ฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?
ครอบครัว,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,รั้วโรงเรียน,ดรามา,ตลก,พี่น้อง,โรแมนติก,พ่อแม่ลูก,เด็กน้อย,รักข้างเดียว,ครอบครัว,ย้อนเวลา,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับยัยพี่รินดูจะย่ำแย่ลง ขณะที่งานวันเกิดใกล้เข้ามาทุกที ต้องไม่เชื่อแน่ว่าพ่อให้ฉันไปช็อปปิ้งด้วยบัตรเดบิต black card บัตรไม่จำกัดวงเงินที่ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสจับ ดูท่าว่าเขาจะสบประมาทเด็กสี่ขวบน่าดูถึงได้กล้าให้มา หากฉันเป็นเด็กสี่ขวบจริงๆ ล่ะก็ฉันคงไม่รู้จักมันหรอก แต่งานนี้พ่อต้องได้บ่นเรื่องการใช้เงินของฉันแน่ อ๋อแล้วก็ฉันมีโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูเป็นของตัวเองแล้วนะ ถึงช่องทางติดต่อจะมีแค่พี่มะลิ ปู่พิรัชต์ พ่อและก็พี่ธันกับพี่ปั้นหนึ่งก็เถอะ
ส่วนยัยพี่รินน่ะ ฉันรอวันที่อีกฝ่ายมาขอแลกเบอร์กับฉันเอง ซึ่งก็น่าจะเป็นชาติหน้าตอนบ่ายๆ เพราะขนาดตอนร่วมโต๊ะอาหารเธอยังทำเหมือนฉันเป็นฝุ่นอากาศ แต่ก็ชินแล้ว หนักกว่านี้ก็เคยโดนว่าแล้วแค่นี้ไม่คณามือยัยฟ้าใหม่คนนี้หรอก
ฉันชี้นิ้วตั้งแต่ตู้โชว์เครื่องเพชรตรงนู้นไปจนถึงตู้โชว์เครื่องเพชรตรงนี้ และก่อนจะจ่ายตังค์ฉันก็ขอเป็นคนรูดบัตรเองด้วยความรู้สึกมันส์มือ ทำให้อยากจะรูดแบบนี้ไปอีกสักเจ็ดแปดร้าน ถึงนี่จะบอกว่าเป็นการซื้อของขวัญไปให้พี่สาวแสนสวยของตัวเอง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นของที่จะทำให้ชีวิตฉันสุขสบายได้หลังจากถูกเตะออกจากตระกูลต่างหากล่ะ
ไม่รู้ว่าพ่อจะทำตัวแปลกแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ อย่างน้อยๆ การมีเพชรตุนไว้เต็มกระเป๋าจะช่วยให้ฉันสบายใจไปจนกว่าจะเรียนจบ ฉันเคยเล่าถึงเหตุผลที่ฉันออกจากตระกูลหรือยังนะ เรื่องลูกชู้แม้ฟังดูน้ำเน่าดีแต่ก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรอก เหตุผลจริงๆ คือการถูกสั่งให้แต่งงานแบบคลุมถุงชนต่างหากล่ะ และอย่างที่รู้ว่าฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว แม้ไอ้บ้านั่นจะหายไปทันทีหลังจากที่ฉันตัดขาดกับครอบครัวก็เถอะ...
ถ้าวันนั้นฉันเลือกที่จะแต่งงานกับคนที่พ่อเลือกให้ ชีวิตฉันจะเป็นยังไงกันนะ คงไม่ถูกเด็กโรคจิตแทงแล้วซี้แหงแก๋แบบนั้น อย่างไรก็ตาม ชีวิตครั้งนี้ฉันจะไม่ทำอะไรพลาดอีก ฉันจะใช้ทุกๆ ตัวเลือกที่เข้ามาในชีวิตด้วยความตั้งใจและระมัดระวัง อย่างที่ตอนนี้ฉันกำลังเลือกที่จะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกับหัวหน้าพ่อบ้านที่เหมือนงานหลักในช่วงนี้จะคือการดูแลฉัน ท่าทางเกร็งๆ ของปู่พิรัชต์บ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยได้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางแบบนี้ เอาจริงๆ ฉันเองกว่าจะได้ลองก็เป็นตอนที่เดินทางไปมหาลัยเอง ส่วนคนที่กินเป็นเพื่อนก็คือหมอนั่นอีกเช่นเคย ฉันมีเพื่อนเยอะซะที่ไหนกันล่ะ..
"คุณหนูมาครับเดี๋ยวกระผมปรุงให้"
"ปู่ปรุงเป็นงั้นเหรอคะ"
"เอ่อ.. คิดว่าเป็นครับคุณหนู" ฉันได้ยินแบบนั้นจึงหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเลื่อนถ้วยก๋วยเตี๋ยวของอีกฝ่ายมาใกล้ๆ แล้วปรุงให้ คนอายุมากกว่านั่งรอด้วยท่าทางเรียบร้อยและสงบเสงี่ยม ทว่าสีหน้าดูจะตื่นเต้นและสงสัยกับจำนวนช้อนของเครื่องปรุง
"คุณหนูยังไม่ชิมก่อนปรุงเลยนะครับ"
ฉันหัวเราะ พลางเหลือบมองหน้าแม่ค้าที่ดูจะสาวกว่าในความทรงจำ ถ้าเป็นร้านนี้ฉันชิมมาจนเซียนแล้ว พอเลื่อนถ้วยก๋วยเตี๋ยวกลับไปให้ ปู่พิรัชต์ก็ใช้ตะเกียบคีบเส้นเข้าปากตามด้วยซดน้ำซุปที่ส่งกลิ่นหอม เขาทำสีหน้าแปลกใจพลางเอ่ย
"อร่อยมากครับคุณหนู เป็นก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดในรอบหลายปีของกระผมเลยครับ"
"อร่อยก็ทานเยอะๆ ค่ะ มื้อนี้หนูเลี้ยง"
ถึงจะพูดว่าเลี้ยง แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางแบบนี้มีให้รูดบัตรที่ไหนกันล่ะ สุดท้ายแล้วหน้าที่คนจ่ายก็คือคนที่กำลังหัวเราะขำระคนเอ็นดูอยู่ตอนนี้ ฉันกลับถึงบ้านหลังจากที่ผลาญเงินด้วยความสนุกสนานเสร็จแล้ว และก็เลือกของขวัญวันเกิดให้ยัยพี่รินได้แล้วด้วย เมื่อลงจากรถก็เจอเข้ากับพี่ชายคนโตที่กำลังจะออกไปข้างนอก ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะหนีไม่พ้นเที่ยวผับกลางคืนแน่นอน พี่ธันเนี่ยเห็นตั้งใจจะเป็นผู้รับช่วงต่อจากพ่อ แต่ก็แอบมีด้านนี้เหมือนกัน ในบรรดาพี่น้อง.. พี่ธันเป็นคนที่ยินดีจะขึ้นคานทองประดับคริสตัล รักแท้มันหายากหรือไม่เคยหากันแน่?
หรือพี่ธันจะชอบผู้ชายหว่า.. มีความเป็นไปได้ ฉันเก็บความสงสัยไว้ในใจขณะที่มองพี่ชายวัยยี่สิบปีของตัวเองเดินผ่านตัวไป ไม่วายหันมาทักทายราวกับเมื่อกี้มองไม่เห็นฉันจริงๆ
"อ้าวฟ้าอยู่นี่เองเหรอ สงสัยต้องกินนมเยอะๆ แล้วนะ พี่มองแทบไม่เห็น"
"งั้นพี่ก็ควรจะตัดแว่น" ฉันว่าอย่างหน้าตาย ร่างสูงโปร่งได้ยินดังนั้นจึงชะงักไป ก่อนจะหลุดหัวเราะเสียงดังจนฉันปวดหู เขาย่อตัวลงเพื่อกระซิบข้างหูของฉัน
"พี่ได้ยินเรื่องนั้นแล้วนะ"
"เตรียมของขวัญหรือยังคะ?"
"เตรียมแล้ว ยัยรินเห็นแล้วจะต้องร้องไห้ดีใจชัวร์"
"คืออะไรเหรอคะ"
"คุกกี้"
ฉันได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าหงึกทันที นี่พี่แกยังมูฟออนจากคุกกี้ของตัวเองไม่ได้อีกเหรอ ตั้งแต่ครั้งนั้นก็ไม่มีใครคิดอยากจะกินมันแล้วนะ ถึงยัยพี่รินจะชอบคุกกี้ก็เถอะ แต่ฉันนึกสีหน้าเธอตอนเห็นของขวัญออกเลย ฉันเลือกที่จะเดินออกมาแล้วกลับห้องตัวเอง พี่มะลิที่ติดเรียนแวะมาดูแลฉันเป็นครั้งคราว ของที่ฉันซื้อมาทั้งหมดถูกส่งมาจัดเก็บไว้ที่ห้อง
ของขวัญของยัยพี่รินถูกเก็บไว้ในกล่องอย่างดี จนกระทั่งได้เวลาอาหารเย็นฉันที่กำลังจะเดินไปบอกพ่อว่าทานจากข้างนอกมากแล้ว กลับต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่ามีเด็กอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เด็กผู้ชายที่น่าจะอายุมากกว่าฉันในตอนนี้ประมาณสักหนึ่งหรือสองปีนั่งตรงที่ว่างของพี่ธันที่ไม่อยู่ นัยน์ตากลมโตสีดำขลับ ปากนิดจมูกหน่อย โดยรวมแล้วเด็กคนนี้มีหน้าตางดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ หากไม่ตัดผมสั้นเกรียนเหมือนชินจังก็ดูไม่ออกว่าเป็นเด็กผู้ชาย
และเพราะฉันจ้องมากเกินไป เด็กคนนั้นเลยจ้องกลับมาทำเอาฉันสะดุ้ง แล้วฉันจะตกใจกับแค่เด็กทำไมล่ะเนี่ย ยัยพี่รินที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายเหลือบมองฉันเพียงเล็กน้อย พ่อที่นั่งนิ่งเงียบไม่คิดจะเอ่ยอธิบายถึงเด็กแปลกหน้าในบ้านเราหน่อยหรือไง ทุกคนยกเว้นฉันดูจะรู้จักกับเด็กคนนี้อยู่แล้ว
"เอ่อ.. ทุกคนคะ เห็นเหมือนกันหรือเปล่าว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น หรือหนูเห็นผีอีกแล้วล่ะเนี่ย.."
"คนๆ นี้คือกุมภ์ ลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ อายุมากกว่าลูกสองปี"
พอได้ยินพ่อพูดแบบนั้นก็มีบางอย่างที่ฉันสงสัยขึ้นอีกแทน และเพราะช่วงนี้ยั้งปากตัวเองไม่ค่อยได้ ฉันก็ดันเอ่ยถามไปด้วยสีหน้าใสซื่อขั้นสุด
"พ่อมีเพื่อนด้วยหรอคะ"
ยัยพี่รินได้ยินคำถามนั้นจึงหลุดหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะตั้งสติได้แล้วทำสีหน้าเรียบนิ่งดังเดิม ไม่วายยังเอ่ยพูดเป็นเชิงตำหนิ
"ถามอะไรแปลก พ่อน่ะเพื่อนเยอะกว่าที่คิดนะ"
"กี่คน"
คนถูกถามเลิ่กลั่ก ก่อนพี่ปั้นหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างฉันจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า
"สาม"
โคตรเยอะ กะว่าจะล้อแต่ดันเยอะกว่าฉันอีกเนี่ยดิ.. เด็กผู้ชายที่อายุมากกว่าฉันแค่สองปีจ้องหน้าฉันนิ่งๆ
ฉับพลัน สมองน้อยๆ ก็นึกขึ้นได้
กุมภ์.. พี่กุมภ์..
เดี๋ยวนะเฮ้ย!? ไม่ใช่ว่าได้เด็กหน้าสวยที่จ้องฉันอยู่นี่คือคนที่พ่อเคยบังคับให้ฉันแต่งงานหรอกเหรอเนี่ย! จำไม่ได้เลยว่าเคยมีเหตุการณ์ที่เราเจอกันมาก่อน นั่นอาจเป็นเพราะฉันยังเด็กมากก็ได้ หากเป็นความทรงจำเมื่อชีวิตก่อน ฉันจะต้องเจอไอ้พี่กุมภ์ในวันนัดดูตัว หน้าตาก็ดูเป็นคนเรียบร้อยอยู่หรอก แต่จริงๆ แล้วเป็นพวกตีสองหน้าที่ซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ข้างใน ฉันเกลียดที่เขาเผยด้านแย่ๆ ให้ฉันเห็นแค่คนเดียว
แต่ตอนนี้ยังเด็กก็เท่ากับว่ายังเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์หรือเปล่า?
"มีเพื่อนเยอะหรือน้อยไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือเพื่อนที่จริงใจและสามารถไว้ใจได้ต่างหาก"
พวกเราสามพี่น้องพร้อมใจกันขานรับเป็นเชิงได้คำสั่งสอน และฉันที่กะจะไม่กินข้าวในตอนแรกกำลังขอแม่บ้านเติมข้าว แม้ไอ้พี่กุมภ์จะนั่งกินข้าวด้วยท่าทีเรียบร้อยเกินเด็กตลอดจนมื้อเย็นจบลงก็ตาม ทว่าเมื่อฉันลุกออกจากเก้าอี้ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นเป็นครั้งแรก
"คุณอาครับ"
"ว่ามาสิ"
"ผมขอเล่นกับน้องฟ้าใหม่ได้ไหมครับ"
ฉันหันขวับไปมองหน้ายิ้มๆ ของคนพูด แล้วก็หันขวับไปหาคนเป็นพ่อ ก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ ว่าไม่เอาด้วย แต่มีเหรอที่เจ้าของใบหน้าตึงจะเข้าใจ
"อืมไปเถอะ"
โอ๊ยยยยพ่อช้านนน ไม่เห็นรึไงว่าลูกคนนี้ส่งสัญญาณเอสโอเอสอยู่เนี่ย จนแล้วจนรอด ฉันก็ต้องมานั่งอยู่กับไอ้พี่กุมภ์ในห้องนั่งเล่น ซึ่งมียัยพี่รินกับพี่ปั้นหนึ่งเล่นเกมกันอยู่ ทั้งสองคนมัวแต่จดจ่อกับเกมเลยไม่ได้หันมาสนใจเราที่กำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่ นัยน์ตาสีดำขลับคู่นี้เหมือนมีบางอย่างแปลกๆ
"ยิ้มหน่อยสิ"
ฉันยกยิ้มให้ตามคำขอ
"ยิ้มแบบให้เห็นฟัน" ไอ้พี่กุมภ์เมื่อเห็นฉันทำหน้าหงิกแล้วไม่ยอมทำตามก็เอามือมาง้างปากฉันแทน อ๊ากกก!? อะไรของไอ้พี่กุมภ์เนี่ย อย่าบอกนะว่าจริงๆ แล้วเป็นโรคจิตมาตั้งแต่เด็ก ฉันดิ้นพลั่กๆ พร้อมกับปิดปากแน่น อีกสองคนที่ติดเกมไม่ทันเห็นความดิบเถื่อนตรงข้างๆ โซฟา
วินาทีต่อมาฉันก็ยอมยิ้มยิงฟันให้เห็น
"ฟันหลอจริงด้วย"
"ก็ใช่น่ะสิไอ้บ้าเอ๊ย!" ฉันด่าออกไปอย่างสุดจะทน ไม่เข้าใจการกระทำของเด็กเจ็ดขวบคนนี้เลยจริงๆ ไอ้พี่กุมภ์จ้องมองฟันหน้าที่หายไปสองซี่ ไม่วายทำสีหน้ากลั้นหัวเราะอย่างหนัก ฉันที่ทนไม่ไหวอีกกระโจนเข้าไปหยุมหัว แต่ลืมไปว่าไอ้พี่กุมภ์มันไว้ผมทรงชินจัง อ๊ากกกหงุดหงิดชิบผายเลยเว้ย!!
"ยัยฟ้าทำอะไรน่ะ!? แกล้งกุมภ์เขาทำไม"
"หนูไม่ได้แกล้ง"
คนที่โดนฉันจับหัวอยู่ตีหน้าซื่อ พร้อมกันก็ร้อง 'โอ๊ยเจ็บ' อย่างแผ่วเบา แต่ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะเว้ย!