ผมตื่นมาก็พบกับผู้หญิงนอนอยู่ในอ้อมแขนของผม ตอนแรกก็ตกใจนึกว่าเมื่อคืนหลังจากที่เมาผมทำอะไรไร้สติลงไป แต่ยัยนี่กลับบอกว่าตัวเองนั้นเป็นผี ผมไม่เข้าใจเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก - บทที่ 9 ของขวัญ โดย ใจละลาย~ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-หญิง,รัก,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,สืบสวนสอบสวน,ผี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-หญิง,รัก,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ผี,ดราม่า

รายละเอียด

Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก โดย ใจละลาย~ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผมตื่นมาก็พบกับผู้หญิงนอนอยู่ในอ้อมแขนของผม ตอนแรกก็ตกใจนึกว่าเมื่อคืนหลังจากที่เมาผมทำอะไรไร้สติลงไป แต่ยัยนี่กลับบอกว่าตัวเองนั้นเป็นผี ผมไม่เข้าใจเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

ผู้แต่ง

ใจละลาย~

เรื่องย่อ

เพราะเมื่อคืนไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ฉลองที่เบสเฟรนของ 'บอย' คนนี้พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ  เลยทำให้เมาไม่ได้สติจนถึงห้อง พอตื่นขึ้นมากลับพบหญิงสาวในอ้อมกอดบนเตียง แบบนี้ใครจะไม่คิดไปเรื่อยถูกไหม? แต่ยัยนี่ดันบอกว่าตัวเองเป็นผี ผมนี่ถึงกับฮะ?? นอกจากเป็นผียังไม่พอ ต้องหาสาเหตุการตายเพื่อไปเกิดใหม่อีก ความทรงจำตอนเป็นคนก็ไม่มี...ชื่อตัวเองก็จำไม่ได้ ผมเลยให้ชื่อใหม่ไปว่า 'เกิร์ล' แล้วภาระกิจ เอ้ย ภารกิจตามหาสาเหตุการตายของผีน้อยก็ได้เริ่มต้นขึ้น...

สารบัญ

Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 1 บุคคลในอ้อมแขน,Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 2 หิว,Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 3 แผล...,Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 4 ลิน,Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 5 ผีบ้านผีเรือน,Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 6 ฝันร้าย,Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 7 น่ารัก...,Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 8 แม่ครับ...มันเยอะไปไหม,Oh my gosh! สวัสดีครับคุณผีที่น่ารัก-บทที่ 9 ของขวัญ

เนื้อหา

บทที่ 9 ของขวัญ

"ว๊ายยยย ตายแล้ว คุณหนู หนูบอย ทำไมแลกของพะรุงพะรังขนาดนี้คะเนี่ย" เมื่อรถขับเข้ามาจอดในบ้านหรู แม่แก้วก็เดินตัวปลิวออกมาจากที่นั่งคนขับแล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างสบายใจ


ต่างกับพวกผมที่หอบถุงกระดาษที่เป็นของแม่แก้วเต็มสองมือกันเดินเข้าบ้านจนป้าแจ่มต้องเอ่ยทักแล้วรีบปรี่มาช่วยพวกผมถือของทันที


"ฮ่าๆ พี่แจ่มคะ ปล่อยเด็กๆ ถือเองเลย แก้วเป็นคนขับรถนะ เมื่อยจะแย่~ พี่แจ่มมานวดให้แก้วหน่อย" บันเทิงจริงๆ ครับบ้านนี้


"งั้นโอเคค่ะคุณหญิง เดี๋ยวแจ่มไปเรียกนุชมาช่วยเด็กๆ ถือก่อนนะคะ" ว่าจบป้าแจ่มก็เดินหายเข้าไปในบ้าน พร้อมกันนั้นพวกผมก็เดินมาถึงหน้าบ้านพอดี เราวางของลงที่พื้นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอยู่ตรงนั้น


"ที่ซื้อมานี่เสื้อหนักๆ ทั้งนั้น แม่ใส่ไปได้ยังไง?"


"เวลาออกงาน เราต้องทนเพื่อความสวยนะลูก อ้อ บอยอย่าพึ่งกลับนะลูก แม่มีของมาให้" ว่าจบแม่แก้วที่ยืนพิงประตูบ้านอยู่ก็เดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน ไม่นานนักป้าแจ่มก็เดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนที่คาดว่าอายุน่าจะน้อยกว่าป้าแจ่ม


"ป้าไปดูแลคุณหญิงนะ เด็กๆ อยู่กับป้านุชนะจ๊ะ" ว่าจบป้าแจ่มก็เดินหายเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้งก่อนที่คนที่ได้ชื่อว่าป้านุชจะเดินเข้ามาช่วยพวกผมถือของด้วยรอยยิ้มใจดี


"ป้านุชพึ่งเข้ามาทำงานน่ะ มึงยังไม่รู้จักใช่ป้ะ" หลังจากป้านุชเดินเข้าไปเก็บของจนลับสายตา ทินที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยแนะนำป้านุชให้ผมรู้จัก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพยุงผมให้ลุกไปด้วย


"มึงกลับไปเลยก็ได้นะ กูจะไปนอน เดี๋ยวของค่อยให้วันอื่..." ยังไม่ทันที่ทินจะได้พูดจบ ผมก็ชิงพูดตัด


"กูมีเรื่องจะคุยกับมึง" แน่นอนล่ะ ผมมาที่นี่มีจุดประสงค์  ไม่ได้มาดูสวนหย่อมในบ้านมันว่าดอกไม้โตหรือยังอะไรแบบนั้น อีกอย่างตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าๆ ผมกะจะกลับบ่ายๆ เลย เกิร์ลจะได้ทำข้าวเที่ยงรอไว้ด้วย


"เรื่อง?" ขณะที่เราเดินเข้าบ้านทินก็เอ่ยถามออกมา แต่ยังไม่ได้ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อนั้น แม่แก้วเดินลงมาจากบันไดเกลียวสีไม้สวยพร้อมด้วยการลากลุงโรจน์ผู้เป็นสามีลงมาด้วย ทำไมผมถึงใช้คำว่าลากงั้นหรอ เพราะสีหน้าลุงโรจน์ตอนนี้ดูบ่จอยสุดๆ ไงล่ะฮ่าๆ สงสัยจะโดนแยกจากงานสุดที่รักเพื่อลงมาทักทายผมสินะ


"สวัสดีครับลุงโรจน์" ผมเอ่ยทักก่อนจะประนมมือก้มศีรษะลงตามมารยาทไทย


"ไหว้พระเถอะลูก" ลุงโรจน์ยิ้มรับก่อนที่ทั้งสองคนจะก้าวเดินลงมาจากบันไดพอดี แต่เพียงไม่นานแม่แก้วก็วิ่งเข้ามายื่นของบางอย่างให้ผม 


"นี่จ่ะลูก" ผมเปิดถุงกระดาษที่พึ่งรับมาออกดู เห้ย!! ไอแพดรุ่นล่าสุด!!! ผมมือสั่น เงยหน้าขึ้นจากถุงกระดาษที่มีไอแพดรุ่นล่าสุดพร้อมสายชาร์จและอุปกรณ์เสริมจิ๊กจ๊อก มองใบหน้าแม่แก้วและลุงโรจน์ที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่เต็มเปี่ยม


"มันเยอะไปมั้ยครับ จะให้ผมรับไว้..."


"บอยจ๊ะ วันเกิดหนูมันผ่านมาสองเดือนแล้ว แม่รู้ว่าหนูก็ทำงาน กินข้าว ฉลองคนเดียวในวันนั้น...เจ้าทินน่ะรู้สึกผิดมากเลยนะที่มาฉลองให้หนูไม่ได้เพราะอยู่ต่างประเทศ....แล้วก็ถ้าหนูมีอะไรให้ช่วยก็บอกแม่ได้นะ แม่พร้อมช่วยเสมอ"  พอแม่แก้วพูดจบ จู่ๆ ผมก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้ดวงตาขอมผมเห่อร้อนขึ้นมา จนต้องยกมือขึ้นบังไว้แล้วถอดแว่นออก


คำพูดพวกนี้ผมไม่เคยได้ยินจากใครมาก่อน รู้สึกราวกับปัญหาทุกสิ่งที่ผมแบกรับไว้มันเบาบางลงในทันที 


"โอ้ย ตายแล้วลูก ไม่ต้องร้อง" สิ้นเสียงแม่แก้วก็ใช้มือบางลูบหลังปลอบผมที่ร้องไห้เป็นเด็กๆ ฮ่าๆ ผมไม่ได้อยากร้องนะ มันทนไม่ได้จริงๆ นี่


"จริงๆ วันนั้นมันได้คำอวยพรในแชทจากผมกับกรีนอยู่นะ แต่มันก็ยังอยู่เดียวเหมือนเดิม" ทินที่ตอนแรกยืนอยู่ห่างๆ ตอนนี้เดินเข้ามามองหน้าผมใกล้ๆ แล้วแอบหัวเราะคิดคักที่เห็นผมร้องไห้


"หัวเราะอะไร ไอ้บ้า" ผมเงยหน้าขึ้นเอ่ยเสียงเข็งใส่ไอ้เพื่อนบ้า หลังจากที่ตอนนี้เช็ดน้ำตาเสร็จแล้วใส่แว่นเข้าไปเหมือนเดิม


"ถ้าไม่มีอะไร อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะลูกนะ" ลุงโรจน์เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในครัว เรียกให้ป้าแจ่มและป้านุชช่วยกันเตรียมอาหารกลางวันมารับประทานพร้อมหน้า






ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องของไอ้ทิน พวกเราทานข้าวกันเสร็จแล้วเลยขอแยกตัวออกมาคุยเรื่องที่ผมบอกไว้ แน่นอนว่ามันคือเรื่องของลิน


"มึงมีเรื่องอะไร?"


"มึงจำน้องลินได้ไหม?"


"อืม จำได้อยู่นะ น้องลินที่เป็นหลานเพื่อนแม่ ทำไม?"


"กูอยากรู้ว่าตอนนี้น้องเป็นยังไงบ้าง"


ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่เสียงขออนุญาตของคนด้านนอกจะตามมา


ไม่นานเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง คนที่อยู่หน้าประตูก็เปิดประตูไม้บานหรูเข้ามาพร้อมถาดใส่จานคุกกี้และชาในมือ ป้านุชเดินเอาถาดเข้ามาวางบนโต๊ะตรงหน้าพวกผมแต่ยังไม่ทันจะได้ลุกออกไปทินก็พูดออกมาเสียก่อน


"กูไม่ได้ยินเรื่องของลินเลยหลังจากวันนั้น ถ้ามึงอยากรู้อะไรน่าจะลองถามแม่กูนะ แต่มึงจะรู้ไปทำไมอ่ะ?"


"กูป่าว..." ผมเหลือบสายตาไปมองกริยาของป้านุชหลังจากทินพูดเรื่องลินขึ้นมา ป้านุชมีท่าทีตกใจเล็กน้อย แต่อาการตกใจนั้นน้อยมากๆ ถ้าหากไม่สังเกตุุดีๆ ก็จะไม่เห็นเลย


"ก็อย่างที่บอก ถ้าอยากรู้ก็ไปถามแม่กูเถอะ เรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ในหัวกูเลย" ทินเป็นคนไม่สนเรื่องผู้หญิง มันไม่เคยมีแฟน แต่ประจบประแจงแม่ตัวเองเก่งมาก มันเลยไม่ค่อยจะชอบเรื่องผู้หญิงมากเสียเท่าไหร่


ส่วนกรีนที...เจ้านั่นเหมือนหุ่นยนต์สะมากกว่า เวลาว่างก็ไม่ค่อยมี


ผมเหลือบมองป้านุชอีกครั้ง คราวนี้ป้านุชมีท่าทางค่อนข้างอึดอัด ผมไม่ได้คิดว่าป้านุชจะมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากถามป้านุชให้แน่ใจอยู่เหมือนกันนะ


แต่อย่างที่ทินบอก ลินเป็นหลานของเพื่อนแม่แก้ว แม่แก้วย่อมรู้จักลินดีกว่าทินอยู่แล้ว หากผมอยากรู้อะไร คนที่ผมควรจะถามก็ต้องเปนแม่แก้ว...แล้วผมจะมาถามยังไงล่ะทีนี้ จะให้บอกว่าผมชอบน้องเขาหรอ?


บ้าหน่่าใครจะทำ?






"เข้ามาเลยจ๊ะ" สิ้นเสียงของเจ้าของห้องทำงานหรู ผมก็เปิดประตูเข้าไปเพื่อคุยและถามไถ่เรื่องที่สงสัยให้กระจ่าง


"ขออนุญาตครับ..." ผมค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ของแม่แก้วซึ่งเจ้าตัวยังคงนั่งทำงานอย่างตั้งใจอยู่ไม่วอกแวก


"ผมมีเรื่องอยากจะถาม...ครับ" ผมประหม่าเล็กน้อย แต่เมื่อแม่แก้วไม่พูดอะไรต่อ ก็แปลว่าท่านเปิดทางให้ผมพูดต่อ "เรื่องของน้องลิน"


แม่แก้วหันมาจ้องหน้าผมนิ่งๆ แม้ใบหน้าและนัยน์ตาแม่แก้วจะไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ แต่ผมรู้สึกได้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่


"ทำไมหรอจ๊ะ" แม่แก้วยังคงใช้น้ำเสียงสดใสเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไป


"ผมอยากรู้ว่าตอนนี้น้องเป็นยังไงบ้าง..."


"อืมม แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ..." ว่าจบเจ้าของใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหลุบลงต่ำ หันหนีไม่สบตาผู้มาใหม่อย่างผม เป็นกริยาของผู้พูดปด


"แม่บอกความจริงผมมาเถอะครับ" แม่แก้วมองหน้าผมนิ่งๆ ผมไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปสักเท่าไหร่ แต่ผมค่อนข้างไว้ใจสัญชาตญาณตัวเอง การที่คิดไว้ว่าลินกับเกิร์ลเป็นคนเดียวกัน...อาจจะเป็นความจริง