จากเชฟมิชลินสู่ชายาผู้ถูกทอดทิ้ง! เมื่อ 'เหม่ยหลิง' ต้องมาอยู่ในร่างของ 'ไป๋หลัน' หญิงสาวผู้บอบบางในโลกโบราณที่สามีไม่รัก แถมยังถูกรังแกสารพัด เธอจะใช้ทักษะการทำอาหารอันเลื่องชื่อพลิกชีวิตตัวเองได้ไหม
ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,จีน,ดราม่า,จีนโบราณ,นิยายจีนโบราณ,นิยายจีน ,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อ๋องใจร้ายกับพระชายาที่(ไม่)รักจากเชฟมิชลินสู่ชายาผู้ถูกทอดทิ้ง! เมื่อ 'เหม่ยหลิง' ต้องมาอยู่ในร่างของ 'ไป๋หลัน' หญิงสาวผู้บอบบางในโลกโบราณที่สามีไม่รัก แถมยังถูกรังแกสารพัด เธอจะใช้ทักษะการทำอาหารอันเลื่องชื่อพลิกชีวิตตัวเองได้ไหม
เหม่ยหลิง เชฟสาวมากฝีมือผู้คว้าดาวมิชลินมาแล้วทั่วโลก ต้องพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในร่างของไป๋หลัน พระชายาเอกผู้ถูกสามีเย็นชาและถูกรังแกจากคนรอบข้างในโลกโบราณที่เธอไม่คุ้นเคย
เธอต้องเข้ามาอยู่ในร่างของไป๋หลันต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการเอาตัวรอดในวังหลวงที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี การปรับตัวให้เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่าง และการรับมือกับสามีที่ไม่เคยเห็นค่าของเธอ
แต่เหม่ยหลิงไม่ยอมแพ้ เธอใช้ทักษะการทำอาหารที่เธอสั่งสมมาตลอดชีวิต สร้างสรรค์เมนูอาหารเลิศรสที่ไม่เคยมีใครได้ลิ้มลองมาก่อน จนสามารถเอาชนะใจคนรอบข้างและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของความรัก มิตรภาพ และการให้อภัย เธอจะสามารถเอาชนะใจสามีของเธอได้หรือไม่? หรือเธอจะเลือกที่จะเดินจากไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่? ติดตามการเดินทางของเหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลัน ที่จะทำให้คุณหัวเราะ อิ่มเอม และอบอุ่นหัวใจ!
หลังจากมู่หรงเยว่ออกจากห้องไป ไป๋หลันเรียกอาหลิงเข้ามาพบทันที หญิงสาวนั่งลงที่โต๊ะใหญ่และจรดพู่กันลงบนกระดาษอย่างตั้งใจ
"อาหลิง" ไป๋หลันเอ่ยเรียก "เจ้าช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้เฉินกั๋วกงแทนข้าที"
อาหลิงรับจดหมายมาด้วยความสงสัย นางทราบดีว่าเฉินอี้เทียน หรือ เฉินกั๋วกง คือสหายในวัยเด็กและยังเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ไป๋หลันแอบหลงรัก แต่ไม่เคยเห็นนางส่งจดหมายถึงเขาเลยตลอดเวลาที่แต่งงานเข้าอยู่ในจวนอ๋อง
"ได้เพคะ พระชายา" อาหลิงรับคำ นางมองไป๋หลันด้วยแววตาเป็นกังวล นางพอจะเดาได้ว่านายหญิงคิดจะทำอะไร และก็รู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้
"พระชายา..." อาหลิงเอ่ยอย่างลังเล "ท่านแน่ใจแล้วหรือเพคะ?"
ไป๋หลันพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ข้าแน่ใจแล้วอาหลิง" นางพูดเสียงหนักแน่น "ข้าจะไม่ทนอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไป ข้าจะไม่ยอมเป็นหมากในเกมการเมืองของใครอีกแล้ว"
อาหลิงถอนหายใจ นางรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไป๋หลันได้ นางทำได้เพียงแค่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของนายหญิง
"บ่าวจะไปส่งจดหมายให้เฉินกั๋วกงเดี๋ยวนี้เพคะ" อาหลิงกล่าว
"ขอบใจเจ้ามากอาหลิง" ไป๋หลันยิ้มให้อาหลิงอย่างอบอุ่น "เจ้าคือเพื่อนแท้ของข้า"
อาหลิงโค้งคำนับแล้วรีบออกจากห้องไป นางตรงไปที่คอกม้า หยิบม้าที่เร็วที่สุดออกมา แล้วควบออกจากจวนอ๋องไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลันมองตามหลังอาหลิงไปจนลับสายตา นางถอนหายใจยาว นางรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของนางไปตลอดกาล แต่นางก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอนาคต
ในจดหมายที่ไป๋หลันเขียนถึงเฉินกั๋วกง นางเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับนาง บอกเขาว่านางตัดสินใจที่จะหย่ากับมู่หรงเยว่ และนางอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และอยากได้การสนับสนุนจากเขา
"เฉินกั๋วกง" ไป๋หลันนึกในใจ “ข้ารู้ว่าเจ้ายังรักไป๋หลันคนเก่า และเจ้าของร่างเดิมก็ยังรักเจ้าอยู่มาก ข้าคิดว่ามีเพียงท่านเท่านั้น ที่จะให้การช่วยเหลือข้าในชาตินี้ได้"
ไป๋หลันวางพู่กันลง นางมองจดหมายที่นางเขียนด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย นางรู้สึกตื่นเต้นและมีความหวัง แต่ในขณะเดียวกัน หญิงสาวก็รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ
หญิงสาวไม่รู้ว่าเฉินกั๋วกงจะตอบรับข้อเสนอของนางหรือไม่ นางไม่รู้ว่าอนาคตของนางจะเป็นอย่างไร แต่นางก็พร้อมที่จะเสี่ยง
มู่หรงเยว่กำลังนั่งจิบชาอยู่ในห้องหนังสือ ท่ามกลางความเงียบสงบ คนสนิทของเขาก็เข้ามารายงานด้วยสีหน้าร้อนรน
"ท่านอ๋อง" เขาโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว "บ่าวมีเรื่องด่วนจะกราบทูล"
มู่หรงเยว่วางถ้วยชาลง "มีอะไร?" เขาถามเสียงเรียบ
"พระชายา... พระชายาให้บ่าวคนหนึ่งออกไปส่งจดหมายนอกจวนขอรับ" คนสนิทรายงาน
มู่หรงเยว่รู้สึกใจกระตุก จดหมาย? ไป๋หลันส่งจดหมายถึงใคร? ความสงสัยและความกังวลผุดขึ้นในใจเขาอย่างรวดเร็ว
"เจ้ารู้ไหมว่านางส่งจดหมายไปให้ใคร?" เขาถามเสียงเข้ม
คนสนิทส่ายหน้า "บ่าวไม่ทราบขอรับ แต่บ่าวเห็นว่านางกำชับบ่าวผู้นั้นเป็นพิเศษ"
มู่หรงเยว่ขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเห็นไป๋หลันติดต่อกับใครนอกจวนมาก่อน นางเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร นี่เป็นครั้งแรกที่นางส่งจดหมายออกไป
"เจ้าให้คนตามไปดูหรือไม่?" เขาถามต่อ
"บ่าวกำลังจะสั่งการขอรับ แต่ท่านอ๋องจะให้ตามไปหรือไม่ขอรับ?" คนสนิทถามอย่างลังเล
มู่หรงเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ "ตามไป" เขาพูดเสียงหนักแน่น "ข้าอยากจะรู้นักว่านางส่งจดหมายไปให้ใครกัน"
คนสนิทโค้งคำนับแล้วรีบออกไปทำตามคำสั่ง
มู่หรงเยว่นั่งลงบนเก้าอี้ เอนหลังพิงพนัก ความกังวลยังคงเกาะกินใจเขา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้
ทั้งที่เขาไม่เคยสนใจไป๋หลันมาก่อน แต่ตอนนี้ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขากำลังสนใจนาง เขาอยากรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ และเขาอยากรู้ว่านางกำลังจะทำอะไรต่อไป
ถ้าเดาไม่ผิดจดหมายฉบับนั้นคงจะถูกส่งให้เฉินอี้เทียนอย่างไม่ต้องสงสัย ความจริงที่ว่าไป๋หลันหลงรักเฉินอี้เทียนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับมู่หรงเยว่ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยใส่ใจ เพราะไม่เคยคิดจะเปิดใจให้ไป๋หลันเลยแม้แต่น้อย
การแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงการถูกบังคับจากฮ่องเต้พี่ชายของเขา เขาเกลียดการถูกบังคับ จึงเลือกที่จะระบายความโกรธและความคับข้องใจทั้งหมดไปที่ไป๋หลัน ผู้ที่ถูกส่งตัวมาเป็นพระชายาโดยที่นางเองก็ไม่ได้เต็มใจเช่นกัน
ส่วนเฟยหยางนั้น เขาเคยพลาดท่าร่วมสัมพันธ์กับนาง จึงจำต้องรับนางเข้ามาอยู่ในจวน และถือโอกาสใช้เฟยหยางเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งไป๋หลันไปในตัว
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป มู่หรงเยว่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเปลี่ยนไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องใส่ใจว่าไป๋หลันจะกลับไปหาเฉินอี้เทียนหรือไม่ ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดเมื่อนึกถึงภาพนั้น
ความรู้สึกสับสนวุ่นวายตีตื้นขึ้นมาในใจ มู่หรงเยว่พยายามสลัดความคิดเหล่านั้นออกไป เขาตัดสินใจไม่ตามไปดูว่าอาหลิงไปส่งจดหมายที่ไหน เขาเลือกที่จะดับเทียนแล้วเข้านอน โดยที่ไม่แม้แต่จะไปดูแลเฟยหยางที่กำลังไม่สบายอยู่เพราะรับประทานเห็ดเมาเข้าไป
คืนนั้น มู่หรงเยว่นอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ความคิดมากมายรุมเร้าเขาจนไม่อาจข่มตาหลับได้ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง และไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร เขาได้แต่หวังว่าเมื่อถึงรุ่งอรุณ เขาจะสามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้
ในขณะเดียวกัน อาหลิงมองไป๋หลันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "พระชายาเพคะ ก่อนที่เราจะหย่ากับท่านอ๋อง เราต้องไว้ลายก่อนนะเพคะ"
ไป๋หลันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย "ไว้ลาย?"
"เพคะ" อาหลิงพยักหน้า "ถ้าหากฝ่ายของเราต้องการที่จะหย่า เราก็ต้องหย่าให้สวยงามที่สุด อย่าให้ใครดูถูกว่าพระชายาทรงถูกหมางเมิน ก่อนอื่นเราต้องทำให้ท่านอ๋องและคนในจวนตายใจ และเป็นพวกของเราก่อนเพคะ"
ไป๋หลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย "เจ้าพูดถูกอาหลิง ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกข้าได้อีก"
"แล้วพระชายาจะทำอย่างไรเพคะ?" อาหลิงถาม
เหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันยิ้มมุมปาก "ข้าจะใช้เสน่ห์ปลายจวักของข้าเอง" นางตอบ
อาหลิงมองไป๋หลันด้วยความประหลาดใจ "เสน่ห์ปลายจวัก?"
"ใช่แล้ว" เหม่ยหลิงพยักหน้า "ข้าจะทำอาหารให้ท่านอ๋องและคนในจวนทาน ข้าจะทำให้พวกเขาติดใจในรสชาติอาหารของข้า และเมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะหักหน้าท่านอ๋องด้วยการเขียนหนังสือหย่า"
อาหลิงยิ้มกว้าง "เป็นความคิดที่ดีมากเพคะพระชายา"
ไป๋หลันและอาหลิงเริ่มวางแผนกันทันที พวกนางตัดสินใจที่จะเริ่มต้นด้วยการทำอาหารเย็นให้มู่หรงเยว่ทานในคืนนี้
ไป๋หลันเข้าครัวและเริ่มลงมือทำอาหาร นางใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากโลกเดิมมาปรุงอาหารแต่ละจานอย่างพิถีพิถัน นางเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดและปรุงแต่งรสชาติให้ออกมาอย่างลงตัว
เมื่อสำรับอาหารพร้อม บ่าวรับใช้ก็ยกสำรับอาหารไปยังห้องอาหารของมู่หรงเยว่
มู่หรงเยว่นั่งลงที่โต๊ะอาหาร เขามองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นอาหารที่ดูน่ารับประทานเช่นนี้มาก่อน
"นี่คืออะไร?" เขาถามบ่าวรับใช้
"พระชายาเอกเป็นผู้ทำเองเพคะ" บ่าวรับใช้ตอบ
มู่หรงเยว่ขมวดคิ้ว เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าไป๋หลันทำอาหารเป็น
เขาตักอาหารเข้าปากคำหนึ่ง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติของอาหารนั้นอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่เคยทานอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน
มู่หรงเยว่ทานอาหารต่อไปเรื่อยๆ จนหมดจาน เขาเงยหน้าขึ้นมองบ่าวรับใช้ "บอกพระชายาว่าอาหารอร่อยมาก"
บ่าวรับใช้โค้งคำนับแล้วรีบไปแจ้งข่าวดีให้ไป๋หลันทราบ
ไป๋หลันยิ้มอย่างพอใจ นางรู้ว่าแผนการของนางกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
ในวันต่อมา ไป๋หลันทำอาหารให้คนในจวนทาน ทุกคนต่างพากันชื่นชมในรสชาติอาหารของนาง ชื่อเสียงของไป๋หลันในฐานะผู้มีฝีมือในการทำอาหารแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
มู่หรงเยว่เองก็ติดใจในรสชาติอาหารของไป๋หลัน เขาเริ่มทานอาหารร่วมกับนางทุกมื้อ และเขาก็เริ่มพูดคุยกับนางมากขึ้น
ไป๋หลันใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับมู่หรงเยว่ นางทำตัวให้น่ารักและอ่อนหวาน นางเอาใจใส่เขาและคอยดูแลเขาอย่างดี
มู่หรงเยว่เริ่มรู้สึกว่าไป๋หลันเปลี่ยนไป นางไม่ใช่ผู้หญิงที่เย็นชาและเก็บตัวอีกต่อไปแล้ว นางดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น เขาเริ่มรู้สึกดีกับนางมากขึ้น และเขาเริ่มคิดว่าบางทีเขาอาจจะตัดสินนางผิดไป
แต่ไป๋หลันไม่ได้ลืมแผนการของนาง นางยังคงรอเวลาที่เหมาะสมที่จะหักหน้ามู่หรงเยว่ และประกาศอิสรภาพของนางอย่างสง่างาม