จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน,อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้องจะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?
*นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพียงเท่านั้น ตัวละคร ชื่อสถานที่ต่างๆเป็นเพียงแค่นามสมมติไม่มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*
ขอฝากนิยายเรื่องแรกของไรท์ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม กดถูกใจ และเพิ่มนิยายเข้าชั้นหนังสือเพื่อเป็นกำลังใจในการอัพเดตแก่นักเขียนกันนะคะ
-อัพเดตทุกวัน อ,พ,พฤ,ส,อา-
.
.
*นักอ่านสามารถติดตามการอัพเดตนิยายก่อนใครได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ*
TIKTOK: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์
FB: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์
“แม่!!”
ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาแม่และรีบหันไปหยิบกระดาษทิชชูที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะของหัวเตียง ฉันรีบซับริมฝีปากของแม่ที่ตอนนี้กำลังเปรอะไปด้วยเลือดและของเหลวต่างๆ แม่ยังคงมีอาการไออย่างต่อเนื่องและรุนแรงโดยไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาเบาลงเลยสักนิด
“แค่กๆ!”
“แม่หนูว่าเราไปหาหมอกันเถอะนะ แม่ไอจนเป็นเลือดขนาดนี้มันไม่ปกติแล้วนะคะแม่”
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอก แม่แค่รู้สึกคอแห้งมากไปหน่อยเลยไอออกมาแล้วเลือดติดมาด้วยน่ะ เดี๋ยวแม่จิบน้ำอุ่นๆ สักหน่อยก็คงจะดีขึ้นแล้วลูก”
“แม่...หนูขอร้องล่ะไปหาหมอเถอะนะ”
“ยูอิ..แม่ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
“แต่ก็ไปหาหมอตรวจดูสักหน่อยก็ได้นี่คะ”
“นี่ลูกไม่เชื่อแม่เหรอ...แม่ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
“แต่....”
“เดี๋ยวแม่กินยาแล้วนอนพักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้นแล้ว ลูกไม่ต้องคิดมากนะเข้าใจมั้ย”
“ถ้างั้นแม่เอายาไว้ตรงไหนคะหนูจะได้ไปเตรียมยามาให้แม่ แม่จะได้ทานยาแล้วก็พักผ่อน”
“ม..ไม่...ไม่ต้องหรอกยูอิ เดี๋ยวแม่จัดการเองลูกรีบออกไปหาคุณโทจิเถอะนะ”
ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้นแต่แม่ยังพยายามที่จะดันให้ตัวของฉันลุกขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยืนแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่เพื่อความสบายใจของแม่ฉันจึงยอมและลุกออกมาจากห้องของแม่แต่โดยดี
ทันทีที่เดินออกมาจากบ้านฉันจึงรีบเดินไปพบคุณอาโทจิที่ตอนนี้กำลังนั่งรอฉันอยู่ที่สวนย่อมเล็กของบ้านอาคาชิ
เมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นว่าลูกสาวของตัวเองได้เดินออกจากบ้านไปแล้วเธอจึงทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง และปล่อยโฮออกมาทันที....
เธอยังคงนั่งร้องไห้อย่างตัวโยนอยู่อย่างนั้น...พร้อมกับดวงตาที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา และในจังหวะเดียวกันสายตาคู่นั้นกำลังจ้องมองลงไปยังถุงพลาสติกที่ระบุชื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่เธอนั้นกำลังถือเอาไว้ในมือของตัวเอง ภายในถุงพลาสติกสีขาวนั้นก็ถูกบรรจุเต็มไปด้วยยารักษาโรคร้ายที่เธอเองก็เพิ่งจะทราบด้วยเหมือนกันในวันนี้.....
‘นี่คือผลการตรวจและผลการทำ CT-Scan ของคนไข้นะครับ’
บุรุษหนุ่มที่อยู่ในชุดของเสื้อกาวน์สีขาวนั้นได้ยื่นแผ่นฟิล์มและกระดาษผลการตรวจให้กับแม่ของยูอิหลังจากที่เธอนั้นสงสัยถึงอาการเจ็บป่วยเรื้อรังของตัวเองมาอย่างยาวนาน
‘นี่มัน...คืออะไรเหรอคะคุณหมอ’
‘หลังจากที่หมอได้ทำการตรวจร่างกายของคนไข้อย่างถี่ถ้วนนั้นพบว่าคนไข้เป็นมะเร็งปอดระยะที่4 หรือ ระยะสุดท้ายนั่นเองครับ’
‘ม... มะเร็งเหรอคะ’
‘ครับ หากคนไข้ได้เข้ารับการรักษาและการบำบัดทางเคมีตั้งแต่ตอนนี้คนไข้ก็จะสามารถยืดระยะเวลาชีวิตออกไปได้อีกครับ หากคนไข้ต้องการรับการรักษาก็สามารถแจ้งกับหมอได้เลยนะครับเดี๋ยวทางโรงพยาบาลจะได้ทำการติดต่อเพื่อแจ้งไปยังญาติของคนไข้ให้เองครับ’
‘ไม่ค่ะ...ฉันขอปฏิเสธการเข้ารับการรักษาค่ะ’
‘หากคนไข้ปฏิเสธร่างกายคนไข้อาจจะมีโรคอื่นๆ เข้ามาแทรกซ้อนได้นะครับ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นคนไข้จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 2 เดือนนะครับหรืออาจจะน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ”
‘ค่ะ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ขอปฏิเสธการรักษาค่ะ’
“คนไข้ไม่ลองคิดดูสักหน่อยเหรอครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะที่4 แต่มันก็สามารถรักษาเพื่อยืดเวลาชีวิตออกไปได้อีกนะครับ ถ้าหากร่างกายของคนไข้ตอบสนองกับเคมีบำบัดได้ดีและได้รับกำลังดีๆ จากคนรอบข้าง’
บุรุษหนุ่มผู้เป็นหมอพยายามอธิบายและเกลี้ยกล่อมเพื่อหวังว่าคนไข้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานั้นอาจจะเปลี่ยนใจ แต่คำตอบที่บุรุษแพทย์คนนี้ได้รับคือการส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธข้อเสนอของเขาอีกครั้ง
‘โอเคครับในเมื่อคนไข้ตัดสินใจที่จะเลือกทางนี้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหมอจะจัดยาให้คนไข้ทานเพื่อระงับอาการไม่ให้มันรุนแรงมากขึ้นนะครับ’
‘ขอบคุณค่ะคุณหมอ’
หญิงวัยกลางคนที่กำลังนึกย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดของตัวเองที่ได้ตัดสินใจเลือกปฏิเสธการรักษาโรคร้ายนั้น เพราะเธอเชื่อว่าหากเธอได้ตายไปจากโลกนี้เธอจะสามารถทำให้ชีวิตลูกสาวของตนนั้นได้หลุดพ้น และเป็นอิสระสักที
“แม่ขอโทษนะยูอิ..แม่ขอโทษ...ฮือๆ”
.
.
สองสัปดาห์ต่อมา
ใจกลางเมืองคิโกเซน
“ฮัลโหลฮารุ...ร้านที่นายเอาไม้กลองไปซ่อมน่ะมันอยู่ตรงแถวไหนนะ”
[ร้านมันอยู่ในซอยงาคาตะพี่เร็นต้องเดินจากหน้าซอยเข้าไปสัก 4 เมตรแล้วเลี้ยวขวาพี่ก็จะเจอเข้ากับร้านที่มีกลองชุดสีแดงเก่าๆ ตั้งอยู่ที่หน้าร้าน นั่นแหละร้านที่ผมเอาไม้กลองไปซ่อมล่ะ]
“โอเค พี่เดินมาถึงซอยงาคาตะแล้วนายถือสายรอพี่แป๊ปนะ”
[ได้ฮะ]
เร็นเดินไปตามเส้นทางที่ถามจากฮารุเขาเดินเข้าไปในซอยเรื่อยๆ จนได้เจอเข้ากับร้านรับซ่อมอุปกรณ์ดนตรีแห่งหนึ่งที่มีกลองชุดสีแดงเก่าๆ ถูกตั้งเอาไว้ที่หน้าร้านทำให้ร้านนั้นดูมีกลิ่นอายที่คลาสสิค เมื่อเจ้าตัวได้รู้แล้วว่ามาถูกร้านเร็นจึงเดินเข้าไปจับที่กลอนลูกบิดของประตูร้านและหมุนมัน แต่ทว่า...
กึกๆ
เมื่อเจ้าตัวที่รู้ว่าลูกบิดนั้นถูกล็อคจากด้านในเร็นจึงถอยหลังออกมาและใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของเร็นจะไปสะดุดเข้ากับป้ายแผ่นหนึ่งที่ถูกตั้งวางเอาไว้อยู่ข้างกลองชุดสีแดงโดยที่ในป้ายมีคำที่ถูกระบุเอาไว้ว่านั้นว่า...CLOSE ปิด
“ฮารุ ดูเหมือนว่าร้านจะปิดนะ”
[จริงด้วย ผมลืมบอกพี่ไปเลยว่าร้านนั้นมันเปิดตอนช่วงบ่ายสองโมงอ่ะ โทษทีนะพี่เร็น”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่อยู่รอจนกว่าร้านจะเปิดให้นายก็ได้ นี่มันก็ใกล้จะบ่ายโมงแล้วด้วย”
[ไม่เป็นไรหรอกพี่เร็น ไว้เดี๋ยวผมแวะไปเอาที่ร้านนั้นเองก็ได้ฮะ พี่รีบกลับมาซ้อมเถอะตอนนี้พี่ยูอิมาถึงแล้วนะ]
“แล้วนายมีไม้กลองใช้เล่นเหรอ”
[มีสิผมซื้อมาใหม่แล้ว]
“อ้าว...แล้วนายจะเอาไม้ที่มันพังแล้วมาซ่อมทำไมวะฮารุ (-_-) ”
[ก็ไม้คู่นั้นมันเป็นของสำคัญของผมนี่นา พวกพี่อุตส่าห์ซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิดทั้งที...ไม่ชอบคุยเรื่องอะไรที่มันซึ้งๆ เลย (-_-+) พี่น่ะรีบกลับมาได้แล้ว]
ฮารุที่กำลังจะวางสาย และเร็นที่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงได้เอ่ยเรียกชื่อของฮารุได้ทันก่อนที่อีกฝ่ายนั้นจะกดวาง
“เดี๋ยวก่อนฮารุ”
[ห๊ะ]
“วันนี้เรียวมันได้มาด้วยหรือเปล่า”
[ไม่มาอ่ะ พี่ยูอิกับพี่โฮชิโทรหาก็ไม่รับสาย เออพี่จะว่าไปตั้งแต่ที่พวกเราขึ้นแสดงโชว์ที่งานเทศกาลของโรงเรียนเมื่อตอนนั้น พักหลังมานี้พี่เรียวก็ไม่ค่อยได้มาซ้อมกับพวกเราเลยทั้งๆ ที่ตัวพี่เขาเองก็รู้ว่าจะต้องไปแข่งในเดือนหน้านี้แล้ว]
“ช่างมันเถอะ ถ้ามันไม่อยากมาซ้อมก็เรื่องของมันถึงวันแข่งจริงก็ตัดรายชื่อมันออกก็แค่นั้น”
[พี่ยูอิจะยอมเหรอ]
“นั่นสินะ”
[จะยังไงก็ช่างตอนเถอะ แต่ตอนนี้พี่รีบกลับมาสักทีเหอะพี่โฮชินั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วเนี่ย // ไอ้เร็นนนน!!! รีบกลับมาสักทีโว๊ย!!! (เสียงของโฮชิที่ดังแทรกเข้ามาในสาย) งั้นระหว่างที่พวกเรารอพี่เดี๋ยวผมกับพี่เซย์จะเซตวงไว้รอพี่เลยละกัน]
“เออๆ งั้นแค่นี้แหละไว้เจอกัน”
เร็นที่กดวางสายจากฮารุเรียบร้อยแล้วนั้นกำลังจะเดินกลับไปยังสถานีรถไฟแต่สายตาของเขาก็พลันไปเห็นใครสักคนที่เพิ่งเดินออกมาจากตึกที่สูงตระหง่านที่เป็นฝันของใครหลายๆ คนที่อยากจะมาเป็นศิลปินของตึกนี้อย่างค่าย TBE หรือก็คือ The Black Entertainment เร็นที่ยืนหลบอยู่ในมุมสายตาของเขาก็กำลังจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่ดูคุ้นตากำลังยืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่
แต่ในจังหวะนั้นเองชายหนุ่มคนนั้นก็ได้หันหน้ากลับมาจึงทำให้เร็นเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน และสิ่งที่เร็นกำลังสงสัยก็ได้ถูกเฉลยออกมาแล้วว่าผู้ชายที่ดูคุ้นตาคนนี้คือ...
“ไอ้เรียว”
เร็นที่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นคือเรียวเพื่อนของเขา เร็นจึงแอบสะกดรอยตามเรียวไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านงาคาตะอย่างเงียบๆ การที่เร็นต้องแอบสะกดรอยตามเรียวมาแบบนี้ เพราะเขากำลังรู้สึกสงสัยว่าเรียวมาทำอะไรที่ TBE เพราะสาเหตุนี้รึเปล่าที่ทำให้เรียวเริ่มตีตัวออกห่างจากเพื่อนๆ ทุกคน
เร็นที่แอบตามเรียวมาได้สำเร็จเขาพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับผู้คนภายในร้านอาหารแห่งนี้ให้แนบเนียนที่สุด เร็นได้เลือกนั่งที่โต๊ะอาหารที่ห่างจากโต๊ะของเรียวถัดมาประมาณ 3 โต๊ะ ไม่นานนักก็ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับผู้ติดตามของเขาอีกหนึ่งคน
พวกเขาได้เดินไปยังโต๊ะของเรียว เมื่อเรียวเห็นการปรากฏตัวของชายผู้นี้เขาก็ได้ลุกขึ้นและกล่าวคำทักทายตามมารยาท และพวกเขาทั้งสองคนก็เริ่มพูดคุยกัน
“สวัสดีครับท่านประธาน”
“สวัสดี ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างล่ะการฝึกซ้อมโอเคดีมั้ย”
“เรียบร้อยดีครับท่านประธาน”
“อืม ดีแล้วล่ะเพราะจากการฝึกซ้อมที่หนักแน่นของเธอมันทำให้ฉันได้เห็นถึงความพยายามาว่าเธอจะสามารถไปได้ด้วยดีในเส้นทางของการเป็นศิลปิน เพราะงั้นฉันเลยอยากจะให้เธอได้ลองขึ้นไปแสดงบนเวทีเป็นครั้งแรกในฐานะศิลปินหน้าใหม่ของค่าย TBE”
“จ...จริงเหรอครับท่านประธาน!”
“จริงสิ แล้วถ้าหากเธอได้รับผลตอบรับที่ดีเกินความคาดหมายฉันก็จะประกาศเปิดตัวเธออย่างเป็นทางการภายในปีนี้เลย...ดีมั้ยล่ะ”
“ครับท่านประธาน”
“เพราะงั้นทำให้เต็มที่ล่ะ”
“ท่านประธานพอจะบอกให้ผมทราบได้มั้ยครับ ว่าเวทีที่จะให้ผมไปแสดงมันคืองานอะไรเหรอครับ”
“ไม่ใช่งานอะไรใหญ่โตนักหรอกก็แค่งานแข่งขันการประกวดวงดนตรี Music X ที่ทางค่าย TBE เป็นผู้จัดนั่นแหละ”
“อ...อะ...อะไรนะครับ!”
“ทำไม เธอไม่อยากขึ้นงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ...ไม่มีอะไรครับ”
“งั้นก็ดี เรื่องที่ฉันจะคุยกับเธอในวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ อ่อ แล้วก็ขอโทษที่ต้องโทรนัดเธอออกมาคุยที่ร้านอาหารแบบนี้นะ”
“ครับ”
“ตั้งใจซ้อมเข้าล่ะ โอชิมะ เรียว”
ชายวัยกลางคนที่ดูสุขุมดูดีมีฐานะคนนั้นได้ลุกขึ้นยืน และตบบ่าของเรียวเบาๆ ก่อนที่เขากับผู้ติดตามของเขานั้นจะแยกตัวออกไปจากร้านอาหาร
ที่โต๊ะอาหารเหลือเพียงแค่เรียวเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่ไม่ลุกไปไหน เร็นที่นั่งมองดูอยู่ห่างๆ ก็กำลังข่มใจและอารมณ์ของตัวเองเอาไว้..ใช่เขาได้ยินหมดทุกอย่างแล้ว...
พอระงับความขุ่นเคืองในใจได้เรียบร้อยแล้วเร็นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดโทรหาใครสักคน ไม่นานปลายสายนั้นก็รับสายของเขา...และปลายสายที่รับนั้นก็คือเรียว...
[ฮัลโหล ว่าไงเร็น]
“ตอนนี้นายอยู่ไหน”
[ฮะ...อ๋อ พอดีฉันออกมาทำธุระกับแม่น่ะมีอะไรรึเปล่า]
“เปล่าหรอกเห็นยูอิบอกว่าติดต่อนายไม่ได้ ฉันก็เลยลองโทรหานายดู”
[สงสัยฉันคงจะปิดเสียงไว้อ่ะ ก็เลยไม่ได้ยินฝากขอโทษยูอิทีนะ]
“อืม ว่าแต่วันนี้พวกเรามีซ้อมกันนายจะมาด้วยมั้ย”
[โทษทีนะวันนี้ฉันไม่ค่อยสะดวกน่ะ]
“พักหลังมานี้นายไม่ค่อยมาซ้อมเลยแฮะ ไม่ได้มีอะไรปิดบังพวกเราอยู่ใช่รึเปล่า”
[บ้าน่า ฉันจะมีอะไรไปปิดบังพวกแกวะเอาเป็นว่าฉันจะพยายามหาเวลาว่างไปซ้อมกับพวกนายนะเร็น]
“เออ หวังว่านายคงจะไม่ลืมสัญญาที่เคยพูดไว้กับยูอิหรอกนะ”
[สำหรับยูอิฉันไม่มีทางลืมหรอกไม่ต้องห่วง]
“ก็ดี ไว้เจอกัน”
[บายเร็น]
หลังจากที่วางสายจากเรียว เร็นก็รีบปลีกตัวออกมาจากร้านอาหารนั้นทันทีเขารีบมุ่งตรงไปยังสถานี่รถไฟเพื่อเดินทางกลับไปยังสถานที่ที่ซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆ ที่เขาได้นัดเอาไว้
“หวังว่านายจะเป็นคนบอกเธอเรื่องนี้ด้วยตัวของนายเองนะเรียว”
-จบตอนที่3-
*โปรดติดตามตอนต่อไป*