จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง - ตอนที่6 6 Years later โดย Sugar Brown @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน,อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ญี่ปุ่น,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อ่านฟรี,ไอดอล,รักโรแมนติก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ ดันเกิดถูกใจ‘ยัยนักร้องสาวสวย’ ที่ใครใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอคนนี้หยิ่งและถือตัวสุดๆ!! งานนี้เขาจะสามารถคว้าตัวและหัวใจของเธอได้หรือไม่?

ผู้แต่ง

Sugar Brown

เรื่องย่อ

*นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพียงเท่านั้น ตัวละคร ชื่อสถานที่ต่างๆเป็นเพียงแค่นามสมมติไม่มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*


ขอฝากนิยายเรื่องแรกของไรท์ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ


สุดท้ายนี้อย่าลืมกดติดตาม กดถูกใจ และเพิ่มนิยายเข้าชั้นหนังสือเพื่อเป็นกำลังใจในการอัพเดตแก่นักเขียนกันนะคะ


-อัพเดตทุกวัน อ,พ,พฤ,ส,อา-


.


.


*นักอ่านสามารถติดตามการอัพเดตนิยายก่อนใครได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ*


TIKTOK: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์


FB: นามปากกาชูก้าร์ บราวน์

สารบัญ

Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่1 MUSE,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่2 คุณท่านผู้นั้น,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่3 The Black Entertainment ,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่4 Music X,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่5 หัวใจที่แตกสลาย,Bind love and heart ผูกรักมัดใจยัยนักร้อง-ตอนที่6 6 Years later

เนื้อหา

ตอนที่6 6 Years later

สุสานโทโปงิ

         พิธีฝังศพของ โคโตวะ ยูมิ ถูกจัดขึ้นที่สุสานลุ่มแม่น้ำย่านโทโปงิบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแม้ว่าภายในงานจะมีผู้มาร่วมเคารพศพของแม่ยูอิเพียงน้อยนิดแต่ทุกอย่างนั้นก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ยูอิที่อยู่ในชุดเดรสสีดำกำลังยืนถือช่อดอกลิลลี่สีขาวบรสุทธิ์ที่เป็นดอกไม้สุดโปรดสำหรับแม่ของเธอ

 หญิงสาวยืนมองแผ่นหินศิลาสีขาวที่ถูกสลักไว้ด้วยชื่อแม่ของเธอด้วยสายตาอันแสนเศร้าเธอค่อยๆย่อตัวลงนั่งเพื่อวางช่อดอกลิลลี่สีขาวนั้นลงบนแท่นบูชาหน้าหลุมศพ ถึงแม้ว่าภายในจิตใจของยูอิจะบอบช้ำมากสักแค่ไหนเธอจะต้องใช้ชีวิตต่อไปและเธอจะต้องรีบกลับมาเข้มแข็งให้ได้ในเร็ววันอย่างที่เธอได้ให้คำมั่นสัญญากับแม่ของตัวเองเอาไว้ ยูอิยังคงนั่งอยู่ที่หน้าหลุมศพของแม่นั้นอย่างเงียบๆโดยที่มีเร็นและเพื่อนๆของเธอคอยยืนมองดูอยู่ห่างๆ

         “ขอบคุณนะคะแม่ที่เลี้ยงดูหนูมาอย่างดี...ขอบคุณที่มอบความรักให้กับหนู...ขอบคุณนะคะ”

         ยูอิพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช้าๆ เด็กสาวได้หันไปมองยังแท่นบูชาหลุมศพหลุมหนึ่งที่อยู่ข้างๆแม่ของตัวเอง เธอมองไปที่แผ่นหินศิลาสีขาวที่ถูกสลักเอาไว้ด้วยชื่อ อาคาชิ เทนมะ ซึ่งก็คือคุณพ่อของเธอนั่นเอง...

         “ฝากแม่ด้วยนะคะพ่อ”

         เมื่อพูดจบยูอิจึงค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะเคารพหลุมศพของทั้งสองจากนั้นเธอก็ได้เดินกลับมายังทางกลุ่มของเพื่อนๆที่กำลังรอเธออยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

         “ขอบคุณมากนะที่มาช่วยในวันนี้”

         “ไม่เป็นไร...ว่าแต่หลังจากนี้จะเอายังไงต่อ” โฮชิถามขึ้นพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของยูอิด้วยความเป็นห่วง

         “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะออกจากบ้านหลังนั้น”

         “แล้วคุณอาโทจิจะยอมเหรอพี่ยูอิ” ฮารุเอ่ยถามขึ้น

         “พี่จะเป็นคนอธิบายให้คุณอาเขาเข้าใจเอง”

         “แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน” เร็นที่เงียบมานานก็ได้เอ่ยปากถามขึ้น

         “ฉันพอมีเงินเก็บอยู่บ้างไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

         “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะยูอิ” เซย์จิเอ่ยขึ้นบ้าง

         “อื้อ”

         “เรียบร้อยหมดแล้วใช่มั้ย” เร็นเอ่ยปากถามขึ้นอีกรอบ

         “เรียบร้อยหมดแล้วล่ะ”

         “งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะนี่ก็เย็นมากแล้ว”

         ยูอิไม่ตอบอะไรแต่เธอก็พยักหน้าตอบรับคำพูดของเร็น ทั้งห้าคนก็ได้พากันเดินออกมาจากสุสานโทโปงิทีเงียบสงบแห่งนั้นไปยังสถานีรถไฟโทโปงิเพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองคิโซกะ

.

.

บ้านตระกูลอาคาชิ

         “ไม่ได้!!”

         หลังจากที่ฉันได้โทรไปหาคุณอาโทจิว่าต้องการพบเพื่อคุยอะไรบางอย่างคุณอาก็ได้ปลีกตัวออกมาจากบ้านหลังใหญ่เพื่อมาคุยกับฉันในสวนย่อมข้างบ้าน แต่เมื่อคุณอาได้ฟังเรื่องสำคัญที่ว่าจากฉันนั้นคุณอาก็รีบปฏิเสธในทันที

         “อาจะไม่ให้เธอออกไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากข้างนอกนั่นตัวคนเดียวเด็ดขาด”

         “คุณอาคะ”

         “ยูอิ...ขอร้องล่ะนะอาสัญญากับพ่อและแม่ของเธอเอาไว้แล้วว่าอาจะดูแลเธออย่างดีที่สุด...ให้อาได้ทำตามคำสัญญานั่นเถอะนะ”

         “คุณอาทำตามคำสัญญานั่นมาตลอดคุณอาดูแลหนูกับแม่มาโดยตลอดตั้งแต่ที่คุณพ่อเสียไปเพราะงั้นคุณอาอย่ารู้สึกผิดกับเรื่องนี้เลยนะคะ”

         “ย..ยูอิ”

         “หนูแค่อยากจะออกไปใช้ชีวิตในแบบที่หนูอยากจะเป็น...หนูมีความฝันแล้วหนูก็อยากจะทำมันให้สำเร็จ”

         “แต่...”

         “หนูเข้าใจความรู้สึกของคุณอานะคะ...แต่หนูก็อยากให้คุณอาเข้าใจหนูด้วยเหมือนกันหนูสัญญาว่าหนูจะดูแลตัวเองให้ดี...หนูจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแน่นอนค่ะ”

         คุณอาไม่พูดอะไรแต่กลับยื่นมือนั้นมาลูบที่หัวของฉันอย่างเบามือพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นในดวงตาสีนิลนั้น...หนูขอโทษนะคะ...แต่หนูไม่สามารถอยู่ในบ้านหลังนี้ที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเลวร้ายได้จริงๆ....หนูขอโทษ

         “อา...ขอให้หลานโชคดีกับเส้นทางที่เธอเลือกนะยูอิ...”

         คุณอาที่ได้พูดคำตอบนั้นออกมาฉันก็รีบโผเข้ากอดคุณอาทันที....ทั้งฉันและคุณอาต่างร่ำไห้ให้กันและกันเพราะนี่จะเป็นอ้อมกอดสุดท้ายของคุณอาและหลานในนามของตระกูลอาคาชิอย่างฉัน....ฉันค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดสุดท้ายนี้อย่างเบาๆ ก่อนจะก้มศีรษะลงเพื่อขอบคุณคุณอา 

         “ขอบคุณนะคะที่เข้าใจหนู”

         “อาจะรอดูความสำเร็จของเธอแทนพ่อและแม่เธอเองนะ”

         “ค่ะ คุณอาก็ดูแลสุขภาพด้วยนะคะอย่าโหมงานจนหนักเกินไปนะคะ”

         “โชคดีนะยูอิ...”

         ฉันส่งยิ้มให้กับคุณอาพร้อมกับก้มศีรษะลงเพื่อขอบคุณอีกครั้ง...แล้วฉันก็เดินออกมาจากตรงจุดนั้นเพื่อเดินกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ของตระกูลอาคาชิพร้อมกับเอกสารสำคัญบางอย่างในมือที่ฉันถือมาด้วย ทันทีที่เข้าไปถึงยังหน้าบ้านของบ้านหลังนี้ฉันก็เจอเข้ากับคุณป้าเอโดะหญิงสูงวัยที่เป็นสาวรับใช้คนสนิทของคุณท่านเข้าพอดี

         “คุณท่าน...หลับรึยังคะ”

         “ยังท่านกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องโถงเธอมีอะไร”

         “หนูมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับท่านค่ะ”

         คุณป้าเอโดะไม่พูดโต้ตอบอะไรแต่เธอกลับมองมายังฉันด้วยสายตาที่ดูเหมือนสงสารและเวทนา ก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

         “ฉันเสียใจด้วยนะเรื่องแม่ของเธอ”

         “ขอบคุณค่ะ”

         ถึงแม้ว่าคุณป้าเอโดะจะไม่เคยแสดงท่าทีว่าใจดีใส่ฉันกับแม่แต่คุณป้าเอโดะก็ไม่เคยว่าร้ายใดๆใส่แม่เลยสักครั้ง...

         “เดี๋ยวฉันจะพาเธอเข้าไปพบกับคุณท่านเองตามฉันมา”

         เมื่อพูดจบคุณป้าเอโดะก็เดินนำฉันเข้าไปยังในบ้านหลังใหญ่ที่ถูกตกแต่งไปด้วยฟอร์นิเจอร์ราคาแพงและของสะสมโบราณที่คุณท่านชื่นชอบมากมาย ไม่นานนักทั้งคุณป้าเอโดะก็เดินนำฉันมาถึงยังห้องโถงที่คุณท่านกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้โยกไม้โบราณ

         “ขออนุญาตค่ะคุณท่านยูอิเธอบอกว่าอยากจะขอพบคุณท่านเพราะมีเรื่องสำคัญที่จะคุยค่ะ”

         คุณท่านไม่พูดอะไรท่านวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะอย่างเบามือก่อนที่จะหันมองมาทางฉันด้วยสายตาที่แสนเย็นชาอย่างเหมือนทุกครั้ง

         “อืม เธอออกไปก่อนเอโดะ”

         “ค่ะคุณท่าน”

         สิ้นเสียงของคุณท่านคุณป้าเอโดะก็รีบออกไปจากห้องโถงนั่งเล่นนี้ทันทีทำให้ห้องโถงนี้ถูกปลกคลุมไปด้วยความเงียบสงัดเพราะไม่มีใครปริปากหรือเอ่ยเสียงใดๆออกมาเลย

         “มีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยไม่ใช่เหรอทำไมไม่พูดล่ะ” คุณท่านเอ่ยเสียงทักท้วงขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากของฉันสักที

 ฉันค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นซึ่งห่างจากคุณท่านเพียงไม่กี่เมตร จากนั้นจึงเอาเอกสารในมือที่ถือมาด้วยวางลงบนโต๊ะที่คุณท่านวางหนังสือเอาไว้ก่อนหน้านี้

         “นั่นอะไร”

         “เอกสารเปลี่ยนนามสกุลค่ะหนูอยากจะขอให้คุณท่านช่วยเซ็นอนุมัติการเปลี่ยนนามสกุลให้กับหนู”

         “เธอคิดตลกอะไรอยู่? จะให้ฉันเซ็นอนุมัติให้ทั้งๆที่เธอก็ยังเสนอหน้าอาศัยอยู่ในบ้านของฉันนี่เหรอ”

         “ทันทีที่คุณท่านเซ็นหนูก็จะออกจากบ้านอาคาชิไปในทันทีค่ะ”

         “นี่เธอ....”

         “รบกวนเซ็นให้หนูด้วยค่ะ”

         “ปีกกล้าขาแข็งดีแล้วนี่...แต่ก็ดีเหมือนกันตระกูลอาคาชิจะได้กลับมาใสสะอาดไม่หมนหมองเหมือนอย่างตอนที่มีเธอร่วมใช้นามสกุลนี้”

         คุณท่านหยิบกระดาษสีขาวที่ฉันวางเอาไว้บนโต๊ะขึ้นไปอ่านรายละเอียดของเอกสารฉบับนั้น ไม่นานท่านก็หยิบปากกาออกมาแล้วจรดปลายปากกานั้นลงบนกระดาษแผ่นนั้นทันที

  ทันทีที่เซ็นเสร็จเรียบร้อยคุณท่านก็ส่งกระดาษแผ่นนั้นให้ฉันด้วยการโยนมันทางฉันที่กำลังนั่งรออยู่

         “ฉันเซ็นให้เธอแล้วเพราะฉะนั้นรีบไสหัวออกไปจากบ้านฉันซะ”

         “ขอบคุณค่ะ”

         ยูอิรีบหยิบเอกสารใบนั้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกไปแต่ในจังหวะที่จะเดินออกไปนั้นยูอิก็นึกอะไรขึ้นมาได้เธอจึงหันหลังกลับไปมองหญิงสูงวัยที่กำลังมองมาทางเธอด้วยเช่นกัน

         “ดูแลสุขภาพด้วยนะคะคุณ.....ท่าน” ยูอิอยากจะเอ่ยคำว่าคุณย่าที่เธออยากเรียกมาทั้งชีวิตในสักครั้ง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ทำได้เพียงเก็บคำคำนั้นเอาไว้ในใจ...ชาตินี้เธอคงไม่มีวันได้เรียกหรือใช้คำนี้กับคุณท่านได้หรอก...

         หลังจากที่เด็กสาวเดินออกไปจนลับสายตาของหญิงสูงวัยที่หยิ่งผยองผู้นี้ เธอก็ได้หันไปมองยังกรอบรูปเล็กๆที่ถูกวางไว้ข้างแจกันดอกไม้บนโต๊ะด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากทุกที

         “เด็กนั่นนิสัยเหมือนแกไม่มีผิดเลยนะเทนมะ” เธอยังคงนั่งจ้องมองไปยังรูปภาพของลูกชายคนโตพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากเธอไม่รู้เลยว่าเธอนั่งมองรูปนี้มานานเท่าไหร่แล้วพอๆกับที่เธอเองก็กำลังคิดว่าเมื่อไหร่คราบน้ำที่ไหลลงมาอาบแก้มของเธอนั้นจะหยุดหายไปสักที....ใช่แล้วหญิงสูงวัยผู้เย่อหยิ่งผู้นี้กำลังนั่งร้องไห้เพราะเรื่องของยูอิ

.

.

6 ปีผ่านไป

         จากเด็กสาวมอปลายในวันนั้นได้ก้าวเข้าสู่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีวันนั้น...หลังจากที่ยูอิและเพื่อนๆของเธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัย เธอและเพื่อนๆก็ได้เดินตามความฝันในสายอาชีพของการเป็นนักดนตรีที่คอยเล่นตามสถานบันเทิงต่างๆหรืออาจจะเป็นงานอีเว้นท์เล็กๆพวกเธอก็รับหมด ถึงแม้ว่าวงดนตรีของพวกเขาจะเป็นเพียงแค่วงเล็กๆที่คอยเล่นตามผับตามบาร์แต่ชื่อเสียงของพวกเขาก็ถือว่าเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักดนตรีที่มีใบหน้าที่ดุจเทพปั้นกันทั้งวงจนได้รับฉายาว่าวงลูกรักของพระเจ้าจึงไม่แปลกนักที่พวกเขาก็จะมีฐานแฟนคลับเล็กๆตามโซเชี่ยลต่างๆมากมาย ตอนนี้พวกเขาทั้งห้าคนกำลังพักและเตรียมตัวสำหรับการแสดงในคืนนี้ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านไทโซ ย่านที่เต็มไปด้วยบ่อนคาสิโนรวมทั้งผับบาร์ของพวกคนรวยอีกมากมาย

         “วันนี้ลูกค้าที่นี่แน่นเป็นพิเศษเลยว่ะ” โฮชิที่เดินกลับเข้ามาในห้องพักพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่ดูตื่นเต้น

         “หึหึ ที่พี่ทำหน้าตื่นเต้นขนาดนี้ผู้หญิงเยอะอ่ะดิ” ฮารุที่นั่งเช็ดไม้กลองอยู่ก็เอ่ยโต้ตอบไปทางโฮชิที่ตอนนี้เดินมานั่งเช็คเบสของตัวเอง

         “ถูกเพ๋งเลยไอ้น้องรักสวยๆหมวยๆเพียบ สเปคแกก็เยอะนะเว้ยฮารุ”

         “จริงอ่ะพี่”

         “ให้มันเบาๆหน่อยเถอะแกสองคนน่ะ” เซย์จิที่นั่งเช็คเบสส่วนตัวของตัวเองถึงกับส่ายหัวเบาๆให้กับความกระหล่อนของคนสองคนนี้

         “นายสองคนนี่มันเสือผู้หญิงกันชัดๆ”

         “ผมเปล่านะพี่ยูอิ ผมน่ะแค่คุยเล่นด้วยเฉยๆพี่โฮชินู่นเสือของจริงกินหมดไม่สนรุ่นไหน”

         “เฮ้ยๆอย่ามาปลักปลำกันมั่วซั่วสิวะ ถึงลุคฉันจะดูเจ้าชู้....ก็เจ้าชู้แหละแต่ก็เลือกเว้ย!”

         “เหอะ! คิดว่าจะหน้าด้านพูดว่าตัวเองเป็นคนดี” เร็นที่นั่งเช็คสายกีต้าร์ถึงกับหลุดพูดออกมาแบบขำๆ

         “อ้าวๆไอ้เร็น...แกมันก็ร้ายเงียบเหมือนกันนั่นแหละฉันเห็นนะเว้ยเมื่อคืนนี้มีสาวมาขอแลกไลน์แกอีกแล้วใช่มั้ยล่ะ”

         “เออ”

         “เฮ้ยจริงดิพี่เร็น!!”

         “อืม”

         “เห็นป่ะล่ะ!หมอนี่น่ะมันร้ายเงียบจะตายเห็นนิ่งๆเป็นต่อไม้แบบนี้”

         “แต่ฉันไม่ได้ให้ไลน์ตัวเองไปหรอก”

         “อ...อ้าวละนายให้ของใครไปวะ”

         “เซย์จิน่ะ”

         “ห๊ะ!!” 

         “ไอ้เร็น...มึงเองสินะก็ว่าแล้วว่าเมื่อคืนนี้ใครแอดไลน์มาพอกดเข้าไปดูก็คิดว่าเป็นลูกค้าที่จะติดต่องานหรืออะไรแต่ที่ไหนได้(-_-!)”

         “ทำไมพี่เซย์ทำหน้างั้นอ่ะ”

         “ก็ยัยนั่นเล่นโทรและส่งข้อความมาทั้งคืนจนฉันแทบไม่ได้นอนสิวะ! สุดท้ายฉันก็เลยต้องบล็อกยัยนั่นไป”

         “ฮ่าฮ่า ทำไมแกใจร้ายกับสาวน้อยคนนั้นได้ขนาดนี้วะไอ้เซย์จิ”

         “โทษทีนะเซย์จิที่ฉันให้แกรับเคราะห์แทนน่ะ”

         “หึหึ ไอ้เร็น”

         “อะไร”

         “ไอ้เวร”

         “ฮ่าฮ่าฮ่า” 

         ทันทีที่เซย์จิด่าเร็นออกไปก็ทำให้ทุกคนนั้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาให้กับท่าทางที่ไม่ค่อยสนใจผู้หญิงที่เข้าหาพวกเขาของทั้งคู่ในขณะที่ห้องพักนักดนตรีนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะไม่นานนักก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เร็นต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูดูว่าใครกันที่มาเคาะหลังจากที่เปิดประตูออกไปก็พบว่าคนที่มาเคาะนั้นคือเด็กเสิร์ฟของผับแห่งนี้นั่นเอง

         “สวัสดีครับคุณเร็น”

         “ครับ”

         “อีกสิบห้านาทีคุณเร็นเตรียมตัวกันได้เลยนะครับบนเวทีเซตไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”

         “โอเคครับ ขอบคุณมาก”

         ปึง!

         “พร้อมกันรึยัง”

         “พร้อมเสมอ” ยูอิตอบเร็นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้าแล้วก็ตามด้วยมือของเร็น เซย์จิ โฮชิ และฮารุที่วางซ้อนทับบนมือของเธอ ทั้งห้าคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกันก่อนที่จะพยักหน้าพร้อมกันและตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า

         “MUSE!!!”

.

.

         ภายในผับที่หรูหราใหญ่โอ่อ่าแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่าไฮโซทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นดารา ไอดอล หรือแม้แต่นักธุรกิจรายใหญ่ๆก็จะพากันมาใช้บริการยังผับนี้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวที่ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าจะมีพวกปาปารัสซี่มาคอยตามแอบถ่ายหรือลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของพวกเขาได้ เพราะนอกจากจะมีการ์ดที่หนาแน่นแล้วการที่จะมาใช้บริการยังผับแห่งนี้จะต้องมีแบล็คการ์ดเป็นมาตรฐานของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงมีแต่พวกไฮโซกระเป๋าหนักยังไงล่ะ

         รถสปอร์ตสีขาวคันหรูถูกขับมาจอดยังบริเวณที่หน้าผับแห่งนี้ ทันทีที่รถสปอร์ตคันนี้จอดสนิทประตูรถก็ถูกเปิดออกโดยการ์ดประจำผับ เผยให้เห็นว่าเจ้าของรถหรูคันนี้คือชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงเขามีผมสีเงินเมทัลลิคและดวงตาสีอำพันตัดกับสีผิวที่ขาวนวลดั่งผิวผู้หญิงพร้อมรูปหน้าที่แสนคมคาย...และชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟคคนนี้เขาก็คือ....ทาคามิ คัตซึยะ

         “สวัสดีครับคุณคัตซึยะคุณคาโอมิกำลังรออยู่ด้านในโซน Double VIP ครับ”

         “โอเค” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนที่เขาจะเดินตามการ์ดอีกคนในเข้าไปยังด้านใน

         คัตซึยะที่ได้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศหลังจากที่เขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานถึง 10 ปี ทันทีที่เท้าของเขาได้แตะลงบนพื้นของประเทศญี่ปุ่นแทนที่ลูกชายเพียงคนเดียวของค่ายยักต์ใหญ่อย่างค่าย TAKAMI Entertainment จะกลับเข้าไปพบกับทุกๆคนในค่ายซะก่อน แต่เขาดันกลับแวะมาหาเพื่อนรักอย่างคาโอมิซะได้

 คัตซึยะและคาโอมิทั้งสองเรียนและเติบโตมาด้วยกันที่เมืองทรัมป์ในประเทศยุโรปหลังจากที่จบการศึกษาคาโอมิก็ได้ย้ายกลับมาที่ประเทศญี่ปุ่นซะก่อนเพื่อมาสานต่อกิจการของทางครอบครัวนั่นก็คือการเป็นเจ้าของสถานบันเทิงที่หรูหราแห่งนี้นั่นเอง 

         ในขณะที่คัตซึยะกำลังนั่งจิบบรั่นดีและหยอกเย้าสายตาไปกับสาวๆที่กำลังส่งสายตาหยาดเยิ้มมาทางเขาและคาโอมิอย่างไม่มีหยุดหย่อน ไม่นานนักก็มีเสียงเฮและเสียงกรี๊ดดังขึ้นทำให้คัตซึยะละสายตาจากสาวๆหันไปสนใจผู้คนที่ตอนนี้กำลังส่งเสียงเฮเหมือนกำลังรอต้อนรับใครบางคนอยู่ และในทันดันนั้นเองไฟสปอร์ตไลท์ทั้งหมดก็สาดส่องไปยังบนสเตจที่อยู่ห่างจากโต๊ะของเขาเพียงไม่กี่เมตรทันทีที่ไฟสปอร์ตไลท์หยุดนิ่งบนสเตจก็เผยให้เห็นผู้ชาย 4คน กับผู้หญิงอีก 1คน ทั้ง5คนอยู่ในชุดแฟชั่นสไตล์โกธิคสีดำที่ดูเท่และเซ็กซี่จนสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากคนด้านล่างได้มากมายรวมถึงเขาคนนี้ด้วยเช่นกัน...คัตซึยะแสยะยิ้มออกมาราวกับว่าเขาได้เจอสิ่งที่น่าสนใจเข้าซะแล้ว

         ชายหนุ่มที่ได้รับฉายาว่าคาสโนว่าตัวพ่อแห่งเมืองทรัมป์กำลังจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสั้นผ้าลูกไม้สีดำบนสเตจพลางแกว่งแก้วบรั่นดีในมือไปมาเสมือนว่ากำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง คาโอมิที่เห็นท่าทางของคัตซึยะที่กำลังจ้องมองไปที่ยูอิอย่างไม่ละสายตาทำให้เขาต้องรีบเอ่ยปากถามไอ้เพื่อนตัวดีของเขาทันที

         “นั่นแกกำลังมองอะไรอยู่วะ”

         “คาโอมิ”

         “ว่าไง”

         “นาย...รู้จักเธอหรือเปล่า” นอกจากจะไม่ตอบคำถามของคาโอมิแล้วคัตซึยะก็ยังคงใช้สายตาเป็นตัวนำทางในการขอคำตอบจากคาโอมิอยู่

         “โคโตวะ ยูอิ เธอเป็นนักร้องนำของวง MUSE...ทำไมสนใจเหรอวะ?”

         “อืม สวยดี”

         “เหอะๆคิดดีๆนะไอ้คัตซึยะจีบยัยนั่นน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะฉันจะบอกเอาไว้ให้แกรู้”

         “ทำไมวะ? แกเคยจีบยัยนั่นรึไง”

         “ก็เคยคิดอยู่หรอกนะ...แต่แกเห็นผู้ชายสี่คนบนสเตจนั่นมั้ย”

         “เออเห็นแล้วมันเกี่ยวอะไรกันวะ”

         “ก็สี่คนนั้นน่ะคือองค์รักษ์ของยูอิ”

         “องค์รักษ์? นี่มันยุคไหนกันแล้วคาโอมิ(-_-)”

         “ฉันพูดจริงนะเว้ย! ละไอ้สี่คนนั้นมันก็โคตรโหดเลยด้วยโดยเฉพาะไอ้หมอนั่นที่ชื่อเร็น”

         คาโอมิเล่าให้คัตซึยะฟังพร้อมกับชี้นิ้วชี้ไม้ไปยังชายหนุ่มที่กำลังโซโล่กี่ต้าร์และร้องเพลงคู่กับยูอิอยู่บนสเตจ คัตซึยะได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับหันหน้ามามองหน้าเพื่อนรักของเขาอย่างคาโอมิด้วยสีหน้าที่งุนงง

         “หมอนั่นคือ เร็น มือกีต้าร์ประจำวงMUSE”

         “เดี๋ยวนะไอ้คาโอะ...เหมือนแกจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ..คือฉันอยากรู้จักยัยนักร้องนั่นไม่ใช่ไอ้หมอนี่(-_-)”

         “รู้เว้ย!แต่ฉันก็กำลังจะพูดให้แกฟังอยู่เนี่ย”

         “ไม่ต้องอธิบายเยอะหรอกตอบฉันแค่เรื่องที่เกี่ยวกับยัยนั่นก็พอ”

         “แล้วอยากจะรู้เรื่องอะไรวะ”

         “ยัยนั่นมีแฟนรึยัง”

         “ยังไม่มีหรอกยัยนั่นน่ะจีบยากจะตายชัก ละไหนจะไอ้พวกองค์รักษ์พิทักษ์ประจำตัวอีก สี่คนนั่นอีกเอาอะไรไปมีแฟนแค่ผู้ชายคนอื่นหาจังหวะเข้าหายัยนี่ยังยากเลยมั้ง”

         “งั้นเหรอ”

         “ก็เออสิวะเมื่อหลายวันก่อนมีผู้ชายคนหนึ่งลูกค้าอย่างแกนี่แหละดันปิ๊งยูอิเข้าก็เลยพยายามหาจังหวะเข้าหาเธอแต่ยูอิไม่เล่นด้วยหมอนั่นก็เลยจะทำร้ายยูอิแต่ก็ถูกสี่คนนั้นมันลากออกไปกระทืบเข้าซะก่อนสภาพก็คือเละเป็นโจ๊ก”

         “แกอย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้เฮงซวยนั่นได้มั้ย(-_-) ฉันไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแล้วอีกอย่างถ้าผู้หญิงไม่เล่นด้วยฉันก็ไม่เสียเวลาที่จะต้องไปตามตื้อหรอกว่ะ”

“งั้นก็แสดงว่าแกจะไม่หาจังหวะเข้าไปจีบยูอิใช่ปะ?”

         “ใครบอกแกวะ คนอย่างฉันถ้าได้เล็งไปที่เป้าหมายแล้วล่ะก็....แน่นอนว่าเป้าหมายนั้นจะต้องตกเป็นของฉัน:)”

         “นี่แกไม่ได้ฟังที่ฉันสาธยายไปให้ฟังบ้างเหรอวะคัตซึยะ(-_-)” 

         “เออน่า เดี๋ยวจะทำให้ดูว่าเสือที่แท้จริงเขาล่าเหยื่อกันยังไง”

         “หึ!เตรียมหาโรงพยาบาลดีๆรอเอาไว้ด้วยล่ะครับคุณเสือเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!”

         ทันทีที่การแสดงนั้นจบลงคาโอมิที่กำลังกรึ่มได้ที่ก็ได้หันกลับมามองคัตซึยะว่าในตอนนี้เพื่อนของเขาเป็นยังไงบ้างหลังจากที่เขาทั้งสองคนนั่งดื่มด้วยกันมาสักพักใหญ่ จากอาการที่กรึ่มได้ที่ของคาโอมิก็ต้องรีบสร่างขึ้นมาทันทีเพราะว่าในตอนนี้ที่โต๊ะนี้มีเขาที่นั่งอยู่เพียงคนเดียว....หลังจากที่นั่งตั้งสติใช้ความคิดอยู่คาโอมิก็นึกออกขึ้นมาทันทีว่าคัตซึยะหายไปไหน

         “ไอ้เวรนี่มันคงเอาจริงสินะแล้วนี่ฉันต้องโทรจองห้องพยาบาลไว้รอมันด้วยรึเปล่าวะ- -” คาโอมิได้แต่นั่งบ่นเพื่อนของตัวเองไปพลางนั่งกระดกบรั่นดีเข้าไปในปากอย่างลืมตัวว่าตัวเองเพิ่งจะสร่างเมา

         คัตซึยะที่กำลังเดินตามหญิงสาวในชุดเดรสสั้นลูกไม้สีดำหลังจากที่เขาเห็นว่าเธอปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนทั้ง 4คนที่กำลังวุ่นอยู่กับบรรดาสาวๆที่รายล้อมพวกเขาไว้ทันทีที่ลงมาจากสเตจ คัตซึยะทิ้งระยะห่างในการเดินตามยูอิเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ดูเหมือนว่ายูอิจะเดินที่ไหนสักที่ของคลับแห่งนี้ในการเดินตามอย่างทิ้งระยะห่างของคัตซึยะนั้นก็แอบทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเพราะในวันนี้ที่คลับนั้นมีลูกค้าเยอะมากเลยค่อนข้างทำให้เขาสังเกตเธอได้ยากจากระยะห่างที่เขากำหนดไว้ แต่ในจังหวะที่ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวอยู่นั้นจู่ๆก็ได้มีชายหนุ่มปริศนาคนหนึ่งโผล่ออกมาจากที่ไหนสักที่ทำให้ชนเข้ากับคัตซึยะเข้าอย่างจัง

         ปึก!

         “ขอโทษครับๆ!” ชายหนุ่มปริศนารีบขอโทษเขาทันทีคัตซึยะที่ไม่ได้สนใจอะไรก็ได้แต่พยักหน้าตอบกลับไปอย่างส่งๆก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองยังเป้าหมายที่เขาได้เดินตามมา แต่ทว่า....เธอนั้นกลับเดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

         คัตซึยะยังคงไม่คิดที่จะถอดใจเขาเดินต่อไปเรื่อยๆเดินไปจนสุดทางด้านหลังของคลับ...เมื่อเห็นว่าเดินมาจนสุดทางแล้วก็ยังหาไม่เจอเขาเลยตัดสินใจว่าจะกลับไปยังโต๊ะของตัวเองซะก่อนแล้วค่อยคิดหาทางทำความรู้จักกับยูอิใหม่อีกครั้ง จังหวะที่คัตซึยะหันหลังกลับไปนั้นเขารู้สึกตกใจกับภาพตรงหน้าที่เขากำลังเห็นในตอนนี้....ภาพตรงหน้าที่ว่านั้นก็คือ....หญิงสาวในชุดเดรสสั้นลูกไม้สีดำที่ตอนนี้เธอกำลังยืนกอดอกและมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่...

         “คุณเป็นใคร...แล้วมาเดินตามฉันทำไม?”





-จบตอนที่6-

*โปรดติดตามตอนต่อไป*