ฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?
ครอบครัว,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,รั้วโรงเรียน,ดรามา,ตลก,พี่น้อง,โรแมนติก,พ่อแม่ลูก,เด็กน้อย,รักข้างเดียว,ครอบครัว,ย้อนเวลา,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?
ปกติแล้วเด็กเจ็ดขวบสามารถแอ็กติ้งได้ขนาดนี้เลยงั้นเหรอ เก่งขนาดบีบน้ำตาจนสามารถมานอนเตียงเดียวกันกับฉันได้เนี่ย.. แบบนี้ไม่เป็นนักแสดงก็น่าจะเป็นภัยสังคม ฉันเองก็ไม่เข้าใจพ่อเลยเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เด็กผู้ชายที่มีรอยยิ้มเหมือนอสรพิษมานอนกับฉันที่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กันล่ะเนี่ย
"นอนนะ เดี๋ยวพี่จะเล่านิทานให้ฟัง"
"ไม่ฟัง"
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในฤดูที่หนาวเหน็บ ชาวนาคนหนึ่งเดินมาพบกับงู-"
"ชาวนากับงูเห่าใช่ม่ะ? แล้วเดี๋ยวงูเห่าก็จะฉกตูดชาวนาตาย" ฉันว่าพลางจ้องไอ้พี่กุมภ์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ ห้องปิดไฟมืดไปแล้วเหลือแต่โคมไฟข้างเตียง พลันต้องเบิกตากว้างเมื่อรอยยิ้มปกติบนใบหน้าได้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็นๆ ของปีศาจ ก่อนเขาจะเอ่ย
"เปล่าสักหน่อย ชาวนาไม่ได้ถูกงูตัวนั้นกัด แต่ถูกงูตัวนั้นตอบแทนต่างหากล่ะ"
"ตอบแทนยังไงไม่ทราบ"
"ตอบแทนอย่างนี้ไง" สิ้นเสียง ไอ้พี่กุมภ์ที่ตัวใหญ่และสูงกว่าก็เข้ามากอดรัดฉันแน่น กอดแน่นซะจนหายใจไม่ออก แล้วแบบนี้เรียกว่าตอบแทนได้ยังไง ทำให้ตายอย่างช้าๆ ล่ะสิไม่ว่า ฉันร้องอ๊ากขณะที่ไอ้โรคจิตไม่คิดจะว่าผละกอดออกง่ายๆ ทว่าหลังจากอีกฝ่ายหัวเราะขำ ไม่นานนักกอดก็คลายออกเบาๆ พร้อมกับเสียงกรนสบายที่ตามมา คืนนี้ฉันต้องนอนกับไอ้โรคจิตคนนี้จริงๆ เหรอเนี่ย ปั้นหนึ่งที่อายุสิบสามยังน่ารักมากกว่าเลยมั้ง
ในช่วงเช้าก่อนไปโรงเรียน ฉันก็มีเด็กประถมเดินตามต้อยๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่นี่นานกี่วัน เพราะนี่แค่เขาสู่วันที่สองฉันก็รู้สึกประสาทเสียจะแย่แล้ว ปั้นหนึ่งที่เดินผ่านมาพอดีเข้ามาถามว่าทำอะไรกันอยู่ ฉันจึงตอบไป
"หนูกำลังจะไปห้องน้ำ"
"แล้วทำไมกุมภ์ถึงเดินตามไปด้วยล่ะ"
"นั่นน่ะสิคะ หนูเองก็อยากรู้"
เราสองพี่น้องหันไปจ้องหน้าไอ้พี่กุมภ์ที่ปั้นหน้าใสซื่อพร้อมกับยกยิ้มกว้างจนตายี ก่อนจะเอ่ยตอบ
"น้องตัวแค่นี้เองผมกลัวจะตกโถส้วมแล้วถูกดูดไปโผล่ที่ทะเลน่ะครับ"
ปั้นหนึ่งแทนที่จะช่วยตำหนิเขาแทนฉัน แต่กลับทำสีหน้าชื่นชมซะงั้น! คิดจริงๆ หรอว่าไอ้พี่กุมภ์กลัวว่าฉันจะตกโถส้วมตายจริงๆ ฉันน่ะจะตายก็เพราะโดนดวงตากลมคู่นี้จับจ้องในทุกๆ การกระทำมากกว่า หวังว่าจะอ่านความคิดฉันไม่ได้นะ เพราะถ้าหากอ่านได้ฉันก็จะไม่มีอะไรไปสู้กับโรคจิตคนนี้แล้ว มื้อเช้าเป็นไปอย่างปกติต่างจากเมื่อวานก็ตรงที่ว่าพี่ธันกลับบ้านแล้วและที่นั่งข้างๆ ฉันก็กลายเป็นไอ้พี่กุมภ์ อาจสงสัยว่าทำไมฉันถึงเรียกคนที่อายุมากกว่าตัวเองถึงสองปีว่า 'ไอ้' นั่นก็เพราะว่าไอ้โรคจิตคนนี้มันไม่มีอะไรที่น่าเคารพเลยน่ะสิ
โตมานอกจากจะชอบแหยชอบแกล้งแบบแปลกๆ แล้ว ยังเล่นหูเล่นตาเก่ง ผู้หญิงในสต็อกเนี่ยมีเป็นพัน! เป็นทั้งคนตีสองหน้า เป็นทั้งโรคจิต เป็นทั้งคนเจ้าชู้ แล้วยังมีหน้าจะมาแต่งงานกับฉันอีก! ชีวิตนี้ฉันจะทำให้ไม่ต้องมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น
ถึงฉันจะพูดแบบนั้นก็เถอะ..
แต่
"ฟ้านอนจับมือกับพี่เอาไหม"
"ทำไมต้องกับพี่ด้วยวะ.. คะ" เกือบจะหยาบให้ไปแล้วไหมล่ะ ดีนะเติม 'คะ' ทัน ตอนนี้เราสองคนอยู่บนโซฟาแบบนอนในห้องสำหรับดูหนัง เรากำลังดูหนังกันอยู่ขณะที่ช่วงนี้พวกพี่ๆ เองก็ใช้เวลาด้วยกันบ่อยขึ้น พี่ธันนั่งเหม่อมองโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ฉัน ส่วนยัยพี่รินนอนขดตัวดูหนังอยู่ทางฝั่งพี่กุมภ์ พี่ปั้นหนึ่งนั่งอยู่บนพรมของพื้นห้อง ปกติจะไม่ค่อยได้เห็นพ่อในห้องนี้หรอก แต่ตอนนี้เขากลับโผล่มานั่งข้างๆ ยัยพี่ริน กลายเป็น family time ที่แท้ทรู
เสียงกระซิบแผ่วเบาจากอีกคนยังดังอยู่ข้างหู
"พี่เคยได้ยินว่าถ้าผู้หญิงกับผู้ชายนอนจับมือกันแล้วจะท้องน่ะสิ"
ฉันเบิกตากว้างแบบโคตรจะตกใจ ก็ดีอยู่หรอกที่การทำลูกของไอ้พี่กุมภ์ยังแลดูไร้เดียงสา แต่ประเด็นคือทำไมต้องเป็นอิชั้นต่างหากล่ะคะ!? วินาทีถัดมาอีกฝ่ายก็ยื่นมือมาหมายจะจับมือฉัน ช่วยด้วย! ไอ้นี่มันคุมคามทางเพศชัดๆ ฉันหลบมือทันก่อนจะถามกลับไปด้วยเสียงกระซิบที่ติดกระโชกโฮกฮาก
"แล้วทำไมต้องจับกับหนูด้วยไม่ทราบ!"
"ก็พี่อยากมีลูกไง"
"ก็ไปมีกับคนอื่นสิ"
"ไม่เอา"
ฉันกัดฟันกรอดและพยายามข่มอารมณ์ ทั้งที่จริงๆ น่ะอยากเอาหมอนกดหน้าอีกคนจนแทบบ้า รอยยิ้มกว้างแลดูกวนประสาทอยู่ไม่น้อย อ๊าก!? จนแล้วจนรอดมือฉันก็ถูกกุมจับเอาไว้แน่น เจ้าของสายตาเจ้าเล่ห์ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนแก้มที่แสนสะอาดเอี่ยมของฉันจะถูกริมฝีปากนุ่มๆ จุ๊บลงมาแผ่วเบา วินาทีต่อมาความอดทนของเด็กวัยสี่ขวบก็ขาดสะบั้น
ฉันกัดฟันกรอดพร้อมกับขึ้นคร่อมตัวไอ้พี่กุมภ์ ท่ามกลางสายตาของคนทั้งครอบครัว ก่อนจะง้างหมัดเล็กๆ แล้วกระแทกลงบนใบหน้างดงามนั่น
"ฟ้าใหม่?!" เสียงของทุกคนประสานเรียกชื่อฉันพร้อมกัน
หลังจากเหตุการณ์นั้น..
ไอ้พี่กุมภ์ก็กวนประสาท.. ยิ่งกว่าเดิม
โชคดีที่วันเกิดปีนี้ของยัยพี่รินตรงกับวันหยุด และฉันก็สังเกตเห็นว่าเพื่อนของยัยพี่รินไม่ได้โผล่มาที่นี่เกือบๆ อาทิตย์แล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่ที่ฉันไม่รู้คือทั้งสองฝ่ายยังติดต่อกันอยู่ไหม เพราะดูเหมือนยัยพี่รินก็กำลังรอให้พวกยัยกุหลาบมาง้ออยู่เหมือนกัน ฉันเปิดลิ้นชักที่เก็บกล่องของขวัญของยัยพี่รินออกมาดู งานวันเกิดเล็กๆ จัดที่ห้องดนตรี ซึ่งกว้างและเก็บเสียงได้ดี ทุกคนในคฤหาสน์เก็บเรื่องนี้เป็นความลับจากยัยพี่รินได้อย่างแนบเนียน ส่วนฉันก็แค่รอเวลาโดยการมาว่ายน้ำเล่นในสระ
ไอ้พี่กุมภ์ที่อยู่ในกางเกงว่ายน้ำนั่งอยู่ตรงขอบสระ เขาอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วและไม่มีวี่แววว่าจะกลับไปสักที เห็นว่าพ่อกับแม่เขาไปต่างประเทศ งงเหมือนกันว่าทำไมไม่เอาเขาไปด้วย บางทีฉันก็รู้สึกว่าไอ้เด็กเจ็ดขวบคนนี้โตกว่าวัยเหมือนกันกับฉัน ที่คิดแบบนั้นก็เพราะฉันรู้สึกว่ารับมือกับอีกฝ่ายได้ยากแปลกๆ พวกเพื่อนนิสัยแย่ของยัยพี่รินยังอ่านใจง่ายกว่าเลยมั้ง
"ทำไมพี่ไม่ไปด้วยล่ะ"
"หืม?"
"ต่างประเทศน่ะ"
"ไปจนเบื่อแล้ว"
ตอบได้น่าหมั่นไส้ดี ขนาดฉันตอนเด็กๆ ยังไม่เคยแม้แต่ไปทะเลเลย ฉันว่ายไปใกล้ขอบสระเพื่อสบตากับอีกฝ่ายให้ชัดขึ้น เจ้าของนัยน์ตาสวยพรายยิ้มหวานส่งมาให้ ฉันชะงักไปเล็กน้อย พลันรู้สึกเขินแปลกๆ กับรอยยิ้มนั้น
"พี่ว่าจะไม่ไปไหนแล้วละ"
ฉันหัวเราะแห้งพลางถาม
"หมายถึงนอกประเทศใช่ไหม ฮัลโหล? พี่หมายถึงนอกประเทศใช่ไหมไม่ใช่บ้านนี้"
ไอ้พี่กุมภ์ไม่ตอบแต่หัวเราะออกมาจนไหล่สั่น ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดๆ แต่ฉับพลันก็ต้องหันไปมองกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นของยัยพี่รินที่จู่ๆ ก็โผล่มา เดี๋ยวนะ.. เข้ามาได้ยังไงถึงที่นี่เนี่ย ดูจากกล่องของขวัญที่ถือมาแล้วแสดงว่าคงจะมาเซอร์ไพรส์วันเกิดยัยพี่รินหรือเปล่า ไม่ได้! ห้ามมาทำก่อนฉันเด็ดขาด! คิดได้ดังนั้นฉันก็ขึ้นจากสระพร้อมกับวิ่งไปดักเอาไว้
ยัยกุหลาบจ้องหน้าฉันเขม็ง แต่ฉันก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดหวั่นออกไป พวกนี้จำหน้าฉันได้ดีและกำลังเอ่ยพูดถึงวันนั้นที่ร้านไอศกรีม ไอ้พี่กุมภ์มองเหตุการณ์นี้ด้วยสายตานิ่งๆ ขณะที่ฉันกอดอกจ้องหน้ายัยกุหลาบที่มักจะเป็นตัวเปิด
"เรื่องที่บอกว่าถ่ายคริปไร้สาระนั่นน่ะ โกหกใช่ไหม ไม่งั้นรินคงไม่ตอบข้อความฉันหรอก เป็นแค่ลูกคนใช้แท้ๆ อยากโดนไล่ออกจากที่นี่นักใช่ไหมล่ะ"
"พวกพี่น่ะไม่อายตัวเองหน่อยเหรอไง พี่รินนิสัยแย่มากก็จริงแต่ถ้าไม่ชอบก็อย่าเสแสร้งว่าชอบสิ เธอเสียคนก็เพราะมีแต่พวกจอมปลอมคอยประกบ" พวกคนที่ถูกเด็กสี่ขวบสั่งสอนกระพริบตาปริบๆ และดูจะเป็นการด่าที่ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนเป็นพิเศษ ยัยกุหลาบอาบยาพิษหลุดหัวเราะเย้ยหยันก่อนจะพูด
"ต่อให้ไม่มีพวกจอมปลอมแบบเราคอยประกบ ยัยนั่นก็ไม่เปลี่ยนไปมากนักหรอก ทั้งหยิ่งยโสและเอาแต่ใจตัวเอง ถ้าไม่มีพวกฉัน ก็ไม่มีทางที่จะมีคนชอบคนแบบนั้นได้ลง" ฉันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและไม่เถียงเรื่องนิสัยแย่ๆ ที่ติดตัวพี่สาวของตัวเอง แต่ยัยกุหลาบพูดผิดอยู่อย่างหนึ่งนะ
"ถึงพี่รินจะแย่ยังไง แต่เธอน่ะจริงใจมากกว่าใครทั้งนั้น และเรื่องที่จะไม่มีใครชอบพี่รินมันไม่จริงเลยสักนิด เพราะหนูน่ะชอบพี่รินมากที่สุดยิ่งกว่าใครทั้งนั้น รู้ไว้ด้วยว่าต่อจากนี้ในอนาคตเอง ก็จะมีคนที่ชอบพี่รินในแบบที่เธอเป็นตัวของเธอเอง เยอะซะยิ่งกว่าเม็ดข้าวที่พวกพี่กินรวมกันซะอีก"
"พล่ามอะไรไร้สาระจริงๆ เลยเด็กนี่!"
มือบางกำลังจะยื่นเข้ามาแตะตัวฉัน ทว่ากลับมีคนเข้ามากันไว้ ฉันไม่ได้ตกใจกับร่างบางที่ปรากฏตัวออกมาสักเท่าไหร่ พลางปรายตาไปมองไอ้พี่กุมภ์ที่ยกนิ้วโป้งมาให้ พร้อมกับฉีกยิ้มแบบมีความหมาย ตามมาได้ถูกคนจริงๆ ขณะเดียวกันการปรากฏตัวของยัยพี่รินก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเหงื่อตก
"ร..ริน สุขสันต์วันเกิดนะ พวกฉันตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์วันเกิด ขอโทษนะแผนดันพังไม่เป็นท่าซะแล้ว"
"จะทำอะไรน้องสาวฉัน"
"อะไรนะ"
"ฉันถามว่าพวกเธอจะทำอะไรน้องสาวฉันไง" เธอกดเสียงต่ำ นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ฉายแววเย็นเยียบ ไม่ใช่แค่ยัยพวกกุหลาบที่ตกใจกับคำว่าน้องสาวที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสวยถึงสองครั้ง แต่ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน ก่อนที่ฉากทะเลาะกันจะเริ่มต้นขึ้น ไอ้พี่กุมภ์ก็ลากฉันออกมาพร้อมกับบ่น
"เดี๋ยวฟันก็ได้หักอีกซี่หรอก"