ฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?
ครอบครัว,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,รั้วโรงเรียน,ดรามา,ตลก,พี่น้อง,โรแมนติก,พ่อแม่ลูก,เด็กน้อย,รักข้างเดียว,ครอบครัว,ย้อนเวลา,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?
ฉันที่ไม่เคยจะทำตัวงอแงเป็นเด็กๆ (?) มีความเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถนอนคนเดียวได้อีกต่อไป ก็จนกว่าจะลืมเรื่องผีที่หลอกฉันได้ ไม่รู้ว่าชีวิตก่อนเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรือเปล่า เพราะฉันไม่ค่อยจะเข้าไปในห้องสมุดเท่าไหร่ หลังจากที่ทุกคนเห็นคริปในกล้องวงจรปิดที่ฉันเล่นอยู่คนเดียว ก่อนประตูจะปิดเองเสียงดัง มันไม่ใช่คริปถ่ายติดวิญญาณแต่ก็หลอนอยู่เหมือนกัน ทั้งวันฉันนั่งตัวสั่นอยู่ในที่ๆ พ่ออยู่ด้วย ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าถ้าอยู่กับคนๆ นี้แล้วผีจะไม่กล้าเข้ามาหลอก อาจเพราะพ่อน่ากลัวกว่าผีล่ะมั้ง
กระทั่งตกกลางคืน ฉันก็เกาะขาร่างสูงใหญ่ของพ่อเอาไว้เพราะไม่อยากนอนคนเดียว ฉันไม่ต้องกลัวว่าจะถูกด่าว่าอะไรเพราะฉันเป็นเด็กสามขวบจำได้ไหม พ่อส่งสายตาให้พี่เลี้ยงมาอุ้มฉันไป ท่ามกลางสายตาของพวกพี่ๆ ที่ก็กลัวไม่แพ้กัน แต่ไม่มีพูด ใครที่สามารถแยกตัวไปนอนคนเดียวได้คือโคตรน่านับถือเลย ซึ่งคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพ่อที่เดินออกไป
"ด..ดึกแล้วแยกย้ายกันเข้าห้องเถอะ ส่วนยัยฟ้าใหม่ คืนนี้ฉันใจดี จะมานอนกับฉันก็ได้" ยัยพี่รินพูดอย่างนั้นแต่จริงๆ ก็คือไม่กล้านอนคนเดียวสินะ พี่ธันบอกฝันดีแล้วเดินกลับห้องตัวเองไป ขณะที่ปั้นหนึ่งตัดสินใจขอนอนกับพวกเราด้วย จึงกลายเป็นสาม ส่วนห้องที่ใช้นอนก็เป็นห้องนอนของฉันที่มีระยะห่างจากห้องสมุดผีสิงมากที่สุด พวกเราสามพี่น้องนอนบนเตียงเดียวกัน และเพราะเตียงมันใหญ่จนมีที่ว่างเหลืออยู่ พวกเราก็เริ่มแย่งกันนอนตรงกลาง
"อื้อ!? หนูจานองตงนี้"
"ยัยฟ้า!? พี่ใจดีมานอนด้วยก็ควรจะตามใจพี่สิ"
"พี่กลัวพี่ก็บอกเถอะ" น้ำเสียงเอือมระอาของปั้นหนึ่งทำให้ยัยพี่รินหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย
"นายก็กลัวเหมือนกันนั่นแหละน่า!"
"ใช่ผมกลัว และผมจะนอนตรงกลางเอง"
"ไม่ให้!"
ฉันขยับไปตรงกลางแล้วนอนลงทันที ไม่ยอมขยับเขยื้อนให้ใครเข้ามาแย่ง ก่อนทั้งสองจะจำใจนอนลงตาม พี่ปั้นหนึ่งนอนทางขวามือของฉัน ส่วนยัยพี่รินที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ทางซ้ายมือ แถมระหว่างที่กำลังนอนอยู่พวกเราก็ไม่มีใครยอมลุกไปปิดไฟ พี่ชายให้เหตุผลว่าจะอ่านการ์ตูนก่อนนอน ส่วนพี่สาวให้เหตุผลว่าไฟก็ไม่ได้แสบตาขนาดนั้นเปิดไว้ก็ไม่เป็นไร ฉันด้วยความเป็นเด็กในวัยกำลังโตแบบเร่งสปีด สามารถหลับลึกได้ทันทีประหนึ่งมีสวิตช์เปิดปิดอยู่ในตัว
"หรือจะเป็นเพราะสุสานวันนั้นกันนะ อาจจะมีอะไรตามเรากลับมา-"
"ผีไม่มีจริงหรอกน่าพี่ ใครจะไปรู้ยัยฟ้าใหม่อาจจะกำลังเล่นกับเพื่อนในจินตนาการอยู่ก็ได้"
เฮ้ย..ฉันยังไม่หลับนะเว้ย แต่ก็นะ.. เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เจอกับตัวก็มีทางเชื่อหรอก ระหว่างที่นอนอยู่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจับแก้ม พอลืมตาดูก็เจอว่าเป็นยัยพี่รินที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอัดวิดีโอตอนบีบแก้มฉันเอาไว้ รอยยิ้มขำขันระคนเอ็นดูนั้นคืออะไรกันนะ?
ฉับพลัน!?
เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เราสามพี่น้องสะดุ้งสุดตัวพร้อมกัน ก่อนจะได้ยินเสียง
"พวกเธอมาเปิดประตูให้พี่หน่อยสิ"
เสียงของพี่ธันทำให้สองพี่น้องทำสีหน้าวางใจยกเว้นฉัน ร่างบางของพี่สาวลุกขึ้นจะไปเปิด ฉันรีบรั้งไว้แล้วพูด
"ไม่ใช่พี่.. ฮึกฮือ.. ไม่ใช่" ผีมันปลอมตัวเป็นพี่ธันได้ แถมเสียงยังเหมือนกันอีก ขณะที่ยังนิ่งอึ้ง คนนอกประตูก็เอ่ยขึ้น
"นี่พี่เห็นนะว่าไฟยังเปิดอยู่ ออกมาเปิดประตูเร็วเข้า"
เสียงโคตรจะเหมือนเลย พวกเราสามพี่น้องยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง
"ได้.. จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม" น้ำเสียงที่ฟังดูมีน้ำโหอยู่หน่อยๆ ห่างออกไป แต่ไม่มีใครกล้าออกจากผ้าห่มเลยสักคน จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตู
"น..นายล็อคแล้วไม่ใช่เหรอหนึ่ง"
ปั้นหนึ่งพยักหน้าซีดๆ ก่อนผ้าห่มจะถูกดึงออก พวกเราสามพี่น้องกรี๊ดสุดเสียง
"โอ๊ยหนวกหู อะไรเนี่ย? อย่าบอกนะว่าพวกเธอคิดว่าพี่เป็นผี บอกให้เปิดประตูก็ไม่ยอมเปิด จนต้องไปเอากุญแจห้องฉุกเฉินมาจากหัวหน้าพ่อบ้านเนี่ย" ฉันมองดูใบหน้าหล่อคมคายของร่างสูงโปร่ง อีกฝ่ายถือหมอนมาด้วยใบหนึ่งก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องด้วยสีหน้ารำคาญใจ
"พี่จะมานอนด้วยงั้นเหรอ?"
"ไม่ได้หรือไง?"
เราสามคนเขยิบหาที่ว่างให้อย่างรู้งาน นับเป็นครั้งแรกเลยหรือเปล่าที่พวกเราสี่พี่น้องนอนเตียงเดียวกัน หากเป็นชีวิตที่แล้วคงไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้แน่.. แต่ก็เอาเถอะ.. แบบนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร ถึงจะรู้สึกวุ่นวายไปนิดหน่อยก็เถอะนะ ฉันผล็อยหลับไปขณะที่พวกพี่ๆ เถียงกันเรื่องปิดไฟ จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีใครลุกขึ้นไปปิดไฟ เช้านั้นคนที่ตื่นมาเป็นคนแรกก็คือฉันที่หลับลึกและฝันดี ไฟห้องนอนถูกปิดไปแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ละคนที่หลับอยู่สภาพดูไม่จืดเท่าไหร่
ไม่นานหลังจากนั้นพ่อก็เรียกให้คนมาทำพิธีไล่ผี ในคืนที่สองที่สามพวกเรายังนอนด้วยกัน มีบ้างที่แข่งกันเล่านิทาน และในคืนต่อๆ มาพวกพี่ๆ ก็เริ่มกลับไปนอนห้องตัวเองทีละคนสองคน จนกระทั่งเหลือฉันเพียงคนเดียวในที่สุด ยอมรับตามตรงก็ได้ว่าตอนที่นอนด้วยกันมันสนุกกว่าจริงๆ ส่วนพี่มะลิเองเล่านิทานจบก็กลับออกไป ฉันมักจะแอบเปิดโคมไฟรูปแกะทิ้งไว้ทุกคืน แต่พอตื่นเช้าขึ้นมาโคมไฟแกะของฉันก็ปิดอยู่ตลอด สงสัยมันจะเป็นโหมดปิดไฟเองโดยอัตโนมัติเมื่อถึงช่วงเช้า ไฮเทคดี...
และวันนี้พี่เลี้ยงคนสนิทของฉันก็กลับบ้าน มีป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาดูแลแทนพี่มะลิ ฉันที่ไม่ได้ใส่ใจนักมองออกไปนอกหน้าต่าง สวนหลังคฤหาสน์คนงานเดินกันขวักไขว่ ตอนนี้ฉันพอจะเดาออกแล้วว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน.. ขุดหลุมลึกขนาดนั้นก็น่าจะเป็นสระว่ายน้ำหรือเปล่า พอโตขึ้นอีกหน่อยก็จะถูกส่งไปเรียนสินะ อยากจะข้ามช่วงนี้ไปจังเพราะมันไม่มีอะไรน่าสนุกเลยสักนิด กว่าจะได้เจอกับหมอนั่นก็เป็นช่วงประมาณมัธยมต้น..
ดูเหมือนจุดหมายเดียวในใจฉันคือโตและออกจากที่นี่ไป แต่รู้อะไรไหม.. หลังจากตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วชีวิตตอนนี้มันดีมากแค่ไหน มีคนดูแล มีข้าวมีน้ำและยังมีลมหายใจ ต่อให้จะเป็นลูกชู้แล้วมันจะทำไมกันล่ะ ในเมื่อฉันโชคดีเกิดมาบนกองเงินกองทอง ต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะใช้เงินเองเหมือนพี่ๆ ได้กันนะ
"คุณหนูออกไปวิ่งเล่นบ้างเถอะค่ะ อยู่แต่ในห้องน่าเบื่อแย่เลย" คุณป้าแม่บ้านท่าทางใจดีเข้ามาเอ่ยชักชวนให้ฉันออกไปเล่น ก่อนฉันจะตกลงให้เธออุ้มลงไปข้างล่าง ทว่าจุดที่ป้าคนนี้มาปล่อยฉันไว้กลับเป็นแถวๆ ประตูหลังคฤหาสน์ที่เชื่อมต่อไปยังสวนซึ่งมีพวกคนงานก่อสร้าง.. ทำอะไรของเธอน่ะ ไม่รู้หรือยังไงว่าไม่ควรเอาเด็กมาวิ่งเล่นแถวนี้ เพราะหากฉันเป็นเด็กจริงๆ ล่ะก็ อาจจะเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นก็ได้
ฉันทำทีไปแง้มประตูที่ไม่ได้ปิดไว้ออก แต่เจ้าของรอยยิ้มใจดีก็ไม่คิดจะห้ามปราม เพราะอะไรคนรอบตัวถึงพยายามจะกำจัดฉันไปกันนะ? ฉันไปทำอะไรให้พวกเขา? หรือจะโกรธแค้นแทนเจ้านายที่ถูกคนรักหักหลังกันล่ะ? แล้วฉันที่เป็นเด็ก ผิดอะไรอย่างนั้นหรือ
ฉันก้มหน้างุดพลางแอบยกยิ้ม ก็ได้ยัยป้า.. เดี๋ยวจะจัดให้ตามที่ต้องการเลย ฉันผ่านประตูหลังไปยังสวน พลางหันมองดูประตูที่ปิดลง เสียงก่อสร้างดังอยู่ตรงหน้า ไม่ได้มีใครสังเกตเห็นเด็กตัวเล็กๆ เพราะมัวแต่จดจ่อกับงาน ฉันเดินผ่านคนพวกนั้นอย่างระมัดระวังและเข้าไปในสวนวงกตที่ทำจากต้นกุหลาบ สมัยก่อนฉันก็ชอบเข้ามาเล่นคนเดียวในนี้
เส้นทางไม่ซับซ้อนและฉันก็ชอบติ๊งต่างว่าตัวเองเป็นนักผจญภัยที่ติดอยู่ข้างใน ข้อเสียก็คือบางทีฉันก็ไม่ระวังจนโดนหนามกุหลาบตำ พื้นหญ้านุ่มชวนให้ฉันแผ่กายลงไปนอน ท้องฟ้าสีครามสว่างสดใส ฉันจะนอนกลางวันที่นี่สักงีบแล้วค่อยกลับไปจัดการยัยป้านั่นต่อก็แล้วกัน
ไม่รู้จะโดนดุอะไรบ้าง เพราะพ่อเคยสั่งเอาไว้แล้วว่าห้ามเข้าไปในสวนระหว่างที่มีการก่อสร้าง เอาเป็นว่าลืมเรื่องนั้นไปก่อนดีกว่า อีกไม่นานจะเปิดเทอมแล้วและฉันก็กำลังจะสี่ขวบ พี่ธันก็ไปเรียนมหาลัย ส่วนยัยพี่รินกับปั้นหนึ่งก็ไปเรียนเหมือนกัน พี่มะลิปีนี้ก็กำลังจะจบม.ปลายแล้ว เธอคงไม่มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปทั้งชีวิตหรอก ชีวิตที่แล้วฉันก็มีพี่เลี้ยงหลายคน แต่ไม่ค่อยสนิทเหมือนพี่มะลิเลยสักคน
ไม่นานนักสายลมที่พัดมาก็ทำให้ฉันผล็อยหลับไป
กระทั่งตื่นขึ้นมาอีกที ฉันก็เดินเข้าไปข้างในบ้านด้วยสภาพหัวที่ยังติดใบไม้ ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตารวมถึงเหล่าคนรับใช้ที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน พี่มะลิที่กลับมาแล้ววิ่งเข้ามาดูฉันเป็นคนแรก เธอทำสีหน้าเป็นห่วงจนเหมือนจะร้องไห้ การที่เห็นเธอเป็นห่วงฉันขนาดนี้ มันทำให้ฉันเองก็ร้องไห้ออกมาด้วย
"คุณหนูหายไปไหนมาคะ ทุกคนตามหากันตั้งนาน ไฟล์จากกล้องวงจรปิดก็ดันหายไปอีก"
"คุณหนูกลับมาแล้วเหรอคะ ฮึกฮื่อ.. ป้าเป็นห่วงคุณหนูแทบแย่ ทีหลังอย่าหนีหายไปแบบนี้อีกนะคะ" ยัยป้าแม่บ้านคนเดิมแสร้งร้องไห้ออกมาหนักยิ่งกว่าฉันซะอีก เดี๋ยวก็ให้รางวัลออสการ์ซะเลยหนิ พ่อที่เดินทะมึนตึงเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย วินาทีที่คิดว่าจะโดนด่าด้วยคำพูดแรงๆ เขาก็อุ้มฉันขึ้น
ฉันกระพริบตาปริบๆ จ้องสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ที่แลดูดุดัน
"ลูกหายไปไหนมา บอกพ่อ"