ใครคนหนึ่งที่เจอโดยบังเอิญ ผมเรียกเขาว่า "พี่" จนกระทั่งเขาบอกผมว่าเขาอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น...

Get the ball rolling ผมจะไม่ยอม - บทที่3 ความสนิทสนม(1) โดย ง่วงแต่นอนไม่หลับ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Get the ball rolling ผมจะไม่ยอม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ใครคนหนึ่งที่เจอโดยบังเอิญ ผมเรียกเขาว่า "พี่" จนกระทั่งเขาบอกผมว่าเขาอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น...

ผู้แต่ง

ง่วงแต่นอนไม่หลับ

เรื่องย่อ

สารบัญ

Get the ball rolling ผมจะไม่ยอม-บทที่1 บทเริ่มต้น,Get the ball rolling ผมจะไม่ยอม-บทที่2 ครอบครัว,Get the ball rolling ผมจะไม่ยอม-บทที่3 ความสนิทสนม(1)

เนื้อหา

บทที่3 ความสนิทสนม(1)

ย้อนไปประมาณสี่ปีที่แล้ว ในตอนนั้นอลาริกเป็นเพียงเด็กหนุ่มมัธยมต้นคนหนึ่ง เขาไม่ใช่คนที่มีรอยยิ้มเทวดาตลอดเวลาเหมือนปัจจุบัน แค่เป็นคนเงียบๆแต่ไม่ถึงกับเย็นชา เรียกว่าพูดไม่เก่งก็ว่าได้

เขายังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของที่คนที่อ่านหนังสืออยู่ จึงต้องเงยหน้ามองเล็กน้อย ด้วยความสงสัยว่าหญิงคนนั้น หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า 'หัวหน้าห้อง' มีธุระอะไรกับเขา

"ไม่ได้อยากรบกวนนะอลาริก...พอดีว่าพี่รหัสของนายฝากเรามาเรียกน่ะ"

"เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณที่บอก เขาอยู่ตรงไหนหรอครับ"

"เขาบอกว่า 'ที่ประจำ' น่ะ"

"ออครับ..."

เด็กหนุ่มกระชับแว่นของตนขึ้นเล็กน้อย ให้แว่นอยู่ระดับจมูก ก่อนจะขอบคุณอีกฝ่าย พลางเดินออกจากห้องเรียนไป เพื่อไปหาพี่รหัสของเขา


ณ สวนหลังโรงเรียน ต้นไม้สีเขียวเต็มไปหมด มีดอกไม้ประปรายเล็กน้อย ทำให้สีเขียวของป่าและทุ่งหญ้าไม่โดดเจนเกินไป

แต่สิ่งที่สำคัญของที่นี่ คงจะเป็นสะพานไม้ระหว่างแม่น้ำ ซึ่งแม่น้ำที่อยู่ด้านล่างของสะพานนั้น ความจริงแล้วเป็นบ่อปลาที่ใช้หินเป็นหลัก และมีปลาคราฟอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อคนพี่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังย่ำอยู่บนพื้นหญ้า เขาก็รู้สึกได้ว่า น้องรหัสของเขากำลังเดินมาทางนี้

"มาแล้วหรอ น้องรัก~!"

"ครับ พี่มีอะไรหรอครับ"

คนพี่วางเบ็ดตกปลาไว้ข้างลำตัว ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไปหาน้องรหัสของเขา สีหน้าของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเพิ่งร้องไห้มา แต่ก็พยายามไม่อยากแสดงออก ถึงแม้ว่าสีหน้าแทบจะเล่าทุกอย่างไปแล้วก็ตาม

จากตอนแรกที่ดูเหมือนพยายามยิ้ม...เขาก็หัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มมีสีหน้าที่เศร้าลง

เมื่ออลาริกเห็นพี่รหัสของตนมีสีหน้าเศร้าลง...เขาก็เริ่มกังวลนิดหน่อย ยิ่งเห็นอีกฝ่ายขอบตาแดงเหมือนร้องไห้มาด้วย แม้ว่าภายนอกเด็กหนุ่มจะยืนนิ่งเหมือนคนไม่รู้อะไรเลย แต่ในใจของเขาถือว่าตรงข้ามกันเลย ความสับสนและไม่แน่ใจ...ระหว่างควรลองถามพี่รหัสว่าเป็นยังไงบ้าง หรือแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นดี เผื่ออีกคนจะสบายใจมากกว่า...

'เขาเป็นพวกคนร่าเริง...เขาอาจจะไม่อยากให้เราเห็นว่าเขาเศร้าอยู่ หรือว่าเขาอยากร้องไห้ ผมควรจะทักเขาหรือเงียบก่อนดีนะ...'

"คิดเรื่องพี่อยู่หรอ" เสียงของคนพี่แทรกขึ้นมากระทันหัน ทำให้เขาหลุดออกจากความคิดของตนชั่วคราว

"ครับ...ขอโทษครับ..."

"ขอโทษทำไม เคยบอกแล้วนี่...ถ้าไม่ได้ทำผิดห้ามขอโทษ"

คนน้องหลบตาของอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด แต่คนพี่จะไม่หลงกล 'กลยุทธ์การเอาตัวรอด' ของน้องรหัสของตนอย่างแน่นอน อย่างน้อยพวกเขาก็รู้จักกันระดับหนึ่ง...

"หลบตาแบบนี้แสดงว่ากำลังเถียงพี่ในใจอยู่ใช่มั้ย~ อย่าใช้ลูกไม้เดิมๆสิ~ พี่ก็เรียนรู้นะ"

พี่รหัสมองดูน้องรหัสของตนที่สะดุ้งเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้ทันอีกฝ่าย เขาขำเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

"หยุดเลย~ จะพูดคำว่า 'ขอโทษ' อีกแล้วใช่มั้ย"

"ไม่ใช่ครับ ผมจะพูดว่า 'ขอโทษครับ' ต่างหาก คุณลืมคำลงท้ายไปนะรุ่นพี่~"

"จริงๆเลย~ เถียงตลอดที่มีโอกาส"

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง พลางมองคนเด็กกว่าที่กำลังทำหน้างอน เพราะเขารู้ทันลูกไม้ที่อีกฝ่ายใช้กับตน สีหน้าที่ดูงอนเหมือนปลาทองของคนน้อง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและเอานิ้วจิ้มแก้มเหมือนเวลาเล่นกับปลาทอง

"ผมไม่ใช่ลูกโป่งหรือปลาทองนะพี่!" เสียงคนน้องดูโกรธ และดังอย่างประท้วงความยุติธรรม แต่ก็รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้โกรธจริงจังในเรื่องนี้

เด็กชายเตรียมจะกัดนิ้วของคนพี่ให้รู้แล้วรู้รอด ให้มันรู้ไปว่าไม่ควรกล้ากับใคร แต่อีกฝ่ายกลับหลบทันซะอย่างงั้น แถมยืนหัวเราะเขาอีก เขาจะไม่รู้สึกอับอายหรือหงุดหงิดไปมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้คนพี่มาแกล้งเขาแบบนี้อีก

"จะกัดเป็นหมาแล้วหรอเด็กน้อย~"

"อย่าท้านะครับ!..." น้ำเสียงปนหงุดหงิดเล็กน้อยของคนน้อง ก่อนที่เขาจะเงียบไปและพูดต่อ

"ว่าแต่พี่...เกิดอะไรขึ้นหรอครับ ถ้าผมไม่ได้ยุ่งมากเกินไป...พี่ดูเหมือนคนที่ร้องไห้มาเลยครับ..."

พี่รหัสเงียบไปครู่หนึ่ง แต่การที่เขาเรียกน้องรหัสของเขามาที่นี่ ก็เพราะเขาอยากคุยกับรุ่นน้อง การปิดบังความรู้สึกก็คงจะย้อนแย้งเกินไป

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรียบเรียงคำพูดให้ดีก่อนจะบอกอีกฝ่าย

"เมื่อคืน...แฟนของพี่โทรมาบอกเลิกน่ะ...นายก็รู้ใช่มั้ย ว่าพี่รักและทุ่มเทให้เธอมากแค่ไหน"

"อือ ผมรู้ครับ...เสียใจด้วยนะครับ"

"อย่าพูดเหมือนเธอตายแล้วสิ!"

"ผมรู้ว่าพี่เป็นคนเข้มแข็ง พี่จะผ่านมันไปได้"

"นายดูเชื่อมั่นในตัวพี่จังนะ~ ทั้งที่พี่ยังไม่เชื่อในตัวเองเลยแท้ๆ..."

สีหน้าของอลาริกดูลนลานอย่างชัดเจน มือของเขาแทบจะสะบัดไปมากลางอากาศ ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี แต่ไม่ทันได้คิดนาน...พี่รหัสของเขาก็กอดเขา เขาไม่เห็นหน้าของอีกฝ่ายในตอนนี้ แต่รู้สึกได้ถึงเสียงสะอื้นและหยดน้ำตาของอีกฝ่าย ที่กำลังหยดลงบนไหล่ของเขา

"ร้องไห้ออกมาก็ได้นะ...ถ้าคุณต้องการ ผมจะเป็นอากาศให้คุณเองคุณเอง..."

คนพี่บีบไหล่ของเขาแน่นขึ้น มันเจ็บแต่เขาก็เลือกที่จะเงียบไว้ พลางค่อยๆเอื้อมมือไปกอดพี่รหัสของเขาอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน ลูบหลังของรุ่นพี่ของเขาเบาๆอย่าปลอบใจ และปล่อยให้อีกฝ่ายร้องไห้ออกมา

"พี่เจ็บจัง...พี่จะอยู่ยังไงถ้า...ไม่มีเธออยู่...เธอเปรียบเสมือนแสงสว่างหนึ่งเดียวของพี่...นายเข้าใจพี่ใช่มั้ย..." เสียงพูดปนสะอื้นของพี่รหัส ทำให้คนน้องที่ฟังอยู่รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย เขารู้ดีว่ารุ่นพี่ของเขารักแฟนคนนั้นมาแค่ไหน

"แม่ของผมเคยบอกว่า...ถ้าเขาบอกเลิกกับเรา แปลว่าเขาไม่คู่ควรกับเราที่มีความรักให้เขา..."

"55...แม่ของนาย...เข้มแข็งจังนะ..." เสียงขำปนความเศร้าบ่งบอกถึงความอ่อนแอของรุ่นพี่ในตอนนี้ แต่ก็ยอมรับแม่ของรุ่นน้องที่เข้มแข็ง

'ผมเองก็อยากเข้มแข็งเหมือนกับแม่ของผมเหมือนกัน...'

"เธอคงไม่อยากให้ลูกอย่างผมและน้องชายเห็นด้านที่ดูอ่อนแอ หรืออะไรแบบนั้น..."

สีหน้าของเขาดูเศร้าลง พร้อมกับน้ำเสียงที่เรียบนิ่งมากขึ้น เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น...เขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับแม่ของตนเองเลย

ไม่ว่าจะลองถามหรือแม้แต่พยายามอยู่ข้างๆเธอ รวมถึงชวนเธอพูดคุย เธอก็ไม่เคยบอกอะไรกับเขานอกจาก 'แม่ว่าทุกย่างมันก็ปกติดีนะ การเริ่มและบอกลาก็ปกติของการใช้ชีวิต เขาจะจากเราไปเองถ้าเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับเรา เราต้องยิ้มและมีความสุขนะรู้มั้ย ยังมีอะไรอีกมากที่เราสามารถทำได้! อย่าเอาความเศร้ามาทำให้เราขังตัวเองนะ~'

"บางที...พี่อาจจะแวะไปบ้านนายเพื่อขอบคุณเธอก็ได้นะ"

"อย่ามาเลยครับ...บรรยากาศมันไม่ดีเท่าไหร่..."

"ปัญหาครอบครัวหรอ"

"ครับ..."

รุ่นพี่เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าควรถามหรือไม่ แต่เรื่องครอบครัวมันดูเป็นเรื่องวงใน เขาที่เป็นคนนอกไม่สามารถนั่งในเรื่องนี้ได้ หากอีกฝ่ายไม่เต็มใจที่จะบอก 

"พี่จะไม่ถามแล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขอบคุณที่อยู่ข้างๆพี่ในตอนที่พี่อ่อนแอนะ..." เสียงบ่งบอกว่ารุ่นพี่ของเขารู้สึกดีขึ้นแล้ว ก่อนจะปล่อยกอดจากเขาและมองหน้ากันระดับสายตาปกติ 

รอยยิ้มของรุ่นพี่ที่มีให้กับน้องรหัส เป็นรอยยิ้มที่ขอบคุณอย่างจริงใจ เขาจับมือข้างขวาของน้องรหัสของเขา ลูบมันอย่างเบามือ ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงใจ

"ถ้านายมีปัญหา...อย่าลืมที่จะบอกพี่นะ ไม่ว่าพี่จะเรียนหรือทำอะไรอยู่ พี่จะรีบมาหานายในทันที! แม้ว่าตอนนั้นพี่จะโดดเรียนก็ตาม555"

"เห้ยย ห้ามโดดเรียนนะพี่!" เสียงพูดอย่างตกใจเล็กน้อย พลางตบบ่าของรุ่นพี่แรงๆทีนึงเรื่องที่อีกคนจะโดดเรียน 

"โอ๊ย~ รู้มั้ยว่านายมือหนักชะมัด!"

คนพี่ปล่อยมือจากน้องรหัสและลูบรอยที่ถูกตี พร้อมกับสีหน้าแกล้งเจ็บปวด จริงๆแล้ว...แรงมือระดับนี้ สำหรับเขามันก็แค่มดกัดเท่านั้น

แต่เขาก็แค่อยากคุยกับรุ่นน้องต่ออีกหน่อย บวกกับว่าเวลาเห็นคนน้องยิ้มด้วยสีหน้าที่มั่นใจ มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากกว่า เหมือนกับว่ากำลังมองดวงจันทร์ที่อบอุ่น แต่ก็เป็นกันเองในเวลาเดียวกัน

'พี่อยากให้นายยิ้แบบนี้...ตลอดไปเลย ขอบคุณที่เกิดมาและทำให้พี่มีความสุขมากขนาดนี้นะ นางฟ้าตัวน้อย'





-------------------------

การพยายามขยันเขียนนี่มันยากจัง~ บอกก่อนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาวที่สุดตั้งแต่ที่เราเคยเขียนนิยายมา พล็อตมันอาจจะยืดยาวด้วย ขอโทษล่วงหน้าในเรื่องนั้นนะครับ

ความจริงแล้วอลาริกเป็นพระเอก และรุ่นพี่ก็คือคนที่เขาสนิท แต่เป็นการสนิทแบบพี่น้องเท่านั้นนะครับ55 ทั้งคู่ไม่ใช่คู่กัน และผมก็หวังว่ามันจะอบอุ่นหัวใจผู้อ่านอยู่บ้างนะครับ