เมื่อ ‘ฟราย’ ต้องนำอาหารไปส่งที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกลักพาตัวมาที่ ‘ชุมชนคนผิวเผือก’ โดยมีชายปริศนาอ้างว่าเป็นสถานที่ที่มอบการศึกษาให้แก่เด็กผิวเผือก เรื่องแปลกประหลาดจึงเริ่มต้นนับตั้งแต่นั้น
ดราม่า,ผจญภัย,แฟนตาซี,ลึกลับ,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Nightmares in the hellเมื่อ ‘ฟราย’ ต้องนำอาหารไปส่งที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกลักพาตัวมาที่ ‘ชุมชนคนผิวเผือก’ โดยมีชายปริศนาอ้างว่าเป็นสถานที่ที่มอบการศึกษาให้แก่เด็กผิวเผือก เรื่องแปลกประหลาดจึงเริ่มต้นนับตั้งแต่นั้น
แสงสว่างจากเทียนเล่มหนึ่งเผยให้เห็นบางอย่างภายในห้อง ของใช้เครื่องเรือนมากมายมีสภาพเก่าและผุพังโดยเฉพาะผ้าปูเปลเด็กที่ถูกเย็บซ้ำๆจนปรากฏรอยอย่างเด่นชัด
แต่สิ่งที่น่าเวทนาที่สุดคงไม่พ้นชุดของหญิงสาวอันแสนซกมกผู้ซึ่งเต็มไปด้วยรอยขาดและรอยเย็บ... ไม่รู้ว่าถูกซ่อมแซมไปแล้วกี่ครั้งแต่ก็ยังใส่มันซ้ำไปซ้ำมาไม่เบื่อ เพียงเพราะมันคือของขวัญที่คนรักมอบให้... จะให้เธอทิ้งมันไปได้อย่างไร?
หญิงสาวผู้นี้มีนามว่า ‘เฟย์อา’ ผู้มีใบหน้ากลมดั่งตุ๊กตาและมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอันแสนน่ารัก ผมเธอยาวหยักศกถึงกลางหลังเป็นสีงามเช่นเดียวกับสีตา
เฟย์อาเป็นคนผิวดำเหมือนคนในหมู่บ้านซึ่งแตกต่างจากผู้คนต่างเมืองที่ล้วนตัวขาวกันไปหมด
เฟย์อาเกิดในหมู่บ้าน ‘เศษเดน’ แห่งนี้ ซึ่งผู้คนที่นี่นิสัยไม่ค่อยดีนัก เว้นแต่ชายผู้หนึ่งนามว่า ‘นิคโคลส’ เขาเป็นคนดีมากและเป็นสามีของเธอเอง
“หลับได้แล้วนะลูกรัก พรุ่งนี้ค่อยตื่นขึ้นมาใหม่ มาพบพ่อพร้อมแม่นะ แม่สัญญาว่าพรุ่งนี้พ่อจะต้องกลับมาแน่นอน”
เฟย์อาประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากลูกน้อยอย่างอ่อนโยนและเอ่ยประโยคที่มักพูดอยู่เป็นประจำพลันคาดหวังเหมือนทุกครั้ง ขอให้เป็นจริงในสักวัน ก่อนผละออกจากเด็กน้อยในเปล
ดวงตากลมโตสีม่วงมองผู้เป็นแม่ด้วยแววตาเปล่งประกาย ก่อนส่งยิ้มร่าเริงพร้อมหัวเราะคิกคักช่างน่ารักน่าเอ็นดู แต่น่าเศร้าที่ต้องหยุดความอบอุ่นนี้ลง เวลานอนของลูกมาถึงแล้ว
เฟย์อาจึงยื่นมือเรียวที่เต็มไปด้วยผ้าผันแผลแกว่งเปลไปมาอย่างช้าๆพร้อมขับขานบทเพลงกล่อมเด็กให้ลูกน้อยฟัง
เฟย์อาอาศัยอยู่กับนิคโคลสมาตั้งแต่เด็ก นิคโคลสเขาเป็นชายร่างสูงโปร่ง ผมสีดำถูกเซ็ตให้เรียบเปล๋ เขามีโหนกแก้มสูง จมูกโด่ง และเป็นลูกครึ่งระหว่างคนขาวกับคนดำ
ด้วยความที่นิคโคลสเป็นลูกผสม คนในเมืองเลยให้เขาทำงานได้แต่แค่บางคนเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้เขาไม่ค่อยอยู่บ้าน นานๆครั้งเขาจะกลับมา ส่วนเรื่องงาน เธอไม่รู้หรอกว่าเขาทำงานอะไร ขอแค่ให้นิคโคลสกลับมาหาเธอในเร็ววันก็พอ
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังอย่างถี่เบา เฟย์อาหันไปมองข้างหลัง เธอฉีกยิ้มทันทีเมื่อคิดว่าต้องเป็นนิคโคลสไม่ผิดแน่ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คนมาเคาะไม่มีทางเป็นเพื่อนบ้านได้หรอก
เธอจึงหันไปมองลูกอีกครั้ง เปลือกตาเด็กน้อยปิดสนิท พอเห็นเป็นเช่นนั้น เฟย์อาก็ไม่รีรอรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมุ่งตรงไปหาชายอันเป็นที่รัก นิคโคลสกลับมาแล้ว! เขากลับมาหาเธอแล้ว!!
เมื่อบานประตูถูกเปิดออก เฟย์อาก็รีบโผเข้ากอดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเวลาสองปีแล้วที่นิคโคลสไม่ได้มาหาเธอเลย ส่งจดหมายไปก็ไม่ได้รับการตอบกลับ มีเพียงการอุ้มท้องรอคอยเขา เฝ้ารอวันที่เขาจะกลับมา และเขาก็กลับมาจริงๆ
“ในที่สุดนายก็กลับมา!” น้ำตาแห่งความปลื้มปิติหลั่งไหลอาบแก้ม เฟย์อายิ้มกว้างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “นายไม่รู้หรอกว่าฉันเฝ้ารอวันนี้มานานแค่ไหน ฉันคิดถึงนายมาก... ฉันทั้งเชื่อมั่นว่านายจะกลับมาและนายก็กลับมาจริงๆ ขอบคุณ ขอบคุณที่กลับมา ขอบคุณที่ยังรักกัน ขอบคุณจริงๆ ฉันดีใจมากจริงๆ”
เฟย์อาเงยหน้ามองอีกฝ่าย น้ำตายังคงไม่หยุดไหล รอยยิ้มจากใบหน้างามยังคงประดับให้เธอดูสวยไม่เปลี่ยนแปลง
“ ... ”
นิคโคลสมองหญิงสาวที่เคยรักนิ่ง... เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เธอยังเป็นผู้หญิงคนเดิมผู้ซึ่งสวมเสื้อผ้าขาดๆ เนื้อตัวมอมแมม แต่ใบหน้ากลับงดงามช่างแตกต่างจากภาพลักษณ์ในปัจจุบัน
เขาจึงเอื้อมมือไปสัมผัสบริเวณแก้ม ลูปมันเบาๆก่อนเชยคางให้เธอสบตากับเขา
“ไม่เปลี่ยนไปเลย” เสียงทุ้มบ่นพึมพำ
เฟย์อาชะงักกึก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปและแววตาที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า... ทำไมเธอถึงรู้สึกว่านิคโคลสเปลี่ยนไป?
แปลก...
“มีอะไรรึเปล่า?” ร่างเล็กเอ่ยถามเขา แต่นิคโคลสกลับไม่ตอบพลางผละเธอออกและปฏิเสธเสียงแข็ง “เปล่า”
“ ... ”
“มีอะไรก็บอกมาตามตรงได้เลยนะ ฉันรอฟังนายอยู่” เฟย์อาจ้องเขาตาแป๋ว มือบางทั้งสองข้างกุมมือเขาไว้ แต่นิคโคลสกลับเมินเฉยพลางแกะมือเธอออก
เขาหลบตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนเอาตะเกียงที่ถือมา เดินไปวางไว้ตรงชั้นวางของใกล้ๆ
“ฉันได้ยินว่าเธอท้อง... ไหนล่ะ ลูก?”
เฟย์อาตาโตราวกับเพิ่งนึกได้ ที่แท้นิคโคลสแค่อยากเจอลูก! ถ้าเขาได้เจอคงกลับไปเป็นเหมือนเดิม!
เธอจึงรีบคว้ามือเขาและเดินนำไป แต่โดนนิคโคลสสะบัดมือออก ร่างบางจึงหยุดชะงักและหันมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แม้ภายในใจจะเริ่มรู้สึกไม่โอเค แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นในความคิดของตน
“ทางนี้”
“....”
“ไม่ต้องห่วง ลูกของเราแข็งแรงดี ถึงสีผิวจะต่างจากเรามากแต่ก็เป็นลูกของเรา ฉันตั้งชื่อให้ลูกแล้วนะ ชื่อว่า ‘ฟาน’ เป็นชื่อที่น่ารักดีว่าไหม?”
เฟย์อาอธิบายอย่างฉะฉานให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เธอยังคงยิ้มร่าพลางหันมองคู่บทสนทนาที่ฟังเธออย่างตั้งใจ แต่นิคโคลสไม่ได้หันมองเธอ เขาก้มมองลูกน้อยในเปล ก่อนย่อตัวลงและสัมผัสแก้มอันนุ่มนิ่มของเด็กน้อย จากนั้นค่อยหยุดชะงัก เขากำลังครุ่งคิดอะไรบางอย่าง... มันเป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง
“เราเลิกกันเถอะ”
วินาทีที่เธอได้ยิมคำพูดนั้น.. ราวกับทุกอย่างค่อยๆช้าลง เสียงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ตอนนี้ มันค่อยๆเบาลง เบาลง เบาลงทุกที เฟย์อาเหม่อลอยมองใบหน้าของเขา.. สบตากับดวงตาสีดำนั่น... ก่อนแววตาจะฉายแววปวดร้าวและตามด้วยสีหน้าย่ำแย่เกินกว่าตัวเธอเองจะรับได้
“บอกได้ไหมว่าทำไม? ”
เฟย์อาเผยสีหน้าอ้อนวอน แค่ประโยคประโยคเดียวที่เธอเอ่ยถามเขา มันก็ยากเกินกว่าจะพูดมันออกมาได้ ปากหนาจึงค่อยๆสั่นระริกๆอย่างหวาดกลัวยามรอคอยคำตอบจากปากเขา
ตอนนี้เธออยากกุมมือเขาไว้ แต่ก็กลัวเขาจะสะบัดมือเธอทิ้งเหมือนก่อนหน้านี้ เฟย์อาจึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ รอคอยคำตอบเขา
“...”
แต่เขาก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย
เฟย์อาจึงเม้มปากแน่นสกัดกั้นน้ำตาตัวเองไว้ แต่มันก็ไร้ผลเมื่อตอนนี้มันคลออยู่ขอบตาเธอแล้ว มันพร้อมที่จะถล่มลงมาหากเขายังเลือกที่จะใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
พูดออกมาสินิค
บอกเหตุผลของนายมา
เธอพยายามรอและอ้อนวอนให้เขาพูดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ แต่นิคโคลสก็ไม่คิดจะเอ่ยประโยคใดๆออกมาเลย
ร่างบางจึงทำได้แค่รอ รอแล้วรอเล่า รออยู่เช่นนั้น... จนของเหลวสีใสไหลรินอาบแก้ม มันไหลท่วมท้นใบหน้า ฉายชัดให้เขาเห็น เฟย์อาจึงก้มหน้าลง หลบซ่อนความอ่อนแอของตนเอาไว้พลางกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนแทบเลือดซิบ
“ทำไมนายถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย? ทำไมถึงชอบเก็บงำเอาไว้คนเดียว? นายก็รู้ว่าฉันรักนายมากนี่? แต่ก็ยังปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเราจบลง เหตุผลมันคืออะไรกันแน่!”
เฟย์อาพยายามเค้นเสียงถามเขา เธอพยายามตะคอกใส่เขา แต่น้ำเสียงของเธอมันสั่นเครือจนดูไม่เป็นเช่นนั้น กลับดูเหมือนกำลังคร่ำครวญใส่เขาอยู่มากกว่า นิสัยเธออ่อนแอเกินกว่าที่จะทำเเบบนั้นด้วย
เจ็บใจนัก
“...”
ทุกการกระทำที่เธอทำให้เขาเห็น กลับไม่ได้รับปฏิกิริยาโต้ตอบจากเขาเลย นิคโคลสทำเพียงแค่ยืนมองเฉยๆพร้อมเผยแววตาอันดำมืด ไม่สามารถอ่านความคิดของเขาได้เลย เป็นแบบนั้นยิ่งชี้ชัด ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรเธออีกแล้ว กระทั่งคำกล่าวปลอบก็ยังไม่มี เพราะแบบนั้นเธอจึงตระหนักรู้ได้ในทันที ว่าเขา...
ไม่ได้รักเธออีกแล้ว
“ฉันไม่ได้แค่จะมาบอกเลิกเธอ ฉันเตรียมเงินจำนวนมากพอที่เธอน่าจะอยู่ได้สัก 5 เดือน ถ้ารู้จักใช้อย่างประหยัด ถือซะว่าเป็นคำขอโทษจากฉัน”
นิคโคลสวางถุงเงินขนาดกลางเอาไว้ที่โต๊ะ ในนั้นคงมีแต่แบงค์เพราะเธอไม่ได้ยินเสียงกระทบกันของเหรียญยามที่เขาวางมันลง
เฟย์อาหันมองเงินพวกนั้น ก่อนกลับมามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เธอแสดงสีหน้าสับสนและไม่เข้าใจกับท่าทีแบบนั้นของเขาเลย
อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไป?
อะไรทำให้เขาบอกเลิกเธอ?
เขาไม่ได้บอกอะไรเธอเลยสักอย่าง!
แล้วทำไมเธอต้องปล่อยเขาไป!?
เฟย์อาสูดหายใจเข้าลึกๆและหายใจออกอย่างช้าๆก่อนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาที่เปิดกว้างอย่างน่ากลัว
“นายจะมาพูดแค่นั้น แล้วจบมันงั้นเหรอ?”
ฝันไปเถอะ
เฟย์อาแสยะยิ้มพลางเดินตรงไปหาเขา ก่อนกระชากคอเสื้อให้ใบหน้าเราใกล้ชิดและออกคำสั่งกับเขาด้วยสีหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยว
“ฉันรักนายนิคโคลส รักนายมากๆและหวังว่านายจะรักฉัน เราจะต้องอยู่ด้วยกันทั้งสามคน! ไม่มีวันเปลี่ยน! นายไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอก เพราะฉันจะขังนายเอาไว้ให้นายอยู่ด้วยกันกับฉันตราบจนชั่วนิรันดร์ ตลอดไป!!!”
ฉึก
“น่ารำคาญ”
นิคโคลสตัดสินใจใช้ยาสลบฉีดหลังคอเธอ แล้วปล่อยทิ้งลงพื้น จากนั้นปัดเศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆที่เฟย์อานำมาแพร่เชื้อติดใส่เสื้อพลางจ้องมองอดีตภรรยาที่กำลังจะสลบจากฤทธิ์ของยา แล้วค่อยนั่งย่อในระยะใกล้
“ฉันไม่สนว่าเธอจะรับเงินนั่นไหม สุดท้ายมันก็เป็นแค่ค่าเสียเวลาตลอดมาก็เท่านั้นจะทิ้งมันก็แล้วแต่เธอ ลาก่อน... อย่าได้เจอกันอีกเลย”
เขายืนขึ้นพลางปัดมือเบาๆ ก่อนตวัดสายตาไปมองเปลเด็กที่เริ่มส่งเสียงร้องไห้งอแงอันแสนน่ารำคาญมากวนใจเขา นิคโคลสขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดพลางส่งเสียง ‘เหอะ’
“เด็กน้อยโสโครก อีกเดี๋ยวแกก็คงโดนยัยนั่นทิ้ง แต่ต่อให้มันเลี้ยงดูแก สุดท้ายแกก็โตมาเป็นเด็กขยะในสถานที่ขยะ ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”
นิคโคลสดูแคลนเด็กน้อยในเปลที่ไม่มีทางเป็นลูกของเขา ยิ่งเกิดมาจากพวกคนขาวแสนน่ารังเกียจยิ่งไม่ควรได้รับชีวิตที่ดี ถึงงั้นเขาก็ปล่อยเด็กนั่นไป ก่อนออกจากบ้าน ทิ้งเด็กทารกน้อยนอนร้องไห้งอแงอยู่นานแสนนาน
ณ หมู่บ้านที่มีเพียงความมืด ไม่มีทั้งดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์ มีเพียงยามราตรีที่ปกคลุมทุกหนแห่ง ภายใต้บ้านหลังเล็ก ในหมู่บ้านเศษเดนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวที่สลบไสลไปก่อนหน้านี้ก็ถึงคราลืมตาตื่น เธอยืนขึ้นประจันหน้ากับลูกน้อยในเปล ตาทั้งสองข้างแดงก่ำไปด้วยความโกรธ มือเรียวถือบางอย่างเอาไว้ อาวุธเเหลมคมจากใบมีด ภายในกระจกที่ตั้งเด่นชัดชิดกับกำแพง มันกำลังสะท้อนภาพบางอย่าง... ภาพของหญิงสาวที่กำลังจะสังหารลูกสาวตน