เดินทางข้ามศตวรรษ สานสัมพันธ์มัดไว้ด้วยเลือด

เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก - 3. ปิกนิกยามกลางคืน โดย เขียวขจีคือควายกินหญ้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,เลือดสาด,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ไซไฟ,แอคชั่น,สยองขวัญ,วันสิ้นโลก,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,เลือดสาด,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,สยองขวัญ,วันสิ้นโลก,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เดินทางข้ามศตวรรษ สานสัมพันธ์มัดไว้ด้วยเลือด

ผู้แต่ง

เขียวขจีคือควายกินหญ้า

เรื่องย่อ

เรื่องราวของน้องเอเรียลกับเอเลี่ยนจากต่างดาวชื่อว่าแมงมุมผู้ครองพลังแห่งเลือด ออกเดินทางตามหาอาหารกันสองคน


อัพทุกวัน เวลาประมาณ 18.30 น.

วาดภาพปกโดย แมวดำหลังบ้าน...นิยายเขียนโดย เขียวขจี...คอมเมนท์ติชมได้ตามอัธยาศัย หากชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ ขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านมากครับ

⚠️TRIGGER WARNING (TAKE CARE OF YOURSELF)⚠️: เลือด ความตาย การฆาตรกรรม การกินเนื้อเผ่าพันธุ์ตัวเอง ซากศพ ยาเสพติด มีการกล่าวถึงเรื่องทางเพศและองคชาติ




สารบัญ

เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-1. ต้นไม้เลือด,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-2. รอยแผลเป็น,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-3. ปิกนิกยามกลางคืน,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-4. สู่ชนบท,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-5. ทนายความที่ไหนจะตัดสิน,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-6. พระจันทร์เลือด,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-7. อาคุมะ (สัตว์ประหลาด),เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-8. แบบทดสอบความเป็นมนุษย์,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-9. สลับร่างไปเมื่อตอนที่แล้ว,เอเรียลกับแมงมุมในวันสิ้นโลก-10. เพื่อนบ้านตัวปลอม

เนื้อหา

3. ปิกนิกยามกลางคืน

การโจมตีเกิดขึ้นแล้ว


แมงมุมปลดปล่อยเจ้าอสุรกายในร่างออกมา แมงมุมเลือด แม้วิสัยทัศน์ของเอเรียลจะพร่าเลือนไปบ้าง แต่เธอเห็นชัดแจ้งแจ่มชัดราวกับเวลานี้เป็นกลางวัน เจ้าอสุรกายสีแดงฉานแปดขาที่โผล่ออกมาครึ่งตัวจากส่วนที่เคยเป็นใบหน้าของแมงมุม เห็นทุกอณูบนร่างอันคล้ายกับเส้นเลือดนับพันสานกันเป็นร่างใหม่ เขายืนนิ่งงันราวกับการเรียกแมงมุมเลือดเป็นเรื่องปกติ มันค่อย ๆ ใช้ขาเรียวแหลมปักลงศพไร้หัวทีละข้าง ทีละข้าง กระทั่งยึดร่างไว้ได้แล้วก็ยัดมันเข้าปากของหัวใหม่ที่มีตาอยู่แปดดวง ฟันเคี้ยวตะกละตะกลามกำจัดศพให้หมดไปได้ในทันที มันพาดขาลงมาบนพื้น และเริ่มเคลื่อนไหวแทนที่ไอ้จ้อนเล็กไปแทน


เอเรียลได้แต่ตะลึงงันกับภาพตรงหน้าขณะที่เจ้าแมงมุมเลือดจ้องร่างเธอเขม็งคล้ายหวังจะเขมือบกัน แต่ไม่ใช่ มันจ้องเหล่าคนบ้าที่วิ่งเข้าใส่หลังเธออยู่ต่างหาก พวกมันเกินสิบคนไว้ร่างเปลือยเปล่า แถมโครงหน้าบิดเบี้ยวจนเรียกว่าเป็นคนไม่ได้ด้วยซ้ำ บ้างตาถลน บ้างโครงฟันก็เผยอออกมาเลยริมฝีปาก บ้างจมูกยุบ บ้างก็หูหาย บ้างก็หัวใกล้จะหลุดออกจากคอเต็มที...คงหิวอาหารอยากกินเนื้อมนุษย์จึงเข้าโจมตีใส่ เธอรู้ตัว กำลังจะใช้แข้งขาโจมตีกลับ 


น่าเสียดาย แมงมุมเลือดเล็งเหยื่อเป็นอาหารแล้ว


“นายกำลังจะทำอะไร?”


ร่างของไอ้จ้อนหัวปักอยู่แถวบั้นท้ายของตัวแมงมุมเลือดคงขยับไม่ได้แล้ว การแปลงร่างเป็นร่างจริงนี่จะทำให้ฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้อย่างง่ายดาย ตาสีเลือดกอปรไปด้วยรังสีอำมหิต เอเรียลหวาดกลัวสุดขีดถึงได้รีบวิ่งหลบเจ้าแมงมุมเลือดออกมาก่อน 


มองสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ปรากฏว่าพวกคนบ้าที่เข้าไปรุมโจมตีร่างของแมงมุม ด้วยมือเปล่าบ้าง ด้วยหน้าไม้ยิงบ้าง ด้วยดาบบ้าง เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายจนไม่สามารถประมวลผลด้วยตาและสมองของมนุษย์ได้ทัน แต่เอเรียลรู้อยู่อย่างเดียว เจ้าแมงมุมเลือดนี่แข็งแกร่งเหนือกว่าทุกสรรพสัตว์ที่เคยอยู่บนโลกเสียอีก มันพ่นใยแมงมุมสีเลือดได้และทำพวกมนุษย์เคลื่อนที่ไม่ได้ไปส่วนหนึ่ง ขามันก็ทรงพลัง ขนาดหนึ่งปาดหั่นครึ่งร่างคนได้ไม่ต่างจากมีดคมกริบแล่ชิ้นเนื้อ มันฆ่า ฆ่าแล้วก็ฆ่า จนในที่สุด ฝั่งศัตรูก็สิ้นใจกันไปทุกราย


เสร็จกิจแล้ว แมงมุมเลือดไหลกลับเข้าไปในร่างของไอ้จ้อนเล็ก เขาลุกขึ้นยืน หันซ้ายหันขวาไม่เห็นอะไร แต่กลิ่นสนิมออกเปรี้ยวกระแทกจมูกบรรยากาศภาพของซากศพนอนตายเกลื่อนอยู่ตรงหน้าได้ชัดแจ้ง เอ่ยถามกับเอเรียลที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล


“พวกมันเป็นใครกันเหรอเนี่ย”


เสียงเท้าวิ่งเหยาะแหยะเข้ามาใช้มือบางคว้าไหล่ 


“ไม่ พวกมันเป็นคน แต่นายอะ เป็นใคร ตอบฉันมาก่อน เดี๋ยวนี้เลย”


“กลิ่นนี้มันไม่ใช่ศพของคนด้วยซ้ำ มันคืออะไรกันแน่”


“.....” เธอส่ายหน้าตั้งสติกับตัวเองก่อนตอบ “ไม่รู้ใช่มั้ยว่าพวกเราเจออะไรมาบ้าง เมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านี้”


“ถ้าผมรู้ก็แปลก” แมงมุมหันใบหน้าอันว่างเปล่ามาหาเธอ 


"อืม รู้จักสิ่งที่เรียกว่าสงครามมั้ย สงครามโลกก็ได้"


แมงมุมส่ายหัวแรง เอเรียลยิ้มเจื่อน มืออังที่คอตัวเอง “อธิบายก็ยากด้วยสิ...เอางี้นะ


—เกิดสงคราม—ปรมาณู—ตู้มต้าม—กัมมันตรังสี—วู้บ—ปิ้ว—สแปลซ สแปลซ—คนไปโดนสารก็อะฮื้อ—แปลงร่างตาม—อีโวลูชั่น—กลายเป็นซอมบี้วิปริต…


จบแล้ว เรื่องนี้สนุกดีมั้ย ฉันว่าฉันก็สนุกเหมือนกันนะ สนุกสุด ๆ ไปเลยล่ะ เนอะ? เป็นเรื่องที่ตลกสุด ๆ ไปเลยล่ะ”


แน่นอนว่าแมงมุมไม่เข้าใจสักอย่างที่เธอพูด แต่ก็ไม่กล้าถามซักไซ้ต่อ เพราะดูยังไงมันก็คงไม่ใช่เรื่องตลกอย่างที่เธอว่า เอเรียลถอนหายใจเฮือกใหญ่จนลมอุ่นกระแทกผิวกายของเขา ตบไหล่เขาเบา ๆ ก่อนที่เท้าของเธอจะเดินไปหากองของซากศพเปื้อนรังสีนิวเคลียร์ นั่งยองไปกับพื้น จดจ้องชิ้นส่วนผิดรูปของมนุษย์แล้วใช้ลิ้นปาดน้ำลาย กวักมือเรียกให้แมงมุมตามมา


“นี่ เวลานี้ก็เหมาะกับการปิกนิกดีนะ ของอร่อยน่าจะเพียบเลย ใช่มั้ยล่ะ”


แมลงวันเลิ่กคิ้ว “คุณกินคนด้วยเหรอ” แต่เขาไม่มีคิ้ว


“แล้วถ้าไม่กินคนจะให้กินอะไรแทนล่ะ วัว? วัวสองตัวสุดท้ายบนโลกฉันคงกินไปตอนที่ฉันเพิ่งออกหาอาหารหลังจากหลบระเบิดมาสิบวัน หมูก็ไม่มี หมาก็ตายหมดแล้ว…แล้วนายพึ่งเขมือบคนไปทั้งร่างเมื่อตะกี้เองไม่ใช่เหรอ”


“.....” “ก็คงใช่ แมงมุมเลือดรักการกินซากมาก”


“งั้นจะเป็นอะไรไปล่ะ ถือว่าปิกนิกนี้เป็นแอพพิไทเซอร์ก็ได้ มาม่าเผ็ดกำลังรอพวกเราอยู่นะ ถ้าหิวท้องกิ่วนายจะไปมีแรงกินได้ยังไง กองทัพต้องเดินด้วยท้องไม่ใช่เหรอ?”


“.....” แมงมุมครุ่นคิดอยู่สักพักใหญ่ “ก็ได้ครับ ผมไม่จำเป็นต้องกินแต่ก็ได้ครับ”


เอเรียลได้ยินกำลังจะบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกิน เธอจะกินเองคนเดียว...แต่กองพะเนินของอาหารตรงหน้านั้นช่างเย้ายวลใจให้ลิ้มลอง หยิบส่วนเท้าและน่องขึ้นมาเข้าปาก กัดกินทีละคำแล้วยิ้มเยาะอย่างสุนทรีย์ที่ในที่สุดก็ได้อาหารมาเติมท้องในรอบหลายเดือน ช่างประเทืองลิ้นในทุก ๆ รสสัมผัส “อา เป็นปิกนิกที่สนุกดีนะ” เสียงครางของเอเรียลอู้อี้เพราะยังเขี้ยวส่วนเล็บไม่ละเอียด เหนียวสู้ฟันดีเหลือเกิน อร่อยเกินไปแล้ว


แมงมุมเอากับเธอบ้าง กินซากด้วยคน---ไม่รู้ว่าเขากินได้ยังไง เอเรียลก็มัวแต่รับประทานเพลินจนไม่ทันได้มอง แต่ตอนสุดท้ายอาหารหมดเกลี้ยงเหลือแต่กระดูกแล้ว แมงมุมก็กินไปรวม ๆ พอกับในท้องของเธอเลย


“อร่อยดีเนอะ ว่ามั้ยล่ะ” เธอนอนแผ่หลาตีพุงกลางแอ่งเลือด มองฟ้าไร้ดาว


“อื่ม รู้สึกแปลก ๆ เหมือนชีวิตที่กินไปกำลังเป็นวิญญาณดิ้นอยู่ในท้องเลย หัวใจผมมันระส่ำระสาย ผมกำลังรู้สึกไม่ปกติ”


“เมื่อก่อนฉันก็เป็นแบบนั้นแหละน่า” เอเรียลใช้ลิ้นปาดน้ำที่ย้อย “แต่มันจะมีช่วงหนึ่งที่มันเหมือนเส้นขาด พอผ่านจุดนั้นไปมันก็เริ่มอร่อยของมันเอง” เธอส่งเสียงขำในลำคอ “หลายปีก่อนร้องไห้อยู่นานเลยล่ะที่กัดไปคำแรก มันเหม็น มันชวนอ้วก แต่ไป ๆ มา ๆ ฉันก็รู้แล้วว่ามันอร่อยของจริงยิ่งกว่าเนื้อวัวอีก ถึงคงจะสู้มาม่าเผ็ดไม่ได้อะนะ แต่ว่ามีคนตายให้กินตั้งเยอะเลยนี่!! เป็นบุฟเฟ่ต์เลยล่า!!! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!”


แมงมุมยืนนิ่ง หาปฏิกิริยามาตอบสนองกับคำพูดของเธอไม่ถูก


“นี่ ไอ้จ้อนเล็ก” เธอหันหัวไปหาแมงมุม ยิ้มให้ “เราจะไปกินอาหารฟูลคอร์สกันที่นั่นได้จริง ๆ ใช่มั้ย นอกจากเรื่องอาหารฉันคงไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้วน่ะสิ”


“อืม พวกเราจะได้กินของอร่อย ๆ กันแน่นอน” น้ำเสียงแมงมุมเรียบเฉยจนเอเรียลฟังแล้วถึงกับต้องถอนหายใจอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายของวัน คิดอีกที ร่างกายเธอเมื่อยล้ามากหลังจากการเดินเท้าหลายชั่วโมง สะลึมสะลือจนตาเริ่มพร่ามัว หนังท้องตึงหนังตาหย่อนด้วยก็ส่วนหนึ่ง


“นี่ ไอ้จ้อนเล็ก เรามานอนพักกันก่อนดีมั้ย ที่นี่ ตรงนี้”


“ทำไมล่ะ พวกเราไม่ต้องนอนกันก็ได้ไม่ใช่เหรอ”


“เหอะน่า” เอเรียลกางแขนออกกว้าง จงใจทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพื่อรบเร้า “อากาศมันหนาว กอดกันได้มั้ย กอดฉันหน่อยสิ นะ นะ”


“....” “ให้ผมสร้างต้นไม้เลือดอีกก็ได้นะ”


เอเรียลถึงกับต้องลุกไปโผกอดแมงมุมในทันที จับล๊อคตัวเขาทุ่มลงมานอนราบอยู่บนพื้นด้วยกัน แมงมุมกำลังจะขัดขืนด้วยการดิ้นออกจากวงแขน แต่เอเรียลก็ผลอยหลับไปเสียก่อน ตาสองข้างปิดลงใต้ผมยุ่ง ๆ หายใจแผ่วเบา เผยอริมฝีปากซีดทำแมงมุมเห็นแล้วอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ยอมสวมแขนไว้ใต้รักแร้ของเธอ นอนกอดกันเกลียวใต้ค่ำคืนอันไร้แสงดาว