ฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?
ครอบครัว,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,รั้วโรงเรียน,ดรามา,ตลก,พี่น้อง,โรแมนติก,พ่อแม่ลูก,เด็กน้อย,รักข้างเดียว,ครอบครัว,ย้อนเวลา,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อฉันดัน 'ย้อนเวลา' กลับมาเป็นลูกพ่อฉันตายและย้อนกลับมาในวัยที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด เป็นวัยเด็กที่ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ แต่เหมือนคุณพ่อ.. จะอ่อนโยนมากขึ้นหรือเปล่านะ?
แม้หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตนี้จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ฉันก็ยังคงยืนยันว่าการได้กลับมาเจอเขาคนนี้อีกครั้งเป็นสิ่งที่ยังคงแจ่มชัดอยู่ในใจ ฉันกังวลไปหมดว่าถ้าหากได้เจอกันอีกครั้ง เราจะยังเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่า ในเมื่อตัวฉันเองก็เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตไม่ใช่น้อย ฉันไม่ใช่ฟ้าใหม่อายุสิบสามคนเดิมที่เก็บตัวเงียบๆ ไม่ใช่คนเดิมที่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางครอบครัวที่นิ่งเงียบใส่กัน แต่เป็นครอบครัวที่แสดงออกในแบบของตัวเองว่ารักและห่วงใยฉันเป็นที่สุด
จนบางครั้งฉันก็รู้สึกว่า.. ต่อให้ชีวิตครั้งนี้ตายไปเช่นนั้นอีก ฉันก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายอีกแล้ว รวมถึงเรื่องของความรักที่ฉันจะไม่กลัวการข้ามเส้นพวกนั้นอีก เมื่อชีวิตขจัดความกลัวทิ้งไป ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ทำให้ทุกๆ วินาทีในชีวิตคุ้มค่ายิ่งขึ้น ฉันเดินลงมาจากรถคันหรูซึ่งคนขับได้เปลี่ยนจากคุณปู่พิรัชต์ที่ยามนี้ลาออกไปพักผ่อนอยู่ต่างประเทศ มาเป็นพ่อของฉันแทน เขาปลดเกษียณตัวเองแล้ว แต่ก็ยังคงช่วยให้คำแนะนำกับพี่ธันที่ชอบบ่นเรื่องงานให้ฉันฟังเป็นเด็กๆ
"ลูกเคยขอพ่อใช่ไหมว่าคราวนี้ให้เก็บเรื่องนามสกุลของตัวเองเป็นความลับ"
"ค่ะ"
"พ่อทำให้แล้วนะ" น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอก ฉันที่ได้ยินดังนั้นเบิกตากว้างแล้วกระโดดกอดด้วยความดีใจ
"ขอบคุณนะคะพ่อ!"
รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนใบหน้าของคนที่ยิ้มไม่เก่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ ฉันจุ๊บแก้มทั้งสองข้างของร่างสูงใหญ่ที่โน้มตัวลงเล็กน้อย เห็นเป็นจุ๊บธรรมดาแบบนี้แต่ฉันเคยใช้มันเป็นของขวัญวันเกิดให้พ่อด้วยนะ และเขาก็ดูจะชอบมันมากกว่านาฬิกาข้อมือที่ฉันเก็บเงินจากค่าขนมซื้อมาให้ซะอีก เห็นเขาไม่ใส่ก็คิดว่าไม่ชอบ แต่ปู่พิรัชต์แอบบอกมาว่าอีกฝ่ายหวงมากจนเอาไปเก็บในตู้เซฟต่างหาก พ่อก็เป็นพ่อล่ะนะ..
"ถึงจะไม่มีใครเห็นด้วยแต่พ่อคิดว่าลูกมีเหตุผลของตัวเอง"
เอ่อ.. จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ฉันแค่รำคาญพวกเด็กวัยเดียวกันที่เริ่มจะสนใจระดับและสถานะทางสังคมที่สร้างขึ้นมาเองต่างหากล่ะ ฉันไม่ได้เก่งเหมือนพวกพี่ๆ จึงไม่แปลกที่จะถูกด้อยค่าได้ง่ายๆ เพียงเพราะอยู่ในตระกูลที่สูงส่งกว่าตัวเอง พ่อสางเส้นผมหยักศกที่ซอยสั้นเหมือนผู้ชายแต่ก็ยังดูน่ารักของฉัน ยัยพี่รินบ่นแทบตายตอนเห็นทรงผมใหม่ของฉัน ก็นะ.. ฉันขี้เกียจหวีและผูกผมบ่อยๆ หนิ
ฉันกับพ่อแยกกันหน้ารั้วโรงเรียน ที่ๆ ฉันเรียนเป็นศูนย์รวมของพวกลูกหลานคนใหญ่คนโต ระบบการสอนดีเลิศจนทำให้เด็กหัวช้าอย่างฉันอยากจะลาออก แต่ตอนนี้คงไม่คณามือผู้ย้อนเวลามาตั้งแต่สามขวบอย่างฉันหรอก
มั้งนะ..
"เอากลับไปทำใหม่นะ ครูเห็นแล้วว่าเธอเอาแต่มองผีเสื้อที่เกาะตรงหน้าต่าง หากตั้งใจฟังที่ครูพูดมากกว่านี้คำตอบคงออกมาดีกว่านี้แน่นอน"
ฉันไม่ได้พูดเถียงอะไรแต่เผลอทำสีหน้าเซ็งเป็ด จนคุณครูสาวคิ้วกระตุกและพยายามข่มสีหน้าไม่ให้แสดงถึงความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นกับนักเรียนตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน ฉันเอากระดาษคำตอบกลับมาเขียนใหม่ ขณะที่รู้สึกแปลกใจที่ไม่เจอกับหมอนั่นที่ต้องเรียนห้องเดียวกันกับฉันในเทอมนี้ แต่มีโต๊ะว่างอยู่ตัวนึง.. ยังไม่มาหรือเปล่า เด็กนักเรียนคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กใหม่ บางคนก็จับกลุ่มหาเพื่อนได้เร็ว บางคนก็กำลังแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาว่ากลัวตัวเองจะไม่มีเพื่อน ส่วนฉันก็หงุดหงิดกับการต้องมานั่งเขียนคำตอบพวกนี้ใหม่
ฉับพลันก็ได้ยินเสียงซุบซิบ..
"ได้ยินว่าแค่เดินชนตัวนิดเดียวก็จับทุ่มลงพื้นจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยนะ"
"แต่นามสกุลก็ดูจะคนธรรมดาไม่ใช่รึไง"
"ไม่รู้สิ แต่ยัยนั่นต้องมีใครคอยหนุนหลังอยู่แน่ๆ ทางที่ดีอย่าไปรู้จักหรือมีเรื่องเลยจะดีกว่า"
เฮ้ย.. ฉันได้ยินนะเว้ย ไม่ทราบว่าใครมันเป็นคนปล่อยข่าวลือมั่วซั่ว(แต่ก็มีความจริงผสมอยู่)นั่นวะคะ ทำอย่างกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยอย่างฉันเป็นอันธพาลไปได้ และด้วยความหงุดหงิด ฉันก็เผลอตวัดตามองกลุ่มเด็กสาวที่เพิ่งซุบซิบเรื่องของฉัน พวกเธอสะดุ้งเฮือกแล้วแยกย้ายกันไป เฮ้อ.. จำที่บอกว่าจะใช้ตัวเลือกที่เข้ามาในชีวิตให้ดีๆ ได้ไหม พอนานเข้าแล้วมันก็ทำยากชิบผายเลย อย่างเมื่อกี้ฉันก็เลือกที่จะตอบสนองแบบนี้กลับไป ทั้งที่ไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้
ฉันกลับมาตั้งใจเขียนคำตอบให้เสร็จ ขณะที่เพื่อนๆ ในห้องกำลังทำความรู้จักกัน พอเขียนเสร็จก็เอาไปส่งคุณครูสาวที่กำลังมองดูพวกเด็กๆ สานสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกันด้วยสีหน้าพออกพอใจ ไม่วายแนะนำฉัน
"เธอเองก็ใช้เวลานี้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ เถอะ ยิ้มบ้าง ทำหน้านิ่งๆ แบบนั้นเพื่อนก็ไม่กล้าเข้ามาคุยด้วยสิ"
หน้านิ่งๆ ? เอ่อ.. ก็นั่นสินะ พวกพี่ๆ บอกว่าฉันน่าจะติดมาจากพ่อ แต่จะให้ยิ้มตลอดเวลาเดี๋ยวก็โดนหาว่าบ้ากันพอดี ถ้าฉันยิ้มได้เก่งเหมือนไอ้พี่- ฉับพลันหัวสมองก็ว่างเปล่า เมื่อกี้ฉันกำลังนึกถึงใครอยู่กันนะ แต่เพราะนึกไม่ออก ฉันจึงมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง พลางสำรวจหน้าตาของตัวเองในกระจกแบบพกพาที่ยัยพี่รินซื้อให้ หากเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะไม่ค่อยมั่นใจในหน้าตาของตัวเอง แต่เมื่อปิดเทอมที่แล้ว พี่ปั้นหนึ่งผู้พูดน้อยลงทุกวันๆ จู่ๆ เขาก็พูดบอกว่าฉัน 'หน้าตาน่ารัก' ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทุกคนที่ได้ยินก็ทำสีหน้าแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดค้านอะไร
ฉันหลุดหัวเราะอย่างคนบ้ายอแล้วส่องกระจกเหมือนนกแก้วหลงตัวเอง
เหอะๆ ทำไมฉันไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้ว่าตัวเองหน้าตาดี(กู่ไม่กลับแล้วครับ) กลุ่มเพื่อนในห้องส่วนใหญ่ก็จะประกอบด้วย หนึ่งกลุ่มเด็กเนิร์ด เป็นกลุ่มที่ดีกลุ่มหนึ่งเลยหากอยากอัพเวลความรู้และคะแนนสอบ แถมไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหาเรื่องอะไรขึ้นด้วย เพราะพวกเนิร์ดมีสกิลในการหลบเลี่ยงและวิเคราะห์สิ่งที่จะเป็นปัญหาในอนาคตได้ยังไงล่ะ ถ้าไม่ติดว่าอยู่กันอย่างน่าเบื่อและเคร่งครัดในกฎระเบียบมากไปหน่อย ฉันก็คงจะเข้าร่วมไปนานแล้ว สองคือกลุ่มคนฮอตผู้มุ่งมั่นที่จะเป็นที่รู้จัก กลุ่มนี้มีทั้งที่เต็มใจทำกิจกรรมและไม่เต็มใจทำ ทว่าตรงไหนที่เป็นศูนย์รวมของความบรรเทิง เราจะเจอกับพวกคนกลุ่มนี้เสมอ
และกลุ่มที่สามก็คือกลุ่มเด็กธรรมด๊าธรรมดา ฉันคิดว่าตัวเองก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ของเด็กกลุ่มนี้นะ เพราะไม่ได้มีอะไรโดดเด่น สกิลอยู่ในระดับปานกลาง มีความสามารถในการเข้าสังคมและมักจะเป็นผู้ตามที่ดี ต่อมาก็คือกลุ่มสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด กลุ่มเด็กไม่เอาถ่าน ไม่เอาถ่านหมายถึงอะไรน่ะเหรอ ก็พวกเด็กที่ใช้เตาแก๊สแทนถ่านไง ถุย! มุกห้าบาทสิบบาทก็ยังจะเอามาเล่นอีก เอาเป็นว่าพวกนี้ก็คืออันธพาลฝึกหัด ความทุกข์ของผู้อื่นคือความสนุกของตัวเอง ชีวิตที่แล้วฉันโดนไถตังค์อยู่สองสามครั้ง แต่ครั้งนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้แม้แต่แดงเดียว..
และกลุ่มสุดท้าย เอ่อ.. เรียกว่ากลุ่มไม่ได้หรอก เพราะคำว่ากลุ่มจะต้องมีสองคนขึ้นไป ในห้องนี้ยังไม่มีพวกนั้นหรอก พวกหมาหัวเน่าที่ถูกแบนน่ะ.. ชีวิตที่แล้วถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่จริงๆ แล้วฉันเป็นหมาหัวเน่าผู้น่ารัก! เสียงขวดที่ตกลงพื้นหลายขวดขัดจังหวะความคิดของฉัน เพื่อนร่วมห้องผู้หญิงท่าทางอ่อนแอคนหนึ่งกำลังรีบก้มเก็บขวดและกระป๋องน้ำอัดลมที่ตัวเองแบกมาด้วยตัวคนเดียว ก่อนจะเอาไปให้พวกเด็กที่เพิ่งจะซุบซิบเรื่องของฉัน
ยัยกิ๊บชมพูท่าทางอ่อนแอน่าแกล้งเล่นกลายเป็นเบ๊ตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียนเลยเหรอ แต่เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจชีวิตคนอื่น ฉันจึงเลือกที่จะเมินเฉยเหมือนที่คนอื่นๆ ทำ
"ครูยังไม่กลับมา เธอไปซื้อมาใหม่เลยนะ ของฉันนมรสกล้วยไม่ใช่รสสตรอเบอร์รี่สักหน่อย"
ยัยกิ๊บชมพูเดินกลับออกไปซื้ออีกรอบ เป็นนมรสกล้วย ทว่ายัยผู้หญิงผมเปียคนเดิมก็พูดขึ้นอีก
"ฉันสั่งรสช็อกโกแลตต่างหากล่ะ อะไรของเธอเนี่ย"
"ต..แต่เมื่อเธอบอกฉันว่า-"
"ฉันเองก็ได้ยินว่าช็อกโกแลตนะ หรือหูเธอจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าโญ"
สุดท้ายเด็กผู้หญิงที่ชื่อโญก็เดินกลับไปซื้อมาให้ใหม่ เสียงหัวเราะคิกคักสนุกนั่นทำให้เส้นประสาทฉันเต้นตุบๆ
กระทั่งครูกลับเข้ามา โญก็โดนดุทันทีโดยที่ไม่รู้เลยว่าเด็กที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้นั้นกำลังโดนเพื่อนแกล้งอยู่ เอาจริงๆ ยัยกิ๊บชมพูถ้าจะเปลี่ยนกลุ่มตอนนี้ก็ยังทันนะ แต่ด้วยความเป็นเด็กหรือเปล่า เลยจะพิสูจน์ตัวเองจนกว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ทรมานตัวเองแบบนั้นเป็นโรคจิตหรือยังไง
ตลอดคาบเช้า ฉันที่มองดูยัยกิ๊บชมพูโดนใช้เป็นเบ๊ก็ตัดสินใจจะทำบางอย่าง ในระหว่างที่โญหนีมาร้องไห้ในห้องน้ำชั้นสี่ของตึก ซึ่งเป็นชั้นที่ไม่ค่อยมีใครแวะเวียนมาใช้ห้องน้ำที่นี่ รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่อีกฝ่ายรู้ว่าที่นี่ไม่ค่อยมีคนตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน โญที่ออกมาจากห้องน้ำสะดุ้งตกใจฉันที่กำลังเล่นฟองสบู่อยู่ตรงอ่างล้างมือ ฉันมองหน้าเธอนิ่งๆ ขณะที่เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยความประหม่า
ไม่ได้มีแค่เธอหรอกที่มองหน้าฉันอย่างนั้น แต่เหมือนข่าวลือนั้นจะแพร่ไปทั่วทั้งห้องแล้ว
"ว..ว่าไงจ๊ะฟ้าใหม่"
"เธอรู้ชื่อเล่นฉันได้ไงอะ"
โญมาหยุดยืนล้างมืออยู่ข้างๆ นัยน์ตากลมโตฉายให้เห็นถึงความหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย
"ก็คุณครูให้ทุกคนพูดแนะนำตัวตอนคาบที่สอง"
เออว่ะ.. ฉันลืมเองแหละ
"กิ๊บเธอน่ะน่ารักดีนะ"
"อ..เอ่อ ฉันมีอีกอันถ้าเธอไม่ว่าอะไรก็เอาไปสิ" สิ้นเสียง โญก็เอากิ๊บสีชมพูน่ารักมาติดผมของฉัน ช่วยไม่ได้ที่จะต้องหลุดยิ้มออกมาในขณะที่คนข้างกายทำสีหน้าอื้ออึงเหมือนตกใจ ฉันสบตากับโญผ่านกระจกแล้วพูด
"เธอน่ะ.. ถ้าจะเป็นเบ๊ยัยพวกนั้น"
"..."
"มาเป็นเบ๊ของฉันดีกว่าว่าไหม"
สวัสดีค่ะไรท์เองนะคะ กะจะมาแจ้งเรื่องอายุของกุมภ์ที่ห่างกับฟ้าใหม่อยู่สองปี แต่ไรท์ดันเขียนว่าตัวละครนี้อายุเจ็ดขวบไปค่ะ(เดี๋ยวเค้าไปแก้น้า) แฮะๆ อภัยให้กับความมึนเบลอของไรท์คนนี้ด้วย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะคุณรี้ด จุ๊บ!