หลังประตูบานนั้นคือโลกอีกโลกหนึ่งที่แพรนวลไม่คุ้นเคย หล่อนได้พบกับบุรุษผู้หนึ่ง สังกัดกองอาทมาต เขาเอาดาบมาพาดคอหล่อนในครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน

ย่ำทวิกาล - บทที่ 2 บุรุษก็มิใช่ สตรีก็มิคล้าย โดย เอมวดี @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ย่ำทวิกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,รัก,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

หลังประตูบานนั้นคือโลกอีกโลกหนึ่งที่แพรนวลไม่คุ้นเคย หล่อนได้พบกับบุรุษผู้หนึ่ง สังกัดกองอาทมาต เขาเอาดาบมาพาดคอหล่อนในครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน

ผู้แต่ง

เอมวดี

เรื่องย่อ

สารบัญ

ย่ำทวิกาล-1 บทนำ,ย่ำทวิกาล-บทที่ 1 ข้ามกาล,ย่ำทวิกาล-บทที่ 2 บุรุษก็มิใช่ สตรีก็มิคล้าย

เนื้อหา

บทที่ 2 บุรุษก็มิใช่ สตรีก็มิคล้าย

มวลน้ำโอบล้อมรอบกายดั่งเป็นแม่เหล็กกระชากแพรนวลให้จมดิ่งสู่ก้นบึงน้ำ หล่อนทำแก้มป่องกลั้นหายใจ ยื่นมือออกไปไขว่คว้าเบื้องหน้าด้วยหวังว่าจะมีใครสักคนยื่นมือมาช่วยเหลือ ทว่าความหวังแสนริบหรี่เหลือเกิน แสงเดือนหรุบหรู่ที่หล่อนเห็นถูกกลืนกลินด้วยความมืดมิดทีละน้อย ๆ เศษเสี้ยวความหวังถูกน้ำซัดพังทลายกลายเป็นความมืดมิดดั่งขุมนรก


หล่อนกำลังจะตาย...แพรนวลบอกตัวเองอย่างเศร้าสร้อยและอาลัยอาวรณ์


หล่อนไม่อยากตาย ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่หล่อนปรารถนาแต่ยังไม่สำเร็จลุล่วง หญิงสาวทอดถอนใจอย่างแสนเสียดาย...หรือนับจากนี้จะไม่มีโอกาสเสียแล้ว


หมดแรงตะเกียกตะกาย ได้แต่ปล่อยให้ร่างนี้ร่วงหล่นจมลงไป เปลือกตาบางค่อย ๆ ปิดลงอย่างยอมรับชะตากรรม


วินาทีที่คิดว่ายมทูตจะดึงวิญญาณออกจากร่าง มือใหญ่หยาบของใครคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามากระชากแขนของหล่อนอย่างแรง ร่างบอบบางทะลึ่งพรวดขึ้นเหนือผืนน้ำ ก่อนจะถูกลากขึ้นฝั่งอย่างไม่ปรานีปราศรัยจนไหล่หล่อนแทบหลุด


รอดตายมาได้ก็นับว่าโชคเข้าข้างอยู่บ้าง แต่ได้โปรดอย่าให้หล่อนต้องกลายเป็นคนพิการเลย!


แพรนวลนอนพังพาบอยู่กับพื้นอย่างหมดสภาพ ทั้งยังไอโขลก ๆ จนหน้าดำหน้าแดง เรี่ยวแรงจะพลิกตัวจากท่านอนคว่ำมาเป็นนอนหงายหรือแม้แต่ลุกนั่งก็ยังไม่มี จะร้องขอคนที่ทั้งโยนลงน้ำ ทั้งกระชากถูลู่ถูกังแบบเมื่อครู่ก็คงไม่เป็นผล รายนั้นน่าจะยืนกอดอกมองหล่อนกระเสือกกระสนพลิกตัวไปมาด้วยความสาแก่ใจ!


ไม่รู้ชาติก่อน ไปทำกรรมเวรอะไรไว้ ฟ้าจึงส่งให้หล่อนมชดใช้กรรมกับคนผู้นี้!


คิดอย่างแค้นเคืองพร้อมกับใช้มือทั้งสองยันพื้น หมายจะลุกนั่งให้ได้ ทว่าการดิ้นรนเอาชีวิตรอดในน้ำทำให้เสียเรี่ยวแรงไปมากทีเดียว เรียกได้ว่าหมดแรงข้าวต้มจนลุกไม่ไหว นึกสภาพตัวเองแล้วน่าสมเพชไม่น้อย ยิ่งเห็นคนคนนั้นยืนมองอยู่นิ่ง ๆ ก็ยิ่งอเนจอนาถใจเหลือแสน อยากจะเอาหน้ามุดดินเสียให้รู้แล้วรู้รอด


จริงสิ! ชั่วขณะนั้นเอง แพรนวลเพิ่งนึกได้ว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์อันแสนประหลาดเพียงใด


จำได้ว่าตนยืนอยู่บนเรือนไทยแท้ ๆ ไฉนจึงมาโผล่ที่นี่ได้เล่า ซึ่งเป็นแห่งหนตำบลใด หล่อนไม่รู้เลยจริง ๆ


“อ๊ะ “เจ้าหล่อนอุทานเมื่อถูกคว้าคอเสื้อทางด้านหลังพร้อมกับถูกดึงให้ลุกยืน ง่ายดายดุจดั่งตัวหล่อนเบาราวปุยนุ่น


ทรงตัวได้ไม่ทันไร คนที่ทั้งพยายามฆ่าและช่วยชีวิตหล่อนก็โน้มตัวลงมาดอมดมที่ข้างแก้ม


“เนื้อตัวมึงมีแต่กลิ่นประหลาด ขนาดจับโยนลงน้ำยังไม่หาย”


กลิ่นประหลาดที่ว่า แปลตามความเข้าใจของแพรนวลแล้ว น่าจะหมายถึง ‘ตัวเหม็น ‘ละมัง หญิงสาวถึงกับยกแขนตัวเองขึ้นมาดม ทำจมูกฟุดฟิดพลางนิ่วหน้า


...หอมจะตาย! หล่อนเถียงในใจ น้ำหอมกลิ่นนี้ หล่อนอุตส่าห์กัดฟันซื้อมาทั้งที่เป็นของฟุ่มเฟือย แต่เพราะชอบมากจริง ๆ จึงยอมควักเงินจ่าย แต่ผู้ชายหน้ายักษ์ตรงหน้ากลับทำท่ารังเกียจเดียดฉันท์เสียอย่างนั้น!


“เสื้อผ้ามึงก็แปลกตา “อีกฝ่ายเดินวนสำรวจรอบตัวหล่อน มือข้างขวายังกำดาบไว้มั่น แพรนวลมองอย่างเสียวไส้ นึกภาวนาให้เขาเอาปลายดาบหันไปทางอื่นเสียที


“แล้วยังจะมาปดกูว่าเป็นคนไทยอีกรึ “พูดพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด “ตกลงมึงมาจากไหน เสื้อผ้าที่มึงสวม กูไม่เคยเห็นมาก่อน”


แพรนวลกลอกตาไปมา ก้มมองเสื้อยืดตัวโคร่งเปียกโชกของตนเอง กำลังจะอ้าปากตอบกลับถูกขัดขึ้นมาด้วยคำถามว่า


“รูปร่างมึงอ้อนแอ้นเกินชายแต่กลับไว้ผมสั้น สภาพนี้...บุรุษก็มิใช่ สตรียิ่งมิคล้าย “พูดพลางส่ายหน้าพลาง ใช้ดวงตาคมดุเพ่งมองหล่อนจนแทบทะลุปรุโปร่ง ดวงตาคู่นั้นวาววามแจ่มชัดในความมืดแต่แพรนวลกลับอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


“ไม่เหมือนทหาร แต่คนเราดูจากภายนอกคงมิได้ “เจ้าตัวคิดเองเออเองและสรุปเอาเองอย่างง่าย ๆ ว่าหล่อนไว้ใจไม่ได้ และเพื่อความไม่ประมาท เขาจึงใช้เชือกพันธนาการมือทั้งสองของหล่อนเอาไว้ โดนมัดติดกันเหมือนนักโทษ เหลือปลายด้านหนึ่งเอาไว้ให้เขาจับจูงไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจ


หากก่อนหน้านี้หล่อนเหมือนลูกแมวตกน้ำ ตอนนี้ก็คงเหมือนสุนัขจรจัดที่กำลังจะถูกเชือดกระมัง!


แพรนวลถูกลากไปทางโน้นทีทางนี้ที ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ตอนนี้แทบเดินไม่ไหว เนื้อตัวหนาวสั่นราวกับจับไข้


“คุณ...จะพาฉัน...ไปไหน “หญิงสาวพูดเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะปากสั่น หากส่องกระจกตอนนี้ ริมฝีปากของหล่อนคงกลายเป็นสีม่วงไปแล้ว


เท้าของหล่อนเปล่าเปลือย ย่ำลงบนดินเฉอะแฉะ ลื่นล้มบ้างเป็นบางคราว ดังนั้นนอกจากเสื้อผ้าจะชุ่มน้ำแล้วยังเปรอะเปื้อนดินโคลนแทบทั้งตัว


“ว่ายังไงคุณ“ ถามย้ำอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบ คราวนี้เขาทำหูทวนลมราวกับไม่ได้ยิน แพรนวลเหนื่อยใจจะถามจึงรูดซิปปากตัวเองเสีย ใช้สองตาของตัวเองมองสำรวจรอบกาย


ดวงตาของหล่อนเริ่มชินกับความสลัวราง จึงพอมองเห็นสภาพพื้นที่ในบริเวณนี้ได้พอสมควร


นอกจากบึงน้ำกับต้นไม้สูงใหญ่ หล่อนก็ไม่เห็นอะไรอีก ผู้คน บ้านเรือน ไม่มีผ่านตาแม้แต่น้อย คงจะเป็นป่าที่ไหนสักแห่ง


ที่ไหนกันนะ แพรนวลนึกไม่ออก เรียกว่ามืดแปดด้านเลยก็ว่าได้ หล่อนมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร ยังไม่ต้องพูดถึง จะพาตัวเองกลับบ้านได้อย่างไรนั้นสำคัญกว่า


หญิงสาวทอดสายตามองคนที่เดินนำ มีเวลาพินิจพิจารณามากพอ จึงเห็นว่าเขาเสมือนตัวละครที่หลุดออกมาจากนิยายหรือละครโทรทัศน์แนวพีเรียด ท่อนบนเปลือย อวดแผงอกกำยำ ท่อนล่างนุ่งโจงกระเบน ทรงผมหลักแจวแบบที่หล่อนเคยเห็นในโทรทัศน์...นี่หล่อนหลงเข้ามาในรายการทีวีอะไรสักอย่างหรือเปล่า หรือมีคนซุ่มถ่ายคอนเทนต์ไปลงแพลตฟอร์มโซเชียล


แพรนวลหันซ้ายมองขวา ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีคนซ่อนตัวอยู่ นอกจากเขากับหล่อนแล้ว ไม่มีใครเลย ไม่มีเลยจริง ๆ!!


ใจของแพรนวลร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เริ่มคิดแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ใช่เรื่องตลก หากทอดเวลาให้เนิ่นนานยิ่งกว่านี้ หล่อนอาจจะตายเสียจริง ๆ ก็เป็นได้ 


เอาวะ! ถึงจับไข้ ถึงจะไม่มีแรง แต่ก็ต้องหนีให้ได้ สู้โว้ยไอ้นวล!


ให้กำลังใจตัวเองพร้อมกับใช้ฟันแก้ปมเชือกที่รัดข้อมือของตนไว้อย่างแน่นหนา


ความเงียบสงัดในยามราตรีทำให้หล่อนได้ยินเสียงหัวใจของตนเองอย่างชัดเจน มันเต้นตึกตักรัวเร็วและหนักแน่นดังก้องอยู่ในหู 


แพรนวลเดินจนหอบ มาไกลจากบึงน้ำเท่าไรไม่รู้ หล่อนไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดมากไปกว่าเชือกเส้นใหญ่บนข้อมือ 


ความที่ไม่ได้ดูสิ่งรอบกาย เมื่อคนตรงหน้าหยุดอย่างกะทันหัน หล่อนจึงเดินชนด้านหลังของเขาเข้าอย่างจัง


ดั่งชนกับกำแพง แพรนวลอุทานออกมาครึ่งคำ พริบตาเดียวเสียงนั้นพลันอุดอู้อยู่ในลำคอเมื่อบุรุษร่างใหญ่ยักษ์เดินมายืนซ้อนทางด้านหลังพร้อมกับใช้มือปิดปากหล่อนเอาไว้ จากนั้นก็ลากหล่อนไปหลบหลังพุ่มไม้


แพรนวลดิ้นรนเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร


“ชู่ว์“ เขาปรามไม่ให้หล่อนส่งเสียง ทั้งยังกอดหล่อนแน่นกว่าเดิม เป็นเวลาเดียวกับที่มีเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งมุ่งหน้ามาทางที่เราสองคนซ่อนตัวอยู่อย่างรีบร้อน มีเสียงพูดคุยดังตามมาเบา ๆ จับความไม่ได้ว่าพูดอะไร แต่ฟังจากเสียงสนทนากันนั้น พอจะจับได้ว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนมากกว่าสี่คนขึ้นไป!


 ใครกันหนอ! ใช่ตำรวจหรือเปล่า? หากหล่อนตะโกนขอความช่วยเหลือ จะสามารถรอดชีวิตจากคนผู้นี้ได้หรือไม่ หรือจะเป็นการหนีเสือปะจระเข้กันแน่!!


อยากจะไปตายเอาดาบหน้า แต่ใจไม่กล้าพอ ดูลาดเลาก่อนดีกว่า แพรนวลบอกตัวเอง...อย่างน้อย ๆ กับคนคนนี้ก็รู้จักมักคุ้นกันบ้างแล้ว หากหล่อนลองอ้อนวอนสักหน่อย ใส่จริตมารยาหญิงที่ไม่ค่อยมีเข้าไปอีกนิด บุรุษวัยฉกรรจ์อย่างเขาก็น่าจะใจอ่อนบ้างละน่า!


แพรนวลคิดไปในทางดีไว้ก่อน สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงจะตรงกันหรือพลิกกลับตาลปัตรแบบหน้ามือเป็นหลังมือ คงได้แต่สวดมนต์ภาวนาแล้วละ!