เมื่อ ‘ฟราย’ ต้องนำอาหารไปส่งที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกลักพาตัวมาที่ ‘ชุมชนคนผิวเผือก’ โดยมีชายปริศนาอ้างว่าเป็นสถานที่ที่มอบการศึกษาให้แก่เด็กผิวเผือก เรื่องแปลกประหลาดจึงเริ่มต้นนับตั้งแต่นั้น

Nightmares in the hell - 02 | เด็กน้อยที่ชื่อว่า ฟราย โดย ก้อนเมฆฤดูฝน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ผจญภัย,แฟนตาซี,ลึกลับ,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Nightmares in the hell

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ผจญภัย,แฟนตาซี,ลึกลับ,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เมื่อ ‘ฟราย’ ต้องนำอาหารไปส่งที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกลักพาตัวมาที่ ‘ชุมชนคนผิวเผือก’ โดยมีชายปริศนาอ้างว่าเป็นสถานที่ที่มอบการศึกษาให้แก่เด็กผิวเผือก เรื่องแปลกประหลาดจึงเริ่มต้นนับตั้งแต่นั้น

ผู้แต่ง

ก้อนเมฆฤดูฝน

เรื่องย่อ

สารบัญ

Nightmares in the hell-01 | ความผิดของเด็กผิวเผือก,Nightmares in the hell-02 | เด็กน้อยที่ชื่อว่า ฟราย,Nightmares in the hell-03 | ชุมชนคนผิวเผือก,Nightmares in the hell-04 | รอยเย็บและเด็กชายที่ชื่อว่า โซ

เนื้อหา

02 | เด็กน้อยที่ชื่อว่า ฟราย

วันเวลาได้ล่วงเลยมา 11 ปี เด็กทารกในวันนั้นได้เติบใหญ่เป็นเด็กสาววัยแรกรุ่น ทั่วทั้งร่างของเธอขาวผุดผ่องสมดั่งคนผิวเผือก ผมเธอยาวเพียงแค่ประบ่าและมีนัยน์ตาสีไวโอเล็ต


เธอมีนามว่า ‘ฟราย’ ถูกดัดแปลงมาจากคำว่า ‘ควาย’ แม่ผู้ให้กำเนิดเป็นคนตั้งให้ในยามที่เธอเอ่ยถาม แม่บอกว่า ‘ชื่อฟานมันฟังดูดีเกินไปสำหรับแก ความน่ารังเกียจของแกมันไม่เหมาะกับชื่อนี้’ เพราะงั้นเธอเลยได้ชื่อนี้มา


“โอ้ย”


ฟรายสะดุ้งตกใจรีบชักมือกลับ เมื่อรับรู้ถึงความร้อนที่แผ่มาจากลูกแก้วไฟ ซึ่งมีลักษณะกลมๆคล้ายๆฟองอากาศ มีเพียงความร้อนสะสมอยู่ข้างในนั้น และยังไม่ทันจะได้แตะต้องมันด้วยซ้ำ มือเธอแทบจะไหม้เกรียมหากไม่ยอมชักมือออกก่อนล่ะนะ


เพราะงั้นฟรายจึงทำได้แค่มองมันด้วยสีหน้ามุ้ยยืนดูลูกแก้วไฟวนอยู่รอบต้นไม้ไปพร้อมๆกับลูกแก้วน้ำที่โผ่มาให้น้ำในบางครั้ง


เธอชอบนอนแถวๆนี้นะ แต่มีครั้งนึงที่เธอเผลอหลับเลยโดนลูกแก้วไฟจุดไฟติดใส่ผม เกือบเอาตัวไม่รอด โชคดีที่เธอคว้าลูกแก้วน้ำทัน เลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากและต้องตัดผมจนสั้นประบ่า


เธอไม่ค่อยแคร์เรื่องผมอยู่แล้ว มีไปก็ทำให้เจ็บป่าวๆ


ติ๊ง ต่อง


เสียงนาฬิกาขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองส่งเสียงร้องเพื่อบอกเวลากลับบ้านได้แล้ว ฟรายหันมองไปทางเมืองพลางมีสีหน้าเรียบเฉย เธอไม่ได้สนใจเสียงนั้นเลยสักนิด ฟรายจึงตัดสินใจนอนลงบนหญ้าปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไป


บางครั้งการเร่งรีบใช่ว่าจะดีเสมอไป สำหรับเธอ... มันไม่เคยดีเลย มีแต่จะแย่ลงซะเปล่าๆ 


ฟรายจึงหลับตาลง ซึมซับบรรยากาศรอบตัวไปพร้อมกับลูกแก้วไฟที่เริ่มหายไป ความมืดหวนกลับมาอีกครั้ง มีเพียงแสงไฟจากเทียนมอบแสงสว่างให้และถาดลองเทียนขนาดเล็กที่ลองรับน้ำตาเทียนไว้




คงได้เวลาแล้วล่ะ


ฟรายเปิดเปลือกตาพลางลุกขึ้นนั่ง เธอมองเทียนเล่มนั้นอยู่สักพัก... ก่อนตัดสินใจคว้าถาดเทียนแล้วลุกเดินทางกลับไปยังหมู่บ้าน ‘เศษเดน’ ของตน


ทุกอย่างภายในหมู่บ้านเป็นเหมือนเช่นเคย สภาพทางเดินที่มีหลุมอยู่หลายแห่ง บ้านอิฐ ปูน หรือไม้ที่ผุพังกันแทบทุกหลัง แสงไฟที่ไม่เคยจะมีและความเงียบเฉียบเป็นปกติ ดูจากภายนอกคงเหมือนหมู่บ้านยากจนที่แสนจะเงียบสงบ แต่อย่าให้ถึงช่วงเช้าเลย ความเงียบจะไม่มีวันมีอยู่จริง


โป๊ก


เมื่อฟรายย่างกายเข้าสู่หมู่บ้าน สิ่งแรกที่เข้ามาทักทายคือโคลนที่ถูกเขวี้ยงมาจากไหนไม่รู้ มันโดนหน้าผากเธอเต็มๆ ฟรายจึงเงยหน้ามองที่มาของมัน ก่อนจะมีดินโคลนมากมายบดบังเบื้องหน้า มันกระหน่ำรัวใส่เธอ เธอจึงรีบยกแขนป้องกันตัวเองไว้และลอบมองต้นเหตุเมื่อทุกอย่างหยุดลง


เป็นไปตามที่เธอคิด


หมอนั่นอีกแล้ว


ฟรายจ้องมองไปยังกลุ่มเด็กที่เป็นต้นเหตุ เด็กผู้ชายที่ดูสุขภาพแข็งแรงที่สุดในกลุ่ม เด็กที่มีผมหยักศกสีน้ำตาลและสวมเสื้อผ้าขาดๆ ‘มาร์ค’ คือชื่อของเขา เป็นชื่อของเด็กชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มเด็กนั่น พรรคพวกที่รุมรังแกเธออยู่เป็นประจำ มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่อยากรีบกลับ เพราะต้องเจอพวกนี้ไง


“เห็นไหม!? ฉันบอกพวกแกแล้วว่าให้รออีกสักหน่อยเดี๋ยวยัยผีมันก็โผ่มา เชื่อยัง?”


มาร์คหันไปหาลูกน้องพลางยักคิ้วและโยนโคลนเล่น หมอนั่นกลับมาสนใจเธออีกครั้งก่อนส่งยิ้มแสยะมาให้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาซะเลย


“ตามมา” เขากล่าวบอกลูกน้องพร้อมเดินนำมาล้อมวงเธอ


“ไหนดูสิ วันนี้จะเล่นอะไรกันดี” มาร์คจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าดูสภาพผลงานสุดบรรเจิดที่เขาจัดแต่งบนเรือนร่างฟราย เสื้อผ้าเต็มไปด้วยโคลน หน้าก็เลอะ ช่างสมบูรณ์แบบซะจริง


ฟรายก้มหน้าลงพลางกำมือแน่นสกัดกั้นอารมณ์ไว้ เธอพยายามจะใจเย็นๆและอดทนเพื่อให้เวลาแสนเลวร้ายนี้ผ่านพ้นไป เธอแค่ต้องอดทนเหมือนกับทุกที แค่ทำแค่นั้น


“โอ้ ฉันนึกออกแล้ว” น้ำเสียงขี้เล่นแสนระรื่นนั่นทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ดี มาร์คยิ้มชั่วร้ายและเอ่ยมันออกมาด้วยความนึกสนุก


“มาเล่นเกมอัศวินผู้กล้ากำจัดปีศาจร้ายกัน”




“เอา! เร็วสิๆ เหล่าอัศวินรีบกำจัดปีศาจเร็วเข้าสิ! กษัตริย์ผู้นี้รอให้รางวัลแก่พวกเเกอยู่นะ!”


มาร์คผู้นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้กำลังเฉยชมการละเล่นใหม่ที่ตนเพิ่งคิดขึ้นมาได้ เขาเฝ้ามองดูเด็กสาวตัวน้อยที่แสนน่ารังเกียจและแปลกแยกวิ่งหนีลูกน้องของเขาหัวซุกหัวซุน ถ้าหนีไม่ได้ก็โดนไม้ฟาด แต่ถ้าหนีได้ก็โดนอัศวินคนที่เหลือดักไว้และขว้างโคลนใส่เป็นการลงโทษ เธอจะต้องวนลูปแบบนี้ซ้ำๆไปจนกว่าเขาจะเบื่อมัน


ผั๊วะ!


“ฮะๆๆๆๆๆๆ ” มาร์คหัวเราะลั่นเมื่อเห็นฟรายโดนฟาดอีกแล้ว คราวนี้เธอล้มหน้าคว่ำเหมือนทุกที แต่ต่างตรงที่เธอไม่ยอมลุกขึ้น


แบบนี้เกมก็ดำเนินต่อไม่ได้สิ


“มัวยืนบื้ออะไร! กระทืบมันสิ! กระทืบมันเลย!!! จนกว่ามันจะลุกขึ้น! เร็วสิพวกบ้า!!” มาร์คหยิบก้อนโคลนข้างๆมาเขวี้ยงใส่ฟรายให้คนอื่นรีบๆทำตามที่เขาสั่ง


ฟรายที่อยู่ในสภาพสะบัดสะบอมเต็มทน รีบยกแขนมาปกป้องตัวเองไว้พร้อมรับแรงกระแทกจากเท้าทุกทิศ เธอต้องทนรับความรุนแรงมากมายที่เด็กกลุ่มนี้มอบมันมาให้ ทั้งการเอาไม้ฟาดอย่างไร้ความปราณี ทั้งการโยนโคลนใส่จนเปื้อนไปหมด และตอนนี้ต้องอดทนกับเเรงกระทืบจากเท้ามากมายหลายคู่


ความเจ็บปวดจากการโดนกระทำซ้ำๆอยู่บ่อยครั้ง มันสร้างความปวดร้าวบนร่างกายเธอ ยิ่งโดนพวกนั้นกระทืบซ้ำยิ่งยากเกินจะทนรับไว้ พิษจากบาดแผลจึงค่อยๆสำแดงความแสบซ่านเเผ่ไปตามร่างกาย


ฟรายพยายามเม้มปากแน่นอดทนกับความเจ็บที่ได้รับมัน สะกัดกั้นน้ำตาที่พร้อมไหลลงมาเมื่อโดนบาดแผลเดิม แต่ตัวเธอเองก็ทนรับมันไม่ไหว... จึงเผลอสลบไปโดยไม่รู้ตัว


“น่าเบื่อจริง” มาร์คจิ๊ปากใส่ทำหน้าตาไม่ชอบใจเมื่อของเล่นของเขาดันสลบลงไปก่อนซะได้ พวกลูกน้องจึงพากันหยุดและหันมองมาร์คเพื่อดูว่าลูกพี่เขาจะให้ทำยังไงต่อ


“มองไม? แยกย้ายกันดิ! ในเมื่อยัยผีนั่นสลบไปแล้วจะอยู่เพื่อ? ไป!!”


มาร์คคือคนเดินจากไปคนแรก ก่อนจะตามด้วยลูกน้องคนอื่นๆที่เหลือ




ฟรายสลบไปหลายนาที จนในที่สุดเปลือกตาเธอก็เปิดขึ้นจึงใช้ดวงตาสีม่วงมองไปรอบๆ และเริ่มพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแต่สุดท้ายก็ล้มฟุบกับพื้นเช่นเดิม เธอจึงพยายามลุกอีกครั้งพลางปัดดินโคลนออกไปจากร่างกายตน


จบลงแล้วสินะ


ฟรายมีสีหน้าเหม่อลอยเมื่อไม่เห็นพวกนั้นอยู่แล้วก่อนจะเดินกะเผลกๆ กุมบาดแผลตัวเองกลับบ้านไป เธอก็อยากรู้สึกดีที่มันจบลง แต่ยังไงวันอื่นๆก็เจอมันอีก เพราะเธอเจอแบบนี้อยู่เป็นประจำ ตั้งแต่โดนขัดขา โดนน้ำสาด โดนปาหินใส่ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น


เธอจึงพยายามที่จะเลี่ยงเจอผู้คน ต่อให้พวกนั้นไม่ทำก็เป็นคนอื่นมาแกล้งเธอแทนอยู่ดี มันไม่จบไม่สิ้นหรอก มีแค่การหลีกเลี่ยงและอดทนเท่านั้นที่จะช่วยเธอได้ เธอไม่สามารถร้องขอให้ใครช่วยเหลือได้เลย หากทำเช่นนั้นก็จะโดนมองด้วยสายตารังเกียจหรือโดนต่อว่าด้วยคำพูดรุนแรง ผู้คนในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครญาติดีกับเธอเลย เว้นป้าอีฟ... และแม่


แอ๊ดดดด


เมื่อถึงบ้าน ฟรายค่อยๆเปิดประตูไม้อย่างยากลำบาก เธอใช้แรงที่เหลือน้อยนิดเพื่อพยุงตัวเองเข้าไปในบ้าน สิ่งแรกที่เธอจะทำคงเป็นการล้างเนื้อล้างตัว ล้างบาดแผลมากมายที่ได้รับมาในวันนี้ จากนั้นคงทำแผลให้ตัวเอง ฟรายจึงเลือกที่จะเดินไปยังห้องน้ำก่อนเลย ด้วยสภาพอ่อนแรงของตัวเธอ จึงไม่ทันระวังขอบโต๊ะข้างหน้า เธอเผลอชนมันจนขวดเหล้าที่วางไว้หล่นแตก


ฟรายมองเศษแก้วพวกนั้นด้วยความสะลึมสะลือราวกับคนไร้สติ ตัวเธอในตอนนี้คงหลงลืมอะไรบางอย่างที่แสนสำคัญไป เธอพยายามนึก... แต่ก็นึกไม่ออก จนกระทั่ง


เพล้งงงงงงงงงงง!!!


เสียงขวดเหล้าอีกขวดที่เฉียดหัวเธอไปกระทบกับกำแพง มันแตกกระจายและร่วงหล่นลงพื้น สิ่งเหล่านั้นทำให้สติของฟรายกลับคืนมา ตาเธอเปิดกว้างอย่างตกใจพร้อมกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอหลงลืมสิ่งใดไป


ห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด...


นั่นแหละที่เธอลืม


แววตาฟรายหวั่นไหวยามหันมองผู้เป็นแม่ที่ลุกออกมาจากเก้าอี้โยกที่แม่มักหลับใหล แม้เส้นผมสีน้ำตาลหยักศกจะปกคลุมใบหน้าแม่ไว้ เธอก็ยังรับรู้ได้ถึงความโกรธเคืองที่ไม่มีวันสิ้นสุด...


แม่กำลังโมโห เธอกำลังทำให้แม่โมโห ไม่เอา ไม่เอา! เธอไม่อยากโดน! ขอร้อง! ไม่เอาแบบนี้อีกแล้ว! ไม่เอา!


“มะ– แม่... หนูขอโทษ” เสียงเล็กอันเเสนสั่นเครือเล็ดลอดออกมาจนใครได้ฟังคงรู้สึกสงสาร แต่ไม่ใช่กับแม่เธอ


“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดด” ฟรายร้องลั่น! เมื่อเรือนผมสีขาวถูกฉุดกระฉากจากคนที่เธอรักมากที่สุด!


ผู้เป็นแม่ลากเธอไปตามเส้นทาง ผ่านห้องนั่งเล่น ผ่านห้องรับประทานอาหาร พาไปยังห้องนอนซอมซ่อที่ผุพังไร้การซ่อมแซม ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น


ฟรายพยายามร้องขอความเมตตาจากผู้เป็นแม่มาตลอดทาง มันช่างเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ในเมื่อแม่ไม่ฟังเธอเลย ไม่เคยฟังเธอเลยสักครั้ง แต่เธอก็ยังพยายาม... ช่างเป็นสิ่งที่โง่เง่าที่สุด


ฟรายโดนแม่กระชากและโยนไปติดกำแพง จนร่างเล็กเผลอไอค่อกแค่กออกมานิดหน่อย แผลใหม่ที่เธอได้มายังไม่ได้รักษาเลย...


ไม่ทันที่เธอจะได้คิดอะไรมากมาย คนเป็นแม่ไม่รอช้ารีบระบายอารมณ์ทุกอย่างใส่เธอ ทั้งทุบ ทั้งตี ทั้งกระทืบ ใช้ความรุนแรงที่มีเอามาลงที่เธอหมด พร้อมตะคอกใส่ราวกับคนเสียสติ


“แกเกิดมาทำไม!? เกิดมาทำไม!!!! ถ้าไม่มีเด็กอย่างแก! นิคโคลสก็คงไม่ทิ้งฉัน!!! คงจะอยู่กับฉัน!!!! เพราะแก!!! เพราะแกคนเดียว!!!!!! เพราะแก!!! ไอเด็กนรกส่งมาเกิด!!! ไอลูกทรพี!!!! ไอเด็กขยะ!!!! แกเกิดมาทำเหี้ยอะไร!!!!?”


คำด่าสารพัดถูกพ่นออกมาจากปากของคนเป็นแม่ นัยน์ตาสีม่วงไวโอเล็ตคลอไปด้วยน้ำตา มันสั่นไหวและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด คำพูดเหล่านั้นเธอได้ยินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจำได้ตอน 6 ขวบ แต่ไม่เป็นไรหรอก แม่ก็แค่เผลอพูดไป แม่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอหรอก แม่ก็แค่พลั้งปากไป ไม่เป็นไร เธอแค่ต้องขอโทษเหมือนทุกที เดี๋ยวก็ดีขึ้น แค่ขอโทษ


“ฮึก หนูขอโทษ หนูขอโทษ อย่าทำหนูเลย หนูขอโทษ แม่ ฮึก หนูขอโทษ หนูผิดไปแล้ว หนูผิดเอง ฮึก เป็นความผิดของหนูเอง หนูขอโทษ ฮึก แม่หายโกรธเถอะนะ ยกโทษให้หนูเถอะนะ”


แม้ฟรายจะพยายามพูดเช่นนั้น เฟย์อาก็ยังคงไม่สนใจ ยังทุบตีฟรายซ้ำแล้วซ้ำเหล่า ทำแบบนั้นเหมือนวันที่ผ่านมา ส่วนเธอก็ทำเพียงแค่ร้องไห้และอ้อนวอนแม่แบบนั้นอยู่เรื่อยไป จนแทบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเราสองคน


เธอทำอะไรกับมันไม่ได้... ได้แต่ยอมรับและอดทนต่อไป เพราะงั้นเธอถึงบอกว่าไม่เป็นไร... ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่าที่คนที่เรารักทำร้ายเราหรอก... แต่ไม่เป็นไร แม่แค่ไม่ได้ตั้งใจ แค่ไม่มีสติ ดังนั้น เธอจะทน เธอจะทนอยู่แบบนี้ แม้จะโดนเก้าอี้ฟาดก็ตาม...


ผั๊วะ!!!!


เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองสลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ภาพสุดท้ายที่เธอเห็น... มีเพียงเก้าอี้ตัวนึงที่เข้ามาใกล้ ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆเลือนลาง... และปิดท้ายด้วยความมืดพร้อมสัมผัสของเหลวสีแดงหลั่งไหลออกมา