ใครบอกว่าเด็กเนิร์ดไม่มีประสบการณ์กันล่ะ หมาป่าในคราบแกะมีอยู่จริงนะ

แกงจืด รสแซ่บ - ตอนที่ 4 - โดย ศรกามเทพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,โรงเรียนไทย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แกงจืด รสแซ่บ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรงเรียนไทย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,แฟนตาซี

รายละเอียด

แกงจืด รสแซ่บ โดย ศรกามเทพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ใครบอกว่าเด็กเนิร์ดไม่มีประสบการณ์กันล่ะ หมาป่าในคราบแกะมีอยู่จริงนะ

ผู้แต่ง

ศรกามเทพ

เรื่องย่อ

สารบัญ

แกงจืด รสแซ่บ-ตอนที่ 1 -,แกงจืด รสแซ่บ-ตอนที่ 2 -,แกงจืด รสแซ่บ-ตอนที่ 3 -,แกงจืด รสแซ่บ-ตอนที่ 4 -,แกงจืด รสแซ่บ-ตอนที่ 5 -,แกงจืด รสแซ่บ-ตอนที่ 6 -,แกงจืด รสแซ่บ-ตอนที่ 7 -,แกงจืด รสแซ่บ-ตอนที่ 8 -

เนื้อหา

ตอนที่ 4 -

เช้าวันต่อมา

ผมมีความรู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังถูกมัดไปทั้งตัวอย่างไรอย่างนั้นก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองและได้เห็นภาพตรงหน้าว่าเป็นใบหน้าสุดหล่อของหัวกะทิของห้องแบบระยะเผาขน

ความรู้สึกที่ขนลุกซู่ของผมเกิดขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่ผมจะพยายามดิ้นสุดฤทธิ์แต่เขาก็กอดผมแน่นมากกว่าเดิมเหมือนผมเป็นหมอนข้างสุดโปรดและสุดห่วงของเจ้าตัว

และคงเพราะผมดิ้นแบบใช้แรงทั้งหมดจนทำให้หัวกะทิของห้องรู้สึกตัวก่อนที่เขาจะจ้องมองหน้าผมด้วยใบหน้าที่นิ่งและยากจะคาดเดาได้เหมือนเดิม

"กอดฉันทำไม ?ปล่อย!" พร้อมกับทำสายตาดุอย่างกับงูมีพิษจนเขาถึงกับยอมปล่อยผมอย่างง่ายดายและเมื่อผมได้รับอิสระผมก็รีบลุกขึ้นเพื่อที่จะกลับหอเพื่อที่จะเตรียมตัวไปโรงเรียนให้ทันข้าวเช้าสุดอร่อยที่รออยู่ในโรงอาหารของโรงเรียน

แต่อยู่ ๆ ผมก็เกือบสะดุดล้มเมื่ออยู่ ๆ เขาก็จับมือของผมเอาไว้แน่นจนผมต้องมองหน้าเขาอย่างหาเรื่อง...แต่ก็หายโกรธไปในทันทีเมื่อเจ้าของมือมองผมเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาอย่างกับเด็กสามขวบ

และผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ใจอ่อนกับคนที่ไม่เคยสนิทด้วยซ้ำนัก

"ไม่กินข้าวเช้าหรือครับ ? " พร้อมกับหาววอด ๆ แล้วปิดปากด้วยมือข้างนึงไปด้วย

"ปกติฉันก็กินที่โรงอาหารเป็นประจำอยู่แล้ว"

"ว้า..น่าเสียดายจัง ?ในตู้เย็นผมมีกุ้งลอบสเตอร์ซะด้วยสิ จะมีใครมาทำข้าวเช้าให้ผมกินมั้ยน้า กะว่าจะให้กินฟรีด้วยสิ" ผมถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินหัวกะทิของห้องว่าอย่างนั้น

กุ้งลอบสเตอร์!

ของแพงเลยนะนั่น!

ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้กินก่อนตายรึเปล่าก็ไม่รู้

"อ้อ เพิ่งนึกได้ว่ายังมีเวลาเหลืออยู่จะทำข้าวเช้าให้กินก็ได้ ละ..แล้วครัวอยู่ที่ไหนกันล่ะ ? (ผมไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ..จริงจริ๊ง!!) " หัวกะทิของห้องไม่ได้พูดอะไรแต่ลุกขึ้นจากเตียงก่อนที่จะเดินนำหน้าเหมือนสื่อว่าให้ผมเดินตามเขาไปโดยผมไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามันคือแผนร้ายเงียบของเจ้าตัว

ถึงผมจะไม่เคยกินกุ้งลอบเสตอร์สุดแพงแต่ผมก็รู้วิธีทำและวิธีปรุงจากวิดีโอและหนังสือเก่าที่ผมชอบอ่านเวลาว่าง ๆ เมื่ออีเว้นท์ของเกมยังไม่เปิด

หลังจากที่เลาะเปลือกด้วยมีดเล็กและทำความสะอาด จากนั้นก็ลวกพอสุกเพราะต้องเป็นอาหารเช้าและถ้ากินแบบดิบหัวกะทิของห้องอาจจะท้องเสียก็เป็นไปได้

และขั้นตอนต่อไปก็เป็นโจ๊กจากข้าวหอมมะลิที่ผมก็ไม่เคยกินเหมือนกันแต่หน้าตามันก็ไม่ได้แตกต่างจากข้าวราคาถูก ๆ ที่ผมเคยกินมาเลยนะ

บางทีมันอาจจะแพงเพราะรสชาติที่อร่อยเพราะอะไรที่อร่อยเหมือนอยู่สวรรค์มักจะแพงแบบไม่มีเหตุผลเสมอเลยแหละ

ปรุงรสด้วยน้ำปลาและพริกไทยแค่สองอย่างเพราะผมไม่อยากให้กุ้งเสียรสชาติในตัวมันเอง ถ้าปรุงจัดเต็มก็กินโจ๊กทรงเครื่องที่ใส่ไข่สุดพิเศษไปเลยเถอะ

อันนี้อร่อยมากกก

แต่เขาไม่ได้ขอผมเลยไม่ทำให้ล่ะกันเพราะปกติผมจะทำให้คนที่สนิทที่สุดกับผมเท่านั้นอย่างเช่น ตัวผมเองยังไงล่ะ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ

พอสุกได้ที่ก็ตักใส่ถ้วยที่ดูหรูสีขาวสะอาดตาพร้อมกับที่รองถ้วยและวิธีนี้ผมก็ดูในละครจากมือถือว่าเวลาคนรวยที่เกิดมาบนกองเงินกองทองมักจะเสิร์ฟกันแบบนี้

ตกแต่งด้วยเนื้อลอบสเตอร์ที่ม้วนเหมือนดอกกุหลาบอย่างไรอย่างนั้นก่อนที่จะเลื่อนไปตรงหน้าไอ้คุณชายที่นั่งเท้าคางมองผมเงียบ ๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนอันน่าขนลุก

"นี่ฉันต้องล้างจานด้วยใช่ไหม ?รีบกินเถอะเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย"

พอผมพูดจบก็ตักของตัวเองบ้างและยืนกินแบบคนไร้มารยาทแถมยังถือถ้วยด้วยมือข้างเดียวแบบไม่ร้อนด้วยเพราะมือมันด้านจนผมไม่รู้สึกถึงความร้อนของถ้วยอีกต่อไปแล้ว

"ฝีมือดีนะเนี่ย! ครับ" ผมถึงกับตกใจที่อยู่ ๆ หัวกะทิของห้องก็พูดไม่มีหางเสียงเป็นครั้งแรกก่อนที่เขาจะรู้ตัวแล้วลงท้ายด้วยคำสุภาพและกระแอมอย่างอาย ๆ

บางทีเขาก็มีมุมแบบนี้อยู่เหมือนกันนะเพราะยังไงหัวกะทิของห้องก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่ดีนี่นา

"ผมมีคำถามครับคุณไมเยอร์"

"อะไร ? "

ก่อนที่เขาจะพูดเขาก็ชี้ไปที่ใบหน้าของผม "ยังจะปิดหน้าอยู่อีกหรือครับ ?คุณซ่อนอะไรผมอยู่หรือ ? "

"มะ...ไม่มีอะไรซ่อนไว้หรอกน่า!" แล้วผมก็ถอยออกมาก้าวนึงเพื่อให้พ้นเงื้อมมือปีศาจของหัวกะทิของห้องให้พ้น จากนั้นก็รีบกินส่วนของตัวเองให้หมดแล้วล้างทั้งจานและหม้อทันทีด้วยความเร่งรีบโดยที่หันหลังและไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าเขากำลังลุกจากเก้าอี้และค่อย ๆ เดินแล้วหยุดที่ด้านหลังของผม

กว่าผมจะรู้ตัวก็ในตอนที่ผมมีความรู้สึกขนลุกซู่ แต่มันก็สายไปเสียแล้วที่ผมคิดจะหนีจากหัวกะทิของห้องเพราะตอนนี้เขาได้ถือวิสาสะมาสวมกอดผมจากทางด้านหลังแล้ว

'ไหนบอกว่าจะล้างให้ผมด้วยไม่ใช่หรือครับ ? ' หัวกะทิของห้องพูดด้วยเสียงที่แหบพร่าเหมือนคนกำลังมีอารมณ์ทางเพศแถมยังกระซิบเสียงนั้นที่ข้างหูของผมอีกด้วย

ผมหดคอหนีด้วยความกลัวและเสียวสันหลังจนเท้าขวาดันสกัดเท้าซ้ายจนผมถึงกับทรงตัวไม่อยู่จนเกือบจะทำให้หัวฟาดกับพื้น แต่ดีที่หัวกะทิของห้องคว้าเอวของผมได้ทันจนทำให้ผ้าที่คลุมหัวผมลงพื้นจนผมต้องหลับตาปี๋เพราะไม่อยากสบตากับเขาตรง ๆ อีกต่อไปแล้ว

หัวกะทิของห้องต้องด่าผมแน่ ๆ เลยหรือไม่เขาอาจจะล้อผมว่าหน้าเหมือนผู้หญิงก็เป็นไปได้

แต่พอคิดไปแบบนั้นก็รู้สึกแปลก ๆ และเมื่อไม่มีเสียงตอบโต้ก็ยิ่งทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นไปอีกเป็นล้านเท่าก่อนที่จะทำเป็นใจดีสู้เสือแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองก่อนที่จะร้อนผ่าวที่แก้มเมื่อได้เห็นสายตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยนของหัวกะทิของห้องที่ผมก็เพิ่งเคยเห็นวันแรกก็วันนี้เนี่ยแหละ

และเพื่อไม่ให้เขาจับได้ว่าผมกำลังอายสายตาและรอยยิ้มของหัวกะทิของห้องอยู่ผมจึงเปลี่ยนเรื่องในทันที "จะ..จะปล่อยฉันได้รึยัง ? "

"หึ ! " เขาหลุดขำสั้น ๆ ที่ทำเอาผมถึงกับทำหน้างอนและพร้อมที่จะมีเรื่องในเวลาเดียวกันก่อนที่จะพยุงผมให้ยืนอย่างสมดุลไม่ล้มอีกเป็นครั้งที่สอง

"โอ๊ย ! มัวแต่ลีลาเดี๋ยวก็ต้องรีดเสื้ออีกจะไปโรงเรียนทันมั้ยเนี่ย!" ผมบ่นออกมาลอย ๆ และคิดว่าที่นี่อาจจะมีห้องรีดและอาจจะขอยืมเสื้อเขามาใส่วันหนึ่ง

กำลังจะหันไปขอที่ถึงแม้อาการอายจะไม่ได้หายไปหมดแล้วก็ตาม

"ฉันขอ..!?" ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบด้วยซ้ำผมก็ถึงกับต้องหยุดพูดกะทันหันเมื่อได้เห็นหัวกะทิของห้องยืนรีดผ้าอัตโนมือแบบบ้าน ๆ โดยที่ผมไม่คาดคิดว่าเขาจะทำเองเป็น

โถ่! ผมก็นึกว่าหัวกะทิของห้องจะจ้างคนมาทำแทนซะอีกเห็นภายนอกเป็นคนหนูแบบนั้น

"กางเกงไม่จำเป็นต้องรีดหรอกมั้งเพราะยังไงมันก็เป็นสีดำมองไม่เห็นรอยยับอยู่แล้ว" ผมว่าอย่างนั้นก่อนที่จะหยิบโดยที่ไม่ขอเพราะยังไงหัวกะทิของห้องก็เห็นอยู่แล้วว่าผมหยิบจากเก้าอี้

เหมือนเดจาวูอีกครั้งเมื่อต้องมาอาบน้ำที่ประตูห้องน้ำเป็นกระจก ก็ผมมันไม่ชินเหมือนเจ้าของบ้านสักทียังไงล่ะ ?

ทำเหมือนเดิมทุกอย่างยกเว้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับครีมที่ทาแล้วเหมือนกับคนสวยและน่ารักอีกก่อนที่จะเช็ดตัวจนแห้งแล้วใส่กางเกงพร้อมกับกางเกงในของเมื่อวาน

ถึงจะเป็นตัวเดิมแต่ยังไงก็ไม่มีใครมาดมเป้ากางเกงของผมหรอกและที่สำคัญกว่านั้นกางเกงในมันก็ไม่ได้อยู่ข้างนอกสักหน่อยและไม่ได้โชว์ให้ใครเห็นอีกด้วย

รูดซิบเรียบร้อยก่อนที่จะหันไปทางประตูจนหัวใจแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยความตกใจแบบเงียบ ๆ เมื่อหัวกะทิของห้องยืนเอาแขนพิงกับขอบประตูเอาไว้

"นะ..นายมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!" แล้วหยิบเสื้อมาปิดที่หน้าอกเอาไว้ ผมไม่ได้อายหรอกนะแต่กลัวจะเกิดเรื่องบางอย่างต่างหากและอาจจะเข้าสู่โลกชายเหนือชายก็เป็นไปได้

"ผมมองไม่ทันเห็นหรอกน่า!" แล้วเขาก็เดินแทรกผมจนเอวของหัวกะทิของห้องได้สัมผัสหน้าท้องของผมแบบแนบแน่นจนผมถึงกับต้องรีบออกไปจากห้องน้ำด้วยความระแวงสุดขีด

"เสื้ออยู่ไหน!" พร้อมเตรียมชิ่ง แต่คำตอบคือความเงียบจนผมต้องค่อย ๆ หันไปมองจนหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาอีกรอบจนต้องหันกลับไปทางเดิมด้วยความเขินอาย

จนเขาเห็นอาการของผมถึงกับหลุดขำ "หึ ๆ ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้ ตอนนี้มีอย่างเดียวที่คุณไมเยอร์ไม่เคยสัมผัสผมมาก่อนก็คือ ร่างกายของผมและน้องชายตัวใหญ่ของผม"

"พะ..พูดอะไร! ฉันไม่เห็นอยากจะรู้เลย!"

"ก็แค่บอกเอาไว้ก่อนนะครับ" หัวกะทิของห้องพูดด้วยเสียงกวนประสาทใส่ผม "ถ้าคุณอยากจะสัมผัสตอนนี้ผมก็ให้ได้อยู่นะครับ"

"ไม่ได้อยากจะสัมผัสเว้ย! ของฉันก็มีอยู่แล้วปะ!"

"อ้อ...เสื้อรีดเสร็จแล้วผมตั้งเอาไว้ที่เดิมนะครับ" แล้วผมก็พุ่งทันทีเมื่อได้ยินเพราะยิ่งอยู่ใกล้เขานาน ๆ เหมือนจะมีความรู้สึกมากกว่าเพื่อนอย่างไรก็ไม่รู้

หรือเช้านี้ผมป่วยแล้ว ?