบอยากจะอาเจียนอยู่รอมร่อ ดวงตาชุ่มชื้นหยาดน้ำเสมองไปรอบ ๆ ทั้งที่ใจยังสั่นไหว

ก่อนจะเคลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่ซองจดหมายสีขาวที่สอดเอาไว้ใต้หมอน

เขาเก็บทั้งจดหมายและเงินที่คุณพญาให้ไว้เป็นอย่างดี ไม่แม้แต่จะหยิบออกมาให้มันเปื้อนมือสกปรกของตน

น้ำเสียงนุ่มทุ้มของคุณพญายามที่เอ่ยคำขอโทษยังคงดังก้องในโสตประสาทไม่รู้ลืม ถึงแม้ว่าทุกอย่างในวันนี้จะไม่เป็นดั่งใจหวังแต่อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดี ๆ เพราะคุณพญายังจำเขาได้

หากแต่คำถามต่อมาที่ผุดขึ้นในสมองคือ จากนี้จะเอาอย่างไรต่อกับชีวิตแสนเฮงซวยนี่ หลิวกอดตัวเองแน่นขึ้น เขาไม่อาจตอบคำถามนั้นกับตนเองได้ แม้ว่าคุณพญาจะเสนอทางเลือกมาให้แล้วก็ตาม

เขาควรจะเสี่ยงจริงหรือ

นั่นเพราะลึก ๆ แล้วหลิวรู้ดีว่าหัวใจของตนเองไม่ได้รู้สึกกับคุณพญาเพียงแค่ผู้มีพระคุณเท่านั้น

ตั้งแต่ที่เริ่มออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง เขาก็นึกถึงเรื่องที่คุณพญาเคยช่วยไว้อยู่บ่อยครั้ง จากตอนแรกที่ระลึกในบุญคุณเพียงเพื่อตอบแทนเท่านั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ายิ่งนึกถึงก็ยิ่งอบอุ่นหัวใจจนสุขล้น

มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้ หากเพราะความรู้สึกเลือนรางนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้นจนไม่อาจปฏิเสธได้ลง

มารู้ตัวอีกทีคนโง่เขลาผู้นี้ก็มอบหัวใจอันแสนไร้ค่าให้กับมังกรผู้สูงส่งไปหมดทั้งใจแล้วจริง ๆ

*

“คุณพญากลับมาแล้วเฮียเต”

ทันทีที่ผู้ช่วยฝ่ายธุรการคนหนึ่งร้องบอก เตชินที่นั่งเครียดอยู่หน้าห้องทำงานของคุณพญาก็รีบผุดลุกขึ้นแล้วชะเง้อมองหาคนเป็นนายด้วยความกังวลทันที

ใกล้จะถึงเวลาประชุมครั้งสำคัญแล้ว แม้จะเป็นการประชุมช่วงหัวค่ำแต่ทว่ามีผู้นำจากตระกูลอื่นในสมาคมมาเข้าร่วมด้วยหลายคน เมื่อเตชินเห็นว่าเจ้านายของตนเองหายไปตั้งแต่บ่าย เขาก็ร้อนใจจนแทบจะบ้าตายอยู่รอมร่อ

“คุณพญา…”

“ฉันจำกำหนดการประชุมได้ นายไปเตรียมสถานที่ไว้ ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อแล้วจะตามไป”

“คะ ครับ”

เตชินกะพริบตาปริบ ๆ แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องทำงานให้คนเป็นนายก่อนจะโค้งแทบหัวปักดิน ครั้นเมื่อเลขาคนสนิทหันหลังเดินออกไปก็กลับถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน

“อาหลิวน่ะ…”

“ครับ?”

“ฉันหมายถึงเด็กที่เคยทำงานที่ภัตตาคารเถ้าแก่กวง” พญาอธิบายต่อเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของเตชิน “นายไปจับตาดูอาหลิวไว้ ทำอย่างไรก็ได้ให้เด็กคนนั้นมาสมัครงานกับฉัน”

ดูเหมือนว่าเตชินพอจะตอบคำถามในใจของตนเองได้แล้วว่าวันนี้เจ้านายของเขาหายไปไหนมาทั้งวัน นั่นเพราะการที่จู่ ๆ เจ้านายของเขาเอ่ยชื่อคนอื่นทั้งที่ปกติแล้วไม่เคยสนใจใครขึ้นมา มันก็ออกจะแปลกประหลาดไปมากเลยทีเดียว

คุณพญาไม่เคยจดจำชื่อของคนแปลกหน้ามาก่อน แต่กับเด็กหนุ่มที่เคยช่วยชีวิตคุณพญาไว้เพียงครั้งเดียว เหตุใดผู้เป็นนายของเขาถึงจำได้แม่นยำนัก

“สมัครงานหรือครับ แต่ว่าตำแหน่งที่บริษัทเราไม่มี…”

“ถ้าเช่นนั้นก็ให้ไปทำงานที่เรือนพญา”

ร่างสูงว่าพลางถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วหยิบสูทที่พาดกับราวแขวนขึ้นมาสวม เตชินตอบรับคำสั่งถึงแม้ว่าในใจจะสงสัยใคร่รู้อยู่ไม่น้อย ไม่แน่ว่าคุณพญาคงจะต้องการตอบแทนเด็กคนนั้นที่ช่วยเหลือตนเองเอาไว้ก็ได้

ประตูห้องทำงานถูกเลขาคนสนิทปิดลงอย่างเบามือ พญาเหลือบมองเล็กน้อยแล้วพรูลมหายใจออกมาด้วยความอ่อนล้า ภาพที่เด็กคนนั้นยืนอยู่ริมสะพานยังฝังลึกอยู่ในความคิดจนปวดหัวราวกับกะโหลกศีรษะถูกทุบอย่างรุนแรง

พญานวดหว่างคิ้วตนเองอย่างที่ชอบทำ อาการปวดหัวคลายลงบางส่วน เขาจึงรีบเตรียมตัวสำหรับการประชุมย่อยของสมาคมต่อไป มือหนาคว้าเอาเอกสารที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือ ก่อนจะสังเกตเห็นกล่องไม้สลักอันเท่าฝ่ามือวางอยู่ข้างกัน

ฝีเท้าหยุดชะงักและนึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนบ่ายเขาคงจะลืมเก็บมันก่อนออกไป พญาหยิบมันขึ้นมาเปิดดูเหมือนทุกครั้ง และเมื่อพบว่ากระดุมเม็ดเล็กที่อยู่ในกล่องนั้นยังคงถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี ก็พลันโล่งใจขึ้นมา

มันเป็นกระดุมเงื่อนดอกกุหลาบขาวจากชุดแต่งงาน หากแต่สีขาวของมันกลับเปื้อนหยดเลือดจนฉาบไปด้วยสีแดงเข้ม และถึงแม้โลหิตบนกระดุมจะแห้งกรังไปแล้ว แต่พญาก็ยังคงจดจำที่มาของกระดุมเม็ดนี้ได้เป็นอย่างดี

หากเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ย้ำเตือนอยู่เสมอว่าเขามายืนอยู่จุดนี้ได้อย่างไร

นัยน์คมปลาบอ่อนไหวชั่วเสี้ยววินาที เขาทอดมองสิ่งสำคัญในมืออย่างเจ็บปวด ฉับพลันกระดุมเม็ดนั้นก็เลือนหายไปจากกรอบสายตาทันทีที่กล่องไม้สลักถูกปิดลงด้วยมือของเขาเอง