เดินทางข้ามศตวรรษ สานสัมพันธ์มัดไว้ด้วยเลือด

เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก - 2. รอยแผลเป็น โดย เขียวขจีคือควายกินหญ้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,เลือดสาด,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ไซไฟ,แอคชั่น,สยองขวัญ,วันสิ้นโลก,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,เลือดสาด,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,สยองขวัญ,วันสิ้นโลก,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เดินทางข้ามศตวรรษ สานสัมพันธ์มัดไว้ด้วยเลือด

ผู้แต่ง

เขียวขจีคือควายกินหญ้า

เรื่องย่อ

เรื่องราวของน้องเอเรียลกับเอเลี่ยนจากต่างดาวชื่อว่าแมงมุมผู้ครองพลังแห่งเลือด ออกเดินทางตามหาอาหารกันสองคน


อัพทุกวัน เวลาประมาณ 18.30 น.

วาดภาพปกโดย แมวดำหลังบ้าน...นิยายเขียนโดย เขียวขจี...คอมเมนท์ติชมได้ตามอัธยาศัย หากชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ ขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านมากครับ

⚠️TRIGGER WARNING (TAKE CARE OF YOURSELF)⚠️: เลือด ความตาย การฆาตรกรรม การกินเนื้อเผ่าพันธุ์ตัวเอง ซากศพ ยาเสพติด มีการกล่าวถึงเรื่องทางเพศและองคชาติ




สารบัญ

เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-1. ต้นไม้เลือด,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-2. รอยแผลเป็น,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-3. ปิกนิกยามกลางคืน,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-4. สู่ชนบท,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-5. ทนายความที่ไหนจะตัดสิน,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-6. พระจันทร์เลือด,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-7. อาคุมะ (สัตว์ประหลาด),เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-8. แบบทดสอบความเป็นมนุษย์,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-9. สลับร่างไปเมื่อตอนที่แล้ว,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-10. เพื่อนบ้านตัวปลอม

เนื้อหา

2. รอยแผลเป็น

ใต้ฝืนฟ้าสีแสดสาดแสงแผดเผาทุกสิ่งทุกแผ่นผืน พาดเงาผ่านกิ่งก้านและช่องเปิดโพรงของต้นไม้เลือดสูงเสียดฟ้าที่แมงมุมพึ่งเจาะออกมา แมงมุมกับเอเรียลเอาแต่คุดคู้กันอยู่ใน เพราะมันให้ความอบอุ่นราวกับต้นไม้กำลังฉายรังสีมอบชีวิตให้แก่สิ่งรอบด้านพลางสั่นไหว ความอบอุ่นที่หาจากไหนไม่ได้ในโลกนี้ เกิดเสียงตึกตักอย่างกับกำลังสูบฉีดสารอาหารจากดินสู่ลำต้นไปยังกิ่งก้าน จากกิ่งก้านไปยังใบ และปฏิสนธิตัวของมันเองจนผลิบานเป็นดอกไม้เลือดคล้ายกุหลาบบานสะพรั่งเต็มต้น


เอเรียลแหงนหน้าขึ้นเชยชมภาพนั้นผ่านช่องเปิดโพรง กอดเข่าอยู่บนเส้นเลือดสานกันที่ทั้งนุ่มนิ่มและชื้นแฉะอย่างกับพรมเช็ดเท้าเจิ่งน้ำ ส่วนแมงมุม เขาเอาแต่จ้องมองไปในความว่างเปล่าด้วยลูกตาศูนย์ดวง หายใจด้วยจมูกที่ไม่มีอยู่ “เดี๋ยวต้นไม้เลือดก็จะให้ผลเลือด และผลเลือดมันกินได้” แมงมุมโพล่งด้วยความว่างเปล่า


“สรุปว่าเธอเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ เหรอ”


“อาฮะ” แมงมุมคิดไว้ว่าเรื่องที่เอเรียลทักสมควรเห็นได้จากรูปลักษณ์ของเขาอยู่ทนโท่ งงว่าทำไมเธอถึงมาสงสัยกันด้วย “ทำไมถึงไม่เชื่อกันเลย?”


เอเรียลหรี่นัยน์ตาสีเทาจนเกือบปิด นำมือมาเท้าไว้ที่คาง


“นายพูดเหมือนคนมากกว่าคนที่อยู่ที่นี่อีก ไอ้จ้อนเล็ก”


“นั่นหมายความว่ายังไง” เอเลี่ยนแมงมุมถามกลับ


“แสดงว่านายเป็นคนจากหลุมหลบภัยแน่ ๆ ถ้าไม่รู้เรื่องนั้น”


“ผมเดินทั่วแผ่นดินมาหกเดือน ผมไม่เจอใครเลยสักคน”


“งั้นเหรอ?” เธอกุมคาง กัดลิ้นตัวเองเล่น “ก็ดี นั่นถือเป็นเรื่องดี ฉันจะถือว่านายเป็นมนุษย์ก็แล้วกัน คนที่ยังอยู่รอดไม่มีทางพูดความจริงได้ลงคอทั้งหมดหรอก…แต่ฉันสาบานว่าฉันพูดความจริงทุกอย่างนะ ที่อยากกินมาม่าเผ็ดนั่นก็ไม่ได้โกหก”


“แต่ผมเป็นชาว…”


“หุบปาก ไอ้จ้อนเล็ก พอแล้ว ฉันไม่อยากฟัง ให้ฉันจะเชื่อในแบบที่ฉันเชื่อก็พอ”


แมงมุมไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอพูดประโยคเข้าใจยากด้วยน้ำเสียงนิ่งเช่นนั้น นิ่งราวกับว่าเขาจะเป็นใครก็ไม่สำคัญอีกแล้ว แค่มีเขาอยู่ แค่เธอได้เจอกับเขาก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสาธยายให้ยืดยาว และจู่ ๆ แมงมุมก็รู้สึก ‘ผูกพัน’ ขึ้นมา จะคว้ามือเธอมาหวังลูบเบา ๆ ปลอบประโลมแต่เธอชักมือหลบด้วยสีหน้าขยักแขยงเพราะกลัวว่าจะใช้เล็บเธอกรีดแผลให้เลือดวิเศษไหลออกมาอีก แมงมุมชักมือกลับ


“ขอโทษ ฉันตกใจกลัวนิดหน่อย รอบหน้าถ้าจะจับมือฉันทำอะไรก็เชิญเลยตามสบาย” เอเรียลกัดเล็บ


“อื่ม”


“แต่นายนี่มือซนอยู่เรื่อยเลยนะ ไอ้จ้อนเล็ก”


“ขอโทษด้วย ผมค่อนข้างสับสน”


“ก็ไม่ได้จะว่าอะไร แค่นึกถึงตอนที่...ฉันเคยรับเลี้ยงเด็กทารกอยู่คนนึง เมื่อประมาณ…” เธอแบมือสองข้างและทำท่าทางนับนิ้ว เมื่อนึกถึงเวลาไม่ออกจึงยอมแพ้ “หลายปีก่อน หน้าเขาเหมือนนายเลย จู๋ก็ขนาดเท่านายเป๊ะ ๆ นายอาจจะเป็นคนคนนั้นกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ได้นะ”


“เขาอยู่ไหนแล้ว” แมงมุมใคร่รู้


“ถามโง่ ๆ สิ เจาะรูจมูกให้ก็แล้ว ยัดลูกตาเทียมให้ก็แล้ว สุดท้ายก็…” เธอชะงักไปครู่หนึ่งเพราะเสียงแผละจากวัตถุชิ้นหนึ่งที่ร่วงหล่นลงมาจากกิ่งต้นไม้เลือด 


“นั่นคือผลไม้ที่ว่าเหรอ?” เห็นวัตถุหยึยหยึยดิ้นอยู่กลางที่ราบ อัปลักษณ์แต่ก็ชวนมองในคราวเดียวกันอย่างน่าประหลาด เอเรียลถีบตัวแล้วพาดขาออกจากลำของต้นไม้ ไปหยิบมันขึ้นมาด้วยมือขวาและพรรณนา “หัวใจ? ฉันเคยเห็นแต่ตอนที่มันไม่เต้นแล้ว นี่มันสดเกินไปมาก ๆ เลยนะ”


แมงมุมย่ำตามมา “ลองกินดู น่าจะอร่อยกว่าดินหลายเท่า” 


“เชื่อใจนายได้แน่นะ” เอเรียลเขม้นคิ้ว…แมงมุมไม่โต้ตอบ…“อืม โอเค ก็ได้”


ยัดวัตถุนั้นผ่านริมฝีปากให้เสียงกรุบกรับดังพร้อมกระพุ้งแก้มขยับขึ้นลง ไวน์(?) ไหลรินออกมาจากมุมปากเป็นระยะ ๆ สีหน้าแววตาเอเรียลดูสะอิดสะเอียนไม่สู้ดีนัก ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมคายออก ใช้เวลาเคี้ยวประมาณสองชั่วโมงกว่าจะกลืนลงคอได้หมด แต่เมื่ออ้าปากกำลังจะพูด น้ำไวน์กลิ่นสนิมก็ทะลักออกมาเหมือนอาเจียนพุ่งสาดสีให้ทั้งร่างของแมงมุม สัญชาตญาณเอเรียลปาดเลือดบนหน้าเขาออกด้วยหวังดี แต่กลายเป็นว่ารอยเลือดทำเลอะเทอะกว่าเดิม


“ขอโทษ…แข็ง…เหมือนเคี้ยวอะไหล่รถยนต์…”


ทันใดนั้นที่เลือดจากบนพื้นและตามร่างของแมลงวันจับตัวกันเป็นเส้นใยแล้วค่อย ๆ ขยับเขยื้อน ไหลฝ่าแรงโน้มถ่วงด้วยการเกาะขาและท้องขึ้นผ่านใบหน้าขาวเรียบ ซ่อนไปในไรผมสีดำและแทรกตัวผ่านรูขุมขน เลือดหายไปหมดเลย สะอาดหมดจด 


“งั้นเราไปตามหาของกินที่เธอว่ากัน” แมงมุมพูดขึ้น “เธอบอกว่าล่าสุดแหล่งอาหารอยู่ตรงไหนนะ มาม่าเผ็ดน่าจะรสชาติดีกว่าจริง ๆ ”


“หึ นายนี่มัน” เธอใช้หางตามองไปทางทิศที่มีพระอาทิตย์ครึ่งดวงกำลังรอตกดินอยู่ ณ ขอบฟ้าสีคราม “ผ่านหลุมหลบภัยจะมีสัตว์ประหลาดอยู่ เราต้องฝ่ามันไปให้ได้”


“คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่หรอก เอเรียล เธอเป็นอมตะใช่มั้ย”


เอเรียลที่จู่ ๆ โดนประโยคแทงใจดำเตะหูก็หลุดยิ้มจาง 


“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”


“แล้วทำไมถึงจะไม่คิดอย่างนั้น”


“.....” “นั่นน่ะสิ ไหน ๆ แล้วจะไปกันเลยมั้ย ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงให้มากความ”


“ไปไม่นานต้องกลับมานะ ผมจะปลูกสวนเลือดต่อ”


เอเรียลไม่เอ่ยตอบใด ๆ เสยผมสีขาวมุกแล้วเริ่มออกเดินทาง ก้าวหนึ่ง ก้าวสอง ก้าวสาม ผ่านทุ่งแห่งว่างเปล่าไม่มีใครสนทนากันแม้กระทั่งฟ้าดับไปแล้ว เข้ากลางคืนมืดสนิทก็ตาม ทั้งคู่ไม่มีทางหลงจากกัน ไม่ใช่เพราะรู้ใจกัน แต่สองมือของคนกับเอเลี่ยนดันกุมกันแน่นไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่มีใครรู้ เสียงของนิทราเริ่มหวีดแว่ว ไม่ใช่เสียงของจักจั่นหรือแมลงอะไรทั้งนั้นเพราะไม่มีพวกมันอยู่บนโลกแล้วเว้นเสียแต่แมลงสาบ…แต่เสียงนั้นเป็นผิวปากมนุษย์หวีดหวิวคลอมากับสายลม 


“นี่ สะเก็ดแผลที่มือนายหายไปแล้วนะ” เอเรียลเอ่ย แมงมุมไม่เห็นตัวเธอเพราะความมืดคลุมมิดชิด “ร่างรักษาแผลไวดีเหมือนกันนี่”


“อืม มันไม่หายไปไหนหรอก แค่เป็นแผลเป็นแทน”


“มองจากตรงนี้ก็พอรู้อยู่…แต่เดี๋ยวก่อน เห็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงนั้นมั้ย”


“ตรงนั้นตรงไหน?”


“ตานายไม่ได้ปรับกับกลางคืนได้เหรอ…ไม่สิ นายมองเห็นนายหายใจได้ยังไงฉันยังไม่เข้าใจเลย…เอาเป็นว่ามีศัตรูกำลังมาแล้วกัน รวมหัวจัดการมันกันเถอะ”


พูดยังไม่ทันขาดคำ ลูกธนูก็ปักเข้าเต็มหน้าของแมงมุม


“เป็นไรมั้ยนั่น” เอเรียลถามหลังจากสะดุ้งก้าวเท้าถอยตัว แมงมุมกำก้านธนูดึงออกมา แผลสมานทันที แต่ยังทิ้งแผลเป็นไว้ให้ดูต่างหน้า ทันใดนั้นมีเขี้ยวของฟันมนุษย์กัดลงบนแขนของแมงมุม กระโจนผลักตัวเขาล้มลง ตุ้บ! “รีบจัดการมันให้ตายซะ เร็วเข้า ยังไงก็ได้ พวกมันกำลังมาเป็นฝูงเลย” เอเรียลเค้นเสียงสั่ง สายตาของเธอเห็นสิบคนบ้าเสียสติกำลังสับเท้าตามมา เธอทำแขนตั้งท่าป้องกัน และจู่ ๆ ก็มีศีรษะหนึ่งตาเหลือกกลิ้งมาสะกิดเท้าของเธอ ปรากฏว่าเป็นฝีมือแมงมุมเอง 


“ทำได้ยังไง?”


“แมงมุมเลือด” ไอ้จ้อนเล็กขานรับ