ใครบอกว่าเด็กเนิร์ดไม่มีประสบการณ์กันล่ะ หมาป่าในคราบแกะมีอยู่จริงนะ
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,โรงเรียนไทย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แกงจืด รสแซ่บในที่สุดผมก็ได้มายืนอยู่ที่หน้าหอของหัวกะทิของห้องได้สักทีและกว่าจะมาถึงเขาก็พยุงผมตลอดเหมือนผมเป็นคนป่วยหรือคนพิการที่เดินไม่ได้ด้วยตัวเอง
พอเขาปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระผมก็ได้ใช้โอกาสที่หัวกะทิของห้องเผลอรีบเดินให้เร็วที่สุด แต่ความคิดของผมมักจะสวนทางกับความเป็นจริงอยู่เสมอ
เมื่ออยู่ ๆ เขาก็โอบเอวของผมอีกรอบแต่ทั้งที่ผมใช้แรงสะบัดตัวได้แต่ดันยอมให้เขาทำซะอย่างนั้นและที่ผมไม่ออกแรงเพราะยอดอกทั้งสองข้างของผมถูกจับเป็นตัวประกันเพราะแค่ผมจะออกแรงหัวกะทิของห้องก็จะใช้มือบี้ไปที่ยอดอกของผมทันที
แค่เขาเขี่ยยอดอกผมก็ระแวงแล้ว
"ดอกไม้สวยดีนะ" ผมกำลังจะหัวร้อนอยู่แล้วเชียวแต่ก็กลับใจเย็นลงทันทีเมื่อผมเงยหน้ามองต้นไม้ที่มีดอกสีชมพูและเมื่อได้มองนาน ๆ ก็รู้สึกเพลินดีอยู่เหมือนกัน
จนเผลอยิ้มแบบไม่ได้ตั้งใจให้หัวกะทิของห้องได้เห็นเต็มสองลูกตา
จนคนข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะถือวิสาสะมาหอมแก้มคนอีกคนทีเผลอจนคนอีกคนถึงกับสะดุ้งตกใจไปทั้งตัว "นี่นายกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย! นี่มันข้างนอกนะเว้ย!"
"แปลว่าถ้าทำข้างในได้สินะครับ? เอาให้ลึกจนเสียน้ำเลยดีมั้ยครับ ? " รู้เลยว่าหัวกะทิของห้องหมายถึงอะไรในคำพูดก่อนที่ผมจะแก้มแดงด้วยความอายแทนเขาที่ช่างกล้าพูดเรื่องใต้สะดือกันข้างนอก
"ฉันหมายถึงในหอเว้ย!"
"อ้อ.." เขาทำหน้าเข้าใจแต่ในความกวนประสาทของเขาเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจจริง ๆ ซะมากกว่า
"เดี๋ยวคนอื่นเห็นและเข้าใจผิดหรอก"
"มีพวกเราแค่สองคนไม่เห็นมีใครคนอื่นเลยและเพื่อนจะหอมแก้มกันก็เป็นเรื่องปกติ" ไม่ปกติเว้ย! นายไปเอาตรรกะแบบนี้มาจากไหนนะฮะ! "ถ้าเล่นหนังสดก็ว่าไปอย่าง" ก่อนที่จะเหล่ตามองมาทางผมแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนตัวร้ายในละครหลังข่าวจนผมต้องดีดตัวออกจากการโอบเอวของเขาแล้วกอดตัวเองเพื่อปกป้องร่างกายและความซิงเอาไว้ให้แน่น
"ไอ้แว่นโรคจิต!"
"วันนี้ภาคปฏิบัติจับคู่ใหม่นะคะ" สิ้นเสียงของครูมิ้นคนที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะลาโลกไปเป็นคนแรกก็คือคู่ก่อนหน้านี้ของผมอย่างริริน
เขาหันมาอ้อนวอนผมแต่ผมก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรเขาได้เพราะยังไงผมก็แค่นักเรียนจะมีอำนาจเท่าครูได้อย่างไรกันล่ะ ผมไม่ได้เป็นผอ.ของโรงเรียนนี้สักหน่อยที่จะมีอำนาจทำอะไรก็ได้
แต่ที่จริงถ้าริรินไปอยู่กับกลุ่มใหม่ก็ไม่ได้ลำบากสำหรับเขาขนาดนั้นเพราะยังไงเขาก็เก่งอยู่แล้วและที่เขาเสียใจที่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับผมก็เพราะเขาจะไม่สามารถอยู่ได้สบายอีกยังไงล่ะเพราะก่อนหน้านี้โดยส่วนมากจะเป็นผมคนเดียวซะมากกว่าที่เป็นคนทำจนเคยเข้าใจไปเองว่าตัวผมเองอาจจะอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีกลุ่มตั้งแต่แรกรึเปล่านะ ?
"ยางลบนายมีมั้ยฉันขอยืมหน่อย"
"อยู่ในกระเป๋าดินสอเหมือนเดิมนั่นแหละ" ผมบอกเขาไปโดยที่ไปจับฉลากโดยไม่ได้ทันรู้ตัวเลยว่าริรินได้เอาตลับเทียนหอมใส่เข้าไปในกระเป๋าดินสอพร้อมกับสายตาและรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์อย่างเงียบ ๆ
'ตะเดี๋ยวหลังเลิกเรียนจะต้องมีเรื่องน่าสนุกอย่างแน่นอนเลย อิอิ' ก่อนที่สายตาจะหันไปมองที่ภาพสะท้อนที่ตู้กระจกและมีเด็กผู้ชายคนนึงที่สวมหน้ากากยักษ์ญี่ปุ่นยืนอยู่ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินถอยหลังหายไปเมื่อรู้สึกตัวว่าโดนเห็นเข้าแล้ว
"ดาราทอง.." ผมถึงกับพูดไม่ออกต่อเมื่อจับฉลากได้ขนมที่ทำยากที่สุด เหนื่อยที่สุดและร้อนมือที่สุด 'สงสัยคราวนี้คงจะทำคนเดียวไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ? ' แล้วเงยหน้ามองคนอื่นที่ไม่ค่อยสนิทด้วยนอกจากริริน
แต่เพื่อนคนอื่นที่มองมาที่ผมจากภายนอกเหมือนนักเลงที่ถึงแม้ตอนนี้ใบหน้าของผมจะหวานขึ้นมากแล้วก็ตามเถอะก็ไม่กล้าที่จะมาร่วมกลุ่มกับผมด้วยสักคน แต่ริรินกลับมีคนอยากได้เป็นคนร่วมกลุ่มทั้งที่เขาชอบกวนประสาทคนก็เยอะ
ผมถึงกับถอนหายใจเบา ๆ เพราะยังไงผมก็ต้องยอมรับกับสังคมในห้องที่กลายเป็นแบบนี้อยู่ดีก่อนที่จะยกมือในขณะที่ก้มลงมองโต๊ะเพื่อที่จะขออนุญาติจากครูมิ้นว่าอยากจะทำคนเดียว
แต่ยังไม่ทันที่จะออกเสียงอยู่ ๆ ก็มีใครบางคนมากุมมือของผมเอาไว้ก่อนที่จะบังคับยกมือของผมลงและเมื่อผมเงยหน้ามองเจ้าของมือก็ถึงกับสบถคนเดียวเงียบ ๆ และพยายามที่จะสะบัดมือออกจากการกอบกุม
"คู่ของผมวันนี้คือคุณไมเยอร์ครับ" หัวกะทิของห้องบอกแบบนั้นด้วยรอยยิ้มระรื้นที่ทุกคนในห้องได้เห็นต่างปลื้มปริ่มและฟินในขณะที่ผมอยากจะอ้วกแทบตายเพราะรู้ว่ายังไงรอยยิ้มนั้นมันก็แค่การแส่แสร้งก็เท่านั้นแหละ
และเพราะได้พึ่งบารมีของหัวกะทิของห้องเลยทำให้ดาราทองของกลุ่มผมขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนแม้แต่ครูมิ้นยังไม่มีโอกาสได้ชิมฝีมือของเขาเลยแม้แต่น้อย
ที่ผมบอกว่าเป็นฝีมือของหัวกะทิของห้องก็เพราะผมดันมีหน้าที่แค่เตรียมวัตถุดิบนอกจากนั้นก็ยืนมองเขาทำอย่างเงียบ ๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะช่วยเขาหรอกนะแต่เขาไม่ยอมให้ผมช่วยเลยต่างหาก
โดยให้เหตุผลว่า มือนุ่ม ๆ ของผมไม่ควรมาด้านเพราะความร้อนจากกระทะ
นี่หัวกะทิของห้องไม่รู้รึไงว่าที่ผมมาเรียนสาขานี้เพราะอะไร ?จะเป็นเชฟเว้ย! ไม่ได้อยากจะเป็นนายแบบรีวิวอาหาร!
"ฉันขอบใจนายล่ะกันนะที่อุตส่าห์มาอยู่กลุ่มกับคนเชี้ย ๆ อย่างฉัน" ก่อนที่ผมจะสะพายกระเป๋าเพราะตอนนี้ก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว
เป็นการทำขนมที่ยาวนานและร้อนเหมือนอยู่ใกล้ประตูนรกอย่างไรอย่างนั้นแถมยังไม่สามารถเปิดพัดลมได้เพราะแม่งจะพัดเอาฝุ่นเข้ามาในวัตกุดิบอย่างเช่นของเหลวงี้และคนที่มีส่วนผสมแป้งก็อาจจะปลิวจากถ้วยเพราะลมนี่แหละ
"ผมอุตส่าห์ช่วยคุณไมเยอร์ทั้งที่ต้องมีของตอบแทนสำหรับผมแล้วแหละ" ผมหันไปมองคนที่อยู่ด้านหลังอย่างหาเรื่องโดยที่คนที่พูดอย่างหัวกะทิของห้องยืนยิ้มเหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลยแม้แต่น้อย
"แล้วฉันขอเมื่อไรล่ะ ? " แล้วผมก็หันไปทางเดิมและรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้พ้นสายตาของคนที่เจ้าเล่ห์อย่างหัวกะทิของห้อง แต่ยิ่งเดินผมก็ยิ่งมีความรู้สึกว่าไม่ได้เดินอยู่คนเดียวอย่างไรก็ไม่รู้ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่หน้าหอแล้วหันควับไปที่ด้านหลังจนแทบเกือบคอเคล็ด "นะ..นายตามฉันมาทำไม! หอนายยังไม่ถึงไม่ใช่หรือ ?ยังอีกใกลจากนี่หนิ!"
"ผมขอเข้าไปด้วยได้ปะครับ ? " เป็นความปรารถนาที่ตรงกับความคิดจริง ๆ เลยแถมเป็นคำขอที่มีแต่คนหน้าด้านเท่านั้นแหละที่จะพูดแบบนี้ได้
"เมื่อเช้าฉันก็พานายมาดูแล้วไม่ใช่รึไงตอนที่ฉันมาเอากระเป๋าเรียนนะ"
"ก็นั่นมันหน้าหอไม่ใช่ในหอ ผมขอเปิดประสบการณ์ครั้งแรกได้มั้ยครับ ? " ไม่รู้ว่าหัวกะทิของห้องหมายถึงอะไรแต่ผมก็คิดลึกจนรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มแล้วแหละตอนนี้