ระหว่าง “ผี” กับ “ปราญยศ” อะไรน่ากลัวกว่ากัน? ...ได้ยินมาว่า 'โชคอนันต์' ถูกคนทำเสน่ห์ใส่ล่ะ แถมคุณผู้จัดการหน้าดุก็ชอบทำตัวแปลก ๆ
ชาย-ชาย,รัก,ลึกลับ,อาชญากรรม,ดาร์ค,แซ่บ,นายเอกมึน,พระเอกโหด,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกหล่อ,พระเอกหื่น,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกยันเดเระ,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,พระเอกครั่งรัก,โหด,รุนแรง,ระทึกขวัญ,20+,18+,อีโรติก,โรมานซ์,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ปราญอาถรรพ์ [END]ระหว่าง “ผี” กับ “ปราญยศ” อะไรน่ากลัวกว่ากัน? ...ได้ยินมาว่า 'โชคอนันต์' ถูกคนทำเสน่ห์ใส่ล่ะ แถมคุณผู้จัดการหน้าดุก็ชอบทำตัวแปลก ๆ
X เนื้อหารุนแรงมาก โปรดอ่านคำเตือนโดยละเอียด X
- ปราญอาถรรพ์ -
โชคอนันต์ผู้ที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายมาเกือบสามสิบปี จู่ ๆ ก็โดนผีตามรังควาน ถึงขั้นถูกทักว่า "โดนของ"
ชีวิตก็บัดซบพออยู่แล้วแท้ ๆ แต่ทำไมเดี๋ยวนี้ผู้จัดการฝ่ายอย่าง 'ปราญยศ' ที่โชคนั้นหลบเลี่ยงและเกรงกลัวนักหนา ถึงได้มาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ สร้างความกดดันตลอดเวลา แถมยังล่วงรู้เรื่องที่โชคนั้นเห็นผีอีก ทว่าอีกฝ่ายกลับทำให้เหล่าผีร้ายพวกนั้นหลบเลี่ยงอย่างหวาดกลัว
หนทางแห่งแสงสว่างได้ปรากฏ ปราญยศจะทำให้โชคไม่ต้องเห็นผีอีกต่อไป โชคอนันต์ต้องยอมร้องขอความช่วยเหลือจากปราญยศ ผู้ซึ่งน่ากลัวกว่าผีเสียอีก!
"ผู้จัดการช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ" - โชคอนันต์
"ผมจะได้อะไร?"
"ตามที่ผู้จัดการต้องการครับ"
โชคมองรอยยิ้มมุมปากที่ไม่ทราบเหตุผลของปราญยศ...มันดูเจ้าเล่ห์หรือเปล่านะ?
--------------------------------
"...ผมจะไม่มาทำโอทีในวันพรุ่งนี้ครับ" - โชคอนันต์
"บอกเหตุผลที่ดีมาสักข้อ"
"ผะ ผมจะไปแก้ของครับ"
--------------------------------
"คุณปราญยศ เมื่อคืนคุณไปไหนมา?" - โชคอนันต์
"ผมก็อยู่กับคุณไง"
"โกหก..." - โชคอนันต์
"ถ้าไม่อยู่บ้าน ผมจะอยู่ไหนกันนะ?"
"สายตาของคุณ เหมือนมันมีคำตอบอยู่แล้วเลย..."
"คุณคิดว่าผมเป็นฆาตกรด้วยหรือเปล่า หืม?"
- ปราญยศ -
เรื่อง : ปราญอาถรรพ์
ผู้เขียน : จูฮาราห์ (Juharah)
สำเร็จเมื่อ : 24/12/2023
สถานะ : จบแล้ว 15/03/2024
Chapter 6 "เข้าโรงพยาบาล"
'ช่วงนี้ผู้จัดการฝ่ายมาออฟฟิศบ่อยเหลือเกิน'
'แถมยังชอบเดินไปตามงานที่โต๊ะนั้นโต๊ะนี้ ตัวฉันเองจะโดนวันไหนนะ'
'ออฟฟิศมันจะเงียบเกินไปหรือเปล่า อึดอัดจนหายใจจะไม่ออกแล้ว!'
ไม่น่าเชื่อว่าออฟฟิศขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุพนักงานได้เกือบห้าสิบคนจะสามารถเงียบสนิทได้ขนาดนี้ พักหลัง ๆ ราวกับออฟฟิศมันหดเล็กลงจนห้าสิบคนที่อยู่ในห้องเหมือนนั่งเบียดกัน
ความจริงแล้วพวกเขาพาก็คิดไปเองกันทั้งนั้น...
ร่างสูงยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสแลกลายทางสีเทาอยู่ด้านหลังผู้จัดการแผนกที่กำลังนั่งสรุปความคืบหน้าของงาน
ท่วงท่ายืนค้ำหัวคนที่อายุมากกว่าเกือบยี่สิบปี ไม่ได้ทำให้คนแก่ที่ตำแหน่งต่ำกว่ารู้สึกต่อต้านไม่พอใจ แต่กลับกัน ผู้จัดการโต้งรู้สึกร้อนหลังกังวลเสียมากกว่า เพราะช่วงนี้ปราญยศกำลังเพ่งเล็งผลงานของเขาที่มันตกเป้าจากปีที่แล้ว
ตาคมกริบมองหน้าจอแก้ว แต่สมองของปราญยศกลับไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไหร่นัก ไม่มีคำพูดแถออกจากปากผู้จัดการแผนกตัวอ้วน เพราะคำพูดโง่เง่าพวกนั้นมันกำลังถูกพิมพ์ขึ้นหน้าจอแทนต่างหาก
เจ้าหมูไร้ประโยชน์...
ตารีปราดมองโต๊ะทำงานที่อยู่เยื้องกับห้องทำงานของเขา ปกติจะมีคนที่นั่งห่อไหล่ทำงาน ถึงหน้าตาจะดูไม่สดใส แต่เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากทีเดียว
ไม่เคยว่อกแว่ก...
ไม่สนใจใคร
เว้นแต่เพียงตอนที่โดนเขาจ้องเท่านั้น เจ้าตัวกลับรู้ตัว และแอบมองเขาด้วยร่างที่สั่นอย่างเกรงกลัว
จนน่าขัดตา
ตอนนี้โต๊ะนั้นไร้คนมานั่งทำงาน มีเพียงกองเอกสารระเกะระกะ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ยังคงปิดชัตดาวน์ ไร้โน้ตบุ๊กอีกตัวที่มักจะตั้งข้างกันเสมอ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่ได้มาทำงาน ซึ่งผิดวิสัยไม่มากทีเดียว
โชคอนันต์แทบไม่เคยขาด ลา มาสายเลยสักครั้ง
"ผู้จัดการแผนก ทีมงานคุณมาทำงานครบหรือเปล่า" ปราญยศเอ่ยถามเสียงนิ่ง
แต่เขาไม่รู้ตัวว่าเสียงนิ่ง ๆ นั้น เย็นเฉียบถึงสันหลัง ทำเอาคนฟังสะดุ้งเล็ก ๆ ไม่ใช่เฉพาะผู้จัดการแผนก แต่รวมถึงคนที่อยู่ในรัศมีการได้ยินด้วย
'เช็กคนมาทำงานด้วยเหรอเนี่ย เข้มงวดเกินไปแล้ว!'
'ดีนะ วันนี้กูไม่ลา เกือบซวยแล้วกู'
เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยอารมณ์ แต่สีหน้าพวกเขานั้นนิ่งเรียบจดจ่อกับการทำงาน
"ตรี เอาใบเช็กชื่อมาให้พี่ที" ผู้จัดการโต้งออกคำสั่งกับลูกน้องหน้าใหม่ของตนเอง
ปราญยศมองชายผิวแทนรูปร่างล่ำสันเดินยิ้มกวน ๆ มาที่โต๊ะพร้อมกับเอกสารในมือ เขาลอบจ้องมองรอยสักยันต์ที่โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อ ถึงจะเห็นแค่เสี้ยว ปราญก็รู้ว่านั่นน่ะ...
ยันต์กันผี
เป็นรอยสักที่ไร้สาระเสียจริง
"อ้อ ผมขอแนะนำให้รู้จักตรี เพิ่งถูกโอนมาครับคุณปราญยศ ก่อนหน้านี้อยู่ไอทีครับ"
ปราญยศมองคนอายุน้อยกว่า ที่ทำเพียงแค่ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้พร้อมผงกหัวเล็ก ๆ ก่อนจะเดินกลับไป
"ความสามารถของคุณน่าจะปรับปรุงให้เป็นระบบฐานข้อมูลออนไลน์ ไม่ใช่กระดาษแบบนี้"
ตรีชะงัก เขาหันกลับไปมองปราญยศผู้เป็นนายของหัวหน้าตัวเองด้วยความไม่พอใจขณะหนึ่ง ด้วยเพราะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ท้ายที่สุดเขาก็ทำท่ายียวน เอามือจับอกก้มหัวโค้งคำนับประชดประชัน
"รับทราบครับบอส" ว่าจบเขาก็เดินไปกระแทกก้นนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
'เหม็นหน้าชะมัด!'
ผู้จัดการแผนกเห็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนจึงรีบตอบคำถามปราญยศ
"อ่า วันนี้...มีแค่โชคอนันต์ที่ไม่มาครับ โชคคือคนที่ผิวขาว ๆ ผอม ๆ สูงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าคุณปราญจะจำได้ไหม เขาเคย..." เขากำลังจะเริ่มสาธยาย อวยลูกน้องดีเด่นหวังเอาดีเข้าตัวบ้าง
"ผมรู้ ทำไมวันนี้ไม่มา?"
"น้องโชคโทรมาเมื่อเช้า เห็นว่าขอลาครึ่งวัน บอกจะไปโรงพยาบาลครับ" คนแก่ทำท่านึกแล้วพูดเอื่อย ๆ
น้องโชค...?
ปราญขมวดคิ้วเล็ก ๆ ยิ่งขับให้ใบหน้านั้นดุดัน
ถึงขั้นไปโรงพยาบาล?
แต่ลาป่วยแค่ครึ่งวัน
"เขาแจ้งว่าไง"
"อ๋อ น้องโชคเขาบอกว่า..."
"กระดูกก้นกบอักเสบนะครับ เกือบร้าว..."
โชคยิ้มแหย มองใบหน้าคุณหมอที่ส่ายหัวเล็กน้อยอย่างระอาหลังจากที่ทราบเหตุผลที่โชคมาในวันนี้
ย้อนกลับไปประมาณ 4 ชั่วโมงที่แล้ว
ตุบ!
"โอ๊ยยย!"
ความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูงและอาการเจ็บปวดถึงขั้นรวดร้าวเล่นอยู่บริเวณบั้นท้าย ทำให้โชคได้สติจากฝันร้าย ความเจ็บปวดของมันยิ่งกว่าการเป็นตะคริวที่ขาตอนนอนหลายเท่า
โชคลืมตาสูดปากร้องโอดครวญ เขามองตัวเองที่นั่งอยู่ข้างเตียงที่พื้น ชายผ้าห่มตกลงมาเล็กน้อย ตุ๊กตาหมาหน้ายิ้มโผล่หัวออกมาราวกับกำลังเยาะเย้ย ใช่...
โชคนอนตกเตียง
เตียง 5 ฟุต แต่สูงเกือบถึงสะโพก ตกลงมาคงเจ็บไม่น้อย
แต่นี่มันเจ็บเกินไปหรือเปล่า!!!
กริ๊งงงง
ทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นหู โชคมองนาฬิกาแอนะล็อกเรือนกลมที่แขวนบนผนังบอกเวลาหกโมงเช้า พยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ทว่าความเจ็บที่สะโพกทำเขานิ่วหน้า
กริ๊งงงง
โทรศัพท์ยี่ห้อนิยมยังคงดังคำราม ซ้ำยังมีเสียงสั่นครืดขนาดที่ว่าคนข้างห้องก็ต้องได้ยิน
กริ๊งงงง
"เออ รู้แล้วโว๊ย!"
โต๊ะหัวเตียงมันอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น แต่โชคกลับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะเอื้อมไปหยิบ พอแตะโดนปลายได้ โชคก็เขี่ยมากดปิดได้สำเร็จ
ร่างโปร่งที่ผอมลงโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้สังเกต กำลังนั่งนวดก้นอยู่กับที่ กะพริบตาปรือเพื่อให้สายตาหายพร่าจากการเพิ่งตื่นนอน
ร่างกายชะงักเกร็งเมื่อภาพความทรงจำเมื่อคืนลอยเข้ามาในหัว โดยเฉพาะรูปลักษณ์ของผีเลวทรามตนนั้น
มันทั้งน่ากลัว อัปลักษณ์ ตัวมันดำมืดอย่างกะถูกเผาจนไหม้มองไม่เห็นอะไร มันทำเรื่องอุบาทว์กับร่างกายเขา
โชคลูบตามตัวพบว่าเขาใส่เสื้อผ้าครบชิ้น หน้าต่างสะท้อนแสงอาทิตย์ที่กำลังมาแทนที่ดวงจันทร์ ผ้าม่านทึบอยู่ที่เดิมเหมือนตอนที่โชคเปิดไว้ก่อนนอน เตียงก็ไร้คราบสกปรกอย่างที่โชคนึกกลัวไปตอนแรก
มือเรียวถลกเสื้อตัวเองขึ้นทันใด
โชคจำได้ว่ามันจูบเขาทั้งคืน ทั้งตัว ราวกับจะจับเขากิน มันพรมจูบไปทุกที่ที่ผิวปากลากผ่าน
ทว่าไร้ร่องรอยแดงจ้ำ แม้แต่รอยมือที่มันนวดเค้นก็ไม่มี
โชคเริ่มตระหนักได้ว่าเขาฝันอีกแล้ว คิดอย่างนั้นก็โล่งใจ...
หารู้ไม่ว่า บริเวณด้านหลังขาวละเอียดเต็มไปด้วยรอยจูบจ้ำแดงจนดูน่ากลัว
โชคมองตัวเองที่สวมเสื้อกล้ามและบ็อกเซอร์สลับกับชุดทำงานที่แขวนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า โชคนิ่วหน้าจับสะโพกตนเอง ทุกการขยับตัวของเขามันปวดร้าวไปถึงก้นกบที่เขาใช้มันรองรับน้ำหนักทั้งตัวตอนที่ตกเตียง
สำเหนียกตัวเองบ้างเถอะ เจ็บขนาดนี้มันแปลก ๆ แล้ว...
กระดูกโชคอาจจะหักก็ได้!
ทำไมซวยแบบนี้! คิดแล้วพลางหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาหัวหน้าร่างท้วม
"ผู้จัดการโต้งครับ ผมขอลางานครึ่งวัน"
"เดี๋ยวหมอให้ยาแก้ปวดกับแก้อักเสบไป พยายามอย่าเดินเยอะ ถ้าต้องนั่งให้หาหมอนนุ่ม ๆ มารอง งดสัมผัสของแข็งโดยตรง งดมีเซ็กส์สักระยะจนกว่าอาการอักเสบจะดีขึ้น"
"แหม คุณหมอ ผมโสดนะครับ" ไม่รู้ว่าโชคจะบอกหมอทำไม
แต่หมอขมวดคิ้ว เขาเหลือบมองรอยจูบที่โผล่ออกมาจากเสื้อเชิ้ตสีขาวและดูจะมีมากกว่านั้นในส่วนใต้ร่มผ้า
"น้ำหนัก 64 ควรเพิ่มน้ำหนักและออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อนะครับ ที่คุณอาการหนักเป็นเพราะเรื่องนี้และจะหายช้าด้วย" หมอเหลือบมองหน้าตาที่หมองคล้ำ ก่อนหน้านี้มันน่าจะย่ำแย่กว่านี้ "พยายามพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ สีหน้าดูเพลียมากเลย"
โชคชะงัก พอหมอพูดแบบนี้แล้วเขาเลยถือโอกาสระบายขอคำแนะนำ
"ช่วงนี้มีคนพูดแบบนี้กับผมเยอะมาก บางคนบอกผมโดนของด้วยซ้ำ แถมผมนอนฝันร้ายมาหลายคืน และสองคืนมานี้ฝันร้ายหนักมาก รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้นอนเลยครับ"
ตอนนี้โชคก็ยังคงรู้สึกเช่นนั้น ถึงแม้ว่าตื่นมาแล้วหน้าตาโชคมันจะดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานอย่างน่าประหลาดใจก็ตาม
"...ให้หมอนัดจิตแพทย์ให้ไหม"
"..."
"ไม่ต้องกังวลนะครับ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อาการแบบนี้พบได้เยอะในพนักงานออฟฟิศที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบสูง ความเครียดสามารถสะสมได้"
"...ครับ"
สวัสดิการบริษัทครอบคลุมไหมนะ โชคเคยได้ยินว่าราคาค่อนข้างสูง
เดี๋ยวลองไปถามที่บริษัทก่อน ถ้าไม่รวมก็หนีนัดเอาแล้วกัน
หมอไม่มีทางรับรู้เลยว่าเรื่องเงินต่างหากคือสิ่งที่โชคกังวล...
โชคอายุย่างจะเข้าเลขสามแล้ว ถึงเขาอยู่ในบริษัทที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องสวัสดิการเงินเดือน แต่เขาก็ได้รับค่าจ้างที่ไม่ต่างกับเพื่อน ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันที่ทำบริษัทอื่นนัก
เขาอยู่บริษัทนี้มาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างได้รับคำชื่นชมมาตลอด แต่กลับไม่ได้เลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน อย่างดีแค่โยกย้ายแผนกแบบที่เพิ่งเกิดขึ้นไป มีคนคอยมาบ่นใส่หูโชค ว่ามีบางคนที่ดูจะไม่ค่อยทำอะไร แต่กลับได้เลื่อนขั้นด้วยเหตุผลที่ค่อนข้างการเมืองและใช้ความรู้สึกส่วนตัวของผู้จัดการแผนก จนโชคแอบรู้สึกน้อยใจในหลาย ๆ ครั้ง แต่เขาก็ไม่ลาออกไปไหนด้วยเหตุผลบางอย่าง...
"อูยยย"
โชคโอดครวญเบา ๆ เมื่อก้นเขาสัมผัสเก้าอี้บนรถเมล์ เขาเหลือบมองกระเป๋ารถเมล์ผู้หญิงที่ยืนรอเก็บค่าโดยสารจากเขา สีหน้าของเธอดูไม่เอ็นจอยนักแม้ว่ารถเมล์คันนี้จะติดแอร์เพราะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและสะอาดสะอ้านก็ตาม โชคยิ้มแหยเขาตัดสินใจยืนขึ้นแล้วล้วงหยิบเงินสิบห้าบาทออกจากกระเป๋าส่งให้เธอ
"ลงตรงxxxครับ" โชคบอกป้ายรถเมล์ใกล้ ๆ กับบริษัทเขาที่ต้องการจะลง
"จะลงก็กดออด"
"ครับ..."
โชคตัดสินใจยืนโหนห่วงแทนที่จะนั่งเก้าอี้สบาย ๆ ที่ว่างเกือบเต็มคัน กระเป๋ารถเมล์มองเขาอย่างงง ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าหรือเชื้อเชิญให้นั่งแต่อย่างใด
เก้าอี้มันสบาย...
แต่ตูดเขาน่ะสิ ที่มันไม่สบาย...โชคคิดในใจพลางเอาเนกไทมาผูกที่คอเสื้อเชิ้ตอย่างทุลักทุเล เขาใช้ขาหนีบกระเป๋าโน้ตบุ๊กเอาไว้ มือหนึ่งจับห่วงและถุงยาที่ได้จากโรงพยาบาล ท่าทางเก้งก้างนั้นทำให้สาวกระเป๋ารถเมล์มาช่วงพยุงตัว
"แหะ ช่วยถือกระเป๋าแทนได้ไหมครับ"
"..." เธอมองเขาหน้าถมึงทึง แต่ก็ช่วยเหลือแต่โดยดี
โชคแวะกินข้าวกินยาก่อนกลับเข้าออฟฟิศ ซึ่งเขามาถึงในเวลาพักเที่ยงพอดี โชคจึงกะว่าจะเอาเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงไปใช้ในการงีบที่โต๊ะสักหน่อย
เขากดลิฟต์จากชั้นแรก เขาทักทายเพื่อนร่วมงานที่เดินสวนออกไปกินข้าวเที่ยงสองสามคน ระหว่างยืนก้มหน้ารอลิฟต์ ก็มีคนมาหยุดยืนด้านข้าง
สายตาไล่มองตั้งแต่ปลายรองเท้าอ๊อกฟอร์ดคุ้นเคย จนถึงฝ่ามือใหญ่ที่ในมือมีถุงข้าวกล่องจากร้านดังสองกล่อง พอเห็นนาฬิกาข้อมือโชคก็หยุดชะงัก ความกดดันแล่นปราดขึ้นจากปลายเท้าจนถึงสมอง บรรยากาศรอบตัวราวกับกำลังบีบรัดตัวเขาเอาไว้แน่น
นาฬิกายี่ห้อนี้ มีไม่กี่คนในบริษัทหรอกที่จะซื้อใส่...
โชคเงยหน้ามองเพื่อยืนยันสิ่งที่เขาคิด มุมที่เขาเห็นคือ สันกรามเด่นชัดที่ขยับเล็กน้อยราวกับกำลังเคี้ยวบางอย่าง โครงจมูกโด่งพุ่งราวกับคนต่างชาติ ในตาเรียวลึกจดจ้องไปตรงหน้าไร้จุดหมาย คนด้านข้างเขากำลังยืนคิดอะไรบางอย่างที่ก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ เขาสวมเสื้อกั๊กและเชิ้ตพร้อมเนกไทชิดลำคอ เสื้อสูทตัวนอกคงจะอยู่ที่ไหนสักที่ ไม่ก็ห้องทำงานของเจ้าตัว ถ้าโชคเป็นบรรดาพี่สาวในออฟฟิศ ก็คงสลบเหมือดกับความหล่อเหลาอลังการในระยะประชิดนี้ไปแล้ว
แต่ขอโทษนะ...นี่โชคอนันต์
ติ๊ง!
เสียงสัญญาณดังใส โชคหลีกทางให้ผู้จัดการฝ่ายหน้าขรึมเดินเข้าไปก่อน แต่โชคยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาตั้งใจเรียกลิฟต์ใหม่อีกรอบ
โชคมองช่วงอกผายกว้างราวกับไม่รู้จะหยุดสายตาไว้ตรงไหน ร่างกายภายใต้เสื้อกั๊กพอดีตัวอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ขนาดตรงหน้านี้คุ้นตาอย่างประหลาด
ทว่าประตูลิฟต์ก็ยังคงเปิดค้างไว้ โชคเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวเพราะกำลังจมอยู่ในความคิดตนเอง แต่กลับต้องใจเต้นตึกเพราะพบว่าคนในลิฟต์จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว มือใหญ่อีกข้างกดค้างไว้ที่ลิฟต์ไม่ให้มันปิด
"เข้ามา"
รีด: อันนี้น้องโชคเหรอ?
// เปล่า นักเขียน พ่าม
ขอบคุณขนมหวานจากคุณ the corinthian ค่าา ขอบคุณที่อยู่คุยด้วยกัน ทุก ch. เลยค่ะ รักกก <3