คนอื่นเกิดใหม่เป็นผู้กล้า ผมเกิดมาเพื่อปราบผี เรื่องเล่าของสาวออฟฟิศที่เครียดแล้วเสียชีวิตกะทันหัน มาเกิดใหม่ที่ต่างโลกเป็นผู้ชายที่มีสกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลที่จะทำงานอัตโนมัติ

เกิดใหม่ทั้งทีได้สกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว - เกิดใหม่ทั้งมีมีสกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว บทที่ 2 โดย Sea Strom @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เกิดใหม่,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผู้กล้า,ผี,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งทีได้สกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

เกิดใหม่,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผู้กล้า,ผี,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,เกิดใหม่แต่ใจเดิม,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งทีได้สกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว โดย Sea Strom @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

คนอื่นเกิดใหม่เป็นผู้กล้า ผมเกิดมาเพื่อปราบผี เรื่องเล่าของสาวออฟฟิศที่เครียดแล้วเสียชีวิตกะทันหัน มาเกิดใหม่ที่ต่างโลกเป็นผู้ชายที่มีสกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลที่จะทำงานอัตโนมัติ

ผู้แต่ง

Sea Strom

เรื่องย่อ

คนอื่นเกิดใหม่เป็นผู้กล้า ผมเกิดมาเพื่อปราบผี เรื่องเล่าของสาวออฟฟิศที่เป็นเส้นเลือดในสมองโป่งพองเสียชีวิตในที่ทำงานอย่างกะทันหัน มาเกิดใหม่ที่ต่างโลกเป็นผู้ชายที่มีสกิล 'ปราบผี' สุดเร้าใจเป็นสกิลที่จะทำงานอัตโนมัติเมื่อเจอผีมาอยู่ใกล้ ๆ

อาริเอลเป็นครึ่งเอลฟ์ครึ่งมนุษย์ที่ถูกออกแบบโดยเทพธิดาเอาแต่ใจคนหนึ่ง เนื่องจากผู้กล้าที่ต่างโลกที่เธอดูแลอยู่มีจำนวนน้อยและอัตราการเกิดของเด็กผู้ชายต่ำ เธอจึงต้องการเพิ่มจำนวนผู้กล้ารุ่นใหม่ด้วยการดึงคนมาจากโลกอื่นและให้ผู้กล้าคนนั้นผลิตทายาทขึ้นมาเพื่อเป็นผู้กล้ารุ่นถัดไป

สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งทีได้สกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว-เกิดใหม่ทั้งทีได้สกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว บทที่ 1,เกิดใหม่ทั้งทีได้สกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว-เกิดใหม่ทั้งมีมีสกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว บทที่ 2

เนื้อหา

เกิดใหม่ทั้งมีมีสกิล 'ปราบผี' เป็นสกิลติดตัว บทที่ 2

ยังไงผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ผมต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน ผมดึงแร่ทีมิสออกมาจากผนังถ้ำ หินและดินร่วงกราว แร่นี้เย็นเฉียบ ส่องสว่างราวกับหลอดไฟแอลอีดี ผมใช้มันส่องนำทางไปเรื่อย ๆ ที่นี่อาจจะเคยเป็นเหมืองแร่มาก่อนเพราะมีรางกับรถที่มักมีให้เห็นในเหมืองแร่ ผมหยุดเดินเมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมอ่อน ๆ ที่พากลิ่นอับ กลิ่นดิน กลิ่นตะไคร่น้ำมาด้วย เหมืองแร่ไม่น่าจะมีกลิ่นแบบนี้ ผมคิดแบบนั้นนะ

ผมวิ่งเหยาะ ๆ กระแสลมแรงขึ้นจนผมแน่ใจแล้วว่าข้างหน้าคือทางออกแน่นอน ผมวิ่งสวนกับกระแสลมเห็นปลายทางเป็นโถงขนาดใหญ่ที่มีแสงส่องลงมาจากเพดานอุโมงค์พัง ๆ จู่ ๆ ก็มีวงแหวนเวทย์สีม่วงปรากฏขึ้นใต้เท้าผม

[ความสามารถ ปราบผี ทำงาน]

ขนแขนผมลุกเกรียว แต่ยังไม่เห็นวิญญาณโหยหวนสักตน ถ้าลางสังหรณ์ของผมไม่ผิดละก็ ในห้องโถงนั่น ต้องมีเป็นโขยงแน่นอน ปัญหาก็คือ...

ผมกลัวผี

ใครไม่กลัวบ้างล่ะ แต่ถ้าเลือกระหว่างโจรกับผี ผมก็เลือกผีมากกว่าโจรละนะ ถ้าผมหลับตาแล้ววิ่ง ๆ ไปสกิลคงทำการปัดเป่าโดยอัตโนมัตินั่นละ ผมเลยย่อง ๆ ไปจนถึงทางออก โถงนี่ต้องเคยเป็นห้องอะไรบางอย่างมาก่อนแน่ ๆ ก่อนมันจะเปลี่ยนสภาพไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ตัวผนังมีดินปูดโปนผสมกับแร่ทีมิสและโครงกระดูกมนุษย์ ทำเอาความอยากอาหารของผมลดลงไปโข สกิลปราบผียังคงทำงาน เมื่อมองซ้ายขวาไม่เห็นผมจึงมองข้างบน และเป็นอย่างที่ผมคาดไว้ ร่างขุ่นมัวของวิญญาณตัวใหญ่มหึมาลอยไปลอยมาอยู่ข้างบน มีกลิ่นไอของวิญญาณฟุ้งกระจายไปทั่ว

[ราชันวิญญาณ เลเวล: ประเมินไม่ได้]

อา ยาไบ

“เฮ้ย ๆ”

วงแหวนเวทย์ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับมีลำแสงพุ่งออกมาจนห้องอาบด้วยแสงสีม่วง เจ้าวิญญาณเลเวลประเมินไม่ได้ลอยหันหลังให้ผม มันกำลังพึมพำอะไรกับตัวเองอยู่ อุโมงค์ไปอีกทางอยู่อีกฟากหนึ่งระยะราว ๆ สิบเมตร ได้การละ! ผมหลับตาวิ่งตีนแตก ถือคติว่าผมไม่เห็นมัน มันไม่เห็นผม

“เพลิงโลกันต์”

ยาไบ ยาไบ ยาไบ!

ผมคงทำเป็นไม่เห็นมันไม่ได้แล้ว ไฟร้อนขนาดหลอมหินได้พุ่งมาที่ผม ผมกระโจนลงบ่อน้ำใกล้ ๆ รอให้เปลวเพลิงหายไปจึงโผล่หน้าขึ้นมา วงแหวนเวทย์ม่วงดึงดูดความสนใจของเจ้าวิญญาณ มันก้มหน้าลงมามองด้วยใบหน้าเน่าเฟะพร้อมกับหัวเราะลั่น แต่เมื่อมันลอยเข้ามาใกล้ ควันดำได้ถูกเวทปราบผีชำระล้างทันที มันถอยห่างออกไป

“อะฮ่า! คราวนี้ใครได้หัวเราะกัน”

ผมลุกขึ้นจากบ่อน้ำ เจ้าวิญญาณกำลังพึมพำร่ายอีกคาถา ถ้าจำไม่ผิดธาตุน้ำของผมมีเลเวลสูงกว่าธาตุอื่น ฟังจากคาถาที่เจ้าวิญญาณร่าย ผมน่าจะผสมคำขึ้นมาแล้วร่ายเป็นคาถาได้ ไม่ลองก็ไม่รู้

“กำแพงวารี!” ผมจินตนาการภาพกำแพงที่สร้างด้วยน้ำขึ้นมา น้ำในแอ่งก่อตัวขึ้นเป็นกำแพง มันต้านไฟได้ห้าวินาทีแล้วแตกกระจายระเหยหายไป “สุดยอด! อิแม่เอ้ย! พ่อจะเล่นให้ร่วงเลยคอยดู”

 

สิบวินาทีต่อมาผมถูกเวทดินกลืนจนเหลือแค่หัวที่โผล่ออกมา

 

“กำแพงดิน” ผมพึมพำด้วยใจอันหดหู่ ดินก่อตัวขึ้นครอบศีรษะผมไว้ มันน่าจะประกันความปลอดภัยให้ผมจนกว่าจะดันตัวเองให้พ้นดิน

ไม่ได้เป็นทารกแล้วเดินได้เจ็ดก้าว อย่าเพิ่งห้าวก็แล้วกัน ผมตั้งคตินี้ขึ้นมา

[เลเวล: 2 

ธาตุน้ำ: 152          ธาตุดิน: 51]

น้ำตาจะไหล แค่ป้องกันเวทได้เลเวลก็ขึ้นแล้ว

แต่ว่าเหมือนผมจะลืมอะไรบางอย่างไป ผมเป็นนักบุญ การปัดเป่า ชำระล้างคืองานของผม รวมถึงมีสกิลติดตัวโคตรยูนีคอย่าง ‘ปราบผี’ นี่มันเข้าทางผมสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอ!

ลักกี้!

ข้างนอกเจ้าวิญญาณนั่นน่าจะอาละวาดหนักน่าดู ทั้งพื้นดินทั้งกำแพงสั่นเป็นอุโมงค์ผีสิงไปแล้ว ในที่สุดผมก็ดันตัวเองขึ้นจากหลุมได้ด้วยเวทดินเล็กน้อย ดินที่ครอบศีรษะผมไว้เปียกจนแทบไม่สามารถคงรูปไว้ได้ ผมกระโดดมาหลบอยู่หลังแท่งแร่ทีมิสขนาดเท่าตัว วิญญาณคำรามใส่ผมแล้วยิงเวทไฟลูกเล็ก ๆ ไล่ตามหลังผมมา ผมใช้ความคล่องแคล่วของสายเลือดเอลฟ์กระโดดปีนผนังถ้ำแล้วกระโจนใส่เจ้าวิญญาณ มันผงะไปนิดหนึ่ง วงแหวนเวทย์เฉียดโดนไหล่ขวา ส่วนที่ถูกวงแหวนเวทย์ถูกชำระล้างเผยชุดคลุมสีขาวปักลวดลายสวยงามอยู่ใต้กลุ่มควันดำนั่น

ผมเอามือจุ่มน้ำ “เวทวารี ชำระล้าง สร้างน้ำศักดิ์สิทธิ์”

น้ำทั้งหมดในโถงเรืองแสงสีฟ้า ผมยกน้ำทั้งหมดขึ้นแล้วเล็งไปที่วิญญาณตนนั้น

“การชำระล้าง กระสุนน้ำศักดิ์สิทธิ์!”

“กำแพงวายุ” วิญญาณคำราม

กระสุนน้ำศักดิ์สิทธิ์ของผมถูกกระแสลมแรงพัดจนปลิว ผมยิ้มเยาะ เพราะน้ำศักดิ์สิทธิ์กระเด็นไปโดนผนังโถง ทำให้เหล่าดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในนั้นพากันร้องโหยหวนผุดออกมาราวกับหอยหลอดผุดจากดินโคลน วงแหวนเวทย์ขยายใหญ่ขึ้นจนครอบคลุมทั้งโถง ปลดปล่อยดวงวิญญาณทั้งหลายไปสู่สุคติ แต่กักขังเจ้าวิญญาณตนนั้นไว้ข้างใน

“ด้วยอำนาจของนักบุญ ผู้ชำระล้าง ผู้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งมวล ข้าขอส่งเหล่าดวงวิญญาณที่สถิต ณ ที่แห่งนี้ไปสู่สุขคติด้วยเถิด”

ถ้าถามผมว่าไปจำบทพูดยาว ๆ นี่มาจากที่ไหน ถ้าคุณมีงานอดิเรกเป็นนักเขียนนวนิยายละก็ มันง่ายนิดเดียวเอง

ดูเหมือนมันไม่ได้ผล

“เพลิง --“

“อ๊ากกกกกกก!” ผมวิ่งวนในโถงเหมือนหนูหาทางออกไม่ได้ “ชำระล้าง! ไล่ผี! ปราบผี! เวทวารี สายนทีศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอพรกับเทพธิดาแห่งความโชคดีขอให้ส่งอะไรก็ได้ที่ปราบผีตนนี้ลงได้ด้วยเถิด”

[ธาตุน้ำ: 250         ได้รับความสามารถ: เวทศรัทธา]

[กด เวทศรัทธา เพื่ออ่านเพิ่มเติม]

“ใครจะมีเวลาว่างไปอ่านตอนนี้วะ! เวทศรัทธา!”

เหมือนเวลาหยุดหมุน ฝนไหลย้อนกลับ เหล่าดอกไม้เบ่งบาน ร่างของผมเรืองแสงสีทอง มีปีกสีขาวโผล่จากหลัง สาบานว่าผมเห็นวงแหวนเทวดาอยู่บนหัวผม

“ชำระล้าง! จงหายไปซะ น้าผี!”

วงแหวนเวทย์หมุนหนึ่งรอบ เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวแล้วพุ่งผ่าร่างของวิญญาณตนนั้น มันกรีดร้อง ทว่าเสียงกรีดร้องที่เคยสยดสยองเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงฮัมเพลงของผู้หญิง ควันดำที่เคยปกคลุมร่างมลายหายไป เธอเป็นคุณคนสวยสวมชุดสีขาวผ้าคลุมสีขาวปักลวดลายงามวิจิตร เธอก้มหัวให้ผมแล้วสลายหายไป ผมทิ้งตัวลงพื้นแล้วนอนแหมะบนดินไม่สนว่าตัวจะเปื้อนดินเหม็นกลิ่นโคลนหรือเปล่า

[เลเวล: 258           ได้รับฉายา: ผู้ปราบจอมเวทย์, ผู้ปราบราชันวิญญาณ

อาชีพ: นักบุญชั้นสูง

พลังชีวิต: 1800      ป้องกัน: 150

ความเร็ว: 200       ค่าความโชคดี: 200

ธาตุดิน: 60            ธาตุน้ำ: 300

ธาตุลม: 50            ธาตุไฟ: 50

ได้รับความสามารถ: เวทศรัทธา, เพลิงโลกันต์, กำแพงวารี, กระสุนวารี, กำแพงดิน, กำแพงวายุ]

[รางวัลที่ได้รับ: ไม้เท้าจอมเวทย์, หนังสือแห่งแสง, ผ้าคลุมศักดิ์สิทธิ์]

[ความสามารถติดตัว ปราบผี พัฒนาระดับไปถึงขั้นปราบปีศาจ สามารถเปิดใช้งานเมื่อใช้เวทศรัทธา]

[กดหัวข้อเพื่ออ่านเพิ่มเติม]

“อะแฮ่ม ๆ จากเทพธิดาถึงคุณอาริเอลค่ะ”

“อือ”

“ฉันลืมบอกไปน่ะค่ะว่าที่ที่ฉันจะส่งคุณไปคือชั้นสุดท้ายของดันเจี้ยนยี่สิบชั้นน่ะค่ะ” เทพธิดาบอก ผมกำหมัดแน่นมาก “ลาสบอสเป็นจอมเวทย์ที่ป่วยเป็นโรคปอดบวมตายที่นี่ค่ะ เนื่องจากเธอไม่รู้จักโรคปอดบวมจึงรักษาไม่ตรงอาการ เธอเลยตายกลายเป็นวิญญาณประจำดันเจี้ยนน่ะค่ะ”

“แล้วยังไงต่อ”

“ถ้าคุณเลือกอาชีพอื่นที่ไม่ใช่นักบุญหรือจอมเวทย์ ป่านนี้คุณตายไปอีกรอบแล้วค่ะ ฉันดีใจนะคะที่คุณนึกถึงฉันในนาทีสุดท้าย ไม่อย่างนั้นเวทศรัทธาคงไม่ทำงานหรอกค่ะ คุณมีความกล้าและมีค่าความโชคดีสูงรวมถึงเลือกอาชีพแก้ทางได้พอดี รวม ๆ กันแล้วมันทำให้คุณฟลุ๊คผ่านด่านที่ยากที่สุดได้ค่ะ”

ผมคำรามในลำคอ ใครก็ได้เอากำปั้นยัดปากยัยเทพธิดาคนนี้ให้ผมที

“เนื่องจากมีข้อห้าม ‘ห้ามแทรกแซงผู้ถูกอัญเชิญมา’ ดังนั้นคุณต้องหาทางออกไปจากดันเจี้ยนเองค่ะ ก่อนไปอย่าลืมรับรางวัลไปด้วยนะคะ โชคดีค่ะ คุณอาริเอล”

ผมดันตัวเองให้ลุกนั่ง เค้นคำพูดอยู่ในลำคอก่อนจะตะโกนออกไปว่า...

“F***ck ยัยเทพธิดาเฮงซวย!”

ผมสาบานเลยว่าได้ยินเสียง ‘อะแฮะ’ แหลม ๆ จากยัยเทพธิดาตอบกลับมา