จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง - ตอนที่2 คุณท่านผู้นั้น โดย Sugar Brown @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน,อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?

ผู้แต่ง

Sugar Brown

เรื่องย่อ

*นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพียงเท่านั้น ตัวละคร ชื่อสถานที่ต่างๆเป็นเพียงแค่นามสมมติไม่มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*


ขอฝากนิยายเรื่องแรกของไรท์ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ


สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม กดถูกใจ และเพิ่มนิยายเข้าชั้นหนังสือเพื่อเป็นกำลังใจในการอัพเดตแก่นักเขียนกันนะคะ


-อัพเดตทุกวัน อ,พ,พฤ,ส,อา-


.


.


*นักอ่านสามารถติดตามการอัพเดตนิยายก่อนใครได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ*


TIKTOK: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์


FB: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์

สารบัญ

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่1 MUSE,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่2 คุณท่านผู้นั้น,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่3 The Black Entertainment ,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่4 Music X,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่5 หัวใจที่แตกสลาย,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่6 6 Years later

เนื้อหา

ตอนที่2 คุณท่านผู้นั้น

โรงเรียนมัธยมปลายโอเซกะ

         โรงเรียนมัธยมปลายโอเซกะเป็นโรงเรียนเอกชนชั้นนำในญี่ปุ่น จึงไม่ค่อยเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่หากจะมีชุดยูนิฟอร์มที่ดูหรูหรากว่าโรงเรียนอื่นๆ เพราะในโอเซกะมีแต่พวกลูกคุณหนูไฮโซ และพวกกระเป๋าหนักเท่านั้นที่จะสามารถเข้าเรียนที่นี่ได้ แต่ทว่า...ตัวฉันนั้นแตกต่างจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง ฉันเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาที่เกิดมาจากสาวรับใช้กับลูกชายของบ้านตระกูลเศรษฐี 

         ใช่แล้วล่ะแม่ฉันตั้งท้องกับคุณพ่อทายาทคนโตของตระกูลอาคาชิ นามสกุลของผู้ลากมากดี คนทั่วไปอาจจะคิดว่าการที่ฉันได้เข้ามาเรียนยังโรงเรียนแห่งนี้คงเป็นเพราะว่าฉันกับแม่ได้รับการยกย่อง หรือยอมรับจากพวกเขาเหล่านั้นใช่มั้ยล่ะ...เปล่าเลย...ในความเป็นจริงแล้วชีวิตคนเรามันไม่ได้สวยงามเหมือนในหนังหรือละครหรอกนะ

         ฉันกับแม่เราไม่เคยได้รับการยอมรับจากพวกเขาเลยสักนิด และการที่ฉันได้เข้ามาเรียนที่นี่ก็เป็นเพราะว่าก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิต คุณพ่อได้สั่งเสียไว้กับคุณปู่ และขอร้องกับ ‘คุณท่าน’ เอาไว้ว่าขอฝากดูแลฉันกับแม่ด้วย ซึ่งคุณปู่ก็ได้รักษาสัญญานั้นมาโดยตลอดจนกระทั่งวันหนึ่งคุณปู่ก็ได้จากไป.....

         พอไม่มีคุณปู่แล้วฉันกับแม่ก็ถูกปฏิบัติเยี่ยงทาสในบ้านหลังนั้น เราสองคนไม่เคยได้รับความเมตตาจากคุณท่านเลยสักนิดเดียว

         คุณท่านที่ฉันกำลังพูดถึงอยู่ความจริงแล้วท่านก็คือ...คุณย่าของฉันเอง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคุณย่า แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิไปเรียกท่านว่าย่าหรอกนะ เพราะท่านมักจะพูดเสมอว่าฉันน่ะไม่ใช่หลาน...ท่านเกลียดพวกเราเพียงเพราะแม่เป็นสาวรับใช้ที่ไปรักกับผู้ชายที่สูงส่งอย่างคุณพ่อก็เท่านั้นเอง....

         “ยูอิ!”

         “ห..ห๊ะ!”

         “นี่เธอมัวแต่นั่งเหม่ออะไรเนี่ยฉันเรียกตั้งนานแล้วนะ”

         “ขอโทษทีพอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย”

         “มัวแต่คิดถึงไอ้เรียวมันรึไง นี่มันไม่มาโรงเรียนแค่วันเดียวเองนะ”

         “จะบ้ารึไง! ฉันคิดเรื่องงานประกวดอยู่เถอะย่ะ”

         “อ๋อเหรอ ฉันคิดว่าเธอกำลังนั่งคิดถึงมันอยู่ซะอีก”

         “ช่างเรื่องนั้นเถอะ แล้วที่นายมายืนตะโกนเรียกฉันอยู่ข้างหูขนาดนี้เนี่ย....มีอะไรไม่ทราบ?”

         “ฉันเห็นเธอนั่งเหม่อไม่ยอมลุกไปพักเที่ยงสักที คิดว่ามีเรื่องอะไรที่น่าคิดมากก็เลยเดินเข้ามาเรียก”

         คิดมากเหรอ...เอาจริงๆมันก็มีเรื่องที่ให้ฉันคิดอยู่หรอกนะ โดยเฉพาะเรื่องของเรียวที่ส่งความแปลกๆมา ไหนจะอยู่ดีๆ ก็มาขาดเรียนในวันที่มีสอบย่อยแบบนี้อีกด้วย

         “ไม่มีอะไรหรอกฉันแค่รู้สึกง่วงนิดหน่อย”

         “แล้วเมื่อคืนนี้เธอโอเครึเปล่า”

         “โอเคดี ไม่มีปัญหาอะไร”

         “งั้นก็ดีแล้วล่ะ เรารีบลงไปพักกันเหอะไส้ฉันจะขาดละเนี่ย”

         “แล้วทำไมนายไม่ลงไปพร้อมกลุ่มแฟนคลับสาวๆของนายก่อนล่ะ”

         “ไม่เอาอ่ะฉันเบื่อแล้ววันนี้ของดเป็นหนุ่มฮอตหนึ่งวัน”

         “จ้าพ่อคนหล่อพ่อทุกสถาบัน”

         “ฉันล่ะเกลียดฉายานี้ที่สุด(-_-)”

         “ทำไมล่ะ”

         “มันทำให้ฉันดูเป็นคนเลวเจ้าชู้ตัวพ่อยังไงก็ไม่รู้(-_-)”

         “ปกติแล้วก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรนี่นา อย่าคิดมากเลยนะ”

         “ยัยบ้านี่(-_-)”

         “ฮ่าฮ่า ฉันหยอกจ้า”

         ในระหว่างที่ฉันกับโฮชิกำลังจะเดินออกจากห้องเรียนจู่ๆ ฉันก็ดันนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเรียกและดึงชายเสื้อที่ด้านหลังของโฮชิเอาไว้

         “นี่..โฮชิ”

         “ว่าไง”

         “เรียวได้บอกนายรึเปล่า ว่าทำไมถึงไม่มาเรียนวันนี้”

         “ไม่ได้บอกนะ มีอะไรรึเปล่า”

         “เปล่าหรอก แค่คิดว่าเรียวเขาจะบอกนายน่ะ”

         “อาจจะป่วยล่ะมั้งเพราะเมื่อวานตอนที่แสดงบนเวทีเจ้านั่นก็ใส่สุดอยู่เหมือนกันนะ ทำอย่างกับว่าเหมือนจะขึ้นแสดงกับพวกเราเป็นครั้งสุดท้ายงั้นแหละบทจะบ้าปล่อยของก็บ้าสุดๆไปเลยไอ้หมอนี่”

         จริงสิ ฉันลืมสังเกตตรงจุดนี้ไปได้ยังไงปกติเรียวเป็นคนที่ทำอะไรเขามักจะทำอย่างเต็มที่ก็จริง แต่เมื่อวานตอนที่พวกเราขึ้นแสดงเรียวกับปล่อยอารมณ์ และความสามารถของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ แบบที่ฉันเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน...มันเกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่เรียว นายกำลังมีเรื่องอะไรในใจที่ไม่กล้าบอกกับพวกเราอยู่รึเปล่า

.

.

         ในช่วงบ่ายระหว่างที่พวกเรากำลังจะเปลี่ยนคาบเรียนเพื่อไปเรียนวิชาพละ ฉันเดินไปยังตู้ล็อคเกอร์เก็บของของนักเรียนระดับชั้นมอปลาย เพื่อที่จะเอาชุดพละไปเปลี่ยน

 แต่ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปยังห้องเปลี่ยนชุดก็ได้มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินโผล่ออกมาจากซอกผนัง พวกเธอสามคนยืนเรียงกันเพื่อขวางทางเดิน และหนึ่งในสามคนนั้น มีคนที่ฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีนั่นก็คือ ‘ไอริ’ เธอเป็นน้องสาวต่างมารดาของฉัน คุณพ่อถูกคุณท่านบีบบังคับให้แต่งงานกับแม่ของไอริเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนในการที่จะเก็บฉันเอาไว้ ไอริอายุห่างจากฉันสองปี ถึงแม้ว่าเราสองคนจะมีพ่อเดียวกัน แต่เราไม่เคยนับพี่นับน้องกัน....และแน่นอนยัยนี่น่ะเกลียดฉันซะยิ่งกว่าอะไร

 “หลบไป” 

         ฉันเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน หรือฟังภาษามนุษย์ที่ฉันกำลังพูดอยู่ไม่ออกกันแน่เพราะดูจากท่าทางของพวกเธอทั้งสามคนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลบทางให้ฉันเลยสักนิด

         “นี่ ฉันพูดภาษาหมาไม่เป็นหรอกนะ”

         “แกว่าใครเป็นหมาไม่ทราบ!” ไอริตะคอกใส่พร้อมกับสาวเท้าเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน

         “อ้าว ก็ฟังภาษาคนออกนี่...คิดว่าจะฟังไม่รู้เรื่องซะอีก”

         “เหอะ! คนที่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องน่ะมันคือแกต่างหาก ฉันกับคุณแม่บอกแกแล้วใช่มั้ยว่าให้ลาออกจากโรงเรียนนี้แล้วทำไมแกถึงไม่ออกไปสักที...นังหน้าด้าน!”

         “เธอกับแม่ของเธอส่งเสียฉันรึไง? ก็เปล่านี่”

         “หึ ก็จริงอยู่ที่ฉันกับคุณแม่ไม่ได้ส่งเสีย แต่การที่แกยังเสนอหน้ามาเรียนที่นี่อยู่อีกก็เพราะแกกำลังผลาญเงินของคุณย่าอยู่ยังไงล่ะ”

         “ถ้าเธอมีปัญหามากนักเธอกับแม่ของเธอก็ไปเคลียร์กับคุณท่านกันเอาเองสิ อ่อ แต่ก็ระวังโดนท่านโมโหใส่แล้วไล่ตะเพิดออกมาเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างทุกทีล่ะ”

         “อีนังยูอิ!”

         ไอริทำท่ายกฝ่ามือขึ้นหวังที่จะฟาดฝ่ามันลงมาที่แก้มของฉัน แต่มือของเธอก็ต้องหยุดชะงักทันทีพร้อมกับเสียงกรีดร้องของไอริที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่ดังลั่นโถงทางเดิน

         “โอ๊ย!!” 

         สาเหตุที่ทำให้ไอริต้องส่งเสียงร้องออกมาเป็นเพราะว่าข้อมือเรียวเล็กของเธอในตอนนี้ได้ถูกบีบแน่นด้วยฝ่ามือหนาของใครสักคนที่กำลังยืนอยู่ที่ด้านหลังของฉัน

         “ที่นี่มันโรงเรียนไม่ใช่บ้านอาคาชินะครับ คุณอาคาชิ ไอริ”

         “ร...รุ่นพี่โฮชิ” เพื่อนสาวอีกสองคนของไอริอุทานขึ้นเมื่อเห็นว่าบุคคลปริศนาที่เพิ่งโผล่เข้ามานั้นคือใคร

         “เล่นแบบนี้ไม่รอบกัดไปหน่อยเหรอสาวๆ”

         “ใครเป็นสาวๆ ของแกไม่ทราบ!”

         “เอ้า! แล้วเธอจะเป็นอะไรดีล่ะ เป็นแม่ฉันเหรอ? แต่ไม่ดีกว่ามั้งเพราะแม่ฉันไม่ได้นิสัยเสีย...แบบเธอ”

         “ไอ้บ้า!”

         “ไปอาระวาดที่อื่นเถอะไอริพวกฉันต้องรีบไปเรียน”

         “แกมีสิทธิอะไรมาสั่งฉันไม่ทราบ”

         “ก็สิทธิของคนที่เป็นพี่สาวยังไงล่ะไอริ:)” 

         คำว่าพี่สาวสามารถกระตุกต่อมโมโหของยัยนี่ได้ดีเสมอ เพราะแค่ใช้นามสกุลอาคาชิร่วมกันแถมยังอยู่โรงเรียนเดียวกันก็ทำให้ยัยนี่แทบจะกระอักเลือดตายรายวันอยู่แล้ว

         “ฉันไม่ใช่น้องของแก! อย่าสะเออะมานับญาติกับฉัน คนอย่างแกน่ะมันชั้นต่ำนังลูกเมียน้อย!”

         “นี่” ฉันเดินเข้าไปประชิดตัวของไอริแล้วจับเข้าไปที่ต้นแขนของเธออย่างแผ่วเบาก่อนที่จะค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของยัยนี่

         “เมียน้อยที่ว่าน่ะมันคือแม่ของเธอต่างหาก แล้วฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่า...อย่า...พูดถึงแม่ฉันแบบนี้” ฉันเพิ่มแรงบีบที่ต้นแขนของไอริให้เพิ่มมากขึ้นจนไอริส่งเสียงร้องออกมา

         “นังบ้า! ปล่อยฉันนะ!” ไอริผลักมือของฉันออกก่อนที่เพื่อนๆของเธอจะเดินมาดึงให้เธอไปยืนอยู่ห่างจากฉันและโฮชิพอสมควร

         “ฉันไม่เข้าใจพี่เรียวเลยจริงๆว่าทำไมถึงต้องลดตัวลงมาคบทำตัวเป็นเพื่อนกับคนอย่างแก คนนึงก็ลูกอีเมียน้อย คนนึงก็ลูกเศรษฐีตกอับส่วนอีกสามคนก็ลูกกาฝากไม่มีพ่อไม่มีแม่!”

         เพียะ!!!

         ใบหน้าของไอริสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงจากฝ่ามือของฉันที่ตบเข้าไปเต็มๆแก้มเธอ ไอริจับแก้มของตัวเองด้วยความตกใจ พอตั้งสติได้ยัยนั่นก็ทำท่าเหมือนว่าจะพุ่งตัวเข้ามาเอาเรื่องฉัน แต่ก่อนที่เธอจะเดินมาถึงตัวของฉัน ฉันก็ดันเป็นฝ่ายชิงเดินเข้าไปหาไอริก่อนทำให้เจ้าตัวถึงกับชะงัก 

         “เดินเข้ามาอีกสิฉันจะได้ตบแก้มเธออีกข้างให้มันได้บวมเท่าๆ กัน เข้ามาสิไอริ!” ฉันยืนจ้องหน้าไอริด้วยอารมณ์ที่โมโหสุดขีด ฉันรู้นะว่าไอริเป็นเด็กที่นิสัยเสียแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะนิสัยเสียได้มากขนาดที่ว่าดูถูกคนอื่นเขาไปทั่วแบบนี้

         “ไอริฉันว่าพวกเราแยกกันไปก่อนเถอะนะ ดูสิคนมองเต็มเลยนะแก”

         “ไม่! แกก็เห็นอยู่ว่ามันตบหน้าฉันแล้วจะให้ฉันจบง่ายๆงั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอก!”

         “โอ๊ย! งั้นก็เชิญแกยืนอยู่คนเดียวไปเถอะพวกฉันสองคนขอตัวก่อนล่ะ”

         “นี่พวกแกจะไปไหน!! นี่!!! อีพวกบ้าสองคนนี้นี่รอฉันด้วย!!!” พอเห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนของตัวเองเดินหนีไปไอริก็รีบวิ่งตามเพื่อนๆของเธอไปทันที

         แปะ แปะ แปะ

         โฮชิยืนปรบมือและยกนิ้วโป้งให้กับฉันหลังจากที่หมอนี่ยืนมองฉันกับไอริเล่นสงครามประสาทกันอยู่นานสองนาน

          “โคตรเท่เลยว่ะยูอิเธอปราบยัยเด็กนั่นซะอยู่หมัดเลยอ่ะ”

         “อย่าไปสนใจเลย รีบไปเรียนกันเถอะ”

         “จะว่าไปน้องเธอรุ่นเดียวกันกับฮารุใช่มั้ย”

         “อืม”

         “วุฒิภาวะต่างกันลิบลับเลยแฮะ ไอ้ฮารุดูเป็นผู้ใหญ่กว่ายัยเด็กนี่เยอะเลยจริงๆ”

         “อย่าเอาคนมีสมองกับคนไม่มีสมองไปเปรียบเทียบกันเลยโฮชิ”

         “ยูอิ...เธอนี่มันแรงเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย...เท่ว่ะ!เอาไปอีกสองนิ้วโป้ง!”

.

.

บ้านตระกูลอาคาชิ

         “กลับมาแล้วค่ะ”

         ยูอิที่เพิ่งกลับจากโรงเรียนเมื่อมาถึงบ้านเธอก็ได้มอง และเรียกหาผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งก็คือแม่ของเธอนั่นเอง เด็กสาวได้แต่มองไปรอบๆบ้านหลังเล็กที่ถูกสร้างอยู่ในมุมหลืบหลังบ้านของตระกูลอาคาชิ เธออาศัยอยู่กับแม่เพียงแค่สองคนในบ้านหลังเล็กที่ซอมซ่อนี้ตั้งแต่ที่คุณพ่อ และคุณปู่ของเธอเสียไป

         “แม่คะหนูกลับมาแล้ว....ไม่อยู่แฮะ...สงสัยจะออกไปข้างนอก”

         พอคิดได้ว่าแม่อาจจะออกไปข้างนอกเหมือนอย่างทุกครั้ง ฉันก็ไม่ได้แปลกใจอะไรแต่ในจังหวะที่ฉันกำลังจะเดินเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อเก็บกระเป๋า และเปลี่ยนชุดนักเรียน ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและเสียงร้องของผู้หญิงที่คุ้นหูที่ดังมาจากบ้านหลังใหญ่....นั่นมันเสียงแม่นี่

         ยูอิที่ได้ยินเสียงของแม่กำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานเธอก็รีบวิ่งออกจากบ้านหลังเล็กที่ทรุดโทรมมุ่งตรงไปที่บ้านหลังใหญ่นั้นด้วยความรีบร้อนในทันที 

         เมื่อยูอิวิ่งไปถึงเธอก็เห็นว่าแม่ของเธอนั้นกำลังถูกภรรยาอีกคนของคุณพ่อของเธอที่ชื่อว่าเอโกะกำลังตบตีแม่ของเธออย่างโหดร้ายทารุณ

         “หยุดนะ!”

         ฉันตะโกนบอกอีกฝ่ายที่กำลังจะใช้ฝ่ามือตบลงมาที่แม่ ทำให้อีกฝ่ายชะงักมือไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะฟาดมันลงมา ฉันรีบวิ่งเข้าไปประคองแม่ด้วยความเป็นห่วง

         “ค่อยๆลุกนะแม่”

         “ย..ยูอิ”

         “มาแล้วงั้นเหรอนังตัวดี!”

         “คุณแม่คะนังยูอิมันมาแล้วจัดการมันเลยค่ะ”

         “วันนี้แกตบหน้าลูกฉันใช่มั้ยนังเด็กชั้นต่ำ”

         “ใช่ ที่จริงอยากจะตบให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ”

         “นี่แก!”

         “ช่วยไม่ได้นี่คะลูกสาวของคุณอยากปากไม่ดีเอง”

         “งั้นฉันก็ช่วยไม่ได้เหมือนกันที่แม่ของแม่ต้องมารับกรรมในส่วนของแกอย่างเช่นวันนี้!”

         “คุณรู้ว่าตัวคุณเองไม่มีสิทธิสามารถทำอะไรฉันได้คุณก็เลยเอาไปลงที่แม่ใช่มั้ยล่ะคุณนี่มัน...นิสัยหมาลอบกัดจริงๆ” 

         “คุณแม่คะมันว่าคุณแม่เป็นหมา!”

         “อีนี่! ได้แกบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแกใช่มั้ยนังยูอิวันนี้แหละฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าฉันมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์!!”

ในจังหวะที่คุณนายเอโกะกำลังจะใช้ฝ่ามือนั้นฟาดลงมานี่หน้าฉัน ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปริศนาของหญิงสูงวัยดังขึ้นที่ด้านหลังของฉัน ฉันจำเสียงนี้ได้ดีเพราะมันคือเสียงที่คอยด่าทอฉันและแม่มาโดยตลอด...ใช่แล้วล่ะนี่คือเสียงของคุณท่าน...

         “พอได้แล้ว!!”

         “ค..คุณย่า!”

         “ค...คุณแม่!”

         “นี่มันเรื่องอะไร”

         พอทุกคนที่รู้ว่าเสียงปริศนานั้นคือใครทุกอย่างในบ้านหลังนี้ก็ถูกความเงียบครอบงำได้แต่นิ่งเงียบไม่มีใครปริปากพูด หรืออธิบายอะไรใดๆออกมาจนทำให้หญิงสูงวัยผู้นี้เริ่มหมดความอดทนเธอจึงตะโกนถามทุกคนตรงหน้าขึ้นอีกครั้ง

“ฉันถามว่านี่มันเรื่องอะไร!!”

         “เอ่อ..คุณ..คุณแม่คะคือว่า”

         “ฉันเคยบอกเธอกี่รอบแล้วเอโกะว่าอย่ามาสร้างความวุ่นวายในบ้านของฉัน แล้วนี่มันอะไร!ฉันไม่อยู่บ้านแค่วันครึ่งวันเธอก็สร้างความวุ่นวายให้บ้านฉันแล้วงั้นเหรอ!!”

         “คุณแม่คะแต่ว่าวันนี้น่ะนัง..เอ่อ ก็ยัยยูอิน่ะสิคะตบหน้ายัยไอริที่โรงเรียนหนูที่เป็นแม่จะไปยอมให้ลูกของตัวเองโดนทำร้ายได้ยังไงล่ะคะ”

         “เธอก็เลยลงไม้ลงมือกับนังผู้หญิงคนนี้แทนงั้นสิ?”

         “ม..ไม่ใช่นะคะคุณแม่ คือ คือว่าหนูแค่จะสั่งสอนยัยยูอินิดหน่อยค่ะแต่ใครจะไปรู้ว่ายามิจะเข้ามารับแทน...ก็เท่านั้นเองค่ะ..”

         “โกหก!คุณตั้งใจทำร้ายแม่ชัดๆยังจะมีหน้ามาโกหกอีก”

         “ยูอิ!”

         คุณท่านหันมาตะคอกใส่ฉันก่อนที่ท่านจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าและมองฉันด้วยสายตาที่เย็นชาเหมือนในทุกๆครั้งที่เขามักจะมองฉันแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก

         “เธอตบหน้าไอริจริงหรือเปล่า”

         “จริงค่ะ”

         “งั้นเหรอ”

         เพี้ยะ! ! !

         ทันทีที่คุณท่านฟาดฝ่ามือนั้นลงมาใบหน้าของฉันก็หันไปตามแรงส่งจากฝ่ามือของคุณท่าน ทั้งคุณนายเอโกะและไอริที่เห็นว่าฉันถูกคุณท่านตบทั้งสองคนก็ยืนยิ้มร่าอย่างสะใจ

         “ยูอิ!” แม่ที่เห็นว่าฉันถูกคุณท่านตบก็รีบวิ่งเข้ามากอดและยกมือไหว้ขอโทษคุณท่านทั้งน้ำตา

         “ฉันบอกแกกี่รอบแล้วว่าตราบใดที่ยังใช้นามสกุลอาคาชิอยู่อย่าก่อเรื่องทำให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้าห้ะ!!”

         “ขอโทษค่ะคุณท่านที่หลังดิฉันจะกำชับยูอิให้ดีค่ะ ขอโทษนะคะขอโทษค่ะ” แม่ที่กำลังทำท่าจะก้มลงกราบแทบเท้าคุณท่านเพื่อขอร้องไม่ให้คุณท่านทำร้ายร่างกายหรือจิตใจของฉันอีก นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่แม่ต้องมาก้มหัวกราบเท้าคนในบ้านหลังนี้เพราะฉัน...

         “แม่..พอเถอะ” ฉันที่ไม่สามารถทนเห็นแม่ที่จะต้องก้มหัวกราบคนอื่นได้อีกต่อไปก็ได้รีบคว้าแขนให้แม่ลุกขึ้นโดยที่แม่ไม่ทันได้ตั้งตัว

         “ยูอินี่ลูกจะทำอะไร!”

         “ครั้งนี้เราไม่ผิด เราไม่ควรที่จะต้องมาก้มหัวกราบใครทั้งนั้น”

         “นี่แก..”

         “ที่หนูตบไอริในวันนี้ เพราะไอริเอาเรื่องของแม่ไปพูดที่โรงเรียนเธอทำกิริยามารยาทที่ไม่ดีใส่เพื่อนของหนู ทั้งดูถูกเหยียดหยามและไม่เกียรติมันผิดเหรอคะที่หนูจะปกป้องแม่ตัวเองและเพื่อนของหนู”

         “ไม่จริงนะคะคุณย่ายูอิมันโกหก!”

         “ไอริหยุดเดี๋ยวนี้”

         “คุณย่าต้องเชื่อไอรินะคะ ไอริ...”

         “ฉันบอกให้แกหยุด!!”

         หญิงสูงวัยหันไปตะคอกใส่ไอริด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนักก่อนที่เธอจะหันมาหาสองแม่ลูกที่ยืนประคองกันอยู่ เธอมองทั้งสองอีกครั้งก่อนที่จะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ก็สุขุมเยือกเย็นราวกับคนไม่มีหัวใจ

         “ส่วนเธอทั้งสองคนออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว เรื่องในวันนี้ฉันจะไม่เอาผิด ออกไปซะ”

         ฉันกับแม่โค้งขอบคุณให้กับคุณท่านแล้วค่อยๆประคองนำแม่ออกมา ฉันกับแม่เดินออกจากบ้านอาคาชิมาได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้เจอเข้ากับคุณอาโทจิน้องชายเพียงคนเดียวของคุณพ่อเข้าพอดี คุณอาที่เห็นว่าฉันกำลังประคับประคองร่างของแม่อยู่คุณอาก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองแม่ด้วยความตกใจพร้อมกับยิงคำถามใส่ฉันทันที

         “เกิดอะไรขึ้นยูอิทำไมพี่ยามิถึงได้กลายเป็นแบบนี้”

         “หนูขอพาแม่ไปพักที่บ้านก่อนได้มั้ยคะแล้วหนูจะเล่าทุกอย่างให้คุณอาฟัง”

         “โอเคๆ”

         ฉันกับคุณอาโทจิรีบช่วยกันพาคุณแม่กลับไปยังที่บ้าน เมื่อมาถึงบ้านฉันก็จัดการทำความสะอาดร่างกายรวมทั้งทายาตามรอยฟกช้ำบนตัวของแม่

         “ยูอิ..แม่ขอโทษนะ”

         “แม่จะขอโทษหนูเรื่องอะไรแม่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

         “ถ้าแม่ตัดสินใจพาลูกหนีไปซะตั้งแต่ตอนนั้นลูกก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องอะไรพวกนี้”

         “แม่คะ เรื่องมันผ่านมาแล้วแล้วเราก็คุยกันแล้วว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีกไม่ใช่เหรอ”

         “แต่แม่....”

         “แม่คะ” ฉันจับมือของแม่ยกขึ้นมาแนบไว้ที่ข้างแก้ม แม่ที่เห็นฉันทำท่าทางแบบนั้นใส่ท่านก็ได้แต่นิ่งเงียบและมองฉันด้วยแววตาที่แสนเศร้าพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้น

         “แม่เลิกโทษตัวเองได้แล้วนะมันไม่ใช่ความผิดของแม่เลย เรื่องในวันนี้น่ะหนูผิดเองที่จัดการกับอารมรณ์ของตัวเองได้ไม่ดีจนทำให้แม่ต้องเดือดร้อนไปด้วยหนูขอโทษนะ เพราะงั้นแม่อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะคะ”

         “ยูอิ..”

         เพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศฉันจึงเลี่ยงที่จะพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่อด้วยข่าวดีที่ฉันตั้งใจที่จะบอกแม่เมื่อตอนเย็นก่อนที่จะเกิดเรื่อง

         “อ่อ! จริงสิหนูมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ”

         “หื้ม? ข่าวดี”

         “แม่จำได้มั้ยที่หนูเคยบอกแม่ว่าหนูกับเพื่อนๆจะไปแข่งดนตรีกันอีกสามเดือนข้างหน้านู้นน่ะ”

         “งานนั้นน่ะเหรอ”

         “อ่าหะ แม่รู้มั้ยว่าเขาเลื่อนการแข่งขันเข้ามาเป็นเดือนหน้าแล้วนะ”

         “จริงเหรอลูก”

         “จริงสิ”

         “งั้นแม่ก็ขอพรให้ลูกชนะการแข่งขันนะยูอิ”

         “เดี๋ยวสิ แม่จะรีบอวยพรให้หนูไปไหนหนูไปแข่งกันตั้งเดือนหน้าเชียวนะค่อยอวยพรในวันที่หนูไปแข่งก็ยังได้ด้วยซ้ำ”

         “แม่แค่กลัว..กลัวว่าสักวันแม่จะไม่ได้อยู่บอกลูก”

         “แม่...”

         “อ..อ้อเปล่าหรอกจ้ะ แม่แค่กลัวว่าวันนั้นแม่อาจจะติดธุระหรือไม่ว่างที่จะบอกลูกน่ะ ว่าแต่คุณโทจิเขารอลูกอยู่ไม่ใช่เหรอยูอิ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานแบบนี้เสียมารยาทนะลูก”

         “จริงสิหนูลืมไปเลย ถ้างั้นหนูออกไปคุยกับคุณอาโทจิก่อนนะคะ”

         “จ้ะ”

         แค่กๆ

         ฉันที่หันหลังกลับและกำลังจะเดินออกไปก็ได้ยินแม่ส่งเสียงไออย่างรุนแรง เมื่อฉันหันกลับไปมองก็พบว่าสิ่งที่ออกมาพร้อมกับเสียงไอของแม่เมื่อครู่นี้มันคือของเหลวสีแดงหรือที่เราเรียกกันว่าเลือดนั่นเอง...

         “แม่!”

-จบตอนที่2-

*โปรดติดตามตอนต่อไป*