จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง - ตอนที่4 Music X โดย Sugar Brown @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน,อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?

ผู้แต่ง

Sugar Brown

เรื่องย่อ

*นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพียงเท่านั้น ตัวละคร ชื่อสถานที่ต่างๆเป็นเพียงแค่นามสมมติไม่มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*


ขอฝากนิยายเรื่องแรกของไรท์ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ


สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม กดถูกใจ และเพิ่มนิยายเข้าชั้นหนังสือเพื่อเป็นกำลังใจในการอัพเดตแก่นักเขียนกันนะคะ


-อัพเดตทุกวัน อ,พ,พฤ,ส,อา-


.


.


*นักอ่านสามารถติดตามการอัพเดตนิยายก่อนใครได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ*


TIKTOK: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์


FB: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์

สารบัญ

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่1 MUSE,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่2 คุณท่านผู้นั้น,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่3 The Black Entertainment ,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่4 Music X,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่5 หัวใจที่แตกสลาย,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่6 6 Years later

เนื้อหา

ตอนที่4 Music X

1 เดือนต่อมา

         ในที่สุดวันแห่งการรอคอยนั้นก็มาถึง...ยูอิ เร็น เซย์จิ โฮชิ และฮารุที่เพิ่งจะมาถึงงาน Music X ต่างพากันรู้สึกประหม่าเล็กน้อยอย่างที่พวกเขาไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะภายในงานนี้นอกจากจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากวงต่างๆที่มากความสามารถแล้วพวกเขายังจะต้องทำการแสดงต่อหน้าสื่อสาธารณชน และศิลปินชื่อดังจากค่ายต่างๆที่ได้รับเชิญให้มาเป็นกรรมการในครั้งนี้อีกด้วย โดยงานแข่งขันในวันนี้จะถูกไลฟ์สดโดยช่องทีวีของค่าย The Black Entertainment และช่องต่างๆอีกมากมาย

         “พี่เซย์จิ...ผมรู้สึกคลื่นไส้อ่ะ”

         “เฮ้ยๆ ไอ้ฮารุจะป่วยไม่ได้นะเว้ย”

         โฮชิที่ได้ยินฮารุพูดเช่นนั้นก็วิ่งรีบเข้ามาแล้วเอาหลังมือของตัวเองอังหน้าผากของน้องเล็กสุดในวงอย่างฮารุเพื่อทำการเช็คดูว่าหมอนี่นั้นมีไข้รึเปล่า

         “ฮารุไม่ได้เป็นอะไรหรอก หมอนี่แค่รู้สึกตื่นเต้นไปหน่อยจนอยากจะอาเจียนก็แค่นั้นแหละ”

         เซย์จิผู้ที่เป็นพี่ชายร่วมสายเลือดเดียวกันกับฮารุก็ได้อธิบายถึงอาการที่ฮารุกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ให้เพื่อนๆได้เข้าใจ

         “พวกพี่ไม่ต้องห่วงผมนะ ผ่านไปสักพักมันก็จะค่อยๆดีขึ้นไม่มีผลกระทบกับการแข่งแน่นอนเชื่อใจผมได้เลย”

         “ลูกอมหน่อยมั้ยนายจะได้รู้สึกดีขึ้น” ยูอิพูดขึ้นพร้อมกับหยิบกระปุกลูกอมสีฟ้าในกระเป๋าสะพายสีดำที่เธอมักจะพกติดตัวอยู่ตลอดนั้นส่งให้กับฮารุ

         “ขอบคุณครับพี่ยูอิ”

         “ฉันว่าพวกเรารีบไปลงทะเบียนรายงานตัวกันเถอะ พวกเราจะได้มีเวลาวางแผนกันก่อนขึ้นแสดง” 

         เร็นที่ยืนมองดูเพื่อนๆในวงของตัวเองอยู่นั้นก็ได้พูดขึ้น ทุกคนต่างพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ในขณะที่ทั้งห้าคนกำลังเดินไปยังจุดที่ลงทะเบียนของผู้เข้าแข่งขัน ฮารุก็ได้พูดอะไรบางอย่างขึ้นมา

         “พี่...แล้วพี่เรียวล่ะ พวกเราต้องรอพี่เรียวไปลงทะเบียนพร้อมกันด้วยรึเปล่า”

         “จริงสิในเอกสารการแข่งขันเองก็กำชับไว้ด้วยว่าต้องลงทะเบียนตามรายชื่อที่ถูกส่งเข้ามา หากลงทะเบียนไม่ครบจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันในทันที” เซย์จิพูดเสริมขึ้นด้วยอีกคน

         “ฉิบหายล่ะแล้วไอ้เรียวมันไปมัวแต่ทำอะไรอยู่วะทำไมไม่โผล่หัวมาสักที” โฮชิเริ่มสบถขึ้นด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

         “เร็น” ยูอิหันไปหาเร็นที่ในตอนนี้เจ้าตัวเองก็กำลังมองมาทางเธอเช่นเดียวกัน

         “ว่าไง” เร็นตอบยูอิด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และนิ่งสงบเหมือนกับว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของเพื่อนอย่างเรียวเลยสักนิด

         “เราไปถามทีมงานที่จุดรับลงทะเบียนกันดีกว่ามั้ย”

         “เธอไม่อยู่รอไอ้เรียวมันก่อนเหรอยูอิ”

         “ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะรอนะ...แต่พักหลังมานี้ฉันรู้สึกว่าเรียวดูแปลกไปเขาดูห่างเหินจากพวกเรา”

         “หึ! เธอรู้สึกถูกแล้วล่ะ”

         “หือ?”

         “ไปกันเถอะ ไปถามทีมงานกัน”

         เมื่อเจ้าตัวพูดจบเร็นก็รีบเดินนำฉันออกไปในทันที ทำให้ฉันที่ตัวเล็กและขาสั้นกว่าเขาต้องรีบวิ่งตามไป

.

.

         “หากไม่มีการลงทะเบียนตามรายชื่อที่ถูกส่งเข้ามาก็จะถูกตัดสิทธิ์ทันทีตามกฎระเบียบที่ทางทีมงานได้แจ้งไปเลยครับ”

         “แล้วถ้าเราลงทะเบียนกันไปก่อน แล้วให้เพื่อนที่กำลังเดินทางมา ตามมาลงที่หลังได้มั้ยคะ”

         “ขอโทษจริงๆครับทางเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ครับ รบกวนผู้เข้าแข่งขันรอจนกว่าสมาชิกในทีมของตัวเองครบก่อน แล้วจึงมาลงทะเบียนนะครับ อ่อ คุณอาจจะลืมอะไรไปกัน....จุดรับลงทะเบียนจะเปิดถึงเพียงแค่บ่ายสามโมงนะครับ”

         “บ่ายสาม!”

         “แต่ในใบแจ้งบอกไว้ว่าเปิดถึงสี่โมงนี่ครับ”

         “ต้องขออภัยที่ทางทีมงานไม่ได้แจ้งเพิ่มเติมนะครับ แต่ว่าทางเราต้องรีบกระชับเวลาการแข่งขันให้ไวขึ้นเพราะในวันนี้จะมีการเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ของค่าย TBE ครับ”

         “ศิลปินหน้าใหม่งั้นเหรอ...”

         เร็นกัดฟันกรอดพร้อมกำมือแน่นเมื่อนึกถึงวันที่เขาได้ตามเรียวเข้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อเดือนก่อน 

         ยังไม่ทันที่ทีมงานจะได้อธิบายจบเร็นก็ได้คว้าข้อมือและรีบดึงยูอิให้เดินออกมาจากจุดลงทะเบียนนั้นทันที

         “เร็น!! เดี๋ยวก่อนสิ เร็น!”

         เร็นและยูอิเดินกลับมายังจุดที่เพื่อนๆของพวกเขารออยู่ เร็นมองดูสภาพเพื่อนๆแต่ละคนของตัวเองในตอนนี้ ที่ต่างคนต่างแบกอุปกรณ์ดนตรีส่วนตัวกันมาอย่างทุลักทุเล รวมทั้งสภาพอิดโรยที่ไม่ได้หลับได้นอนจากการซ้อมอย่างหนักมาหลายคืนเพื่อมาทำตามฝันในวันนี้ ด้วยหัวใจที่รู้สึกเจ็บปวดกับภาพตรงหน้าของเขา 

         ทุกคนในวงที่ไม่รู้เรื่องอะไรนั้นต่างมองกลับมาที่เร็นด้วยสีหน้าที่สงสัย

         “เร็น...มีอะไรรึเปล่าทำไมถึงรีบพาฉันออกมาทั้งๆ ที่เรายังฟังทีมงานพูดไม่ทันจะ....”

         “มันจบแล้วยูอิ...มันจบแล้ว”

         “น..นาย...นายกำลังพูดอะไรออกมาน่ะ”

         “พวกเรา...ไม่สามารถขึ้นแข่งขันกันได้แล้วล่ะ”

         “เกิดอะไรขึ้นเร็น” เซย์จิที่ยืนฟังอยู่เงียบๆก็ได้เอ่ยปากถามขึ้นถึงสิ่งที่เร็นได้พูดออกมา

         “มันหมายความยังไงเร็น สิ่งที่นายพูดออกมามันหมายความว่ายังไงทำไมพวกเราถึงขึ้นแข่งไม่ได้”

         เร็นไม่ตอบอะไรเขาเพียงแค่ขยับตัวเข้ามาใกล้ยูอิ เร็นจับไหล่เล็กทั้งสองข้างของยูอิก่อนที่เขานั้นจะจ้องมองเข้าไปยังดวงตาคู่สวยสีม่วงอ่อนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ เร็นถอนหายใจออกมาเบาๆเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ไม่ให้มันขุ่นเคืองที่เขากำลังเป็นอยู่

         “เธอฟังฉันให้ดีนะยูอิ ตั้งใจฟังฉันให้ดี...พวกนายที่เหลือก็ด้วย” เร็นพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองเพื่อนร่วมวงอีกสามคนที่เหลือ ที่กำลังยืนมองเร็นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่ทั้งสามคนจะพากันพยักหน้าตอบตกลง

         “เหตุผลที่เราไม่สามารถขึ้นแข่งได้เพราะสมาชิกเรา...ไม่ครบ”

         “ไม่เห็นจะเป็นไรเลยเราก็แค่รอเรียวอีกแค่นิดเดียวก็ได้นี่”

         “หมอนั่นมันจะไม่มา....ไม่มาอีกแล้ว”

         “...........”

         “วันนั้นฉันได้เข้าไปทำธุระที่ใจกลางเมือง” เร็นเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่เขาได้บังเอิญพบเข้ากับชายปริศนาที่ท่าทางนั้นคล้ายกับหนึ่งในสมาชิกในวงของตัวเอง ก่อนที่จะได้รู้ว่าชายปริศนาผู้นั้นก็คือเรียว เร็นจึงเล่าต่อถึงเหตุการณ์ในร้านอาหารหลังจากที่เขาได้แอบตามเรียวเข้าไปจนได้รู้ถึงเรื่องที่เรียวจะได้ขึ้นแสดงที่งานนี้ในฐานะศิลปินหน้าใหม่

ยูอิ เซย์จิ โฮชิ และฮารุต่างตกใจกับสิ่งที่เร็นได้เล่าออกมา ยูอิที่ดูช็อคกว่าทุกคนในวงถึงกับเงียบ และพูดอะไรไม่ถูกทำได้เพียงแค่ส่งเสียงเรียกชื่อของเรียวเพียงเท่านั้น

         “ร...เรียว”

         “พี่เร็นมันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะพี่” ฮารุพยายามอธิบายเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศรอบข้างให้มันดีขึ้น

         “นั่นดิ เราลองรอมันก่อนดูมั้ยเร็น” โฮชิพูดเสริมขึ้นด้วยอีกคน

         เร็นไม่ตอบอะไรได้แต่หันไปมองยูอิที่ในตอนนี้ยังคงยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม เร็นปล่อยมือออกจากไหล่เล็กของยูอิเขาถอยห่างออกมาจากเธอเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบขึ้นอีกครั้ง

         “ฉันจะให้เธอเป็นคนตัดสินใจนะว่าพวกเราจะอยู่รอมันรึเปล่า”

         ยูอิยังคงเงียบใส่ทุกคนอยู่อย่างนั้นเธอหลับตาลงเพื่อพยายามปรับอารมณ์และเรียกสติให้รีบกลับมาให้ไวที่สุด ยูอิล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายสีดำของตัวเองก่อนที่เธอนั้นจะหยิบโทรศัพท์ออกมา 

         ยูอิที่ดูเหมือนว่าในตอนนี้กำลังพยายามที่จะติดต่อหาใครสักคน....แต่ก็ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย เธอจึงกดโทรออกอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนสุดท้ายปลายสายนั้นก็ยอมรับสายของเธอในที่สุด

         [ฮัลโหล]

         “เรียวตอนนี้นายอยู่ที่ไหนเหรอ พวกเรายืนรอนายอยู่ที่ประตูทางเข้างานนะ” ยูอิพยายามปรับโทนเสียงที่สั่นเครือของตัวเองให้ดูเป็นปกติมากที่สุดเพื่อที่เรียวจะได้ไม่สามารถจับผิดถึงความผิดปกติของยูอิได้

         [ยูอิ...]

         “รีบมาได้แล้วหมดเวลาลงทะเบียนสามโมงเย็นนะ”

         [ยูอิ...คือ...ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเธอ]

         “เรื่อง....อะไรเหรอ”

         [คือฉัน...ฉันคงไม่ได้...ไปแข่งดนตรีกับพวกเธอแล้วล่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า]

         “ทำไมล่ะเรียว”

         ถึงแม้ว่ายูอิจะรู้ถึงเหตุผลของการผิดสัญญาจากเรียวแล้วก็เถอะ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังอยากที่จะให้เรียวเป็นคนอธิบายถึงเหตุผลของเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธออยากฟังคำตอบทุกอย่างจากปากของเขา

         [ฉันแค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางสำหรับฉันเท่านั้นเอง]

         “แล้วทางสำหรับนายมันคืออะไรเหรอ”

         [.........]

         “ทำไมไม่ตอบฉันล่ะเรียว”

         [ยูอิ...ฉันขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ]

         ทันทีที่คำขอโทษนั้นหลุดออกมาจากปากของเรียวเขาก็ตัดสายจากฉันไปในทันที....ทำไมล่ะ...ทำไมนายถึงทำแบบนี้เรียว....

         “ยูอิ...” โฮชิที่กำลังยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆก็เอ่ยปากเรียกชื่อของเพื่อนอย่างยูอิขึ้นทันทีที่เห็นว่ามีหยดน้ำใสๆกำลังไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น

         “ฉันขอโทษนะ...ขอโทษที่พาพวกนายไปถึงฝั่งฝันไม่ได้...ฉันขอโทษ”

         ยูอิยืนก้มหน้าต่อหน้าเพื่อนๆอย่างรู้สึกผิด เร็นที่เห็นเช่นนั้นก็เดินเข้ามาหายูอิอย่างเงียบๆก่อนที่เขาจะดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของยูอิเสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าอ้อมกอดนี้มันเป็นเพียงอ้อมกอดที่สองรองจากเรียวก็เถอะ เร็นลูบผมของยูอิอย่างแผ่วเบาเหมือนอย่างในทุกๆ ครั้งที่ยูอิรู้สึกไม่สบายใจ

         “เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เธอไม่ได้ทำอะไรผิด”

         “ใช่ เธอไม่จำเป็นต้องมาขอโทษเพราะเธอไม่ใช่คนที่ผิดสัญญากับพวกเรา”

         “ถึงแม้ว่าพวกเราอาจจะพลาดโอกาสครั้งนี้ไปก็ใช่ว่ามันจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองสักหน่อยนี่”

         “ฝันของพวกเราไม่ใช่การแข่งขันนี่หรอกนะ....แต่ฝันของพวกเราคือการที่เราทุกคนประสบความสำเร็จไปด้วยกันไม่ใช่เหรอพี่ยูอิ เพราะฉะนั้นพวกเราน่ะมาเติบโตไปด้วยกันนะครับพี่”

         “พ...พวกนาย”

         “เลิกร้องไห้ได้แล้วหยดน้ำตาพวกนี้มันโคตรไม่เหมาะกับเธอเลย” โฮชิพูดขึ้นพร้อมกับโยกศีรษะของยูอิไปมาอย่างเอ็นดูราวกับว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา

         “พวกเราอยู่ดูการแข่งขันกันมั้ยไหนๆ ก็ได้ตั๋วฟรีมาแล้ว” เซย์จิพูดพร้อมกับชูบัตรเข้าชมการแข่งขันทั้งห้าใบในมือของตัวเอง

         “เฮ้ยพี่เซย์!! นี่พี่ไปได้มาจากไหนอ่ะ”

         “ได้จากการสุ่มลอตเตอรี่เมื่อเดือนก่อนน่ะลองกดสุ่มเล่นๆไม่คิดว่าจะได้มาเหมือนกัน”

         “ว่าไงยูอิ...อยากไปมั้ย”

         ยูอิมองไปที่เพื่อนทั้งสี่คนของเธอด้วยความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณที่สี่คนนี้ไม่เคยทำให้เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเลยสักครั้ง พวกเขามักจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเธอเสมอ...หญิงสาวรีบเช็ดคราบน้ำตาที่ตอนนี้มันได้หยุดไหลไปแล้ว จากนั้นเธอก็เริ่มเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมาก่อนที่จะพยักหน้าตอบกลับเพื่อนๆด้วยรอยยิ้มที่สดใสขึ้น

         “อื้อ ไปสิ”

.

.

 การแข่งขันถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมกับที่ทางค่าย TBE เป็นผู้ดูแล ในตอนนี้พวกเขาทั้งห้าคนก็ได้มายืนอยู่ชิดขอบเวที เวทีที่พวกเขาตั้งใจว่าจะได้ขึ้นไป แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึง...

         หลังจากที่งานแข่งขันถูกจัดผ่านไปได้สักระยะก็ได้เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของงานนี้นั้นก็คือการเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ของค่าย TBE

         “เอาล่ะค่ะ ก่อนที่พวกเราจะไปลุ้นกันต่อว่าวงไหนจะได้เป็นผู้ชนะ และได้ก้าวเข้าไปเป็นศิลปินน้องใหม่ของค่าย TBE กันนั้นทางเราขออนุญาตเบรกช่วงเวลาอันมีค่าของทุกๆ ท่านสักครู่นะคะ เพราะในวันนี้ทางค่าย TBE ได้มีการจัดการแสดงสุดพิเศษจากศิลปินน้องใหม่ของทางค่ายค่ะ อ๊ะๆ อยากรู้กันใช่มั้ยล่ะคะว่าเขาคนนั้นคือใคร....จะใบ้ให้ก็ได้นะคะว่าเขาคนนี้น่ะคือศิลปินหน้าใหม่ไฟแรงที่เพิ่งจะผ่านการเดบิวต์มาหมาดๆเลยล่ะค่ะ...เพราะฉะนั้นการแสดงในวันนี้จะถือว่าเป็นเวทีแรกสำหรับเขาเลยนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญทุกๆท่านพบกับนักร้องหน้าใหม่แห่งค่าย TBE คุณโอชิมะ เรียว ได้เลยค่า”

         “กรี๊ดดดด!!!”

         ไฟสปอร์ตไลท์ทุกดวงถูกส่องขึ้นไปยังกลางเวที ไม่นานลิฟต์ใต้เวทีก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฎตัวของเรียว...

 เรียวถูกเปิดตัวในฐานะนักร้องหน้าใหม่ที่ได้รับการดูแลในเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผมเป็นอย่างดีพร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขานั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะสามารถเรียกกระแสการตอบรับได้ดีไม่ต่างจากพวกศิลปินทีมีผลงานมากมายเลยด้วยซ้ำ 

         และแล้วการแสดงของเรียวก็ได้เริ่มขึ้นเสียงเพลงถูกบรรเลงด้วยทำนองดนตรีที่ฟังดูสบายหู ในขณะที่เรียวกำลังแสดงอยู่สายตาของเขาก็พลันไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าเวที...ใช่แล้วเธอคือยูอิ

         ชายหนุ่มที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีจู่ๆเขาก็มองลงมาตรงจุดที่หญิงสาวยืนอยู่ สายตาของเรียวที่มองมาที่ยูอิมันดูเหมือนสายตาของคนที่กำลังรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด...ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปหรือเพราะรู้สึกอินกับเนื้อเพลงที่ตัวเองร้องอยู่กันแน่

 การแสดงของเรียวผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและจบลงอย่างสวยงามชายหนุ่มจึงก้มศีรษะและกล่าวคำขอบคุณแก่แฟนๆ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและหันไปมองยังจุดที่เขาเคยมองยูอิเพียงเพราะเขาหวังว่าเธอจะยังยืนดูเขาอยู่ แต่ก็ปรากฎว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว...

 เรียวใช้สายตาสอดส่องมองไปรอบๆภายในงานเขาจึงได้เห็นว่ายูอิกับเพื่อนๆ ของเขากำลังเดินออกไปจากงาน เรียวที่เห็นเช่นั้นเขาจึงรีบเดินลงมาจากเวทีทันที

         “นายจะไปไหนน่ะเรียว” ผู้จัดการส่วนตัวของเรียวได้ถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ดูรีบร้อนของเขา

         “ผมขอออกไปสูดอากาศข้างนอกสักแป๊ปนะครับพี่”

         “ โอเคๆ แต่อย่านานนักล่ะแล้วก็จะทำอะไรก็ระมัดระวังด้วย”

         “ครับ” 

         เมื่อได้รับการอนุญาตจากผู้จัดการส่วนตัวเรียบร้อย เขาก็รีบวิ่งไปที่ทางด้านหลังของเวทีเพื่อที่จะไปให้ทันเพื่อนๆของเขา 

         ในตอนแรกเรียวตัดสินใจว่าจะปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไปอย่างเงียบๆเพราะเขาเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลอะไรไปอธิบายกับยูอิได้ แต่พอได้เห็นสายตาของยูอิที่เธอมองมายังเขาในตอนที่กำลังแสดงอยู่นั้น...มันทำให้เขารู้สึกกลัว...กลัวว่าเธอจะเกลียดเขา...

         แฮ่กๆ

         “ยูอิ!”

         เรียวที่วิ่งตามมาได้ทันก็ตะโกนเรียกชื่อของยูอิเพื่อหวังว่าจะให้เธอนั้นหยุดรอเขาก่อน แต่สิ่งที่เขาเห็นคือยูอิและเพื่อนๆของเขากำลังเดินออกไปโดยทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงของเขากันเลย

         “ยูอิ...ขอร้องล่ะรอฉันก่อน”

         คำขอของเรียวนั้นใช้ได้ผล เพราะมันทำให้ยูอิและเพื่อนๆของเขาได้ชะงักฝีเท้าเอาไว้ ก่อนที่พวกเขาทั้งห้าคนจะหันกลับมามองยังเรียวซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขาพอสมควร

         “มีอะไร” ยูอิตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบและเย็นชาอย่างที่เรียวนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน

         “ฉันขอคุยด้วยได้มั้ย สักนิดก็ยังดี”

         “แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนายเพราะ...งั้นกลับไปซะ”

         “ยูอิ...เธอช่วยฟ...”

         ครืด ครืด ครืด

         ในขณะที่เรียวกำลังจะอธิบายถึงเหตุผลของเขาให้ยูอิฟัง ก็ต้องมาถูกขัดจังหวะขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์ของยูอิที่ดันมาดังผิดเวล่ำเวลา

         ยูอิล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายสีดำของตัวเองก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบนหน้าจอว่าสายที่โทรเข้ามานั้นคือใคร เมื่อเธอเห็นว่าเบอร์ที่โทรมานั้นคือคุณโทจิ ยูอิก็รีบกดรับสายทันที

         “ค่ะคุณอา”

         [ยูอิตอนนี้เธออยู่ไหน]

         “ตอนนี้หนูอยู่ที่งานประกวดค่ะ กำลังจะกลับคุณอามีอะไรรึเปล่าคะ”

         [อาเจอแม่เธอเป็นลมล้มหมดสติอยู่ที่บ้านตอนนี้กำลังอยู่ในห้อง ICU]

         “แม่!”

         [เธอรีบมาหาอาที่โรงพยาบาลตอนนี้ด่วนเลย]

         “ได้ค่ะหนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

         “เกิดอะไรขึ้นยูอิแม่เธอเป็นอะไร” เร็นที่สังเกตเห็นสีหน้าและท่าทางที่ดูตกใจของยูอิก็ได้ถามขึ้น

         “แม่...แม่เข้าโรงพยาบาลตอนนี้อยู่ในห้อง ICU” ยูอิตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้

         “ใจเย็นๆแม่เธอจะต้องไม่เป็นอะไร”

         “ฉันต้องไปแล้วล่ะขอตัวก่อนนะ” ยูอิที่ทำท่าเหมือนจะรีบวิ่งออกไปแต่ก็ถูกเร็นดึงข้อมือเอาไว้

         “เดี๋ยวก่อนยูอิ พวกเราเองก็จะไปกับเธอด้วย”

         “ถ้างั้นเรารีบไปกันเถอะพี่อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย” 

         ทุกคนต่างรีบพากันเดินออกไปมีเพียงเร็นเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิมทำให้เซย์จิที่เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆต้องหันกลับมามองก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามขึ้น

         “แล้วนายไม่ไปเหรอเร็น”

         “เดี๋ยวฉันตามไปที่หลังฝากดูยัยยูอิด้วย”

         “เออ แล้วรีบตามมาล่ะ”

         เร็นที่เห็นว่าเพื่อนๆของตัวเองได้เดินหายไปจนลับสายตาแล้วเขาก็ได้หันหลังกลับมามองเรียวที่ยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม เร็นค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหาเรียวอย่างช้าๆพร้อมกับคำถามที่เขาเอ่ยถามคนตรงหน้า

         “มึงทำแบบนี้ทำไมเรียว”

         “.......”

         “ทำไมไม่ตอบล่ะ เงียบทำไม”

         “กูขอโทษ”

         “มึงพูดเป็นอยู่คำเดียวเหรอไงวะ!!!” เร็นเข้าไปกระชากคอเสื้อของเรียวที่เอาแต่พูดคำว่าขอโทษ เขาพูดมันซ้ำไปซ้ำมาจนชวนทำให้เร็นรู้สึกหงุดหงิด

         “มึงรู้มั้ย!ยูอิตั้งใจซ้อมเพื่อวันนี้ขนาดไหนยัยนั่นทั้งเลือกเพลงทั้งซ้อมร้องทั้งๆที่เพลงที่เลือกนั้นมันไม่ใช่แนวที่ยัยนั่นถนัดเลย และถึงแม้มึงจะไม่เคยมาซ้อมกับพวกเราเลยสักครั้งแต่ทุกคนก็นึกถึงมึงตลอด แม้แต่วันนี้พวกเขาก็นึกถึงมึง! มึงรู้มั้ยว่ากูอยากจะบอกพวกเขามากขนาดไหนเรื่องที่มึงผิดสัญญาแล้วไปเป็นศิลปินของค่ายเวรนั่น! แต่กูก็ได้แต่เก็บเงียบเอาไว้เพราะคิดว่ามึงจะเป็นคนพูดเรื่องนี้ด้วยตัวของมึงเองแต่สุดท้ายมึงก็ไม่พูดอะไรเลยสักอย่างจนทำให้ทุกอย่างในวันนี้มันเละเทะแบบนี้ไง!!”

         เรียวไม่คิดแม้แต่จะโต้ตอบคำพูดของเร็นเลยสักนิดเพราะทุกสิ่งที่เขาพูดออกมามันถูกต้องทั้งหมด...ใช่แล้วล่ะ เขาเลือกที่จะไม่บอกและเลือกที่จะหายไปจากเพื่อนๆของเขาอย่างเงียบๆแบบคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง...

         “กู...ผิดหวังในตัวมึงแทนยัยนั่นเลยจริงๆ” เร็นรีบปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเรียวก่อนที่เขาจะผลักเรียวให้ออกห่างจากตัวของเขาเพียงเล็กน้อย

         “ขอให้มึงโชคดีกับเส้นทางที่มึงเลือกละกัน....แล้วพวกเราก็อย่าได้เจอกันอีกเลย” สิ้นสุดคำพูดสุดท้าย เร็นก็ได้หันหลังและเดินออกจากตรงจุดนั้นในทันที เหลือเพียงแค่เรียวที่ยังคงยืนก้มหน้าให้กับความสิ้นหวังและความผิดหวังที่เขาได้สร้างความหมาดหมางใจให้แก่เพื่อนๆที่เขารัก

         เขาเสียใจที่เขาเลือกทำตามคำพูดของคนอื่นมากกว่าใจของตัวเอง เขาเสียใจที่ทำให้ผู้หญิงที่เขารัก...ต้องมาผิดหวังในตัวเขา

         “ขอโทษนะยูอิ...ขอโทษจริงๆ”

.

.

 

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

         ตึก ตึก ตึก

         เสียงฝีเท้าของเหล่าชายหญิงทั้งสี่คนที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังหน้าห้อง ICU ด้วยหัวใจที่ร้อนรนโดยเฉพาะยูอิ เมื่อทั้งสี่คนเดินมาถึงยูอิก็ได้เห็นคุณอาของเธอกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

         “คุณอาคะ”

         “ยูอิ”

         “อาการของแม่เป็นยังไงบ้างคะ”

         ชายวัยกลางคนไม่พูดอะไรเขาทำเพียงแค่ส่ายหัวเบาๆแทนคำตอบเพียงเท่านั้น ไม่นานนักก็มีหมอวัยกลางคนในชุดปลอดเชื้อท่านหนึ่งเปิดประตูเดินออกมาจากห้อง ICU ยูอิที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่จะถามไถ่ถึงอาการแม่ของเธอกับหมอวัยกลางคนท่านนี้ แต่ก่อนที่ยูอิจะได้เอ่ยปากถาม คุณหมอท่านนี้ก็ได้พูดสวนเธอขึ้นมาในทันที

         “คุณทั้งสองคือญาติของคนไข้ใช่มั้ยครับ”

         “ใช่ค่ะ หนูเป็นลูกสาวของคุณแม่ค่ะ”

         “ถ้างั้นหมอขอเชิญญาติผู้เกี่ยวข้องทางด้านนี้หน่อยนะครับ”

         สิ้นสุดคำพูดนายแพทย์วัยกลางคนเขาก็ได้เดินนำเด็กสาว และชายวัยกลางคนไปยังห้องตรวจห้องหนึ่งที่ห่างจากห้อง ICU เพียงไม่กี่เมตร เมื่อทั้งสองมาถึงยังห้องตรวจของนายแพทย์ผู้นี้...ทันทีที่พวกเขาทั้งสองหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้นายแพทย์ผู้นี้ก็ได้ยื่นเอกสารพร้อมกับแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ให้กับอาหลานคู่นี้

         “นี่คือเอกสารการตรวจพร้อมผลการทำ CT-Scan ของคนไข้ครับ”

         ยูอิรีบรับมาพร้อมกับก้มลงอ่านตัวหนังสือเล็กๆในใบเอกสารนั้นก่อนที่สายตาของเธอจะไปสะดุดเข้ากับคำว่า Lekuemia มะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะที่4 

         “ม..มะเร็ง!....”

-จบตอนที่4-

*โปรดติดตามตอนต่อไป*