ฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?

เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ - 🐾2🐾 ไม่ได้กินข้าวทำไมไม่บอก โดย คุณถั่วแดง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัว,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,รั้วโรงเรียน,ดรามา,ตลก,พี่น้อง,โรแมนติก,พ่อแม่ลูก,เด็กน้อย,รักข้างเดียว,ครอบครัว,ย้อนเวลา,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,รั้วโรงเรียน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดรามา,ตลก,พี่น้อง,โรแมนติก,พ่อแม่ลูก,เด็กน้อย,รักข้างเดียว,ครอบครัว,ย้อนเวลา,ดราม่า

รายละเอียด

ฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?

ผู้แต่ง

คุณถั่วแดง

เรื่องย่อ



_⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_

หากฉันเป็นแค่คนธรรมดา..

ไม่ได้มีชื่อเสียงเงินทอง หรืออยู่ในวงศ์ตระกูลที่ดี

นายจะยังอยากอยู่กับฉันไหม?

หรือที่นายยืนเคียงข้างฉันจนถึงตอนนี้ เป็นเพียงเพราะนามสกุลของฉันกันล่ะ

⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_⁠_

❌คำเตือน❌

 นิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือ เหตุการณ์จริงใดๆทั้งสิ้น อาจมีคำหยาบคายตามอถรรถของตัวละคร โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

🐝🖤🐝🖤🐝

ฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะคะ เพื่อเป็นกำลังใจในการอัพผลงาน👇👇

กดใจ ❤️

กดเข้าชั้นหนังสือ 📥

คอมเม้น 📜

กดติดตาม 📌




สารบัญ

เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-บทนำ 🐾,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾1🐾 ฉันต้องได้เลี้ยงแมว,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾2🐾 ไม่ได้กินข้าวทำไมไม่บอก,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾3🐾 ความทรงจำเกี่ยวกับทะเล,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾4🐾 คำพูดขอบคุณเล็กๆ,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾5🐾 นอนอย่างแออัด,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾6🐾 ว่าด้วยเรื่องของคุกกี้,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾7🐾 ลูกคนใช้น่ะ,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾8🐾 ความลับที่เก็บลึกไว้ข้างใน,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾9🐾 เกลียดวัยเด็กมากที่สุด,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾10🐾 ลูกควรเลี้ยงหมา,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾11🐾 หนูไม่ได้แกล้ง,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾12🐾 พี่อยากมีลูก,เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อ-🐾13🐾 หนูยกโทษให้

เนื้อหา

🐾2🐾 ไม่ได้กินข้าวทำไมไม่บอก


กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงพยาบาลแตะจมูกเป็นอย่างแรก ฉันพยายามปรือตาขึ้นตื่น แม้จะรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว น้ำตาไหลออกมาขณะที่ฉันเริ่มสะอึกสะอื้นอย่างเด็กไม่สบายอีกครั้ง วินาทีถัดมาก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่นของใครบางคนที่ลูบใบหน้าและศีรษะให้อย่างอ่อนโยน ก่อนที่ฉันจะเข้าสู่ภวังค์และหลับไหลไปอีกครั้ง


เมื่อตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่ดีขึ้น ก็พบว่าตัวเองอยู่คนเดียวในห้องพิเศษของโรงพยาบาล บนแขนมีรอยเจาะน้ำเกลือด้วย ดูเหมือนว่าการอดข้าวและขึ้นลงบันไดจะทำให้ฉันถึงกับป่วย เฮ้อ..สมกับเป็นร่างกายของเด็กสามขวบจริงๆ เลย จะว่าไปบรรยากาศตอนนี้ก็เหมือนในตอนนั้นแฮะ ช่วงที่ฉันป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลตลอดสามวันเมื่อตอนอายุสิบเก้า และนอกจากหมอนั่นแล้วก็ไม่มีใครโผล่มาเยี่ยมฉันเลยสักคนเดียว..

เป็นความทรงจำที่แย่จริงๆ ต่อให้จะนึกน้อยใจทุกครั้งที่ต้องนอนป่วยอยู่คนเดียว แต่เอาเข้าจริงฉันก็เริ่มจะชินขึ้นมานิดหน่อย อยากเข้าห้องน้ำจัง ฉันค่อยๆ ขยับร่างกายที่รู้สึกเบาสบายลงจากเตียงที่รู้สึกสูงมากๆ รอให้โตกว่านี้อะไรๆ ก็จะดีขึ้นเองแหละ ตอนนี้ฉันคงต้องทำใจไปก่อน พอลงมาได้สำเร็จฉันก็พลักประตูห้องน้ำที่ไม่ได้ล็อกอยู่ออก ทำธุระเสร็จก็รู้สึกหิวขึ้นมาจึงลากเก้าอี้มาเปิดประตูและออกจากห้องไป อยากรู้จังว่าโรงอาหารของโรงพยาบาลนี้จะมีข้าวไข่เจียวกุ้งสับขายหรือเปล่า รองเท้าที่สวมอยู่เป็นรองเท้า Slipper หรือก็คือรองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน มันใหญ่กว่าเท้าเล็กๆ ของฉันหลายเท่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีกว่าเดินเท้าเปล่าล่ะนะ ข้อดีของการเป็นเด็กคือการทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรู้สึกกระดากอายยังไงล่ะ

ฉันใช้เวลาอยู่สักพักก็รู้ทางไปโรงอาหาร คนที่อยู่ในลิฟท์ยินดีจะกดปุ่มลิฟท์ให้กับฉัน ฉันเอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โรงพยาบาลนี้คนน้อยมากๆ ระหว่างทางที่เดินผ่านตรงนั้นตรงนี้ ฉันก็แทบไม่เจอใครเลย ก็นะ..ที่นี้ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ฉันเข้าอยู่ตลอดตอนเปลี่ยนนามสกุลแล้ว พอถึงโรงอาหารฉันก็ต้องผิดหวังเพราะมันยังไม่เปิด ฉันตัดสินใจไปเดินเล่นที่สวนแทน น้ำค้างบนใบหญ้าและอากาศที่เย็นกว่าปกติทำให้รู้ว่าเวลานี้ยังเช้าอยู่ หลังจากเดินเล่นพร้อมกับคิดเรื่องเรื่อยเปื่อย ฉันก็กลับมาที่ห้องเดิม ปีนขึ้นไปนอนเองบนเตียงแล้วก็หลับตานอนอีกครั้งเพื่อรอพยาบาลเอาอาหารเช้ามาให้ จะว่าไปตั้งแต่ย้อนกลับมา ฉันได้กินอะไรบ้างหรือยังนะ ฉับพลันก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ประตูก็เปิดโพล่งออก คนมาใหม่คือปั้นหนึ่งที่หอบหายใจและมีเหงื่อชื่นเต็มใบหน้าราวกับวิ่งตรงมาที่นี่ด้วยความเร็วสูง นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้สบตากับฉันราวกับประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปหาใครบางคนข้างนอกนั่น

"ผมเจอเธอแล้วครับ"

"?" ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน หมายความว่ายังไงเจอฉันแล้ว ฉันก็ไม่ได้หายไปไหนนานสักหน่อย ไม่นานนักคนเป็นพ่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับความน่าเกรงขามที่ทำเอาบรรยากาศอึมครึม ถ้าไม่ติดว่าฉันไม่ใช่เด็กละก็ มีหวังได้ร้องไห้ลั่นห้องแน่

"หนู.."

ทั้งห้องเงียบกริบยิ่งกว่าเก่าราวกับต้องการจะฟังคำพูดแต่ละคำของฉัน

"หนู.. หนูหิว"

เยี่ยม! ออกเสียงได้ดี! โดยปกติแล้วเด็กวัยนี้ก็ต้องพูดได้หลายคำแล้วแหละ แต่เพราะฉันพัฒนาการช้ากว่าพี่ๆ หรือยังไงเนี่ยแหละ เหมือนเคยได้ยินใครนินทาว่าแววๆ อีกอย่างจะให้พูดออกมาเป็นประโยคเหมือนกับแร๊ปก็กลัวจะดูมีพิรุจ อย่างไรก็ตามตอนนี้ยัยฟ้าใหม่คนนี้หิวจนท้องจะขาดแล้วเว้ยยย คนเป็นพ่อยังคงขมวดคิ้วติดกันเป็นโบว์ราวกับเครียด ก่อนจะใช้ให้คนใช้ผู้ชายที่เดินเข้ามาไปเอาอาหารมา

ฉันได้ยินดังนั้นจึงยกยิ้มกว้างโชว์ฟันน้ำนมเรียงสวย

ปั้นหนึ่งเหลือบมองไปทางพ่อเล็กน้อยราวกับอยากรู้ว่าจะทำสีหน้ายังไง ก็ทำหน้านิ่งขรึมเหมือนเดิมน่ะสิ

"ไม่ค่อยได้กินข้าวทำไมไม่บอกฉัน"

'ฉัน' คำที่แทนตัวเองว่าฉัน แทนที่จะเป็นคำว่าพ่อนั้นทำให้รอยยิ้มร่าเริงของฉันเลือนหายไปจากหน้า เหมือนกับพวกพี่ๆ พ่อจะแทนตัวเองว่า 'พ่อ' นะ แล้วทำไมกับฉันถึงได้กลายเป็นคำๆ นี้ไปได้ล่ะ ความทรงจำที่ผ่านมาเราแทบจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันก็จริง แต่ฉันเรียกเขาว่าพ่อ.. และเขาคนนี้ก็แทนตัวเองว่าพ่อเหมือนกัน

"เอ่อ.. ผมคิดว่าน้องจะฟังไม่เข้าใจหรอกครับ"

"ต้องเข้าใจสิ เด็กสามขวบต่อให้จะพัฒนาการช้าแค่ไหนก็ต้องเข้าใจ ฉันถามว่าไม่ได้กินข้าวแล้วทำไมไม่บอกฉัน" น้ำเสียงที่ใช้เค้นถามเด็กสามขวบนั้นไม่อ่อนโยนเอาเสียเลย ขณะที่ปั้นหนึ่งทำสีหน้าไม่ถูก ฉันก็ได้แต่จ้องมองคนใจร้ายไม่วางตา ก่อนจะเอ่ยตอบให้ไม่ถูกมองว่าเป็นเด็กพัฒนาการช้า

"ป้อจ๋า.. ไม่เคยถามอะไยหนูเย้ย"

ไม่ว่าจะเป็นตอนอายุเท่าไหร่ ก็ไม่เคยมีคำถามเป็นห่วงเป็นใยหลุดมาจากปากของคนๆ นี้ นั่นอาจเพราะ.. อีกฝ่ายรู้และแน่ใจว่าเธอเป็นลูกชู้ก็ได้ คำถามนั้นทำให้เกิดความเงียบขึ้นในอากาศ ฉันหลุบตาลงมองมือตัวเอง และภาวนาให้เขาเดินออกไปแล้วให้อาหารมาเสิร์ฟเร็วๆ สักที

กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาของฉันก็แทบจะเปร่งประกายออกมาเป็นกลิตเตอร์ พลางรีบตักข้าวผัดไข่เข้าปากประหนึ่งคนเพิ่งออกจากป่าหลังจากติดอยู่ในนั้นสามวัน เพราะหิวมากก็เลยไม่สนใจสายตาที่มองมา แม่เจ้าโว้ยยยนี่มันเป็นข้าวผัดไข่ที่อร่อยที่สุดในชีวิตตั้งแต่ได้กินมา แต่จะสุดยอดกว่านี้อีกนะถ้าเพิ่มไส้กรอกแดงเข้าไปอีก ปั้นหนึ่งยื่นน้ำเปล่าในแก้วเล็กมาให้อย่างใจดี จะว่าไปในชีวิตที่แล้วถึงจะไม่ได้คุยกันมากมาย แต่ปั้นหนึ่งก็เป็นพี่ที่นิสัยอ่อนโยนที่สุดในบ้าน ทั้งยังร่าเริงที่สุดในบรรดาพี่น้อง

จะว่าไปทำไมพ่อยังไม่ออกไปอีกล่ะเนี่ย ฉับพลัน หมอก็เข้ามาตรวจดูอาการ

"สวัสดีครับคุณนิธิศ มาดูอาการลูกสาวสินะครับ" คนเป็นหมอยกมือไหว้พ่อของฉัน มองแวบเดียวก็รู้ว่าอยากเอาใจ ก่อนเขาจะบอกให้หมอรีบๆ บอกอาการของฉันมา

"นอกจากอาการไข้อ่อนๆ กับภาวะขาดสารอาหารที่แจ้งไปก่อนหน้านั้น ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ ตอนนี้เหลือแค่กินอาหารให้ครบห้าหมู่และนอนหลับพักผ่อนให้มากๆ เพียงเท่านี้คุณหนูก็ดีขึ้นแล้วครับ ส่วนวันนี้ก็สามารถกลับบ้านได้แล้วครับ"

ฉันไม่ได้ยินเสียงที่หมอพูดอีกตั้งแต่ได้ยินคำว่าภาวะขาดสารอาหาร นี่ตัวฉันถูกละเลยจนถึงขั้นนี้เลยงั้นเหรอ.. ขณะที่นิ่งอึ้งคนใช้ผู้หญิงอายุน่าจะวัยกลางคนก็อุ้มฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ เธอเช็ดเม็ดข้าวที่ติดแก้มอยู่ออกให้ หัวใจของฉันเจ็บแปลบด้วยความรู้สึกสงสารตัวเอง ที่ผ่านมาฉันโตมาได้ยังไงกันล่ะเนี่ย ระหว่างเดินไปที่รถฉันไม่ยอมให้ใครอุ้ม เพราะต้องการให้ได้อยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อย หากกลับไปครั้งนี้ไม่รู้จะโดนพวกคนใช้กลั่นแกล้งอะไรอีกบ้าง แต่ยังกลัวอะไรวะคะ ฉันมีปากนะเว้ย ถึงไอ้มนุษย์พ่อของฉันจะห่วยแตกแค่ไหน แต่ใครกล้าเข้ามาแหยมอีกแม่จะฟ้องให้หมดเลยคอยดู!

"ฟ้าใหม่วิ่งแบบนั้นเดี๋ยวก็หกล้มหรอก"

พูดได้ทันขาดคำ ฉันก็สะดุดขาตัวเองแทบจะทันที ทว่าคนที่เข้ามารับเอาไว้ได้ทันก็คือคนที่อยู่ห่างจากฉันมาที่สุด(แต่มาทันได้ไง) และเพราะนัยน์ตาคมสีน้ำตาลไหม้ที่จ้องเขม็ง(น่ากลัวชิบหายเลยจ้า) ฉันจึงยอมให้เขาอุ้มแต่โดยดี ขณะที่ปั้นหนึ่งพี่ชายอายุสิบสามของฉัน คลายสีหน้ากังวล ดูจะตกใจยิ่งกว่าฉันที่เป็นคนจะหกล้มซะอีก กระทั่งถึงบ้าน ฉันก็ได้เป็นอิสระจากตักแข็งๆ นั่นสักที จริงๆ ก็ไม่ได้แย่งขนาดนั้นหรอกแต่เพราะในรถไม่มีคาร์ซีท ฉันเลยใช้พ่อเป็นคาร์ซีทแทน

ตอนนี้ฉันกำลังมองหาพี่เลี้ยงของฉันที่ปกติต้องออกมารับตอนลงจากรถ ก่อนเสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณนิธิศ หรือก็คือพ่อของฉันจะเอ่ยขึ้น

"ตอนนี้พี่เลี้ยงคนนั้นไม่อยู่ที่นี่แล้ว"

อ๋อ.. ไล่ออกไปแล้วสินะก็สมควร เดี๋ยวมาดูกันว่ามีใครให้ต้องไล่ออกอีกบ้าง จะว่าไปเจ้าดำของฉันล่ะ พ่อบอกว่าเอามันไปอาบน้ำแล้วก็หาหมอนี่ใช่ไหม แต่ไม่ทันได้ถามหาร่างบางของคนเป็นพี่สาว ก็เดินลงจากรถอีกคันที่มาจอดหยุดอยู่ตรงทางเข้า ดูเป็นพี่รินจะเพิ่งกลับจากเรียนพิเศษ เสื้อผ้าหน้าผมก็ยังอลังการเหมือนเดิม

"เอ้า.. ยัยฟ้ากลับมาจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ"

ไม่ใช่มั้ง ฉันก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ยังจะถามอีก ฉันกวักมือเรียกสาวใช้ที่ดูเด็กสุดให้มาหา เธอคนนั้นทำสีหน้าเหรอหรากับการเป็นผู้ถูกเลือก

"อุ้มหนูหน่อย.."

"ค่ะคุณหนู"

เธอก้มลงอุ้มฉันขึ้นท่ามกลางคนใช้คนอื่นๆ และสามพ่อลูก

"ไปอ้องนอน" โอ๊ยอีลิ้นเชี้ยนี้ ตัดทิ้งซะเลยดีไหม สาวใช้คนนี้ทำตามคำสั่งของฉันอย่างง่ายดาย ฉันแอบเหลือบพ่อที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเล็กน้อย ขณะที่รินกับปั้นหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านแล้ว ทำสีหน้าเหมือนอึ้งที่ฉันใช้คนอื่นเป็น ชีวิตก่อนฉันโง่มามากพอแล้ว ชีวิตนี้ฉันจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากทำบนกองเงินกองทองนี้ จนกว่าจะถูกถีบออกมาจากตระกูลเอง!!

ฉันนี่แหละจะผลาญเงินพ่อให้หมดเลย!

แต่ก่อนหน้านั้น..

โตให้ได้ก่อนดีกว่า