จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน,อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้องจะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?
*นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพียงเท่านั้น ตัวละคร ชื่อสถานที่ต่างๆเป็นเพียงแค่นามสมมติไม่มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*
ขอฝากนิยายเรื่องแรกของไรท์ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม กดถูกใจ และเพิ่มนิยายเข้าชั้นหนังสือเพื่อเป็นกำลังใจในการอัพเดตแก่นักเขียนกันนะคะ
-อัพเดตทุกวัน อ,พ,พฤ,ส,อา-
.
.
*นักอ่านสามารถติดตามการอัพเดตนิยายก่อนใครได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ*
TIKTOK: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์
FB: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์
1 เดือนต่อมา
ในที่สุดวันแห่งการรอคอยนั้นก็มาถึง...ยูอิ เร็น เซย์จิ โฮชิ และฮารุที่เพิ่งจะมาถึงงาน Music X ต่างพากันรู้สึกประหม่าเล็กน้อยอย่างที่พวกเขาไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะภายในงานนี้นอกจากจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากวงต่างๆที่มากความสามารถแล้วพวกเขายังจะต้องทำการแสดงต่อหน้าสื่อสาธารณชน และศิลปินชื่อดังจากค่ายต่างๆที่ได้รับเชิญให้มาเป็นกรรมการในครั้งนี้อีกด้วย โดยงานแข่งขันในวันนี้จะถูกไลฟ์สดโดยช่องทีวีของค่าย The Black Entertainment และช่องต่างๆอีกมากมาย
“พี่เซย์จิ...ผมรู้สึกคลื่นไส้อ่ะ”
“เฮ้ยๆ ไอ้ฮารุจะป่วยไม่ได้นะเว้ย”
โฮชิที่ได้ยินฮารุพูดเช่นนั้นก็วิ่งรีบเข้ามาแล้วเอาหลังมือของตัวเองอังหน้าผากของน้องเล็กสุดในวงอย่างฮารุเพื่อทำการเช็คดูว่าหมอนี่นั้นมีไข้รึเปล่า
“ฮารุไม่ได้เป็นอะไรหรอก หมอนี่แค่รู้สึกตื่นเต้นไปหน่อยจนอยากจะอาเจียนก็แค่นั้นแหละ”
เซย์จิผู้ที่เป็นพี่ชายร่วมสายเลือดเดียวกันกับฮารุก็ได้อธิบายถึงอาการที่ฮารุกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ให้เพื่อนๆได้เข้าใจ
“พวกพี่ไม่ต้องห่วงผมนะ ผ่านไปสักพักมันก็จะค่อยๆดีขึ้นไม่มีผลกระทบกับการแข่งแน่นอนเชื่อใจผมได้เลย”
“ลูกอมหน่อยมั้ยนายจะได้รู้สึกดีขึ้น” ยูอิพูดขึ้นพร้อมกับหยิบกระปุกลูกอมสีฟ้าในกระเป๋าสะพายสีดำที่เธอมักจะพกติดตัวอยู่ตลอดนั้นส่งให้กับฮารุ
“ขอบคุณครับพี่ยูอิ”
“ฉันว่าพวกเรารีบไปลงทะเบียนรายงานตัวกันเถอะ พวกเราจะได้มีเวลาวางแผนกันก่อนขึ้นแสดง”
เร็นที่ยืนมองดูเพื่อนๆในวงของตัวเองอยู่นั้นก็ได้พูดขึ้น ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ในขณะที่ทั้งห้าคนกำลังเดินไปยังจุดที่ลงทะเบียนของผู้เข้าแข่งขัน ฮารุก็ได้พูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“พี่...แล้วพี่เรียวล่ะ พวกเราต้องรอพี่เรียวไปลงทะเบียนพร้อมกันด้วยรึเปล่า”
“จริงสิในเอกสารการแข่งขันเองก็กำชับไว้ด้วยว่าต้องลงทะเบียนตามรายชื่อที่ถูกส่งเข้ามา หากลงทะเบียนไม่ครบจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันในทันที” เซย์จิพูดเสริมขึ้นด้วยอีกคน
“ฉิบหายล่ะแล้วไอ้เรียวมันไปมัวแต่ทำอะไรอยู่วะทำไมไม่โผล่หัวมาสักที” โฮชิเริ่มสบถขึ้นด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
“เร็น” ยูอิหันไปหาเร็นที่ในตอนนี้เจ้าตัวเองก็กำลังมองมาทางเธอเช่นเดียวกัน
“ว่าไง” เร็นตอบยูอิด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และนิ่งสงบเหมือนกับว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของเพื่อนอย่างเรียวเลยสักนิด
“เราไปถามทีมงานที่จุดรับลงทะเบียนกันดีกว่ามั้ย”
“เธอไม่อยู่รอไอ้เรียวมันก่อนเหรอยูอิ”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะรอนะ...แต่พักหลังมานี้ฉันรู้สึกว่าเรียวดูแปลกไปเขาดูห่างเหินจากพวกเรา”
“หึ! เธอรู้สึกถูกแล้วล่ะ”
“หือ?”
“ไปกันเถอะ ไปถามทีมงานกัน”
เมื่อเจ้าตัวพูดจบเร็นก็รีบเดินนำฉันออกไปในทันที ทำให้ฉันที่ตัวเล็กและขาสั้นกว่าเขาต้องรีบวิ่งตามไป
.
.
“หากไม่มีการลงทะเบียนตามรายชื่อที่ถูกส่งเข้ามาก็จะถูกตัดสิทธิ์ทันทีตามกฎระเบียบที่ทางทีมงานได้แจ้งไปเลยครับ”
“แล้วถ้าเราลงทะเบียนกันไปก่อน แล้วให้เพื่อนที่กำลังเดินทางมา ตามมาลงที่หลังได้มั้ยคะ”
“ขอโทษจริงๆครับทางเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ครับ รบกวนผู้เข้าแข่งขันรอจนกว่าสมาชิกในทีมของตัวเองครบก่อน แล้วจึงมาลงทะเบียนนะครับ อ่อ คุณอาจจะลืมอะไรไปกัน....จุดรับลงทะเบียนจะเปิดถึงเพียงแค่บ่ายสามโมงนะครับ”
“บ่ายสาม!”
“แต่ในใบแจ้งบอกไว้ว่าเปิดถึงสี่โมงนี่ครับ”
“ต้องขออภัยที่ทางทีมงานไม่ได้แจ้งเพิ่มเติมนะครับ แต่ว่าทางเราต้องรีบกระชับเวลาการแข่งขันให้ไวขึ้นเพราะในวันนี้จะมีการเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ของค่าย TBE ครับ”
“ศิลปินหน้าใหม่งั้นเหรอ...”
เร็นกัดฟันกรอดพร้อมกำมือแน่นเมื่อนึกถึงวันที่เขาได้ตามเรียวเข้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อเดือนก่อน
ยังไม่ทันที่ทีมงานจะได้อธิบายจบเร็นก็ได้คว้าข้อมือและรีบดึงยูอิให้เดินออกมาจากจุดลงทะเบียนนั้นทันที
“เร็น!! เดี๋ยวก่อนสิ เร็น!”
เร็นและยูอิเดินกลับมายังจุดที่เพื่อนๆของพวกเขารออยู่ เร็นมองดูสภาพเพื่อนๆแต่ละคนของตัวเองในตอนนี้ ที่ต่างคนต่างแบกอุปกรณ์ดนตรีส่วนตัวกันมาอย่างทุลักทุเล รวมทั้งสภาพอิดโรยที่ไม่ได้หลับได้นอนจากการซ้อมอย่างหนักมาหลายคืนเพื่อมาทำตามฝันในวันนี้ ด้วยหัวใจที่รู้สึกเจ็บปวดกับภาพตรงหน้าของเขา
ทุกคนในวงที่ไม่รู้เรื่องอะไรนั้นต่างมองกลับมาที่เร็นด้วยสีหน้าที่สงสัย
“เร็น...มีอะไรรึเปล่าทำไมถึงรีบพาฉันออกมาทั้งๆ ที่เรายังฟังทีมงานพูดไม่ทันจะ....”
“มันจบแล้วยูอิ...มันจบแล้ว”
“น..นาย...นายกำลังพูดอะไรออกมาน่ะ”
“พวกเรา...ไม่สามารถขึ้นแข่งขันกันได้แล้วล่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นเร็น” เซย์จิที่ยืนฟังอยู่เงียบๆก็ได้เอ่ยปากถามขึ้นถึงสิ่งที่เร็นได้พูดออกมา
“มันหมายความยังไงเร็น สิ่งที่นายพูดออกมามันหมายความว่ายังไงทำไมพวกเราถึงขึ้นแข่งไม่ได้”
เร็นไม่ตอบอะไรเขาเพียงแค่ขยับตัวเข้ามาใกล้ยูอิ เร็นจับไหล่เล็กทั้งสองข้างของยูอิก่อนที่เขานั้นจะจ้องมองเข้าไปยังดวงตาคู่สวยสีม่วงอ่อนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ เร็นถอนหายใจออกมาเบาๆเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ไม่ให้มันขุ่นเคืองที่เขากำลังเป็นอยู่
“เธอฟังฉันให้ดีนะยูอิ ตั้งใจฟังฉันให้ดี...พวกนายที่เหลือก็ด้วย” เร็นพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองเพื่อนร่วมวงอีกสามคนที่เหลือ ที่กำลังยืนมองเร็นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่ทั้งสามคนจะพากันพยักหน้าตอบตกลง
“เหตุผลที่เราไม่สามารถขึ้นแข่งได้เพราะสมาชิกเรา...ไม่ครบ”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยเราก็แค่รอเรียวอีกแค่นิดเดียวก็ได้นี่”
“หมอนั่นมันจะไม่มา....ไม่มาอีกแล้ว”
“...........”
“วันนั้นฉันได้เข้าไปทำธุระที่ใจกลางเมือง” เร็นเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่เขาได้บังเอิญพบเข้ากับชายปริศนาที่ท่าทางนั้นคล้ายกับหนึ่งในสมาชิกในวงของตัวเอง ก่อนที่จะได้รู้ว่าชายปริศนาผู้นั้นก็คือเรียว เร็นจึงเล่าต่อถึงเหตุการณ์ในร้านอาหารหลังจากที่เขาได้แอบตามเรียวเข้าไปจนได้รู้ถึงเรื่องที่เรียวจะได้ขึ้นแสดงที่งานนี้ในฐานะศิลปินหน้าใหม่
ยูอิ เซย์จิ โฮชิ และฮารุต่างตกใจกับสิ่งที่เร็นได้เล่าออกมา ยูอิที่ดูช็อคกว่าทุกคนในวงถึงกับเงียบ และพูดอะไรไม่ถูกทำได้เพียงแค่ส่งเสียงเรียกชื่อของเรียวเพียงเท่านั้น
“ร...เรียว”
“พี่เร็นมันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะพี่” ฮารุพยายามอธิบายเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศรอบข้างให้มันดีขึ้น
“นั่นดิ เราลองรอมันก่อนดูมั้ยเร็น” โฮชิพูดเสริมขึ้นด้วยอีกคน
เร็นไม่ตอบอะไรได้แต่หันไปมองยูอิที่ในตอนนี้ยังคงยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม เร็นปล่อยมือออกจากไหล่เล็กของยูอิเขาถอยห่างออกมาจากเธอเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบขึ้นอีกครั้ง
“ฉันจะให้เธอเป็นคนตัดสินใจนะว่าพวกเราจะอยู่รอมันรึเปล่า”
ยูอิยังคงเงียบใส่ทุกคนอยู่อย่างนั้นเธอหลับตาลงเพื่อพยายามปรับอารมณ์และเรียกสติให้รีบกลับมาให้ไวที่สุด ยูอิล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายสีดำของตัวเองก่อนที่เธอนั้นจะหยิบโทรศัพท์ออกมา
ยูอิที่ดูเหมือนว่าในตอนนี้กำลังพยายามที่จะติดต่อหาใครสักคน....แต่ก็ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย เธอจึงกดโทรออกอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนสุดท้ายปลายสายนั้นก็ยอมรับสายของเธอในที่สุด
[ฮัลโหล]
“เรียวตอนนี้นายอยู่ที่ไหนเหรอ พวกเรายืนรอนายอยู่ที่ประตูทางเข้างานนะ” ยูอิพยายามปรับโทนเสียงที่สั่นเครือของตัวเองให้ดูเป็นปกติมากที่สุดเพื่อที่เรียวจะได้ไม่สามารถจับผิดถึงความผิดปกติของยูอิได้
[ยูอิ...]
“รีบมาได้แล้วหมดเวลาลงทะเบียนสามโมงเย็นนะ”
[ยูอิ...คือ...ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเธอ]
“เรื่อง....อะไรเหรอ”
[คือฉัน...ฉันคงไม่ได้...ไปแข่งดนตรีกับพวกเธอแล้วล่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า]
“ทำไมล่ะเรียว”
ถึงแม้ว่ายูอิจะรู้ถึงเหตุผลของการผิดสัญญาจากเรียวแล้วก็เถอะ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังอยากที่จะให้เรียวเป็นคนอธิบายถึงเหตุผลของเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธออยากฟังคำตอบทุกอย่างจากปากของเขา
[ฉันแค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางสำหรับฉันเท่านั้นเอง]
“แล้วทางสำหรับนายมันคืออะไรเหรอ”
[.........]
“ทำไมไม่ตอบฉันล่ะเรียว”
[ยูอิ...ฉันขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ]
ทันทีที่คำขอโทษนั้นหลุดออกมาจากปากของเรียวเขาก็ตัดสายจากฉันไปในทันที....ทำไมล่ะ...ทำไมนายถึงทำแบบนี้เรียว....
“ยูอิ...” โฮชิที่กำลังยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆก็เอ่ยปากเรียกชื่อของเพื่อนอย่างยูอิขึ้นทันทีที่เห็นว่ามีหยดน้ำใสๆกำลังไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น
“ฉันขอโทษนะ...ขอโทษที่พาพวกนายไปถึงฝั่งฝันไม่ได้...ฉันขอโทษ”
ยูอิยืนก้มหน้าต่อหน้าเพื่อนๆอย่างรู้สึกผิด เร็นที่เห็นเช่นนั้นก็เดินเข้ามาหายูอิอย่างเงียบๆก่อนที่เขาจะดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของยูอิเสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าอ้อมกอดนี้มันเป็นเพียงอ้อมกอดที่สองรองจากเรียวก็เถอะ เร็นลูบผมของยูอิอย่างแผ่วเบาเหมือนอย่างในทุกๆ ครั้งที่ยูอิรู้สึกไม่สบายใจ
“เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เธอไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ใช่ เธอไม่จำเป็นต้องมาขอโทษเพราะเธอไม่ใช่คนที่ผิดสัญญากับพวกเรา”
“ถึงแม้ว่าพวกเราอาจจะพลาดโอกาสครั้งนี้ไปก็ใช่ว่ามันจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองสักหน่อยนี่”
“ฝันของพวกเราไม่ใช่การแข่งขันนี่หรอกนะ....แต่ฝันของพวกเราคือการที่เราทุกคนประสบความสำเร็จไปด้วยกันไม่ใช่เหรอพี่ยูอิ เพราะฉะนั้นพวกเราน่ะมาเติบโตไปด้วยกันนะครับพี่”
“พ...พวกนาย”
“เลิกร้องไห้ได้แล้วหยดน้ำตาพวกนี้มันโคตรไม่เหมาะกับเธอเลย” โฮชิพูดขึ้นพร้อมกับโยกศีรษะของยูอิไปมาอย่างเอ็นดูราวกับว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา
“พวกเราอยู่ดูการแข่งขันกันมั้ยไหนๆ ก็ได้ตั๋วฟรีมาแล้ว” เซย์จิพูดพร้อมกับชูบัตรเข้าชมการแข่งขันทั้งห้าใบในมือของตัวเอง
“เฮ้ยพี่เซย์!! นี่พี่ไปได้มาจากไหนอ่ะ”
“ได้จากการสุ่มลอตเตอรี่เมื่อเดือนก่อนน่ะลองกดสุ่มเล่นๆไม่คิดว่าจะได้มาเหมือนกัน”
“ว่าไงยูอิ...อยากไปมั้ย”
ยูอิมองไปที่เพื่อนทั้งสี่คนของเธอด้วยความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณที่สี่คนนี้ไม่เคยทำให้เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเลยสักครั้ง พวกเขามักจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเธอเสมอ...หญิงสาวรีบเช็ดคราบน้ำตาที่ตอนนี้มันได้หยุดไหลไปแล้ว จากนั้นเธอก็เริ่มเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมาก่อนที่จะพยักหน้าตอบกลับเพื่อนๆด้วยรอยยิ้มที่สดใสขึ้น
“อื้อ ไปสิ”
.
.
การแข่งขันถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมกับที่ทางค่าย TBE เป็นผู้ดูแล ในตอนนี้พวกเขาทั้งห้าคนก็ได้มายืนอยู่ชิดขอบเวที เวทีที่พวกเขาตั้งใจว่าจะได้ขึ้นไป แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึง...
หลังจากที่งานแข่งขันถูกจัดผ่านไปได้สักระยะก็ได้เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของงานนี้นั้นก็คือการเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ของค่าย TBE
“เอาล่ะค่ะ ก่อนที่พวกเราจะไปลุ้นกันต่อว่าวงไหนจะได้เป็นผู้ชนะ และได้ก้าวเข้าไปเป็นศิลปินน้องใหม่ของค่าย TBE กันนั้นทางเราขออนุญาตเบรกช่วงเวลาอันมีค่าของทุกๆ ท่านสักครู่นะคะ เพราะในวันนี้ทางค่าย TBE ได้มีการจัดการแสดงสุดพิเศษจากศิลปินน้องใหม่ของทางค่ายค่ะ อ๊ะๆ อยากรู้กันใช่มั้ยล่ะคะว่าเขาคนนั้นคือใคร....จะใบ้ให้ก็ได้นะคะว่าเขาคนนี้น่ะคือศิลปินหน้าใหม่ไฟแรงที่เพิ่งจะผ่านการเดบิวต์มาหมาดๆเลยล่ะค่ะ...เพราะฉะนั้นการแสดงในวันนี้จะถือว่าเป็นเวทีแรกสำหรับเขาเลยนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญทุกๆท่านพบกับนักร้องหน้าใหม่แห่งค่าย TBE คุณโอชิมะ เรียว ได้เลยค่า”
“กรี๊ดดดด!!!”
ไฟสปอร์ตไลท์ทุกดวงถูกส่องขึ้นไปยังกลางเวที ไม่นานลิฟต์ใต้เวทีก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฎตัวของเรียว...
เรียวถูกเปิดตัวในฐานะนักร้องหน้าใหม่ที่ได้รับการดูแลในเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผมเป็นอย่างดีพร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขานั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะสามารถเรียกกระแสการตอบรับได้ดีไม่ต่างจากพวกศิลปินทีมีผลงานมากมายเลยด้วยซ้ำ
และแล้วการแสดงของเรียวก็ได้เริ่มขึ้นเสียงเพลงถูกบรรเลงด้วยทำนองดนตรีที่ฟังดูสบายหู ในขณะที่เรียวกำลังแสดงอยู่สายตาของเขาก็พลันไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าเวที...ใช่แล้วเธอคือยูอิ
ชายหนุ่มที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีจู่ๆเขาก็มองลงมาตรงจุดที่หญิงสาวยืนอยู่ สายตาของเรียวที่มองมาที่ยูอิมันดูเหมือนสายตาของคนที่กำลังรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด...ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปหรือเพราะรู้สึกอินกับเนื้อเพลงที่ตัวเองร้องอยู่กันแน่
การแสดงของเรียวผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและจบลงอย่างสวยงามชายหนุ่มจึงก้มศีรษะและกล่าวคำขอบคุณแก่แฟนๆ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและหันไปมองยังจุดที่เขาเคยมองยูอิเพียงเพราะเขาหวังว่าเธอจะยังยืนดูเขาอยู่ แต่ก็ปรากฎว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว...
เรียวใช้สายตาสอดส่องมองไปรอบๆภายในงานเขาจึงได้เห็นว่ายูอิกับเพื่อนๆ ของเขากำลังเดินออกไปจากงาน เรียวที่เห็นเช่นั้นเขาจึงรีบเดินลงมาจากเวทีทันที
“นายจะไปไหนน่ะเรียว” ผู้จัดการส่วนตัวของเรียวได้ถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ดูรีบร้อนของเขา
“ผมขอออกไปสูดอากาศข้างนอกสักแป๊ปนะครับพี่”
“ โอเคๆ แต่อย่านานนักล่ะแล้วก็จะทำอะไรก็ระมัดระวังด้วย”
“ครับ”
เมื่อได้รับการอนุญาตจากผู้จัดการส่วนตัวเรียบร้อย เขาก็รีบวิ่งไปที่ทางด้านหลังของเวทีเพื่อที่จะไปให้ทันเพื่อนๆของเขา
ในตอนแรกเรียวตัดสินใจว่าจะปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไปอย่างเงียบๆเพราะเขาเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลอะไรไปอธิบายกับยูอิได้ แต่พอได้เห็นสายตาของยูอิที่เธอมองมายังเขาในตอนที่กำลังแสดงอยู่นั้น...มันทำให้เขารู้สึกกลัว...กลัวว่าเธอจะเกลียดเขา...
แฮ่กๆ
“ยูอิ!”
เรียวที่วิ่งตามมาได้ทันก็ตะโกนเรียกชื่อของยูอิเพื่อหวังว่าจะให้เธอนั้นหยุดรอเขาก่อน แต่สิ่งที่เขาเห็นคือยูอิและเพื่อนๆของเขากำลังเดินออกไปโดยทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงของเขากันเลย
“ยูอิ...ขอร้องล่ะรอฉันก่อน”
คำขอของเรียวนั้นใช้ได้ผล เพราะมันทำให้ยูอิและเพื่อนๆของเขาได้ชะงักฝีเท้าเอาไว้ ก่อนที่พวกเขาทั้งห้าคนจะหันกลับมามองยังเรียวซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขาพอสมควร
“มีอะไร” ยูอิตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบและเย็นชาอย่างที่เรียวนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ฉันขอคุยด้วยได้มั้ย สักนิดก็ยังดี”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนายเพราะ...งั้นกลับไปซะ”
“ยูอิ...เธอช่วยฟ...”
ครืด ครืด ครืด
ในขณะที่เรียวกำลังจะอธิบายถึงเหตุผลของเขาให้ยูอิฟัง ก็ต้องมาถูกขัดจังหวะขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์ของยูอิที่ดันมาดังผิดเวล่ำเวลา
ยูอิล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายสีดำของตัวเองก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบนหน้าจอว่าสายที่โทรเข้ามานั้นคือใคร เมื่อเธอเห็นว่าเบอร์ที่โทรมานั้นคือคุณโทจิ ยูอิก็รีบกดรับสายทันที
“ค่ะคุณอา”
[ยูอิตอนนี้เธออยู่ไหน]
“ตอนนี้หนูอยู่ที่งานประกวดค่ะ กำลังจะกลับคุณอามีอะไรรึเปล่าคะ”
[อาเจอแม่เธอเป็นลมล้มหมดสติอยู่ที่บ้านตอนนี้กำลังอยู่ในห้อง ICU]
“แม่!”
[เธอรีบมาหาอาที่โรงพยาบาลตอนนี้ด่วนเลย]
“ได้ค่ะหนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“เกิดอะไรขึ้นยูอิแม่เธอเป็นอะไร” เร็นที่สังเกตเห็นสีหน้าและท่าทางที่ดูตกใจของยูอิก็ได้ถามขึ้น
“แม่...แม่เข้าโรงพยาบาลตอนนี้อยู่ในห้อง ICU” ยูอิตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้
“ใจเย็นๆแม่เธอจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ฉันต้องไปแล้วล่ะขอตัวก่อนนะ” ยูอิที่ทำท่าเหมือนจะรีบวิ่งออกไปแต่ก็ถูกเร็นดึงข้อมือเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนยูอิ พวกเราเองก็จะไปกับเธอด้วย”
“ถ้างั้นเรารีบไปกันเถอะพี่อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย”
ทุกคนต่างรีบพากันเดินออกไปมีเพียงเร็นเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิมทำให้เซย์จิที่เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆต้องหันกลับมามองก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามขึ้น
“แล้วนายไม่ไปเหรอเร็น”
“เดี๋ยวฉันตามไปที่หลังฝากดูยัยยูอิด้วย”
“เออ แล้วรีบตามมาล่ะ”
เร็นที่เห็นว่าเพื่อนๆของตัวเองได้เดินหายไปจนลับสายตาแล้วเขาก็ได้หันหลังกลับมามองเรียวที่ยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม เร็นค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหาเรียวอย่างช้าๆพร้อมกับคำถามที่เขาเอ่ยถามคนตรงหน้า
“มึงทำแบบนี้ทำไมเรียว”
“.......”
“ทำไมไม่ตอบล่ะ เงียบทำไม”
“กูขอโทษ”
“มึงพูดเป็นอยู่คำเดียวเหรอไงวะ!!!” เร็นเข้าไปกระชากคอเสื้อของเรียวที่เอาแต่พูดคำว่าขอโทษ เขาพูดมันซ้ำไปซ้ำมาจนชวนทำให้เร็นรู้สึกหงุดหงิด
“มึงรู้มั้ย!ยูอิตั้งใจซ้อมเพื่อวันนี้ขนาดไหนยัยนั่นทั้งเลือกเพลงทั้งซ้อมร้องทั้งๆที่เพลงที่เลือกนั้นมันไม่ใช่แนวที่ยัยนั่นถนัดเลย และถึงแม้มึงจะไม่เคยมาซ้อมกับพวกเราเลยสักครั้งแต่ทุกคนก็นึกถึงมึงตลอด แม้แต่วันนี้พวกเขาก็นึกถึงมึง! มึงรู้มั้ยว่ากูอยากจะบอกพวกเขามากขนาดไหนเรื่องที่มึงผิดสัญญาแล้วไปเป็นศิลปินของค่ายเวรนั่น! แต่กูก็ได้แต่เก็บเงียบเอาไว้เพราะคิดว่ามึงจะเป็นคนพูดเรื่องนี้ด้วยตัวของมึงเองแต่สุดท้ายมึงก็ไม่พูดอะไรเลยสักอย่างจนทำให้ทุกอย่างในวันนี้มันเละเทะแบบนี้ไง!!”
เรียวไม่คิดแม้แต่จะโต้ตอบคำพูดของเร็นเลยสักนิดเพราะทุกสิ่งที่เขาพูดออกมามันถูกต้องทั้งหมด...ใช่แล้วล่ะ เขาเลือกที่จะไม่บอกและเลือกที่จะหายไปจากเพื่อนๆของเขาอย่างเงียบๆแบบคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง...
“กู...ผิดหวังในตัวมึงแทนยัยนั่นเลยจริงๆ” เร็นรีบปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเรียวก่อนที่เขาจะผลักเรียวให้ออกห่างจากตัวของเขาเพียงเล็กน้อย
“ขอให้มึงโชคดีกับเส้นทางที่มึงเลือกละกัน....แล้วพวกเราก็อย่าได้เจอกันอีกเลย” สิ้นสุดคำพูดสุดท้าย เร็นก็ได้หันหลังและเดินออกจากตรงจุดนั้นในทันที เหลือเพียงแค่เรียวที่ยังคงยืนก้มหน้าให้กับความสิ้นหวังและความผิดหวังที่เขาได้สร้างความหมาดหมางใจให้แก่เพื่อนๆที่เขารัก
เขาเสียใจที่เขาเลือกทำตามคำพูดของคนอื่นมากกว่าใจของตัวเอง เขาเสียใจที่ทำให้ผู้หญิงที่เขารัก...ต้องมาผิดหวังในตัวเขา
“ขอโทษนะยูอิ...ขอโทษจริงๆ”
.
.
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของเหล่าชายหญิงทั้งสี่คนที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังหน้าห้อง ICU ด้วยหัวใจที่ร้อนรนโดยเฉพาะยูอิ เมื่อทั้งสี่คนเดินมาถึงยูอิก็ได้เห็นคุณอาของเธอกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“คุณอาคะ”
“ยูอิ”
“อาการของแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
ชายวัยกลางคนไม่พูดอะไรเขาทำเพียงแค่ส่ายหัวเบาๆแทนคำตอบเพียงเท่านั้น ไม่นานนักก็มีหมอวัยกลางคนในชุดปลอดเชื้อท่านหนึ่งเปิดประตูเดินออกมาจากห้อง ICU ยูอิที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่จะถามไถ่ถึงอาการแม่ของเธอกับหมอวัยกลางคนท่านนี้ แต่ก่อนที่ยูอิจะได้เอ่ยปากถาม คุณหมอท่านนี้ก็ได้พูดสวนเธอขึ้นมาในทันที
“คุณทั้งสองคือญาติของคนไข้ใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ หนูเป็นลูกสาวของคุณแม่ค่ะ”
“ถ้างั้นหมอขอเชิญญาติผู้เกี่ยวข้องทางด้านนี้หน่อยนะครับ”
สิ้นสุดคำพูดนายแพทย์วัยกลางคนเขาก็ได้เดินนำเด็กสาว และชายวัยกลางคนไปยังห้องตรวจห้องหนึ่งที่ห่างจากห้อง ICU เพียงไม่กี่เมตร เมื่อทั้งสองมาถึงยังห้องตรวจของนายแพทย์ผู้นี้...ทันทีที่พวกเขาทั้งสองหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้นายแพทย์ผู้นี้ก็ได้ยื่นเอกสารพร้อมกับแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ให้กับอาหลานคู่นี้
“นี่คือเอกสารการตรวจพร้อมผลการทำ CT-Scan ของคนไข้ครับ”
ยูอิรีบรับมาพร้อมกับก้มลงอ่านตัวหนังสือเล็กๆในใบเอกสารนั้นก่อนที่สายตาของเธอจะไปสะดุดเข้ากับคำว่า Lekuemia มะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่4
“ม..มะเร็ง!....”
-จบตอนที่4-
*โปรดติดตามตอนต่อไป*