หลังประตูบานนั้นคือโลกอีกโลกหนึ่งที่แพรนวลไม่คุ้นเคย หล่อนได้พบกับบุรุษผู้หนึ่ง สังกัดกองอาทมาต เขาเอาดาบมาพาดคอหล่อนในครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน

ย่ำทวิกาล - 1 บทนำ โดย เอมวดี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ย่ำทวิกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

หลังประตูบานนั้นคือโลกอีกโลกหนึ่งที่แพรนวลไม่คุ้นเคย หล่อนได้พบกับบุรุษผู้หนึ่ง สังกัดกองอาทมาต เขาเอาดาบมาพาดคอหล่อนในครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน

ผู้แต่ง

เอมวดี

เรื่องย่อ

สารบัญ

ย่ำทวิกาล-1 บทนำ,ย่ำทวิกาล-บทที่ 1 ข้ามกาล,ย่ำทวิกาล-บทที่ 2 บุรุษก็มิใช่ สตรีก็มิคล้าย

เนื้อหา

1 บทนำ

เรือนไทยยกพื้นสูงสภาพค่อนข้างเก่าโทรมซึ่งปรากฏแก่สายตาในเวลานี้ทำให้คนที่ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าบันไดต้องถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ เจ้าหล่อนเป็นหญิงสาววัยไม่น่าเกินยี่สิบสามปี ร่างสูงโปร่ง ไว้ผมซอยสั้นเปิดใบหู เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นเพียงเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงยีนเก่า ๆ ขาด ๆ มองเผิน ๆ คล้ายบุรุษมากกว่าสตรี 


  ใบหน้าของหล่อนไร้เครื่องสำอางตกแต่ง อาจจะเพียงทาแป้งบาง ๆ ไว้เท่านั้น ถึงกระนั้นก็ยังดูผุดผาดชวนมอง คงเป็นเพราะมีผิวเนื้อที่เนียนละเอียดขาวผ่องตามที่ได้รับการสืบทอดมาจากพ่อแม่และบรรพบุรุษ


           เส้นผมเล็กนุ่มเงางามดุจแพรไหมพลิ้วไหวเล็กน้อยเมื่อลมพัดโชยมา เจ้าตัวยกมือเสยผมอย่างนึกรำคาญเพราะผมด้านหน้ามักจะตกลงมาปรกหน้าผากอยู่เสมอ ดวงตาดำขลับกวาดมองสภาพเรือนไทยตรงหน้าด้วยความกลัดกลุ้ม แม้ภายนอกจะยังดูแข็งแรงแต่ด้วยอายุของมันที่มากกว่าเจ็ดสิบปีทำให้หล่อนไม่แน่ใจว่าจะยังอาศัยอยู่ได้หรือไม่ หากไม่เพราะถูกไล่ออกจากบ้าน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง หล่อนคงไม่ตัดสินใจมาอาศัยอยู่ที่เรือนไทยหลังนี้เป็นแน่ ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่ซาบซึ้งที่คุณปู่ยกเรือนไทยหลังนี้ให้ แต่เป็นเพราะความเก่าของมันทำให้หล่อนนึกหวั่นเกรง


       แต่ก็นั่นแหละ...หล่อนไม่มีทางเลือกมากนัก อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอน เอาไว้ได้งานทำและมีเงินเก็บมากพอเมื่อไร ค่อยย้ายออกก็ยังไม่สาย


   เมื่อทำใจได้แล้ว หญิงสาวก็ก้าวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวบ้านอย่างไม่ลังเล ทว่าเสียงไม้ที่ดังเอี๊ยดอ๊าดเกือบทุกย่างก้าวข่มขวัญเสียจนหล่อนเกรงว่ามันจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ


ครั้นขึ้นมายืนบนชานเรือนได้ เจ้าตัวถึงกับพรูลมออกจากปากอย่างโล่งอก ดวงตาคู่งามกวาดมองสำรวจไปหรอบ ๆ พบว่าแม้สภาพเรือนไทยจะดูเก่าแต่ได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี เฉกเช่นเดียวกับสนามหญ้าและสวนหย่อมเล็ก ๆ ด้านนอกที่สะอาดสะอ้าน ไม่มีเศษดินเศษใบไม้ ต้นไม้ใหญ่โตแผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่นและหญ้าเขียวชอุ่มสม่ำเสมอ คงเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี


คุณปู่คงรักที่นี่มาก ได้ยินมาว่าท่านเกิดและเติบโตที่นี่ กระทั่งเรียนจบแล้วแต่งงานถึงย้ายไปอยู่ที่อื่น ถึงกระนั้นก็ยังหส่งคนมาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ


แพรนวลเป็นหลานคนสุดท้องที่เกิดจากลูกชายคนโตของท่านกับหญิงสาวชาวเหนือนามว่าเอื้องนวล


แม่ของหล่อนเป็นภรรยาคนที่สองของพ่อ ทั้งสองแต่งงานกันหลังภรรยาคนแรกของพ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก ระยะเวลาสองปีอาจจะดูสั้นไปในสายตาของคนอื่น กอปรกับแม่เป็นแค่แม่บ้านเทียบกับลูกสาวนักธุรกิจร้อยล้านอย่างภรรยาคนก่อนไม่ได้เลยสักนิด จึงไม่มีใครต้อนรับแม่สักเท่าไร พอหล่อนเกิดมาในเดือนเดียวกับที่คุณย่าจากไป จึงถูกตราหน้าว่าเป็นกาลกิณีไปโดยปริยาย แม่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วยความอดทน แม้จะน้อยเนื้อต่ำใจแต่กลับไม่เคยแสดงออกมาให้เห็น ส่วนหล่อนอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วยความจำใจเพราะไม่มีที่ไป แม่กับหล่อนไม่มีญาติที่กรุงเทพ ญาติที่เชียงใหม่ก็ไม่สนิทกันมากนัก ให้แบกหน้าไปขออยู่ด้วยก็คงไร้มารยาทเกินไป ที่สำคัญเหนืออื่นใดคือความรู้สึกของแม่ ความรักและความห่วงใยที่แม่มีต่อพ่อนั้นทำให้หล่อนหไม่กล้ากดดันให้แม่ย้ายออก 


แต่แม่ก็อยู่กับหล่อนไม่ได้นาน เพียงยี่สิบปี แม่ก็จากไปอย่างสงบด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง หล่อนไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่มีโรคประจำตัว รู้แค่เพียงว่าแม่อ่อนแอ ตากแดดนานไม่ได้ ทำงานหนักก็ไม่ไหวและป่วยบ่อย ทว่ารักษาไปตามอาการก็หาย ใครจะนึกว่าท่านเป็นหนักถึงขนาดนั้น แม่เป็นพวกปากหนัก ทั้งเรื่องสุขภาพและความรู้สึกต่าง ๆ แม่มักจะเก็บเอาไว้กับตัวเสมอ แม้แต่ลูกสาวอย่างหล่อน แม่ก็ไม่ยอมปริปากบอก ตัวหล่อนเองก็ผิดเช่นเดียวกัน ไม่ได้ดูแลแม่ให้ดีเท่าที่ควร มัวแต่ห่วงความรู้สึกของตัวเอง หงุดหงิดกับบรรดาพี่น้องที่จ้องจะดูถูกเหยียดหยามหล่อนแทบจะตลอดเวลา ถ้าหล่อนสนใจแม่สักนิด ใช้เวลากับแม่ให้มากอีกหน่อย แม่คงไม่จากไปไวขนาดนี้


นึกถึงแม่คราใด น้ำตาพานจะไหลเสียทุกที


แพรนวลเงยหน้า ส่งยิ้มให้กับหมู่เมฆและท้องฟ้าสีคราม แม่คงมองหล่อนจากบนสวรรค์ เห็นรอยยิ้มนี้จะได้ชื่นใจ


บนนั้นคงจะมีคณปู่อยู่ด้วย ท่านจากไปได้ไม่นาน ภาพจำของท่านยังชัดเจนในหัวใจ นอกจากแม่แล้ว ท่านเป็นเพียงคนเดียวที่มอบความรักให้กับหล่อนอย่างไม่คิดลำเอียง ขนาดพ่อแท้ ๆ ของหล่อนยังไม่อาจรักหล่อนเทียบเท่าท่าน


หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม เผื่อแผ่ไปถึงคุณปู่ หวังให้ท่านสบายใจว่าหล่อนมาดูแลเรือนหลังนี้แทนท่านแล้ว


ลมยามบ่ายพัดมาหอบหนึ่ง พากลิ่นหอมละมุนของไม้ดอกนานาชนิดซึ่งปลูกอยู่ริมรั้วด้านหลังมากระทบปลายจมูก


แพรนวลสูดหายใจลึกยาว รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเป่าขึ้นมาเล็กน้อย เจ้าตัวลากกระเป๋าเดินตัดนอกชาน มายังโถงกลางซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งมุงด้วยหลังคาเพื่อกันฝน โถงนี้ยกขึ้นจากพื้นประมาณหนึ่งคืบ ไว้สำหรับต้อนรับแขกหรือรับประทานอาหาร ไม่ก็นั่งเล่นพูดคุยกันภายในครอบครัว 


พื้นที่ตรงนี้รายล้อมด้วยห้องขนาดใหญ่และเล็กจำนวนหกห้อง มีทั้งห้องพระ ห้องนอน ห้องครัวและห้องน้ำ แพรนวลเดินสำรวจทีละห้อง พบว่ามีเครื่องเรือนครบครัน ทว่าถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาวเพื่อป้องกันฝุ่น จนมาถึงห้องสุดท้ายที่อยู่ทางปีกขวาซึ่งมีลวดลายประตูงดงามกว่าห้องอื่น เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อาจจะเป็นห้องนอนของคุณทวดหรือของคุณปู่มาก่อน


หญิงสาวมองลวดลายแกะสลักวิจิตรบรรจงบนประตูบานคู่นั้นอย่างละเอียดลออ ยื่นปลายนิ้วสัมผัสลูบไล้แผ่วเบาอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง ไขกุญแจแล้วผลักประตูให้เปิดออก แม้จะมีคนมาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ทว่าประตูบานนั้นก็ยังฝืดกว่าปกติ ต้องออกแรงผลักเล็กน้อยจึงจะเปิดออกได้


ภายในห้องสลัวราง ผ้าม่านหนาหนักรูดปิดรอบด้านและหน้าต่างที่ปิดสนิททำให้แสงตะวันแทบไม่อาจสาดส่องเข้ามาได้ แพรนวลข้ามธรณีประตูเข้าไปด้านใน สัมผัสถึงกลิ่นอับ และความเย็นยะเยือก ราวกับเป็นเวลากลางคืน มิใช่กลางวัน ดวงตา แว่วเสียงลูกตุ้มนาฬิกาโบราณแกว่งไปมาเป็นจังหวะ 


สายตาของหล่อนยังปรับให้คุ้นชินกับความมืดไม่ได้ จึงมองไม่เห็นอะไรนอกจากนาฬิกาเรือนนั้นที่แขวนอยู่ตรงผนังเบื้องหน้า กะพริบตาหนหนึ่ง ได้ยินเสียงตีบอกเวลาดังขึ้น เป็นเสียงดังวานเสมือนว่าดังก้องอยู่ในหัวหล่อนนี่เอง แพรนวลยกแขนกอดอกตัวเองเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นโชยมาปะทะผิวกาย


ลม? แพรนวลนึกสงสัย มาจากไหนกันนะ? ภายในห้องที่ปิดมิดชิดเช่นนี้จะมีลมเข้ามาได้อย่างไร!


ชั่วขณะที่ความสงสัยยังไม่กระจ่าง เจ้าหล่อนก็อุทานออกมาอย่างตื่นตกใจเมื่อประกายคมดาบสะท้อนใส่ตาทั้งสองข้าง พริบตาเดียวดาบนั้นก็พาดอยู่บนบ่าของหล่อนแล้ว


“มึงเป็นใคร” เสียงห้าวต่ำดุดันดังขึ้นท่ามกลางความตระหนก กระแสเสียงไม่เป็นมิตร มีความระแวดระวังและพร้อมจะตวัดดาบลงมาที่คอของหล่อนได้ทุกเมื่อ


แพรนวลกลืนน้ำลายเอื้อก ความตกตะลึงทำให้พูดอะไรไม่ออก ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองเงาดำทะมึนเบื้องหน้าด้วยดวงตาเบิกโตราวกับไข่ห่าน


หล่อนมองเห็นเขาไม่ชัด เห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างที่ถูกแสงตะวัน...ไม่สิ แสงนวลตาเช่นนี้ย่อมต้องเป็นแสงจากพระจันทร์ต่างหาก มันกระทบเสี้ยวหน้าด้านหนึ่งของบุรุษผู้นั้น เห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าซีกนั้นเด่นชัด มองเผิน ๆ ดูดุดันเหี้ยมโหดราวกับใบหน้าของพญามัจจุราชก็ไม่ปาน!