เมื่อ ‘ฟราย’ ต้องนำอาหารไปส่งที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกลักพาตัวมาที่ ‘ชุมชนคนผิวเผือก’ โดยมีชายปริศนาอ้างว่าเป็นสถานที่ที่มอบการศึกษาให้แก่เด็กผิวเผือก เรื่องแปลกประหลาดจึงเริ่มต้นนับตั้งแต่นั้น

Nightmares in the hell - 04 | รอยเย็บและเด็กชายที่ชื่อว่า โซ โดย ก้อนเมฆฤดูฝน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ผจญภัย,แฟนตาซี,ลึกลับ,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Nightmares in the hell

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ผจญภัย,แฟนตาซี,ลึกลับ,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เมื่อ ‘ฟราย’ ต้องนำอาหารไปส่งที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกลักพาตัวมาที่ ‘ชุมชนคนผิวเผือก’ โดยมีชายปริศนาอ้างว่าเป็นสถานที่ที่มอบการศึกษาให้แก่เด็กผิวเผือก เรื่องแปลกประหลาดจึงเริ่มต้นนับตั้งแต่นั้น

ผู้แต่ง

ก้อนเมฆฤดูฝน

เรื่องย่อ

สารบัญ

Nightmares in the hell-01 | ความผิดของเด็กผิวเผือก,Nightmares in the hell-02 | เด็กน้อยที่ชื่อว่า ฟราย,Nightmares in the hell-03 | ชุมชนคนผิวเผือก,Nightmares in the hell-04 | รอยเย็บและเด็กชายที่ชื่อว่า โซ

เนื้อหา

04 | รอยเย็บและเด็กชายที่ชื่อว่า โซ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้


ห้องนอนสีขาวอันแสนสะอาดไร้ซึ่งสิ่งปนเปื้อน ร่างบางที่นอนสลบสไลอยู่บนเตียง บัดนี้ เธอลืมตาตื่นแล้ว ฟรายจึงค่อยๆเปิดเปลือกตาพลางจ้องมองไปยังสภาพแวดล้อมรอบกาย เธอเห็นเพดานขาวไร้ฝุ่นเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยของใช้มากมายรอบตัวก็ล้วนสีเดียวกันหมด รวมถึงเตียงนอนแสนนุ่มที่เธอนั่งอยู่ด้วย


ที่นี่มันแปลก...


เธอไม่คุ้นตาเลย 


ร่างเล็กขมวดคิ้วสงสัยพลันย้อนนึกกลับไปถึงคราแรกก่อนที่เธอจะมา


ภาพสุดท้ายที่จำได้คงเป็นเหตุการณ์ที่เธอโดนใครบางคนมาปิดปากและใส่อะไรบางอย่างลงไปในผ้าเช็ดหน้านั่น เธอแทบจะไม่รู้จักใครในเมืองนี้ ยกเว้นป้าอีฟและเด็กในร้านเท่านั้น คนอื่นๆแทบจะไม่รู้จัก แถมเธอไม่เคยทำร้ายใครด้วย เพราะงั้นจึงไม่มีทางที่จะมีใครจ้องทำร้ายเธอในเมืองนี้แน่


ยิ่งคิดยิ่งแปลก...


ฟรายไม่ปล่อยให้คำถามนั้นอยู่นาน ก็ทิ้งมันลงไปอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญกว่าคือสิ่งนี้ต่างหาก


ร่างเล็กลงไปนอนฟุบกับพื้นพลางกางแขนกางขากอดพื้นเต็มรัก!


เธอไม่เคยบอกเหรอว่าเธอรักพื้นที่สุดน่ะ?


“ ... ”


ไม่เคยบอกจริงๆด้วย แต่ใครสน


พอคิดงั้นได้ ร่างบางก็นอนเกลือกกลิ้งพื้นทันทีทันใด เธอเคยมีความฝันที่อยากจะแต่งงานกับพื้นด้วยล่ะ มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ในตอนที่เธอได้นอนพื้นหญ้าที่มีลูกแก้วไฟวนรอบเป็นครั้งแรก


เธอชอบสัมผัสนุ่มนิ่มของผืนหญ้าและความอบอุ่นยามลูกแก้วไฟส่องแสงมา มันให้ความรู้สึกดีสุดๆ ทั้งผ่อนคลาย ทั้งสงบเสงี่ยม ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้วล่ะ แต่เธอดันแต่งงานกับพื้นที่นั่นไม่ได้ เพราะหากแต่งเธอคงโดนลูกแก้วไฟเผาผมเธอทิ้งแน่ แค่ใกล้ผมก็ลุกเป็นไฟแล้ว อย่าให้มาโดนเนื้อหนังเธอเลย เพราะงั้นเลยต้องจำใจลาจากและเริ่มปฏิบัติการหาสามีใหม่(?)


นับตั้งแต่นั้นมาเธอจึงพยายามลองกอดพื้นทุกครั้งที่เธอไปเยือนเพื่อหาว่าพื้นบริเวณไหนที่มีอุณภูมิอบอุ่นคล้ายๆพื้นหญ้าที่นั่น แต่เธอก็ไม่เคยเจอมันเลย เลยเป็นเรื่องที่เศร้าอย่างมาก ขอยกเว้นพื้นที่บ้านร้างหลังนั้นไว้หลังนึง เธอไม่มีวันแต่งงานกับพื้นที่นั่นแน่นอน แค่ดูก็รู้แล้วว่าเย็นเฉียบ


พื้นที่นี่ก็ไม่ต่างกัน ฟรายจึงเงยหน้านอนแผ่ราบอย่างสิ้นหวัง และอยู่แบบนั้นไปหลายนาที


เธอควรหาทางออกและกลับไปหาแม่สิ


เมื่อคิดได้ ฟรายก็รีบลุกขึ้นพลางสังเกตสิ่งของรอบกาย เนื่องจากเธอมัวแต่สนใจเรื่องพื้นจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นกระดาษผู้ซึ่งวางอยู่บนเตียงพร้อมกับชุดเดรสเลยเข่าสีขาวแขนยาว


“ ... ”


เธอไม่เห็นมันได้ยังไงนะ?


ฟรายลองหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู พอเห็นข้อความในนั้น เธอก็ขมวดคิ้วสงสัยพลันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!


เธออ่านมันไม่ออก!!!


ฟรายจึงทำหน้าตายใส่แผ่นกระดาษบางที่ไม่รู้คิดได้ยังไงเอามาให้เธออ่าน เธอเคยเรียนหนังสือที่ไหน? ตัวหนังสือที่ถูกเขียนในกระดาษแผ่นนั้น มันมีตัวอักษรตามนี้


‘ชุดนี้เป็นของคุณ ช่วยใส่มันด้วย’


ถึงเธอจะอ่านมันไม่ออก แต่ก็ทึกทักเอาเองได้ว่าคงมีใครให้ชุดเธอ ไม่งั้นคงไม่เอามาวางไว้บนเตียงตอนเธอหลับ... ตู้เสื้อผ้าใกล้ๆก็ยังมี


ฟรายจึงเข้าใจไปตามนั้น ส่วนชุดป้าอีฟที่ให้มาส่งอาหารก็ยังอยู่บนตัวเธอ ฟรายเลยคิดว่าถ้าสำรวจเสร็จค่อยมาเปลี่ยน เพราะงั้นยังไงชุดนี้ก็ต้องคืนให้ป้าอีฟหากเธอหาทางกลับไปได้ล่ะนะ ฟรายจึงเริ่มสำรวจต่อ


โชคดีที่ที่นี่มีขนาดเล็กเลยไม่ต้องใช้เวลานานนัก


สิ่งต่อมาที่ฟรายจะเริ่มทำคือการไปที่ประตู ใช่ ประตูออกจากห้อง แต่ประเด็นที่สำคัญเลยคือที่เปิดประตูหายไปไหน เธอคิดว่าตรงนี้ต้องเป็นประตูแน่ๆแต่ไม่มีลูกบิด... เลยพยายามดันซึ่งมันก็ไม่เกิดผล มันไม่ยอมขยับ... ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเธอเป็นคนผอมแห้งแรงน้อยอยู่แล้ว


ฟรายจึงเลิกสนใจกับประตูเหล็กแสนหนานี่และไปสำรวจบริเวณอื่นต่อ


เธอพบบางอย่างด้วย มันมีสีดำอยู่บนกำแพงแต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือมันสามารถส่ายไปส่ายมาในบางครั้งได้ ประมาณว่ามันหยุด.. และก็หันต่อ เมื่อมองมัน มันเหมือนมองเธอกลับราวกับมีใครจ้องอยู่ตลอดเวลา เธอไม่ชอบมันเลย ฟรายเลยเอาผ้าห่มมาคลุมเอาไว้และใช้เก้าอี้เป็นตัวช่วยให้ไปถึง


เมื่อทำการปิดผนึก(?)อะไรบางอย่างแปลกๆนั่นได้แล้ว ฟรายก็เริ่มที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่กำไรยังอยู่ที่ข้อมือเธอ ก่อนจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยจนผ้าห่มที่เธอคลุมสิ่งแปลกปลอมนั่นไว้ร่วงลงพื้นไปในที่สุด


ติ้ง ตะลิงติ้งต่อง ตะลิงติ้งต่อง ตะลิงติ้งๆ


ไม่ทันที่เธอจะได้เอาผ้าไปคลุมใหม่ ทำนองเพลงที่ไม่เคยได้ยินก็ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ฟรายพยายามตามเสียงเสียงนั้นไป ก็พบเข้ากับอะไรบางอย่าที่เป็นสีดำ ติดอยู่ข้างเตียง มันเป็นลายตารางแต่เป็นลักษณะวงกลมโพร่งออกมาโดยมีกรอบสี่เหลี่ยมรอบๆ


ฟรายลองจิ้มมันเล่นแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย มันเงียบ... จนกระทั่งได้ยินเสียงเหมือนไอน้ำพ่นมาทางประตู ฟรายจึงรีบหันดู มันปรากฏว่าประตูเปิดออกแล้ว! เธอไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปจากที่แห่งนี้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีใครบางคนมาขวางทางเธอไว้


ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ หล่อนเป็นคนผิวเผือกเช่นเดียวกันกับเธอ แต่ผมสั้นปัดข้าง ใบหน้าเฉี่ยวคมคาย ดูสวยและดูเย่อหยิ่งในคราวเดียวกัน ใบหน้าลามไปถึงคอของหล่อนล้วนเต็มไปด้วยรอยเย็บ... คงเจ็บน่าดู


หล่อนสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีดำ เสื้อเชิ้ตเปิดอกสีดำและกระโปรงทรงเอสีดำ แม้กระทั่งรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่ก็ยังเป็นสีดำ หล่อนขมวดคิ้วหงุดหงิดใส่เธอ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง


“รีบไปได้แล้ว เเกต้องไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ตามมา”


“ ... ”


ฟรายมีสีหน้าเรียบนิ่ง ในหัวสมองเธอเริ่มตั้งคำถามไว้มากมายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยมันออกไป เธอรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะถาม หากถามคนตรงหน้ามีหวังโดนกระแทกเสียงใส่แน่นอน เพราะเธอเคยเจอมันมาแล้วจึงพอเดาออก


ที่ที่ผู้หญิงคนนั้นพามาคือห้องขนาดกลาง เป็นห้องโล่งๆที่ไม่มีสิ่งใดประดับเลยพร้อมๆกับเด็กผิวเผือกคนอื่นๆที่เริ่มทยอยกันเข้ามา บางคนส่งเสียงดัง บางคนเงียบๆ และบางคนเล่นกัน พวกเราถูกพวกผู้ใหญ่ผิวแทนหรือผิวดำสั่งให้จัดแถวให้เป็นระเบียบ ก่อนที่พวกเขาเหล่านั้นจะแยกตัวออกไปยืนอยู่คนละมุมห้อง


ฟรายสังเกตทุกอย่างอยู่เงียบๆ เธอพบว่ามีเด็กบางคนที่เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกันกับเธอและมีบางคนที่อยู่ที่นี่มาสักพักแล้วเช่นกัน เธอฟังเด็กเหล่านั้นพูดคุยกัน ก่อนบุคคลใหม่จะเดินเข้ามาและทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ




กลับมาปัจจุบันหลังจากคนที่ชื่อนิคโคลสเดินออกไปแล้ว ฟรายมีสีหน้างงงวยอย่างเห็นได้ชัด เธอขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบจะผูกโบว์ได้


เธอไม่เข้าใจ... ถึงเขาจะบอกว่าที่นี่คือสถานที่ที่ให้การศึกษากับคนผิวเผือก แต่ทำไมพวกเขาถึงเลือกทำให้เธอหลับเพื่อเอาตัวเธอมา? ทั้งๆที่เขาบอกว่าขออนุญาตผู้ปกครองแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ขอเธอตอนอยู่กันพร้อมหน้ากับแม่? แล้วแม่อนุญาตให้เธอมาที่นี่ได้จริงๆเหรอ? แม่กลับมารักเธอเหมือนคนอื่นแล้วจริงเหรอ?


เธอไม่เข้าใจ...


ยิ่งคิดยิ่งมีคำถามผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ทางเดียวที่เธอจะทำได้คงเป็นการสอบถามพวกเขา... แต่พวกเขาคือคนที่เอาตัวเธอมาด้วยวิธีเช่นนั้นจะถามเขาตรงๆได้แน่เหรอ?


“อืม...” ฟรายทำหน้าบึ้งตึงคิดไม่ตก ยิ่งคิดยิ่งไม่ได้คำตอบ เธอจึงเลือกปล่อยมันไป ค่อยหาทางทีหลัง


“ไง หวัดดี” เสียงทุ้มของเด็กผู้ชายที่ตัวสูงมากกว่าเธอ มันดังอยู่ในระยะใกล้ ฟรายรีบเงยหน้ามองก็สบตาเข้ากับนัยน์ตาสีดอกซากุระอย่างพอดิบพอดี


เขาไม่ใช่คนผิวเผือกเหมือนเธอแต่เป็นคนปกติที่ไว้ทรงผมยุ่งเหยิงและมีดวงตาสีชมพูอ่อนอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร ถ้าลองมองรอบๆและหันมองเขา จะพบว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีผมสีนี้ ส่วนการแต่งกายของเขาก็เป็นเสื้อคอกลมแขนยาวและกางเกงขายาวสีขาวเหมือนกับเด็กผู้ชายคนอื่นๆ


“....” ฟรายเอาแต่จ้องหน้าไม่เอ่ยอะไร เล่นเอาเด็กผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นเริ่มทำตัวไม่ถูก เขามีเหงื่อแตกพลั่กเต็มใบหน้าพลางมีสีหน้าเลิ่กลั่กมองไปมองมาไม่อยู่กับที่ เลิกจ้องได้ไหม ล่กแล้วนะ!


“มีอะไรติดหน้าฉันอยู่รึเปล่า?” สุดท้ายเขาก็ยอมเอ่ยก่อนเพื่อทำลายบรรยากาศบ้าๆนี่ทิ้ง ฟรายที่เหม่อมองอยู่นานเริ่มมีสติจึงกระพริบตาไปหลายครั้งก่อนเลิกจ้องเขา


“อะ ขอโทษ..” กล่าวเสียงราบเรียบ


“...”


เด็กผู้ชายคนนั้นจ้องเธอนิ่งหลังจากที่ฟรายเพิ่งขอโทษเขาไป เธอไม่มองเขาตามที่บอกพลางเสมองไปทางอื่น โดยที่ทิ้งเขาให้ยืนบื้ออยู่ตรงนี้เงียบๆ เขาเข้ามาทักทายเธอเพื่อทำความรู้จักและเห็นว่าเธอน่าจะเพิ่งมาใหม่เลยกะจะช่วยแนะนำอะไรให้ เเต่เด็กผู้หญิงคนนี้กลับไม่สนใจอะไรเขาเลย แถมเมินอีก...


ด้วยความที่ทนความเงียบไม่ไหว เขาจึงตัดสินใจจะทำความรู้จักกับเธอต่อไป มิวายเม้มปากแน่นพลางเกาแก้มอย่างล่กๆก่อนเอ่ยปากพูด


“ฉันชื่อ ‘โซ’ นะ เธอชื่ออะไร?”


ฟรายหันมองตามเสียงนั้นอีกครั้ง เธอยังคงมองเขานิ่งๆและเอ่ยตอบสั้นๆเช่นเดิม


“ฟราย”


และหันมองไปทางอื่น


“....”


อา... ความเงียบนี่อีกแล้ว เขาเบื่อความเงียบนี่จริง-_-


“โอเค ฉันอาจจะดูเหมือนพยายามยัดเหยียดทำความรู้จักกับเธอมากไป แต่ฉันแค่ต้องการช่วยเหลือเธอเท่านั้น เธอเพิ่งมาใหม่ใช่ไหม? และคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย ซึ่งฉันอยู่นี่มาหลายอาทิตย์แล้ว คงช่วยอะไรเธอได้เยอะแน่ๆ ดังนั้น ถ้าสงสัยอะไรก็ถามฉันได้ ฉันน่าจะตอบได้ทุกเรื่อง...”


หารู้ไม่ว่าฟรายไม่ได้ฟังเขาพูดเลย ไม่เลยสักนิด


เด็กผู้ชายคนนั้นพล่ามอยู่แบบนั้นไปหลายนาที มันยาวเหยียดจนไม่รู้เขาจะหยุดเมื่อไหร่ ฟรายไม่ได้สนใจทุกสิ่งที่เขาพูดเลย เธอกลับเอาแต่มองไปรอบๆ มองไปทั่วๆ จนนัยน์ตาสีม่วงอ่อนหยุดตรงที่ชายอีกคน


เขาคนนั้นมีลักษณะแตกต่างจากชายที่กำลังพูดคุยอยู่กับเธอในตอนนี้อย่างชัดเจน เด็กผู้ชายคนนั้นมัดผมทรงหางม้าต่ำและมีเส้นผมที่เรียบสุดๆ เขามีนัยน์ตาสีเขียวอ่อนดั่งฤดูใบไหม้ผลิ แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำเสมือนอีกา และมีท่าทางที่หยิ่งยโสโอหังพอๆกับนิคโคลสบุคคลที่จัดตั้งที่นี่ขึ้นมา


เพียงแค่แวบเดียวที่เธอสังเกตเห็นเขา


ก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาเป็นใคร


“ที่นี่มีหลายที่เลยล่ะ ฉันสามารถพาเธอไปสำรวจรอบๆได้นะ ถ้าเธอยอมไปกับฉัน ฉันก็ยินดีพาเธอไป สนใจไหม? นั่น– เธอจะไปไหนน่ะ?”


ในขณะที่โซกำลังอธิบายทุกอย่างให้เธอฟัง ฟรายกลับเอาแต่มองไปทางอื่น มองเลยเขาไป ไปมองใครอีกคนที่เขารู้จักอยู่พอควร จนกระทั่งฟรายเริ่มวิ่งไปทางนั้น จึงทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าผู้หญิงคนนี้... ไม่เคยฟังเขาเลย


“เคซาร์! ในที่สุดก็ได้เจอ!” ฟรายกระโดดเข้ากอดอีกฝ่ายแน่นจนเด็กผู้ชายผมเรียบเปล๋คนนั้นล้มลงไปนั่งกับพื้น เขามีสีหน้าตื่นตนกตกใจในขณะที่เธอกลับยิ้มกว้างดีใจจนแทบจะร้องไห้ เธอคิดถึงเขามากเหลือเกิน ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง! เคซาร์!