จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน,อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้องจะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?
*นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพียงเท่านั้น ตัวละคร ชื่อสถานที่ต่างๆเป็นเพียงแค่นามสมมติไม่มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*
ขอฝากนิยายเรื่องแรกของไรท์ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม กดถูกใจ และเพิ่มนิยายเข้าชั้นหนังสือเพื่อเป็นกำลังใจในการอัพเดตแก่นักเขียนกันนะคะ
-อัพเดตทุกวัน อ,พ,พฤ,ส,อา-
.
.
*นักอ่านสามารถติดตามการอัพเดตนิยายก่อนใครได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ*
TIKTOK: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์
FB: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์
สุสานโทโปงิ
พิธีฝังศพของ โคโตวะ ยูมิ ถูกจัดขึ้นที่สุสานลุ่มแม่น้ำย่านโทโปงิบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแม้ว่าภายในงานจะมีผู้มาร่วมเคารพศพของแม่ยูอิเพียงน้อยนิดแต่ทุกอย่างนั้นก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ยูอิที่อยู่ในชุดเดรสสีดำกำลังยืนถือช่อดอกลิลลี่สีขาวบรสุทธิ์ที่เป็นดอกไม้สุดโปรดสำหรับแม่ของเธอ
หญิงสาวยืนมองแผ่นหินศิลาสีขาวที่ถูกสลักไว้ด้วยชื่อแม่ของเธอด้วยสายตาอันแสนเศร้าเธอค่อยๆย่อตัวลงนั่งเพื่อวางช่อดอกลิลลี่สีขาวนั้นลงบนแท่นบูชาหน้าหลุมศพ ถึงแม้ว่าภายในจิตใจของยูอิจะบอบช้ำมากสักแค่ไหนเธอจะต้องใช้ชีวิตต่อไปและเธอจะต้องรีบกลับมาเข้มแข็งให้ได้ในเร็ววันอย่างที่เธอได้ให้คำมั่นสัญญากับแม่ของตัวเองเอาไว้ ยูอิยังคงนั่งอยู่ที่หน้าหลุมศพของแม่นั้นอย่างเงียบๆโดยที่มีเร็นและเพื่อนๆของเธอคอยยืนมองดูอยู่ห่างๆ
“ขอบคุณนะคะแม่ที่เลี้ยงดูหนูมาอย่างดี...ขอบคุณที่มอบความรักให้กับหนู...ขอบคุณนะคะ”
ยูอิพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช้าๆ เด็กสาวได้หันไปมองยังแท่นบูชาหลุมศพหลุมหนึ่งที่อยู่ข้างๆแม่ของตัวเอง เธอมองไปที่แผ่นหินศิลาสีขาวที่ถูกสลักเอาไว้ด้วยชื่อ อาคาชิ เทนมะ ซึ่งก็คือคุณพ่อของเธอนั่นเอง...
“ฝากแม่ด้วยนะคะพ่อ”
เมื่อพูดจบยูอิจึงค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะเคารพหลุมศพของทั้งสองจากนั้นเธอก็ได้เดินกลับมายังทางกลุ่มของเพื่อนๆที่กำลังรอเธออยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“ขอบคุณมากนะที่มาช่วยในวันนี้”
“ไม่เป็นไร...ว่าแต่หลังจากนี้จะเอายังไงต่อ” โฮชิถามขึ้นพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของยูอิด้วยความเป็นห่วง
“ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะออกจากบ้านหลังนั้น”
“แล้วคุณอาโทจิจะยอมเหรอพี่ยูอิ” ฮารุเอ่ยถามขึ้น
“พี่จะเป็นคนอธิบายให้คุณอาเขาเข้าใจเอง”
“แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน” เร็นที่เงียบมานานก็ได้เอ่ยปากถามขึ้น
“ฉันพอมีเงินเก็บอยู่บ้างไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะยูอิ” เซย์จิเอ่ยขึ้นบ้าง
“อื้อ”
“เรียบร้อยหมดแล้วใช่มั้ย” เร็นเอ่ยปากถามขึ้นอีกรอบ
“เรียบร้อยหมดแล้วล่ะ”
“งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะนี่ก็เย็นมากแล้ว”
ยูอิไม่ตอบอะไรแต่เธอก็พยักหน้าตอบรับคำพูดของเร็น ทั้งห้าคนก็ได้พากันเดินออกมาจากสุสานโทโปงิทีเงียบสงบแห่งนั้นไปยังสถานีรถไฟโทโปงิเพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองคิโซกะ
.
.
บ้านตระกูลอาคาชิ
“ไม่ได้!!”
หลังจากที่ฉันได้โทรไปหาคุณอาโทจิว่าต้องการพบเพื่อคุยอะไรบางอย่างคุณอาก็ได้ปลีกตัวออกมาจากบ้านหลังใหญ่เพื่อมาคุยกับฉันในสวนย่อมข้างบ้าน แต่เมื่อคุณอาได้ฟังเรื่องสำคัญที่ว่าจากฉันนั้นคุณอาก็รีบปฏิเสธในทันที
“อาจะไม่ให้เธอออกไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากข้างนอกนั่นตัวคนเดียวเด็ดขาด”
“คุณอาคะ”
“ยูอิ...ขอร้องล่ะนะอาสัญญากับพ่อและแม่ของเธอเอาไว้แล้วว่าอาจะดูแลเธออย่างดีที่สุด...ให้อาได้ทำตามคำสัญญานั่นเถอะนะ”
“คุณอาทำตามคำสัญญานั่นมาตลอดคุณอาดูแลหนูกับแม่มาโดยตลอดตั้งแต่ที่คุณพ่อเสียไปเพราะงั้นคุณอาอย่ารู้สึกผิดกับเรื่องนี้เลยนะคะ”
“ย..ยูอิ”
“หนูแค่อยากจะออกไปใช้ชีวิตในแบบที่หนูอยากจะเป็น...หนูมีความฝันแล้วหนูก็อยากจะทำมันให้สำเร็จ”
“แต่...”
“หนูเข้าใจความรู้สึกของคุณอานะคะ...แต่หนูก็อยากให้คุณอาเข้าใจหนูด้วยเหมือนกันหนูสัญญาว่าหนูจะดูแลตัวเองให้ดี...หนูจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแน่นอนค่ะ”
คุณอาไม่พูดอะไรแต่กลับยื่นมือนั้นมาลูบที่หัวของฉันอย่างเบามือพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นในดวงตาสีนิลนั้น...หนูขอโทษนะคะ...แต่หนูไม่สามารถอยู่ในบ้านหลังนี้ที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเลวร้ายได้จริงๆ....หนูขอโทษ
“อา...ขอให้หลานโชคดีกับเส้นทางที่เธอเลือกนะยูอิ...”
คุณอาที่ได้พูดคำตอบนั้นออกมาฉันก็รีบโผเข้ากอดคุณอาทันที....ทั้งฉันและคุณอาต่างร่ำไห้ให้กันและกันเพราะนี่จะเป็นอ้อมกอดสุดท้ายของคุณอาและหลานในนามของตระกูลอาคาชิอย่างฉัน....ฉันค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดสุดท้ายนี้อย่างเบาๆ ก่อนจะก้มศีรษะลงเพื่อขอบคุณคุณอา
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจหนู”
“อาจะรอดูความสำเร็จของเธอแทนพ่อและแม่เธอเองนะ”
“ค่ะ คุณอาก็ดูแลสุขภาพด้วยนะคะอย่าโหมงานจนหนักเกินไปนะคะ”
“โชคดีนะยูอิ...”
ฉันส่งยิ้มให้กับคุณอาพร้อมกับก้มศีรษะลงเพื่อขอบคุณอีกครั้ง...แล้วฉันก็เดินออกมาจากตรงจุดนั้นเพื่อเดินกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ของตระกูลอาคาชิพร้อมกับเอกสารสำคัญบางอย่างในมือที่ฉันถือมาด้วย ทันทีที่เข้าไปถึงยังหน้าบ้านของบ้านหลังนี้ฉันก็เจอเข้ากับคุณป้าเอโดะหญิงสูงวัยที่เป็นสาวรับใช้คนสนิทของคุณท่านเข้าพอดี
“คุณท่าน...หลับรึยังคะ”
“ยังท่านกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องโถงเธอมีอะไร”
“หนูมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับท่านค่ะ”
คุณป้าเอโดะไม่พูดโต้ตอบอะไรแต่เธอกลับมองมายังฉันด้วยสายตาที่ดูเหมือนสงสารและเวทนา ก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ฉันเสียใจด้วยนะเรื่องแม่ของเธอ”
“ขอบคุณค่ะ”
ถึงแม้ว่าคุณป้าเอโดะจะไม่เคยแสดงท่าทีว่าใจดีใส่ฉันกับแม่แต่คุณป้าเอโดะก็ไม่เคยว่าร้ายใดๆใส่แม่เลยสักครั้ง...
“เดี๋ยวฉันจะพาเธอเข้าไปพบกับคุณท่านเองตามฉันมา”
เมื่อพูดจบคุณป้าเอโดะก็เดินนำฉันเข้าไปยังในบ้านหลังใหญ่ที่ถูกตกแต่งไปด้วยฟอร์นิเจอร์ราคาแพงและของสะสมโบราณที่คุณท่านชื่นชอบมากมาย ไม่นานนักทั้งคุณป้าเอโดะก็เดินนำฉันมาถึงยังห้องโถงที่คุณท่านกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้โยกไม้โบราณ
“ขออนุญาตค่ะคุณท่านยูอิเธอบอกว่าอยากจะขอพบคุณท่านเพราะมีเรื่องสำคัญที่จะคุยค่ะ”
คุณท่านไม่พูดอะไรท่านวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะอย่างเบามือก่อนที่จะหันมองมาทางฉันด้วยสายตาที่แสนเย็นชาอย่างเหมือนทุกครั้ง
“อืม เธอออกไปก่อนเอโดะ”
“ค่ะคุณท่าน”
สิ้นเสียงของคุณท่านคุณป้าเอโดะก็รีบออกไปจากห้องโถงนั่งเล่นนี้ทันทีทำให้ห้องโถงนี้ถูกปลกคลุมไปด้วยความเงียบสงัดเพราะไม่มีใครปริปากหรือเอ่ยเสียงใดๆออกมาเลย
“มีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยไม่ใช่เหรอทำไมไม่พูดล่ะ” คุณท่านเอ่ยเสียงทักท้วงขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากของฉันสักที
ฉันค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นซึ่งห่างจากคุณท่านเพียงไม่กี่เมตร จากนั้นจึงเอาเอกสารในมือที่ถือมาด้วยวางลงบนโต๊ะที่คุณท่านวางหนังสือเอาไว้ก่อนหน้านี้
“นั่นอะไร”
“เอกสารเปลี่ยนนามสกุลค่ะหนูอยากจะขอให้คุณท่านช่วยเซ็นอนุมัติการเปลี่ยนนามสกุลให้กับหนู”
“เธอคิดตลกอะไรอยู่? จะให้ฉันเซ็นอนุมัติให้ทั้งๆที่เธอก็ยังเสนอหน้าอาศัยอยู่ในบ้านของฉันนี่เหรอ”
“ทันทีที่คุณท่านเซ็นหนูก็จะออกจากบ้านอาคาชิไปในทันทีค่ะ”
“นี่เธอ....”
“รบกวนเซ็นให้หนูด้วยค่ะ”
“ปีกกล้าขาแข็งดีแล้วนี่...แต่ก็ดีเหมือนกันตระกูลอาคาชิจะได้กลับมาใสสะอาดไม่หมนหมองเหมือนอย่างตอนที่มีเธอร่วมใช้นามสกุลนี้”
คุณท่านหยิบกระดาษสีขาวที่ฉันวางเอาไว้บนโต๊ะขึ้นไปอ่านรายละเอียดของเอกสารฉบับนั้น ไม่นานท่านก็หยิบปากกาออกมาแล้วจรดปลายปากกานั้นลงบนกระดาษแผ่นนั้นทันที
ทันทีที่เซ็นเสร็จเรียบร้อยคุณท่านก็ส่งกระดาษแผ่นนั้นให้ฉันด้วยการโยนมันทางฉันที่กำลังนั่งรออยู่
“ฉันเซ็นให้เธอแล้วเพราะฉะนั้นรีบไสหัวออกไปจากบ้านฉันซะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ยูอิรีบหยิบเอกสารใบนั้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกไปแต่ในจังหวะที่จะเดินออกไปนั้นยูอิก็นึกอะไรขึ้นมาได้เธอจึงหันหลังกลับไปมองหญิงสูงวัยที่กำลังมองมาทางเธอด้วยเช่นกัน
“ดูแลสุขภาพด้วยนะคะคุณ.....ท่าน” ยูอิอยากจะเอ่ยคำว่าคุณย่าที่เธออยากเรียกมาทั้งชีวิตในสักครั้ง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ทำได้เพียงเก็บคำคำนั้นเอาไว้ในใจ...ชาตินี้เธอคงไม่มีวันได้เรียกหรือใช้คำนี้กับคุณท่านได้หรอก...
หลังจากที่เด็กสาวเดินออกไปจนลับสายตาของหญิงสูงวัยที่หยิ่งผยองผู้นี้ เธอก็ได้หันไปมองยังกรอบรูปเล็กๆที่ถูกวางไว้ข้างแจกันดอกไม้บนโต๊ะด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากทุกที
“เด็กนั่นนิสัยเหมือนแกไม่มีผิดเลยนะเทนมะ” เธอยังคงนั่งจ้องมองไปยังรูปภาพของลูกชายคนโตพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากเธอไม่รู้เลยว่าเธอนั่งมองรูปนี้มานานเท่าไหร่แล้วพอๆกับที่เธอเองก็กำลังคิดว่าเมื่อไหร่คราบน้ำที่ไหลลงมาอาบแก้มของเธอนั้นจะหยุดหายไปสักที....ใช่แล้วหญิงสูงวัยผู้เย่อหยิ่งผู้นี้กำลังนั่งร้องไห้เพราะเรื่องของยูอิ
.
.
6 ปีผ่านไป
จากเด็กสาวมอปลายในวันนั้นได้ก้าวเข้าสู่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีวันนั้น...หลังจากที่ยูอิและเพื่อนๆของเธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัย เธอและเพื่อนๆก็ได้เดินตามความฝันในสายอาชีพของการเป็นนักดนตรีที่คอยเล่นตามสถานบันเทิงต่างๆหรืออาจจะเป็นงานอีเว้นท์เล็กๆพวกเธอก็รับหมด ถึงแม้ว่าวงดนตรีของพวกเขาจะเป็นเพียงแค่วงเล็กๆที่คอยเล่นตามผับตามบาร์แต่ชื่อเสียงของพวกเขาก็ถือว่าเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักดนตรีที่มีใบหน้าที่ดุจเทพปั้นกันทั้งวงจนได้รับฉายาว่าวงลูกรักของพระเจ้าจึงไม่แปลกนักที่พวกเขาก็จะมีฐานแฟนคลับเล็กๆตามโซเชี่ยลต่างๆมากมาย ตอนนี้พวกเขาทั้งห้าคนกำลังพักและเตรียมตัวสำหรับการแสดงในคืนนี้ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านไทโซ ย่านที่เต็มไปด้วยบ่อนคาสิโนรวมทั้งผับบาร์ของพวกคนรวยอีกมากมาย
“วันนี้ลูกค้าที่นี่แน่นเป็นพิเศษเลยว่ะ” โฮชิที่เดินกลับเข้ามาในห้องพักพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่ดูตื่นเต้น
“หึหึ ที่พี่ทำหน้าตื่นเต้นขนาดนี้ผู้หญิงเยอะอ่ะดิ” ฮารุที่นั่งเช็ดไม้กลองอยู่ก็เอ่ยโต้ตอบไปทางโฮชิที่ตอนนี้เดินมานั่งเช็คเบสของตัวเอง
“ถูกเพ๋งเลยไอ้น้องรักสวยๆหมวยๆเพียบ สเปคแกก็เยอะนะเว้ยฮารุ”
“จริงอ่ะพี่”
“ให้มันเบาๆหน่อยเถอะแกสองคนน่ะ” เซย์จิที่นั่งเช็คเบสส่วนตัวของตัวเองถึงกับส่ายหัวเบาๆให้กับความกระหล่อนของคนสองคนนี้
“นายสองคนนี่มันเสือผู้หญิงกันชัดๆ”
“ผมเปล่านะพี่ยูอิ ผมน่ะแค่คุยเล่นด้วยเฉยๆพี่โฮชินู่นเสือของจริงกินหมดไม่สนรุ่นไหน”
“เฮ้ยๆอย่ามาปลักปลำกันมั่วซั่วสิวะ ถึงลุคฉันจะดูเจ้าชู้....ก็เจ้าชู้แหละแต่ก็เลือกเว้ย!”
“เหอะ! คิดว่าจะหน้าด้านพูดว่าตัวเองเป็นคนดี” เร็นที่นั่งเช็คสายกีต้าร์ถึงกับหลุดพูดออกมาแบบขำๆ
“อ้าวๆไอ้เร็น...แกมันก็ร้ายเงียบเหมือนกันนั่นแหละฉันเห็นนะเว้ยเมื่อคืนนี้มีสาวมาขอแลกไลน์แกอีกแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“เออ”
“เฮ้ยจริงดิพี่เร็น!!”
“อืม”
“เห็นป่ะล่ะ!หมอนี่น่ะมันร้ายเงียบจะตายเห็นนิ่งๆเป็นต่อไม้แบบนี้”
“แต่ฉันไม่ได้ให้ไลน์ตัวเองไปหรอก”
“อ...อ้าวละนายให้ของใครไปวะ”
“เซย์จิน่ะ”
“ห๊ะ!!”
“ไอ้เร็น...มึงเองสินะก็ว่าแล้วว่าเมื่อคืนนี้ใครแอดไลน์มาพอกดเข้าไปดูก็คิดว่าเป็นลูกค้าที่จะติดต่องานหรืออะไรแต่ที่ไหนได้(-_-!)”
“ทำไมพี่เซย์ทำหน้างั้นอ่ะ”
“ก็ยัยนั่นเล่นโทรและส่งข้อความมาทั้งคืนจนฉันแทบไม่ได้นอนสิวะ! สุดท้ายฉันก็เลยต้องบล็อกยัยนั่นไป”
“ฮ่าฮ่า ทำไมแกใจร้ายกับสาวน้อยคนนั้นได้ขนาดนี้วะไอ้เซย์จิ”
“โทษทีนะเซย์จิที่ฉันให้แกรับเคราะห์แทนน่ะ”
“หึหึ ไอ้เร็น”
“อะไร”
“ไอ้เวร”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทันทีที่เซย์จิด่าเร็นออกไปก็ทำให้ทุกคนนั้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาให้กับท่าทางที่ไม่ค่อยสนใจผู้หญิงที่เข้าหาพวกเขาของทั้งคู่ในขณะที่ห้องพักนักดนตรีนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะไม่นานนักก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เร็นต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูดูว่าใครกันที่มาเคาะหลังจากที่เปิดประตูออกไปก็พบว่าคนที่มาเคาะนั้นคือเด็กเสิร์ฟของผับแห่งนี้นั่นเอง
“สวัสดีครับคุณเร็น”
“ครับ”
“อีกสิบห้านาทีคุณเร็นเตรียมตัวกันได้เลยนะครับบนเวทีเซตไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
“โอเคครับ ขอบคุณมาก”
ปึง!
“พร้อมกันรึยัง”
“พร้อมเสมอ” ยูอิตอบเร็นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้าแล้วก็ตามด้วยมือของเร็น เซย์จิ โฮชิ และฮารุที่วางซ้อนทับบนมือของเธอ ทั้งห้าคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกันก่อนที่จะพยักหน้าพร้อมกันและตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า
“MUSE!!!”
.
.
ภายในผับที่หรูหราใหญ่โอ่อ่าแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่าไฮโซทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นดารา ไอดอล หรือแม้แต่นักธุรกิจรายใหญ่ๆก็จะพากันมาใช้บริการยังผับนี้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวที่ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าจะมีพวกปาปารัสซี่มาคอยตามแอบถ่ายหรือลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของพวกเขาได้ เพราะนอกจากจะมีการ์ดที่หนาแน่นแล้วการที่จะมาใช้บริการยังผับแห่งนี้จะต้องมีแบล็คการ์ดเป็นมาตรฐานของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงมีแต่พวกไฮโซกระเป๋าหนักยังไงล่ะ
รถสปอร์ตสีขาวคันหรูถูกขับมาจอดยังบริเวณที่หน้าผับแห่งนี้ ทันทีที่รถสปอร์ตคันนี้จอดสนิทประตูรถก็ถูกเปิดออกโดยการ์ดประจำผับ เผยให้เห็นว่าเจ้าของรถหรูคันนี้คือชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงเขามีผมสีเงินเมทัลลิคและดวงตาสีอำพันตัดกับสีผิวที่ขาวนวลดั่งผิวผู้หญิงพร้อมรูปหน้าที่แสนคมคาย...และชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟคคนนี้เขาก็คือ....ทาคามิ คัตซึยะ
“สวัสดีครับคุณคัตซึยะคุณคาโอมิกำลังรออยู่ด้านในโซน Double VIP ครับ”
“โอเค” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนที่เขาจะเดินตามการ์ดอีกคนในเข้าไปยังด้านใน
คัตซึยะที่ได้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศหลังจากที่เขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานถึง 10 ปี ทันทีที่เท้าของเขาได้แตะลงบนพื้นของประเทศญี่ปุ่นแทนที่ลูกชายเพียงคนเดียวของค่ายยักต์ใหญ่อย่างค่าย TAKAMI Entertainment จะกลับเข้าไปพบกับทุกๆคนในค่ายซะก่อน แต่เขาดันกลับแวะมาหาเพื่อนรักอย่างคาโอมิซะได้
คัตซึยะและคาโอมิทั้งสองเรียนและเติบโตมาด้วยกันที่เมืองทรัมป์ในประเทศยุโรปหลังจากที่จบการศึกษาคาโอมิก็ได้ย้ายกลับมาที่ประเทศญี่ปุ่นซะก่อนเพื่อมาสานต่อกิจการของทางครอบครัวนั่นก็คือการเป็นเจ้าของสถานบันเทิงที่หรูหราแห่งนี้นั่นเอง
ในขณะที่คัตซึยะกำลังนั่งจิบบรั่นดีและหยอกเย้าสายตาไปกับสาวๆที่กำลังส่งสายตาหยาดเยิ้มมาทางเขาและคาโอมิอย่างไม่มีหยุดหย่อน ไม่นานนักก็มีเสียงเฮและเสียงกรี๊ดดังขึ้นทำให้คัตซึยะละสายตาจากสาวๆหันไปสนใจผู้คนที่ตอนนี้กำลังส่งเสียงเฮเหมือนกำลังรอต้อนรับใครบางคนอยู่ และในทันดันนั้นเองไฟสปอร์ตไลท์ทั้งหมดก็สาดส่องไปยังบนสเตจที่อยู่ห่างจากโต๊ะของเขาเพียงไม่กี่เมตรทันทีที่ไฟสปอร์ตไลท์หยุดนิ่งบนสเตจก็เผยให้เห็นผู้ชาย 4คน กับผู้หญิงอีก 1คน ทั้ง5คนอยู่ในชุดแฟชั่นสไตล์โกธิคสีดำที่ดูเท่และเซ็กซี่จนสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากคนด้านล่างได้มากมายรวมถึงเขาคนนี้ด้วยเช่นกัน...คัตซึยะแสยะยิ้มออกมาราวกับว่าเขาได้เจอสิ่งที่น่าสนใจเข้าซะแล้ว
ชายหนุ่มที่ได้รับฉายาว่าคาสโนว่าตัวพ่อแห่งเมืองทรัมป์กำลังจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสั้นผ้าลูกไม้สีดำบนสเตจพลางแกว่งแก้วบรั่นดีในมือไปมาเสมือนว่ากำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง คาโอมิที่เห็นท่าทางของคัตซึยะที่กำลังจ้องมองไปที่ยูอิอย่างไม่ละสายตาทำให้เขาต้องรีบเอ่ยปากถามไอ้เพื่อนตัวดีของเขาทันที
“นั่นแกกำลังมองอะไรอยู่วะ”
“คาโอมิ”
“ว่าไง”
“นาย...รู้จักเธอหรือเปล่า” นอกจากจะไม่ตอบคำถามของคาโอมิแล้วคัตซึยะก็ยังคงใช้สายตาเป็นตัวนำทางในการขอคำตอบจากคาโอมิอยู่
“โคโตวะ ยูอิ เธอเป็นนักร้องนำของวง MUSE...ทำไมสนใจเหรอวะ?”
“อืม สวยดี”
“เหอะๆคิดดีๆนะไอ้คัตซึยะจีบยัยนั่นน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะฉันจะบอกเอาไว้ให้แกรู้”
“ทำไมวะ? แกเคยจีบยัยนั่นรึไง”
“ก็เคยคิดอยู่หรอกนะ...แต่แกเห็นผู้ชายสี่คนบนสเตจนั่นมั้ย”
“เออเห็นแล้วมันเกี่ยวอะไรกันวะ”
“ก็สี่คนนั้นน่ะคือองค์รักษ์ของยูอิ”
“องค์รักษ์? นี่มันยุคไหนกันแล้วคาโอมิ(-_-)”
“ฉันพูดจริงนะเว้ย! ละไอ้สี่คนนั้นมันก็โคตรโหดเลยด้วยโดยเฉพาะไอ้หมอนั่นที่ชื่อเร็น”
คาโอมิเล่าให้คัตซึยะฟังพร้อมกับชี้นิ้วชี้ไม้ไปยังชายหนุ่มที่กำลังโซโล่กี่ต้าร์และร้องเพลงคู่กับยูอิอยู่บนสเตจ คัตซึยะได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับหันหน้ามามองหน้าเพื่อนรักของเขาอย่างคาโอมิด้วยสีหน้าที่งุนงง
“หมอนั่นคือ เร็น มือกีต้าร์ประจำวงMUSE”
“เดี๋ยวนะไอ้คาโอะ...เหมือนแกจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ..คือฉันอยากรู้จักยัยนักร้องนั่นไม่ใช่ไอ้หมอนี่(-_-)”
“รู้เว้ย!แต่ฉันก็กำลังจะพูดให้แกฟังอยู่เนี่ย”
“ไม่ต้องอธิบายเยอะหรอกตอบฉันแค่เรื่องที่เกี่ยวกับยัยนั่นก็พอ”
“แล้วอยากจะรู้เรื่องอะไรวะ”
“ยัยนั่นมีแฟนรึยัง”
“ยังไม่มีหรอกยัยนั่นน่ะจีบยากจะตายชัก ละไหนจะไอ้พวกองค์รักษ์พิทักษ์ประจำตัวอีก สี่คนนั่นอีกเอาอะไรไปมีแฟนแค่ผู้ชายคนอื่นหาจังหวะเข้าหายัยนี่ยังยากเลยมั้ง”
“งั้นเหรอ”
“ก็เออสิวะเมื่อหลายวันก่อนมีผู้ชายคนหนึ่งลูกค้าอย่างแกนี่แหละดันปิ๊งยูอิเข้าก็เลยพยายามหาจังหวะเข้าหาเธอแต่ยูอิไม่เล่นด้วยหมอนั่นก็เลยจะทำร้ายยูอิแต่ก็ถูกสี่คนนั้นมันลากออกไปกระทืบเข้าซะก่อนสภาพก็คือเละเป็นโจ๊ก”
“แกอย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้เฮงซวยนั่นได้มั้ย(-_-) ฉันไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแล้วอีกอย่างถ้าผู้หญิงไม่เล่นด้วยฉันก็ไม่เสียเวลาที่จะต้องไปตามตื้อหรอกว่ะ”
“งั้นก็แสดงว่าแกจะไม่หาจังหวะเข้าไปจีบยูอิใช่ปะ?”
“ใครบอกแกวะ คนอย่างฉันถ้าได้เล็งไปที่เป้าหมายแล้วล่ะก็....แน่นอนว่าเป้าหมายนั้นจะต้องตกเป็นของฉัน:)”
“นี่แกไม่ได้ฟังที่ฉันสาธยายไปให้ฟังบ้างเหรอวะคัตซึยะ(-_-)”
“เออน่า เดี๋ยวจะทำให้ดูว่าเสือที่แท้จริงเขาล่าเหยื่อกันยังไง”
“หึ!เตรียมหาโรงพยาบาลดีๆรอเอาไว้ด้วยล่ะครับคุณเสือเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!”
ทันทีที่การแสดงนั้นจบลงคาโอมิที่กำลังกรึ่มได้ที่ก็ได้หันกลับมามองคัตซึยะว่าในตอนนี้เพื่อนของเขาเป็นยังไงบ้างหลังจากที่เขาทั้งสองคนนั่งดื่มด้วยกันมาสักพักใหญ่ จากอาการที่กรึ่มได้ที่ของคาโอมิก็ต้องรีบสร่างขึ้นมาทันทีเพราะว่าในตอนนี้ที่โต๊ะนี้มีเขาที่นั่งอยู่เพียงคนเดียว....หลังจากที่นั่งตั้งสติใช้ความคิดอยู่คาโอมิก็นึกออกขึ้นมาทันทีว่าคัตซึยะหายไปไหน
“ไอ้เวรนี่มันคงเอาจริงสินะแล้วนี่ฉันต้องโทรจองห้องพยาบาลไว้รอมันด้วยรึเปล่าวะ- -” คาโอมิได้แต่นั่งบ่นเพื่อนของตัวเองไปพลางนั่งกระดกบรั่นดีเข้าไปในปากอย่างลืมตัวว่าตัวเองเพิ่งจะสร่างเมา
คัตซึยะที่กำลังเดินตามหญิงสาวในชุดเดรสสั้นลูกไม้สีดำหลังจากที่เขาเห็นว่าเธอปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนทั้ง 4คนที่กำลังวุ่นอยู่กับบรรดาสาวๆที่รายล้อมพวกเขาไว้ทันทีที่ลงมาจากสเตจ คัตซึยะทิ้งระยะห่างในการเดินตามยูอิเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ดูเหมือนว่ายูอิจะเดินที่ไหนสักที่ของคลับแห่งนี้ในการเดินตามอย่างทิ้งระยะห่างของคัตซึยะนั้นก็แอบทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเพราะในวันนี้ที่คลับนั้นมีลูกค้าเยอะมากเลยค่อนข้างทำให้เขาสังเกตเธอได้ยากจากระยะห่างที่เขากำหนดไว้ แต่ในจังหวะที่ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวอยู่นั้นจู่ๆก็ได้มีชายหนุ่มปริศนาคนหนึ่งโผล่ออกมาจากที่ไหนสักที่ทำให้ชนเข้ากับคัตซึยะเข้าอย่างจัง
ปึก!
“ขอโทษครับๆ!” ชายหนุ่มปริศนารีบขอโทษเขาทันทีคัตซึยะที่ไม่ได้สนใจอะไรก็ได้แต่พยักหน้าตอบกลับไปอย่างส่งๆก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองยังเป้าหมายที่เขาได้เดินตามมา แต่ทว่า....เธอนั้นกลับเดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
คัตซึยะยังคงไม่คิดที่จะถอดใจเขาเดินต่อไปเรื่อยๆเดินไปจนสุดทางด้านหลังของคลับ...เมื่อเห็นว่าเดินมาจนสุดทางแล้วก็ยังหาไม่เจอเขาเลยตัดสินใจว่าจะกลับไปยังโต๊ะของตัวเองซะก่อนแล้วค่อยคิดหาทางทำความรู้จักกับยูอิใหม่อีกครั้ง จังหวะที่คัตซึยะหันหลังกลับไปนั้นเขารู้สึกตกใจกับภาพตรงหน้าที่เขากำลังเห็นในตอนนี้....ภาพตรงหน้าที่ว่านั้นก็คือ....หญิงสาวในชุดเดรสสั้นลูกไม้สีดำที่ตอนนี้เธอกำลังยืนกอดอกและมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่...
“คุณเป็นใคร...แล้วมาเดินตามฉันทำไม?”
-จบตอนที่6-
*โปรดติดตามตอนต่อไป*