จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน,อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้องจะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?
*นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพียงเท่านั้น ตัวละคร ชื่อสถานที่ต่างๆเป็นเพียงแค่นามสมมติไม่มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*
ขอฝากนิยายเรื่องแรกของไรท์ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม กดถูกใจ และเพิ่มนิยายเข้าชั้นหนังสือเพื่อเป็นกำลังใจในการอัพเดตแก่นักเขียนกันนะคะ
-อัพเดตทุกวัน อ,พ,พฤ,ส,อา-
.
.
*นักอ่านสามารถติดตามการอัพเดตนิยายก่อนใครได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ*
TIKTOK: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์
FB: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์
โรงเรียนมัธยมปลายชิคันไซ
ภายในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่พากันมาเที่ยวชมงานเทศกาลประจำปีของโรงเรียนมัธยมปลายชิคันไซที่จะถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
“นี่ๆ ฉันได้ข่าวมาว่าวันนี้พวกรุ่นพี่จากโรงเรียนมัธยมปลายโอเซกะจะมาร่วมเล่นดนตรีกับพวกรุ่นพี่เร็นด้วยล่ะ!”
“จริงเหรอ! มิน่าล่ะปีนี้ถึงได้มีคนมางานเทศกาลโรงเรียนเราเยอะกันขนาดนี้”
“อื้ม คงจะเป็นเพราะสาวๆ จากชมรมนิตยาสารนั่นแหละที่เอาข่าวออกไปโฆษณา แต่ก็ดีนะ เพราะทำให้มีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นๆ ได้เข้ามาเที่ยวชมและซื้อสินค้าของโรงเรียนเรามากขนาดนี้”
“ว่าแต่....พวกรุ่นพี่จะแสดงช่วงกี่โมงล่ะเนี่ย ฉันอดใจรอที่จะกรี๊ดรุ่นพี่เซย์จิไม่ไหวอยู่แล้วอ่ะ”
“นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาขึ้นแสดงละนะ ฉันว่าพวกเรารีบไปรอที่หน้าเวทีกันเลยดีมั้ย”
“ไปสิๆ ฉันว่าป่านนี้คงแทบจะไม่มีที่ให้พวกเรายืนแบบชิดติดขอบเวทีกันแล้วล่ะT T….”
.
.
“สวัสดีค่ะแขกผู้มีเกียรติทุกๆ ท่าน ในวันนี้พวกเรารู้สึกขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจในการจัดงานเทศกาลประจำปีของโรงเรียนมัธยมปลายชิคันไซของเรานะคะ ดิฉัน อาซากิ มิวะ ประธานโรงเรียนและประธานจากชมรมดนตรีอยากจะขอเป็นตัวแทนในการกล่าวคำขอขอบคุณแขกทุกๆ ท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมงานเทศกาลของพวกเราในครั้งนี้ค่ะ
ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงอยากจะขอตอบแทนทุกๆ คนด้วยการแสดงดนตรีจากสมาชิกในชมรมของเราและแขกรับเชิญสุดพิเศษจากโรงเรียนมัธยมปลายโอเซกะ...เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอให้ทุกๆ ท่านมีความสุขและสนุกไปกับการแสดงของพวกเรานะคะ...ขอเชิญทุกท่าน…รับชมการแสดงดนตรีจากเหล่าสมาชิกวง MUSE ได้เลยค่า!”
สิ้นเสียงของอาซากิ ฉากผ้าใบสีขาวที่ถูกขึงตึงเอาไว้บนเวทีก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นว่าหลังฉากกั้นบนเวทีมีเครื่องดนตรีต่างๆ ถูกจัดวางเอาไว้ในแต่ละตำแหน่ง….
และแล้วพวกเขาทั้งหกคนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนเวที การปรากฏตัวของพวกเขานั้นสามารถเรียกเสียงตอบรับจากผู้คนที่เข้ามาร่วมงานได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ทันได้เริ่มเล่นดนตรีเลยก็ตาม...ทั้งหกคนก้มศีรษะเพื่อเป็นการเคารพการต้อนรับของเหล่าบรรดาผู้เข้าร่วมงานกันอย่างนอบน้อม ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มแยกตัวเพื่อไปยืนยังตามจุดประจำตำแหน่งของตัวเอง
ในจังหวะนั้นเองหญิงสาวเจ้าของเรือนผมยาวสลวยสีม่วงลูกพลัมในชุดยูนิฟอร์มลายสก็อตสีแดง ขาว ก็เริ่มขยับตัวเดินไปยังกลางเวทีพร้อมกับยกไมค์ออกจากขาตั้งไมค์
“สวัสดีค่ะ ฉัน ‘ยูอิ’ จากโรงเรียนมัธยมปลายโอเซกะค่ะ วันนี้พวกเราวง MUSE รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้รับโอกาสมาทำการแสดงให้ทุกๆ คนได้ชมกัน ในวันนี้พวกเราทั้งหกคนขอสัญญาค่ะ ว่าพวกเราจะมอบความสุข และความสนุกให้กับทุกๆ คนตลอดจนงานเทศกาลในครั้งจบลง มาจดจำช่วงเวลาที่ดีเหล่านี้ไปด้วยกันนะคะ”
“กรี๊ดดดดดด!!!!!”
จังหวะของเสียงกลองได้เริ่มบรรเลงทำนองขึ้น เพื่อส่งเป็นสัญญาณว่าช่วงเวลาแห่งการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
การแสดงดนตรีถูกบรรเลงไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสียงคึกคักจากผู้คนที่กำลังมีความสนุกและเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีที่พวกเขาทั้งหกคนได้มอบให้
เสียงอันไพเราะที่ดังกังวานของยูอิและ ‘เรียว’ ที่ขับเสียงร้องคู่กันในสไตล์เพลงป๊อบที่ผสมผสานกับแนวอาร์แอนด์บีทำให้เสียงของเขาทั้งสองคนเข้ากันได้อย่างลงตัวทุกท่วงทำนอง
และเสียงจังหวะกลองจาก ‘ฮารุ’ ที่เป็นคนคอนโทลความดุเดือดในครั้งนี้ ตามด้วยเสียงกีต้าร์ที่ ‘เร็น’ เป็นคนโซโล่ และเสียงเบสที่ ‘เซย์จิ’ เองก็กำลังโซโล่ตามจังหวะเสียงกีต้าร์ของเร็นด้วยเหมือนกัน
ตบท้ายด้วย ‘โฮชิ’ ในตำแหน่งมือเบสเสริมที่ตัวเขาเองก็กำลังเล่นอยู่ การบรรเลงดนตรีดุเดือดของพวกเขาทั้งหกคนในตอนนี้เหมือนจะยิ่งปลุกความสนุกของทุกๆ คนให้ตื่นขึ้นอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้งานเทศกาลดูคึกคักจนหาทางที่สิ้นสุดจนแทบไม่เจอเลยสักนิด
“กรี๊ดดดดด รุ่นพี่ยูอิ รุ่นพี่สวยและเท่มากจริงๆ ค่ะ”
“รุ่นพี่เร็น! รุ่นพี่โฮชิ รุ่นพี่หล่อมากค่ะ กรี๊ดด!”
“รุ่นพี่เซย์จิปกติก็หล่อระเบิดอยู่แล้ว พอได้มาเห็นรุ่นพี่โซโล่เบสแบบนี้ก็ยิ่งหล่อขึ้นไปอีก FC นะคะรุ่นพี่!!”
“ฮารุนายตีกลองได้โคตรมันส์เลยเพื่อน สะใจโว๊ยยยย!!”
“รุ่นพี่เรียวแห่งโอเซกะนี่สมกับฉายาเจ้าชายเสียงนุ่นสุดๆ หล่อออร่าทะลุไมค์มาก”
“นี่..พวกเราสมาส่งเสียงเรียกชื่อวงของรุ่นพี่กันเถอะ ตะโกนออกไปให้สุดเสียงว่า MUSE!!”
“M! U! S! E! MUSE!!!”
“กรี๊ดดดด!!!”
.
.
และแล้วช่วงสุดท้ายของงานก็มาถึง การแสดงของพวกเขาทั้งหกคนได้จบลงอย่างสวยงามแม้ว่าผู้เข้าชมในบางส่วนจะอวดครวญเพราะยังไม่อยากให้การแสดงนั้นจบลงเลยก็ตาม
หลังจากที่การแสดงจบตอนนี้พวกเราทั้งหกคนก็กำลังช่วยกันแบกอุปกรณ์เครื่องดนตรีต่างๆ ไปเก็บที่ห้องชมรมดนตรีของโรงเรียน
“ยูอิ”
“ห๊ะ?”
“วันนี้ขอบใจมากนะที่มาช่วย”
“เรื่องแค่นี้เองเร็น ไม่เห็นต้องขอบจงขอบใจกันเลย”
“โห่ไรวะ นี่ฉันกับไอ้เรียวก็มาด้วยนะเว้ยไอ้เร็นขอบคุณแค่ยัยยูอิคนเดียวนี้เนี่ยนะ”
“เออ ขอบใจนายสองคนด้วยละกันที่มา”
“คำพูดโคตรสองมาตรฐานเลยว่ะ”
“ฮ่าๆ นี่พี่โฮชิยังไม่ชินกับพี่เร็นเขาอีกเหรอเนี่ย”
“ไอ้ชินน่ะมันก็ชินอยู่หรอก แต่ก็แค่อยากจะแหย่มันเล่นเฉยๆ ฮ่าฮ่า” โฮชิยืนหัวเราะเร็นด้วยท่าทางที่ดูสนุกชอบใจ หมอนี่น่ะสนุกทุกครั้งที่ได้แกล้งคนอื่นเขานั่นแหละ
“เลิกยืนหัวเราะแล้วมาช่วยกันยกกลองนี่สักทีได้มั้ยวะ”
เซย์จิที่ยืนมองอยู่นานคงจะรำคาญที่โฮชิเอาแต่ยืนหัวเราะงานการไม่ยอมทำ
“แกคงหมายถึงฉันสินะไอ้เซย์” เมื่อเจ้าตัวเจอคำพูดของเซย์จิเข้าไปโฮชิจึงรีบเดินเข้าไปช่วยเซย์จิและฮารุด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่อยากรับบุญสุดๆ
“นอกจากจะมาช่วยงานแล้วนี่ฉันยังต้องมาช่วยพวกแกขนของเก็บด้วยอีกเหรอเนี่ย โธ่ชีวิตฉันTT”
“สงบปากสงบคำแล้วทำๆ ไปเถอะ”
“ยูอิ ไอ้เซย์มันจะกินหัวฉันอีกแล้วเนี่ยดูดิ”
“นายก็อย่าบ่นให้มันมากนักสิ” ฉันพูดพร้อมกับแลบลิ้นใส่โฮชิอย่างหมั่นไส้
“เอ้อ ฉันมันหัวเดียวกระเทียมลีบนี่เนอะ เหอะ!”
“นี่แกคิดว่าไอ้ขาวๆ เหมือนกระดาษเช็ดก้นของแกเวลางอนมันน่ารักนักรึไงวะโฮชิ”
“ไม่ต้องมาตบหัวละลูบหลังเลยนะไอ้เร็น (-_-) ”
โฮชิทำหน้างอๆ พร้อมกับเบะปากใส่พวกเราเป็นเชิงบอกว่า ‘ฉันงอนพวกแกแล้วเว้ย’
เรียวที่เห็นท่าทางที่น่าหมั่นไส้ของโฮชิ ก็อดที่จะแกล้งไม่ได้จึงเดินเข้าไปเตะก้นโฮชิเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อ
“นี่แกเดินมาเตะฉันทำไมวะไอ้เรียว”
“ก็แกมันน่าหมั่นเขี้ยวนี่หว่า”
“นี่คือเหตุผล?”
“อ่าฮะ”
“ไอ้....เวรนี่ (-_-) ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ภายในห้องชมรมดนตรีถูกเสียงหัวเราะของพวกเราทั้งหกคนปลุกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ถึงแม้ว่าในวันนี้พวกเราจะเหนื่อยกันมาก แต่พวกเราก็รู้สึกสนุกมากๆ เช่นกันที่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบหลายเดือน หลังจากที่พวกเราต่างวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวสอบในช่วงปลายภาคที่กำลังจะมาถึงนี้
สำหรับฉันแล้วทุกคนใน MUSE เปรียบเสมือนครอบครัวแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงแค่เพื่อน แต่พวกเขาก็เปรียบเสมือนหัวใจที่สำคัญสำหรับฉันมากๆ หากวันใดวันหนึ่ง MUSE ขาดใครไปสักคนมันก็คงไม่ใช่ MUSE ที่สมบูรณ์แบบอย่างที่พวกเราเป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอน
.
.
หลังจากที่ช่วยกันเก็บของจนเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ได้มานั่งรวมตัวกันที่หน้าตึกของชมรมเพราะเร็นบอกว่ามีเรื่องที่สำคัญจะคุยด้วย
“เรื่องสำคัญที่ว่าจะคุยด้วยนี่เรื่องอะไรเหรอ” เรียวเป็นคนเอ่ยปากถามขึ้นเป็นคนแรกหลังจากที่ทุกคนพากันนั่งเงียบและรอฟังมาได้สักพักนึงแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าเร็น”
“จำงาน Music X ที่เราส่งใบสมัครกันไปในช่วงต้นเดือนได้มั้ย”
“อื้อ จำได้”
“ทางนั้นตอบเมลกลับมาแล้วนะ”
“จริงเหรอ!แล้ว...ทางนั้นเขาตอบกลับมาว่าไงอ่ะ”
“พวกเรา…ติด 1 ใน 10 ของทีมที่ถูกคัดเลือก”
“ห๊ะ!” ฉันกับโฮชิส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมาพร้อมกัน
“การแข่งขันจะถูกจัดขึ้นอีกช่วงสามเดือนข้างหน้า ซึ่งก็เท่ากับว่าพวกเราทั้งหมดจะมีเวลาซ้อมกันแค่เดือนกว่าๆ หลังจากที่เรื่องการสอบปลายภาคนี้จบลง” เร็นเริ่มอธิบาย
“เดือนกว่านี้น้อยมากเลยนะพี่เร็นถ้าเทียบกับทีมอื่นๆ ที่เราจะต้องไปเจอโดยที่พวกเราเองก็ยังไม่รู้ว่าฝีไม้ลายมือพวกนั้นเป็นยังไงบ้าง” ฮารุพูดเสริมหลังจากที่นั่งฟังอย่างเงียบๆ มานาน
“ถ้าพวกเราเริ่มซ้อมไปพร้อมๆ กับเรื่องการเตรียมตัวสอบล่ะ” โฮชิเริ่มออกความคิดเห็นบ้าง
“เราทำอย่างนั้นกันไม่ได้หรอก อย่าลืมสิว่าตารางเรียนของพวกเรามันไม่ตรงกัน” เซย์จิอธิบายถึงเหตุผล
“แล้วเราจะเอาไงกันดี” ในขณะที่ทุกคนกำลังใช้ความคิดเพื่อช่วยกันหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงของเร็นที่พูดขึ้นมากลางวง
“เรื่องนี้ไว้ค่อยหาเวลานัดมาคุยกันที่หลังตอนนี้มันมืดมากแล้ว ยูอิเธอต้องรีบกลับบ้าน” เร็นหันมาพูดกับฉันด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง
“ไม่เป็นไรพวกเรามาคุยเรื่องนี้กันต่อให้จบเถอะ” ฉันรีบปฏิเสธทันที ฉันไม่อยากให้เพื่อนในทีมต้องล่าช้าไปเพียงเพราะเรื่องของฉัน
“ขอร้องล่ะยูอิ พวกเราไม่อยากให้เธอมีปัญหากับคนพวกนั้นหรอกนะ”
“แต่ว่าฉัน...” ในขณะที่ฉันกำลังจะงัดเอาเหตุผลร้อยแปดพันไล่ออกมาพูดกับพวกเขาทั้งห้าคน แต่ก็ต้องถูกเรียวพูดดักทางเอาไว้ด้วยอีกคน
“ฉันเห็นด้วยกับไอ้เร็นมันนะ วันนี้พวกเราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ต่อให้นั่งคุยนั่งปรึกษากันจนถึงพรุ่งนี้เช้าเราก็ยังหาคำตอบกันไม่ได้หรอก”
“เชื่อพวกเราเถอะพี่ยูอิ” ฮารุส่งสายตาอ้อนวอนเหมือนทุกทีที่เคยทำ
“ถึงขั้นงัดไม้แข็งออกมาใช้กันขนาดนี้แล้วฉันจะไปทำอะไรได้นอกจากต้องยอมกันล่ะยะ (-_-) ”
“ที่พวกเราต้องงัดไม้แข็งออกมาใช้กับเธอก็เพราะว่าพวกเราเป็นห่วงเธอนะ”
“รู้แล้วน่า...ขอบใจพวกนายมากที่เป็นห่วง”
ฉันรู้และเข้าใจในความหวังดีของเพื่อนทุกคนเพราะพวกเขารู้ดีว่าคนที่บ้านของฉันเป็นยังไง...แล้วฉันกับแม่ต้องเจอกับความเลวร้ายอะไรบ้างในแต่ละวัน
.
.
“ขอบคุณนะเรียวที่อุตส่าห์เดินมาส่งถึงบ้าน”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าเพราะเป็นห่วงนั่นแหละถึงได้เดินมาส่ง”
“เป็นห่วง? เป็นห่วงเรื่องอะไร?”
“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าเป็นห่วงเฉยๆ”
“อะไรของนายเนี่ย เก่งจังนะไอ้เรื่องที่ชอบตอบคนอื่นเขาด้วยคำถามน่ะ”
“ฮ่าฮ่า ก็ห่วงเพราะเธอเป็นผู้หญิงแล้วอีกอย่างนี่มันก็มืดแล้วด้วยถ้าให้เธอกลับบ้านคนเดียวไอ้สี่ตัวที่เหลือมันก็ด่าฉันยับน่ะสิ”
“สรุปแล้ว? ที่อุตส่าห์ลงทุนเดินมาส่งก็เพราะกลัวว่าพวกนั้นจะด่าเอาสินะ”
“เปล่า ที่ฉันมาส่งเพราะฉันเป็นห่วงเธอจริงๆ แล้วฉันก็อยากจะมีเวลาอยู่กับเธอให้มากที่สุด...ก่อนที่เราจะไม่ได้เจอกันอีก”
“ไม่ได้เจอกันอีก? หมายความว่าไง? นี่นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะเรียว”
“อ...อ๋อ ฉันหมายถึงแบบว่า...ถ้าพวกเรายุ่งๆ กับเรื่องสอบเราจะไม่ค่อยได้เจอกันไง ก็เลยอยากหาเวลาที่จะได้อยู่กับเธอบ่อยๆ แค่นั้นเอง”
“งั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ...นี่เธอขมวดคิ้วซะจนมันจะผูกกันเป็นโบว์อยู่ละนะ ยิ้มหน่อยสิ เอ้ายิ้มมม”
“โอ๊ย!” ฉันส่งเสียงร้องทันทีที่เรียวใช้มือทั้งสองข้างยืดเนื้อแก้มของฉันให้ยิ้มไปตามแรงดึงของเขา
“ฮ่าฮ่า หน้าเธอเหมือนพวกขนมปังสกุชชี่เลยอ่ะยูอิ”
“ตลกมากรึไง!งั้นฉันขอดึงแก้มนายคืนบ้างละกัน มานี่เลย!”
ฉันรีบพุ่งตัวเข้าไปหาเรียวหวังจะดึงแก้มของหมอนั่นให้ยืดติดมือกลับมา แต่ทันทีที่ฉันพุ่งตัวเข้าไปก็ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติหมอนี่จะต้องโยกตัวหลบแต่ครั้งนี้มันดูผิดสังเกตเพราะว่าเรียวไม่ได้หลบเหมือนอย่างทุกครั้งแต่เขากลับ...กอดฉันเอาไว้....
“ร..เรียว”
“ขอฉันกอดเธอแบบนี้ต่ออีกสักนิดนะยูอิ”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงบ ทั้งฉันและเรียวต่างคนต่างไม่มีใครเปล่งคำพูดใดๆ ออกมา มีเพียงแค่เสียงลมหายใจหนักๆ ของเรียวและอ้อมกอดที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร...
ไม่นานเรียวก็เริ่มคลายอ้อมกอดออกและปล่อยให้ฉันได้เป็นอิสระ
“ขอโทษนะที่ฉวยโอกาสกอดเธอแบบนั้น”
“นายเป็นอะไร...มีเรื่องที่ไม่สบายอะไรใจรึเปล่า?”
“เปล่าน่า ไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องคิดมาก”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิ เธอน่ะรีบเข้าบ้านได้แล้วมันดึกมากแล้วนะ” เรียบพูดพร้อมกับยีผมฉันเบาๆ
“งั้น...ฉันเข้าบ้านละนะ”
“โอเค”
“บายเรียว”
“บายยูอิ”
ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าบ้านก็มีเสียงข้อความเด้งแจ้งเตือนเข้ามาในโทรศัพท์ของฉัน พอก้มมองดูที่หน้าจอ ก็ได้รู้ว่าคนที่ส่งมาคือเรียว ฉันจึงรีบหันกลับไปมองเขาอีกครั้งแต่ก็พบว่าเรียวไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว...
‘วันนี้ฉันสนุกมาก ขอบคุณนะที่ร้องเพลงด้วยกันมาโดยตลอด ฝันดีนะยูอิ’
ฉันนอนอ่านข้อความของเรียววนไปวนมาจนรู้สึกนอนไม่หลับ วันนี้ทุกอย่างของเรียวมันดูแปลกไปหมดทั้งคำพูดและอะไรอีกหลายๆ อย่างรวมถึง...อ้อมกอดนั่นด้วย
“นายกำลังคิดอะไรอยู่...เรียว”
.
.
-จบตอนที่1-
*โปรดติดตามตอนต่อไป*