“ในดินแดนที่ความเชื่อในไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชนกัน นักจิตวิทยาชื่อดังจะต้องเผชิญกับความจริงที่ไม่มีใครเชื่อ จิตใจมนุษย์อาจเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในคืนที่มืดมิด…”
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,สืบสวนสอบสวน,ดาร์ค,สะท้อนปัญหาสังคม,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผี,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไม่เชื่อ ( ต้อง ) ลบ หลู่“ในดินแดนที่ความเชื่อในไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชนกัน นักจิตวิทยาชื่อดังจะต้องเผชิญกับความจริงที่ไม่มีใครเชื่อ จิตใจมนุษย์อาจเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในคืนที่มืดมิด…”
หลังจากที่ส่งปริมที่โรงพยาบาลแล้ว นนท์และทีม รวมถึงผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านบางส่วน ทยอยกันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน
เมื่อถึงบ้านพัก ทุกคนต่างแยกย้ายทำธุระส่วนตัว เหลือเพียงนนท์คนเดียว ที่ยังนั่งครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้น นนท์พยายามนำความคิดทางหลักวิทยาศาสตร์มาหักบ้างกับสิ่งที่เจอ แต่นนท์กับลังเลใจ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่าง ยังติดในหัวเขาตลอดเวลา
“พี่นนท์พี่ หน้าเครียดๆ แบบนี้ คิดถึงเรื่องของน้องปริมหรอพี่ “
“อืม บอม มึงคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันจริงมั้ยว่ะ “
ยังไม่ทันที่บอมจะได้ตอบอะไร เสียงของผู้ใหญ่ก็ดังขัดขึ้นมา
“แล้วหมอนนท์ คิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจริงละ “ผู้ใหญ่เดินมานั่งลงใกล้ๆ ผม แล้วยิ้มบางๆ ให้ มีชาวบ้านที่คิดตามผู้ใหญ่ เดินเข้ามาสมทบ แล้วนั่งถัดไปอีก 2-3เก้าอี้ แล้วทีมของผม ก็มยอยกันออกมานั่ง ทุกคนคงคิดเหมือนผมแหละ ว่าผู้ใหญ่ต้องมีอะไรที่อยากพูด
เสียงลมเริ่มพัดแรงขึ้น ใบไม้แห้งปลิวว่อนผ่านรอบตัวพวกเรา บรรยากาศรอบข้างค่อย ๆ เปลี่ยนไปจนทุกคนเริ่มสัมผัสได้ ฟ้าจากที่เคยสว่างกลับครึ้มลงอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องเบา ๆ แว่วมาเหมือนเตือนอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิด
ผู้ใหญ่บ้านหันมามองผม ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความหมายที่ยากจะเข้าใจ
“หมอนนท์คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มันแค่บังเอิญหรือเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์เหรอ?” ผู้ใหญ่พูดช้า ๆ แต่เสียงของเขาดูหนักแน่น
ก่อนที่ผมจะทันตอบ เสียงแผ่วเบาของบทสวดบางอย่างก็ดังแว่วมา ตามลมที่พัดแรง มันเบาเหมือนจะขาดหายไปทุกขณะ แต่กลับก้องในหัวของผมและคนอื่น ๆ ทุกคนเริ่มหันมองหาที่มาของเสียงนั้น
“…ได้ยินไหมพี่?” บอมกระซิบ น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนคนที่เพิ่งพบเจออะไรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
เสียงหมาหอนดังขึ้นมาจากระยะไกล สะท้อนเข้ามาในความเงียบขณะที่บทสวดนั้นยังลอยมากับลม ราวกับว่ามันไม่มีวันสิ้นสุด เสียงนั้นเยือกเย็น สอดรับกับบรรยากาศที่ยิ่งมืดลงเรื่อย ๆ
ผู้ใหญ่บ้านหันไปมองฟ้าครึ้มที่อยู่เบื้องหน้า สายตาของเขาแสดงถึงความเข้าใจในบางสิ่งที่ผมและทีมของผมไม่อาจเข้าใจได้
“มันถึงเวลาที่คุณต้องรู้ความจริงแล้ว…” เสียงของผู้ใหญ่บ้านดังขึ้นเบา ๆ ทว่าเด็ดขาด ขณะที่ลมพัดแรงขึ้นเหมือนจะพัดพาเอาความลับที่ถูกเก็บซ่อนมายาวนานออกมาเปิดเผย
“หมอรู้ไหม… หมู่บ้านของผมหนะ เขาไหว้ผีเจ้าป่าเจ้าเขากันมาตลอด เราก็ทำกันทุกปีตามประเพณี ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อ ไม่มีใครกล้าละเลย แต่เรื่องมันเกิดเมื่อปี 2542…”
เสียงของผู้ใหญ่บ้านเบาลงขณะที่เขาเริ่มเล่า นนท์และคนอื่นๆ ต่างจ้องมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านอย่างเงียบงัน บรรยากาศรอบตัวเงียบจนได้ยินเสียงลมพัดเสียดสีกับใบไม้
“เมื่อถึงวันไหว้ผีเจ้าป่าเจ้าเขา ทุกคนในหมู่บ้านรวมตัวกันตามธรรมเนียม ทุกอย่างเตรียมพร้อม ของบูชาถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย แต่…พอถึงเวลาทำพิธี นางปั่น แม่หมอที่ทำพิธีมาหลายปี เกิดลังเล เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คงเป็นห่วงลูกสาวอย่างปานที่พึ่งคลอดลูก ทำให้จิตใจเธอเลื่อนลอยไป พอถึงตอนที่ต้องบูชายัญสัตว์เป็น…”
เสียงลมเริ่มแรงขึ้น ทำให้ใบไม้ร่วงกราว ผู้ใหญ่หยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกแล้วเล่าต่อ
“จังหวะที่ชายฉกรรจ์เตรียมจะเชือดวัว
ยายปั่นเผลอมือไปดึงสายสิญจน์ที่ผูกไว้กับของเซ่นไหว้ สายสิญจน์ขาดสะบั้นแล้วร่วงลงบนเทียนที่กำลังจุดอยู่ ไฟจุดติดสายสิญจน์ทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แสงไฟที่เคยสว่างจู่ๆ กลับริบหรี่เหมือนโดนอะไรบางอย่างครอบงำ”
เสียงลมพัดแรงขึ้นอีกครั้งราวกับกำลังตอบรับเรื่องราวที่ผู้ใหญ่บ้านเล่า ใบไม้ปลิวว่อนรอบตัวเราเหมือนจะซัดเข้าหา ความเงียบงันในหมู่พวกเราทำให้ทุกคำของผู้ใหญ่บ้านชัดเจนขึ้น
“ทันใดนั้น ลมกระโชกพัดแรง ราวกับมีพลังงานบางอย่างตื่นขึ้น ฟ้าที่เคยสว่างกลับกลายเป็นมืดสนิท เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเหมือนจะเตือนเรา แต่ไม่มีใครฟัง…”
เสียงบทสวดที่ปลิวตามลมยังคงก้องในหูของพวกเรา ไม่ชัดเจนพอที่จะจับใจความได้ แต่ก็ทำให้รู้สึกถึงพลังลึกลับบางอย่างที่คืบคลานเข้ามา
“สัตว์ที่เตรียมบูชายัญต่างร้องโหยหวน หมู ไก่ และวัว ล้วนแต่ส่งเสียงแปลกๆ คล้ายว่ารู้ชะตากรรมของตัวเอง ชาวบ้านหลายคนเริ่มวิ่งหนีด้วยความกลัว แต่ขณะที่พวกเขากำลังวิ่ง ก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างตามติด… คนหนึ่งบอกว่า รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งจับอยู่ที่หลัง ร่างกายชาวบ้านบางคนโดนตะปบ เครื่องในไหลออกมา ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา…”
ผู้ใหญ่บ้านหยุดพูด ดวงตาของเขามองไปยังขอบฟ้าที่มืดสนิท มีเพียงแสงฟ้าแลบที่ไกลๆ ช่วยสร้างความน่ากลัวให้กับบรรยากาศที่ตึงเครียด
“หลังจากนั้น ไม่มีใครในหมู่บ้านกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีก ทุกคนเชื่อว่าเราละเมิดวิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขา และนับตั้งแต่นั้น เหตุการณ์ประหลาดก็เริ่มเกิดขึ้นในหมู่บ้าน…”
เสียงหมาหอนดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงที่ชวนให้รู้สึกสะพรึงกลัว ขณะที่ทุกคนในทีมของผมต่างเงียบงัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ผู้ใหญ่บ้านหยุดเล่าชั่วครู่ หายใจลึกและเอ่ยคำสุดท้ายช้า ๆ
“และมันยังคงตามหลอกหลอนพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้…”
ทันทีที่ผู้ใหญ่บ้านพูดจบนั้น ท้องฟ้าเกิดเป็นสีแดงสดอมส้มและมืดครึ้ม ลมแรงกระโชกทำให้ปะตูหน้าต่างเกิดเสียงดังสนั่น ฟ้าร้องข่มดั่งไม่พอใจ เสียงบทสวดทีเริ่มได้ยินชัดมากขึ้น พร้อมกับที่หมาทุกตัวออกมาหอนรับกันด้วยความพร้อมใจโดยไม่มีมูลเหตุ ผู้ใหญ่จึงกล่าวว่า
" ทุกคนเก็บเอาข้าวของที่จำเป็น แล้วไปนอนที่บ้านฉันเถอะ ฉันให้หมออยู่กันที่นี่ไม่ได้ "
" ทำไม... " ตึงๆๆๆๆ ยังไม่ทันที่นนท์จะถามจบ เกิดเสียงเหมือนคนกระทืบเท้ารัวๆรอบตัวบ้าน
" ไปเร็วทุกคน ไปเอาของที่จำเป็นก็พอ "
" ครับ " ทุกคนตอบรับพร้อมกัน เมื่อเก็บของเสร็จ ผู้ใหญ่บ้านไม่รอช้า รีบพาทุกคนไปที่บ้านผู้ใหญ่
ระหว่างทางที่กำลังเดินไปบ้านผู้ใหญ่ ทุกคนมีความรู้สึกเดียวกันว่าทำไมระยะทางมันช่างยาวไกล แล้วไหนจะเสียงสวดที่ไล่ตามหลัง กับเสียงไล่กวดมาตามหลัง จังหวะนั้น ผู้ใหญ่บ้านหยุดแล้วหันมาหาทุกคนก่อนจะเดินผ่าหมอทุกคนไปหยุดเผชิญหน้ากับความมืดที่ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ ผู้ใหญ่บ้านยกมือพนม ก่อนจะร่ายบทสวด ที่พวกเขาไม่เคยได้ยิน
“โอม นะโม บูชา อัคคี ปฐพี นภา ลมพัดผ่าน ไฟลุกลาม วารีล้อม รอบพิทักษ์ วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าจงคุ้มครองเรา บูชาด้วยจิตที่ซื่อสัตย์ ข้าขอวิงวอนต่อเทพบรรพกาล จงขับไล่สิ่งอัปมงคล ทั้งมวลออกไปจากที่นี่”
“โอม อักโข อักขี ปกป้อง ป้องกัน ธาตุทั้งสี่ ธรรมชาติจงเป็นพยาน ขับลม ขับฝน ไล่วิญญาณร้ายให้สิ้นสลายไป กลับคืนสู่สวรรค์ ข้าขอใช้ฤทธิ์บูชา นามบรรพกาล”
ทุกอย่างรอบตัวนิ่งสงัด หลังจากผู้ใหญ่บ้านเริ่มร่ายบทสวด พวกเราทุกคนหยุดเดินและยืนฟังอย่างใจจดใจจ่อ คำสวดที่ผู้ใหญ่ใช้ฟังดูเก่าแก่และเต็มไปด้วยพลัง เสียงของเขาทุ้มต่ำก้องกังวาน ราวกับสื่อสารกับสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า
ขณะที่ผู้ใหญ่สวด บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปอีกครั้ง ลมที่เคยพัดแรงเริ่มสงบลงอย่างช้า ๆ เสียงหมาหอนที่เคยดังก้องก็ค่อย ๆ เงียบลง เช่นเดียวกับเสียงบทสวดแปลกประหลาดที่ดังมาจากด้านหลัง เริ่มเลือนหายไปในความเงียบ เหมือนกับว่าบทสวดของผู้ใหญ่สามารถสยบทุกสิ่งได้
ผมยืนตัวแข็ง มองผู้ใหญ่บ้านอย่างไม่เชื่อสายตา มันเหมือนกับพวกเรากำลังอยู่ในโลกอีกใบ ที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับที่ยากจะอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์
“ไปต่อได้แล้วหมอ” ผู้ใหญ่บ้านพูดเสียงแผ่วเบา แต่เด็ดขาด ก่อนที่จะหันกลับมาพร้อมกับบอกให้ทุกคนเดินต่อไป
พวกเราเดินต่อไปตามทางมืดสลัวโดยมีผู้ใหญ่บ้านนำทาง แม้บรรยากาศจะยังคงน่ากลัว แต่ตอนนี้เสียงแปลก ๆ ที่เคยกวนใจพวกเราก็หายไปชั่วคราว ทุกคนในทีมของผมเดินเงียบ ๆ ต่างก็ครุ่นคิดกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
เมื่อถึงบ้านผู้ใหญ่ ทุกคนรีบเข้าไปด้านในเพื่อหาที่พักพิงจากความมืดที่ล้อมรอบ ขณะที่นั่งลงบนพื้นบ้าน ผมอดไม่ได้ที่จะถามสิ่งที่ติดอยู่ในหัวมาตลอด
“ผู้ใหญ่…ทั้งหมดนี้มันคืออะไรกันแน่?” ผมเอ่ยถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสน
ผู้ใหญ่บ้านหันมามองผม ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วตอบช้า ๆ
“มันเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะอธิบายด้วยคำพูดนะหมอ… แต่ที่หมอเห็นและได้ยินมาในวันนี้ มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่หมู่บ้านนี้ต้องเจอมาเป็นเวลานาน…”
“แล้วทำไมมันถึงเกิดขึ้น?” บอมที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
ผู้ใหญ่บ้านเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เพราะเราไปละเมิดสิ่งที่ไม่ควรละเมิด… วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาที่คอยปกป้องเรามาหลายชั่วอายุคน แต่เมื่อเราทำผิดพลาด "
ผู้ใหญ่บ้านหยุดพูด ก่อนจะมองหน้าทุกคน
" เราก็ต้องชดใช้ " สีหน้าผู้ใหญ่แสดงออกให้เห็นถึงความกังวลเป็นอย่างมาก
" ชดใช้หรอครับ " บอมเอ่ยถาม
" ใช่ ชดใช้ที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะต้องชดใช้ด้วยอะไร " รอบข้างปกคลุมไปด้วยความเงียบ ทุกคนหันมองหน้ากันไปมาเลิ่กลั่ก
" เอาๆๆ คืนนี้แยกย้ายกันนอนเถอะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เราต้องเข้าไปในหมู่บ้านอีก "
" ผมว่าก็ดีครับ ผมรู้สึกว่าวันนี้เจอและรับรู้อะไรมากเกินไป "
" ไปๆๆแยกย้าย ที่หลับที่นอนเตรียมไว้ให้แล้ว ผมขอตัวนะหมอ "
" ขอบคุณครับลุงผา "