"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

โกลาหลกลสั่งตาย - - ปฐมบทกลลวง โดย เมื่อยามรัตติกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โกลาหลกลสั่งตาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์

รายละเอียด

"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

ผู้แต่ง

เมื่อยามรัตติกาล

เรื่องย่อ

'สิง' เด็กหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ฆาตกรรมพี่ชาย ร่วมสายเลือด 

กับการถูกไล่ล่าจากวิญญาณ 'ผีมโนราห์' ที่ไม่มีที่มาที่ไป 

การเอาชีวิตรอดและการปกป้องแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตที่มืดบอดอย่าง 'อิน' จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ 

ควบคู่ไปกับการตามล่าหาความจริงอันดำมืดที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานหลายปี

#โกลาหลกลสั่งตาย


 WARNING 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง จากจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (บางสถานที่มีจริง) ไม่มีอยู่จริง ผู้เขียนไม่มีเจตนาล่วงละเมิดหรือจงใจให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด หรือ สิงใดก็ตาม 

นอกจากนั้นยังไม่มีเจตนาลบหลู่ บิดเบือนศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น 

อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านพฤติกรรม ความรุนแรง และการใช้ภาษา ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอ่านโดยใช้วิจารณญาณ 

ภายในงานเขียนมีการใช้ภาษาถิ่นใต้และผู้เขียนกังวลเรื่องการผันเสียงในภาษาท้องถิ่น จึงมีการใช้ภาษากลางในการอธิบายร่วมด้วย

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ใครหลงเข้ามาสามารถเปิดใจอ่านได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ สามารถกดออกไปสู่เนื้อหาที่ผู้อ่านต้องการได้เลย :)

 

TRIGGER WARNING

Abuse / Physical Abuse มีการใช้ความรุนแรงกับเหยื่อทางกาย

Abuse Relationship ความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งการทำร้ายด้วยวาจาและการทำร้ายร่างกาย

Blood มีเลือด

Brutality การใช้ความรุนแรง, ทารุณ

Cutting ใช้ของมีคม

Corpse ศพ

Dead การตาย

Depiction of Death มีการบรรยายฉากการตาย

Dirty Talk มีการใช้คำพูดหยาบโลน

Drug Abuse การใช้ยาหรือสารเคมีแบบผิดวิธี

Ghost ภูตผี

Gore เนื้อหามีความโหดร้าย

Hallucinations มีอาการประสาทหลอน

Mental Abuse ใช้ความรุนแรงกดดันจนเกิดบาดแผลทางใจ

Mental Illness มีอาการป่วยทางจิต

Murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย

Sexual Harassment การล่วงละเมิดทางเพศ 

Psychopath โรคจิต ไม่มีความนึกคิดผิดชอบชั่วดีเหมือนคนปกติ

Violence มีการใช้ความรุนแรง 


 

Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61564472022894&amp%3Bref=embed_page

X : https://x.com/Writer_RTKDN

TikTok : https://www.tiktok.com/@writer_rtkdn

 

เงื่อนไขในการติดเหรียญ

ติดเหรียญ 5 เหรียญต่อ 1 ตอน

ตอนที่ 0-6 ฟรี!!! 

อ่านฟรีก่อนติดเหรียญ 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่)

ตอนพิเศษติดถาวร

(ตอนพิเศษ 6 ตอน 1 ตอนมีเฉพาะใน E-book เท่านั้น)

Publish Date

ตอนที่ 1-7 : 11/10/2024 - 16/10/2024

ตอนที่ 8-22 และ ตอนพิเศษ : ลงทุกวันจันทร์ / พุธ / ศุกร์

เปิดเรื่อง : 11/10/2024

ปิดเรื่อง : 0/0/2024

สารบัญ

โกลาหลกลสั่งตาย-- ปฐมบทกลลวง ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑ ข้อแลกเปลี่ยนคือความตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒ เด็กในปกครอง,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๓ ตายศพสวย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๔ บ้านใหม่หลังเดิม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๕ เตือนก่อนตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๖ ลางสังหรณ์,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๗ เครื่องรางมหานิยม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๘ สีผึ้งมหาเสน่ห์

เนื้อหา

- ปฐมบทกลลวง

 

เสียงปี่นอกดังก้องกังวานขึ้นมาเป็นจังหวะถี่รัวก่อนจะเริ่มเป่าแบบลากยาวเป็นทำนองดนตรีโหมโรง จังหวะของดนตรีดำเนินไปด้วยจังหวะเนิบนาบต่อมาจึงค่อยเป่าสลับเสียงสูงต่ำรัวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นจึงมีเสียงกลองแทรกเข้ามาเคล้าไปตามจังหวะของปี่นอก

ในช่วงจังหวะนั้นเองก็มีเงาตะคุ่มคล้ายเงาคนเขยิบเข้ามาใกล้ทีละเล็กทีละน้อย ภาพของเงานั้นค่อย ๆ ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะพบว่าเจ้าของเงานั้นสวมชุดลูกปัดห้อยระย้าเต็มตัวคล้ายชุดนางมโนราห์ นิ้วมือเรียวยาวถูกสวมทับด้วยปลอกเล็บสีทองอร่าม สวมชฎาครอบทับบนศีรษะที่มีปลายยอดแหลมชี้ฟ้าประดับประดาไปด้วยเพชรพลอยหลากสีที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีต ยิ่งขับให้ท่วงท่าการร่ายรำดูอ่อนช้อยงดงามเต็มไปด้วยพลังแห่งมนต์ขลัง

แต่เพียงแค่พริบตาเดียวในช่วงที่หางตาของนางรำกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง การออกท่าทางร่ายรำก็หยุดชะงักไปฉับพลัน ก่อนที่ปลายนิ้วชี้จะพุ่งชี้ตรงมา พร้อมกับนัยน์ตาสีแดงฉานที่มองถลนด้วยแรงปรารถนา ริมฝีปากเผยอขึ้นมาเพื่อพูดอะไรบางอย่างกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า… ‘มาอยู่กับกู’

 

“ไม่ได้! พันพรือก่าไม่ได้!” [ไม่ได้! ยังไงก็ไม่ได้!] เสียงชายวัยรุ่นคนนึงที่กำลังเลือดขึ้นหน้า ยืนเถียงคนเฒ่าคนแก่ยังไม่พอยังยืนค้ำหัวราวกับเด็กไม่มีมารยาท

กลุ่มผู้เฒ่าผู้แก่ที่นั่งให้เด็กหนุ่มถอนหงอกอยู่บนแคร่ไม้ต่างทำหน้าเครียด บ้างก็ส่ายหน้าระอากับความหัวรั้น บ้างก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ไม่สามารถเถียงอะไรเด็กหนุ่มคนนั้นกลับไปได้

มีแต่พ่อเฒ่าคนนึงที่นั่งหลบมุมอยู่บนแคร่ตัวเดียวกันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดูทรงพลัง “ไม่รับ น้องมึงก่าตายเท่าฮั่นแล มึงเลือกเอา” [ไม่รับน้องมึงก็ต้องตายเท่านั้น มึงเลือกเอา]

เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากด้วยท่าทางเย้ยหยัน เขาใช้สายตาดูถูกดูแคลนหันไปสนทนากับพ่อเฒ่า “เฮ้! หยุดต๊ะ! เรื่องเบล่อไอไหร่ไม่โร้ แหลงกันอยู่ได้” [หยุดเถอะ! เรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้พูดกันอยู่ได้]

พ่อเฒ่าที่เคยมีใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์กลับมีความรู้สึกขุ่นมัวขึ้นมาเมื่อได้ยินลูกหลานพ่นคำดูถูกดูแคลนในสิ่งที่เขานับถืออย่างถวายหัว “ม้ายช้ายเพราะโป่มึงเหอะ พ่อแม่มึงถึงได้ตายไปพันนั้น” [ไม่ใช่เพราะปู่ของมึงหรอกเหรอ ที่ทำให้พ่อแม่มึงตายไปแบบนั้น]

เด็กชายสวนกลับทันควัน “โป่ผม ก่าโลกเติ้นหม้ายอะ” [ปู่ของผมก็คือลูกชายของทวดไง]

พ่อเฒ่าเตรียมจะลุกขึ้นมาฟาดหน้าเด็กไร้มารยาทที่ยืนเถียงคำไม่ตกฟาก แต่ดีที่พวกผู้เฒ่าผู้แก่คนอื่น ๆ คอยห้ามเขาไว้ได้ทัน “ถ้ามึงไม่อยากให้น้องมึงตาย มึงต้องให้มันรับ!”

 

ฮือ ๆ

 

เด็กหนุ่มทำท่าจะเถียงกลับแต่ชะงักไปเพราะได้ยินเสียงร้องดังมาแต่ไกล เขารีบหันไปมองตามทางของเสียงก่อนจะพบว่าเด็กน้อยวัยเตาะแตะกำลังเดินร้องไห้โฮอย่างน่าเวทนาตรงมาที่เขา เด็กหนุ่มรีบพุ่งตัวเข้าไปอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วคอยลูบหลังปลอบโยนให้เขาหยุดร้อง

“สิง! สิงร้องไซร้ อย่าร้องและน้อง พี่เสืออยู่นี้ ไม่ร้อง ไม่ร้อง” [สิง สิงร้องไห้ทำไม ไม่เอาไม่ร้อง พี่เสืออยู่ตรงนี้] เด็กหนุ่มวัยรุ่นเรียกแทนตัวเองว่า เสือ พยายามกอดปลอบเด็กน้อยที่สูงเลยเข่าเขามาเพียงเล็กน้อย

เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่า สิง ยังคงร้องไห้ระงมแม้จะอยู่ในอ้อมกอดที่ปลอดภัยที่สุดของพี่ชาย แต่น้ำหูน้ำตาของเขาก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุดราวน้ำหลากในหน้าฝน

เสือใช้ท้องนิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าน้องชายตัวเล็กอย่างหวงแหนพลางพูดปลอบเด็กน้อยให้หยุดร้องไห้ กินเวลาเกือบสิบนาทีเด็กน้อยในอ้อมกอดของเขาจึงหยุดร้องไห้แต่ยังมีเสียงสะอึกสะอื้นออกมาให้ได้ยินอยู่บ้างเพียงเล็กน้อย ในระหว่างนั้นเสือก็เดินพาน้องชายไปนั่งลงบนโขดหินใหญ่ใกล้กับแคร่ไม้ที่พวกผู้เฒ่าผู้แก่นั่งอยู่ ก่อนจะเห็นร่องรอยบาดแผลบริเวณเท้าทั้งสองข้างของน้องชายที่เกิดจากการวิ่งผ่านพงหญ้าและเศษหินดินทรายโดยที่ไม่ได้สวมรองเท้า

เสือเงยหน้าขึ้นไปมองน้องชายที่ยังสะอึกไม่เลิก “เจ็บหม้าย” [เจ็บไหม?]

สิงส่ายหน้าถี่รัวจนผมเผ้าแกว่งไกวไปตามแรงเหวี่ยงของใบหน้า ภาพตรงหน้าทำเอาเสือเผลอยิ้มออกมาในสถานการณ์ตึงเครียด

“พี่เสือ”

“ว่าพรือ น้องวิ่งมาไซร่” [ว่าไง แล้วน้องวิ่งมาทำไม?]

“น้องเห็นแล้วหล่าว” [น้องเห็นอีกแล้ว]

ดวงตาของเขาเบิกโพลงขึ้นเพียงแค่ได้ยินคำของน้องชาย ความหนาวเย็นที่เกิดจากความกลัวก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังก่อนจะลามไปทั่วทั้งตัวของเขาราวกับว่าเขาถูกขังอยู่ในตู้แช่แข็ง “นะ น้องได้ตอบไอไหร่หม้าย” [น้องได้ตอบอะไรไปรึเปล่า] เสือรวบรวมสติที่มีอยู่เพียงน้อยนิดก่อนจะเอ่ยปากถามน้องชายเสียงตะกุกตะกัก

สิงส่ายหน้าไปมาอย่างเชื่องช้าพลางเอ่ยปากตอบคำถามพี่ชาย “หม้ายที” [ยังไม่ได้ตอบครับ]

เสือถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วค่อยดึงตัวน้องเข้ามาสวมกอดไว้แน่น “ดีมาก ไม่ต้องตอบไอไหร่ เข้าใจหม้าย” [ดีมาก ไม่ต้องตอบอะไร เข้าใจไหม?]

สิงพยักหน้ารับโดยที่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขามันคืออะไรกันแน่ แต่สิ่งเดียวที่รู้คือเขาจะต้องเชื่อฟังคำของพี่ชายตามคำสั่งเสียสุดท้ายของแม่ที่บอกว่า ‘เป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่เสือ เข้าใจไหม’ ก่อนที่พ่อกับแม่จะจากไปเพราะอุบัติเหตุในระหว่างทางกลับบ้าน

 

“พะ พี่เสือน้องเย็น” เด็กน้อยนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง เนื้อตัวสั่นเทาไปด้วยความหนาวเหน็บราวกับว่ากำลังนอนอยู่ใน…โลงเย็น

สิงยื่นมือไปสะกิดพี่ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ เพื่อปลุกให้เขาตื่นมาช่วยคลายความหนาวเย็นเพราะเขาไม่สามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง จากเรี่ยวแรงที่มีอยู่ตอนนี้แค่ออกแรงสะกิดคนเป็นพี่ก็ถือว่ายากมากแล้ว แต่ดูเหมือนว่าชายร่างสูงที่นอนอยู่ข้างกายเขาจะหลับลึกมากเสียจนไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว สิงเห็นแบบนั้นก็เกิดความรู้สึกน้อยใจจนน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาในเบ้าตาดวงน้อยของเขา

“ร้องไปพี่มึงก็ไม่เตินขึ้นมาหรอก” [ร้องให้ไป พี่มึงก็ไม่ตื่นขึ้นมาหรอก] 

เสียงหนึ่งดังขึ้นมาข้างหูของเด็กชาย มันเป็นเสียงที่คุ้นเคย เพราะทุก ๆ คืนเขาจะได้ยินเสียงนี้เรียกเขาให้ไปอยู่ด้วยในความฝันตลอด… แต่ตอนนี้เขาไม่ได้หลับ

ขนทั่วร่างตั้งชันขึ้นมาด้วยหวาดกลัว

สิงออกแรงเขย่าตัวพี่ชายที่พึ่งเดียวของเขาในตอนนี้ โดยพยายามไม่หันไปมองทางด้านหลังที่เป็นต้นตอของเสียงที่ฟังดูน่าสยดสยอง

“รับกู แล้วกูจะไม่ทำไอไหรมึง” [รับกู แล้วกูจะไม่ทำอะไรมึง]

สิงส่ายหน้าอย่างเชื่องช้าตามแรงที่มี ในใจพร่ำนึกถึงคำพูดของพี่ชายที่ห้ามไม่ให้เขาตอบรับคำขอของสิ่งตรงหน้า

‘รับกู!’

“...” เด็กชายไม่กล้าแม่แต่จะเปิดปากตอบ ทำได้เพียงนอนตัวสั่นเทาด้วยความกลัวพร้อมกับน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลอาบใบหน้าขาวซีด

“รับกู!!” เสียงตะคอกดังขึ้นอีกด้วยความโมโห

“...” สิงรีบส่ายหน้ารัวเร็วพลันหลับตาปี๋ด้วยกลัวว่าสิ่งนั้นจะโผล่มาให้เขาเห็นตรงหน้าแทนที่ตะคอกอยู่ข้างหู

“รับกู!!!” เสียงตะคอกแปลเปลี่ยนเป็นเสียงร้องคำรามที่ดังก้องอยู่ในห้องนอนแคบ ๆ ห้องนี้แต่กลับมาเพียงสิงเท่านั้นที่ได้ยินมัน

ร่างกายทุกสัดส่วนของสิงแข็งทื่อจนไม่สามารถขยับได้ตามใจนึก แขนขาเหมือนถูกของหนักกดทับให้อยู่กับที่ทำให้เขาต้องนอนแผ่ราบอยู่บนพื้นราวกับว่าธรณีกำลังจะสูบร่างของเขาลงไป เด็กน้อยส่งเสียงร้องอื้ออึงในลำคอด้วยความกลัว เหงื่อผุดตามไรผมเป็นเม็ด ๆ อย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ร่างกายของเขาจะถูกสัมผัสด้วยอะไรบางอย่างที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง สิ่งนั้นไล่สัมผัสตัวเขาตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนเกือบถึงลำคอ

“พ่อ แม่ ช่วยสิงที” สิงร้องไห้สะอื้นพลางร้องเรียนคนที่จากไปแล้วด้วยหวังว่าพวกเขาสามารถกลับมาจากปรโลกแล้วช่วยเขาให้ปลอดภัยจากสถานการณ์นี้ได้

สัมผัสนั้นคืบคลานเข้ามาใกล้ลำคอของเขาเรื่อย ๆ มันใช้ปลายเล็บ กรีบกราบลงบนแผงอกของเขา สาละวนอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนออกไปราวกับว่ามันหมดความสนใจในตัวเขาแล้ว

เด็กชายถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่จู่ ๆ ลมหายใจของเขาก็ขาดห้วงไปจากการที่ลำคอของเขาถูกฝ่ามือเย็นเฉียบนั้นคว้าหมับเข้าให้ ก่อนที่ในอีกเสี้ยววินาทีต่อมาฝ่ามือนั้นจะออกแรงบีบจนเด็กน้อยต้องลืมตาเบิกโพลงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พร้อมกับการอ้าปากพะงาบ ๆ เพื่อควานหาอากาศหายใจ

ดวงตาสีขาวโพลนจ้องมองร่างเล็กภายใต้เงื้อมมือด้วยแววตาที่ดูไม่มีความอาฆาตแค้นแต่กลับดูเหมือนว่าเขากำลังถูกคนเฒ่าคนขู่ให้กลัวเสียมากกว่า

สิงพยายามโกยอากาศเข้าปอดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้เพื่อยื้อชีวิตตัวเอง โดยที่เขาไม่สามารถดิ้นหรือปลุกให้คนข้าง ๆ ตื่นได้เลย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ต้องช่วยเหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากความเป็นความตาย และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเจ้าของเสียงแหบพร่าที่เขาฝันถึงอยู่ทุกวัน ชายชราผิวคมเข้มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยกำลังมองจ้องเขาในระยะประชิด

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือคนแน่เหรอ?!

ชายชราออกแรงบีบคอเด็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งจนเห็นว่าเหยื่อใต้ร่างค่อย ๆ หมดลมหายใจลงไปทีละเล็กทีละน้อยถึงค่อยแสยะยิ้มออกมา แล้วค่อยคลายแรกบีบที่มือเพื่อปล่อยให้เหยื่อเป็นอิสระ

แค่ก ๆ

สิงไอโขกเขลกสำลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่พลางนอนหอบหายใจจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะถี่รัวใบหน้าที่เคยขาวซีดเริ่มกลับมามีเลือดฝาด

‘รับกู รับกู รับกู’

ชายชราพร่ำพูดคำเดิมซ้ำ ๆ สิงที่เพิ่งตั้งสติได้ไม่นานก็ต้องสติหลุดอีกครั้ง เพราะจู่ ๆ สิ่งนั้นก็ถลาขึ้นมาทาบทับบนลำตัวเขาอีกครั้งราวกับการที่อีกฝ่ายยอมปล่อยเขาเมื่อครู่เป็นเพียงการหยอกล้อเท่านั้น ฝ่ามือเย็นเฉียบกลับมาระรานเขาอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้มันไม่ได้ลูบคลำไปตามร่างกายเหมือนอย่างเคยแต่กลับมุ่งตรงมายังลำคอของเขาโดยไม่มีความลังเล สิงคิดว่ายังไงคราวนี้ก็ไม่รอดแล้วแน่ ๆ เปลืองตาของเขาถึงได้ปิดลงฉับพลันเพื่อปกป้องตัวเองในช่วงสุดท้ายของชีวิต

“โอ๊ยย!!!” สิงร้องระงมด้วยความทรมานเมื่อนิ้วมือที่ควรจะอยู่ที่ลำคอกลับถูกยกขึ้นมากดอยู่บนเปลือกตาของเขาแทน ราวกับว่ามันต้องการควักลูกตาให้หลุกออกไปจากเบ้า

เสียงร้องโอดครวญดังลั่นห้องแต่คนที่นอนอยู่ด้วยกลับไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้สักเสี้ยววินาที สิงยังคงร้องระงมด้วยความเจ็บปวด และดูเหมือนว่ายิ่งเขากรีดร้องเสียงดังมากแค่ไหนแรงกดจากนิ้วมือที่เย็นเฉียบของชายชราจะยิ่งกดแรงมากขึ้นเท่านั้น

“พี่เสือ…” เด็กน้อยไม่อาจทนความเจ็บปวดได้อีก เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายร้องเรียกหาพี่ชายด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินก่อนที่สติของเขาจะหลุดลอยไป

 

ภาพอันน่าเวทนาของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเสือในขณะที่เขาพยายามจะวิ่งพาร่างของน้องชายไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด สิงนอนแน่นิ่งไม่ได้สติเนื้อตัวซีดเซียวราวกับเลือดในกายถูกสูบออกไปจนหมดเปลือกตาที่ปิดสนิทมีร่องรอยของเลือดจำนวนมากที่เกิดจากแผลฉกรรจ์

“หมอ หมอ หมอช่วยน้องผมที!” ทีมแพทย์รีบพุ่งตัวออกมารับร่างเด็กน้อยไปจากอ้อมอกของพี่ชายก่อนจะวางร่างไร้สติไว้บนเตียงคนไข้ จากนั้นบุรุษพยาบาลที่อยู่ตรงหัวเตียงก็รีบเข็นเตียงเข้าไปในห้องฉุกเฉินด้วยความว่องไว เสือและทีมแพทย์คนอื่น ๆ จึงได้วิ่งตามเข้าไปทีหลัง

“เกิดอะไรขึ้นกับเด็กครับ” หมอเอ่ยปากถามเสือที่ยืนอยู่ปลายเตียงในขณะที่เขากำลังก้มลงไปฟังเสียงหัวใจและปอดด้วยสเต็ตโทสโคป

เสือพยายามรวบรวมสติที่มีแล้วรีบเอ่ยปากตอบคำถามของหมอด้วยเสียงตะกุกตะกัก “มะ ม่ายโร้ครับ ผมตื่นมา น้องก่าอยู่พันฮันแล้ว” [ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนที่ผมตื่นมาน้องก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว]

หมอเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความงุนงง “จะเป็นไปได้ยังไงครับ คุณไม่น่าจะหลับลึกถึงขนาดไม่ได้ยินเสียงน้องร้องหรอกนะครับ แผลฉกรรจ์ขนาดนี้”

เสื่อส่ายหน้าอย่างร้อนรน เขาเองก็ไม่รู้จะตอบหมอยังไงในเมื่อเขาเองก็ไม่สามารถหาคำตอบมาตอบตัวเองได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ยินเสียงน้องร้อง ทั้ง ๆ ที่น้องนอนอยู่ข้างเขาแท้ ๆ ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่พี่ชายอย่างเขาทำได้นั้นคือการก่นด่าตัวเองในใจ “ม่ายโร้จริง ๆ หมอ ผมไม่ได้ยินไอไหร่เลย” [ไม่รู้จริง ๆ หมอ ผมไม่ได้ยินอะไรเลย]

หมอหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่เลิกสนใจคำแก้ตัวของญาติคนไข้แล้วก้มลงไปตรวจสิงต่อ เขาหยิบไฟฉายขนาดเท่าปากกาที่เสียบอยู่ตรงกระเป๋าเสื้อขึ้นมาส่องไปยังดวงตาที่ปิดสนิทของสิง รอยเลือดที่เคยไหลออกมายังคงเกรอะกรังอยู่บนผิวรอบดวงตา หมอหนุ่มใช้ปลายนิ้วแตะลงบนเปลือกตาล่างพยายามเปิดมันออกอย่างเบามือเพราะกลัวจะกระเทือนไปถึงบาดแผลที่อยู่ข้างใน

ไม่ใช่แค่หมอหนุ่มที่ตกตะลึงกับภาพตรงหน้ายังมีพยาบาลคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รวมไปถึงเสือที่เป็นพี่ชายก็มีท่าทีไม่ต่างกัน

“มะ หมอ...” เสือพยายามเรียกหมอหนุ่มอย่างตะกุกตะกัก

หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองพยาบาลอาวุโสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เผื่อว่าประสบการณ์ที่เธอมีมากกว่าจะสามารถอธิบายภาพตรงหน้าได้ แต่สีหน้าของเธอก็ไม่ต่างจากหมอเท่าไหร่นักเปลือกตาของเธอเบิกกว้างขึ้น พลางมองสลับกันระหว่างดวงตาของเด็กชายและใบหน้าของหมอหนุ่ม

หมอเห็นว่าพยาบาลอาวุโสเองก็ไม่สามารถช่วยเขาได้แล้ว จึงพยายามเรียกสติกลับมาเพื่อซักประวัติจากญาติคนไข้อีกครั้ง “คุณแน่ใจนะครับ ว่าตื่นมาแล้วคนไข้เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับน้องเค้า”

เสือส่ายหน้าทันควัน “มะ หม้ายมีครับหมอ ก่อนเท่อีนอน ผมก่ากล่อมมันโย้ มันก่ายังปกตินะหมอ” [ไม่มีนะครับหมอ ก่อนน้องจะนอนผมยังกล่อมมันอยู่เลย]

หมอหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งกับคำตอบของเสือ แต่ในเมื่อญาติยังยืนยันคำเดิมหมอจึงต้องทำการรักษาไปตามระเบียบ เขาออกคำสั่งให้พยาบาลพาตัวเสือออกไปนอกห้องฉุกเฉินแล้วจึงค่อยทำการรักษาต่อไป

 

เสือรอฟังข่าวอาการน้องชายอยู่นอกห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวายใจ พอจะนั่งรอก็นั่งได้อย่างไม่เป็นสุขราวกับมีไฟลนก้น พอยืนก็ต้องเดินไปเดินมาราวกับถ้าเขายืนอยู่เฉย ๆ พื้นมันจะถล่มลงไปยังไงยังงั้น เขาเดินวนอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินราวสิบนาที ก่อนจะมีพยาบาลคนนึงเดินออกมาเพื่อขอให้เขาเซ็นเอกสารยินยอมให้แพทย์ทำการผ่าตัดสิง แต่เขาไม่สามารถทำได้เพราะเขายังไม่บรรลุนิติภาวะจะมีก็เพียงแค่ทวดคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเซ็นเอกสารนี้ได้ เสือจึงรีบวิ่งกลับไปที่บ้านทันที เพื่อขอร้องให้ทวดมาเซ็นเอกสารให้แต่เพราะทวดแก่แล้วครั้นจะให้วิ่งไปกลับเหมือนเขาก็คงจะไม่ได้ เสือจึงไปขอหยิบยืมรถมอเตอร์ไซต์จากเพื่อนบ้านแล้วรีบพาทวดมาที่โรงพยาบาล 

ทันทีที่พวกเขามาถึงโรงพยาบาลเสือก็รีบลากให้ทวดมาเซ็นเอกสาร เมื่อพยาบาลได้ลายเซ็นที่เธอต้องการแล้วก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที

“ไอสิงมันเป็นไอไหร่” [ไอสิงมันเป็นอะไร?] ทวดที่เพิ่งจะทะเลาะกับเสือไปเมื่อวานถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวถึงจะยังโกรธหลายชายคนโต แต่ก็ยังเป็นห่วงหลานชายคนเล็กอยู่ไม่น้อย

เสือส่ายหน้า “ม่ายโร” [ไม่รู้] เขาเอ่ยปากตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหล่ลงมาอาบแก้มเนียนด้วยความเป็นห่วงน้องชายที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง

“กูบอกมึงแล้ว ว่าให้มันรับ” ทวดพูดขึ้นมาหลังจากที่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้

เสื้อเงยขึ้นมามองหน้าทวดทันควันด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “พอสักทีตะ! ม่ายโรเรื่องเบล่อไอไหร่!!” [พอสักที! เลิกพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นได้แล้ว] เสือตวาดใส่หน้าทวดอย่างเดือดดาล “ให้ตาย เสือก่าม่ายห้ายมันรับ!” [ให้ตาย เสือก็ไม่ให้มันรับ] พูดจบก็เดินแยกตัวออกไปทันที โดยมีสายตาของเหล่าญาติผู้ป่วยคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่แถวนั้นมองมาด้วยความสงสัย บ้างก็กร่นด่าที่เด็กอย่างเสือไร้มารยาทถึงขั้นตวาดคนแก่ใกล้หมดอายุขัย

 

เป็นเวลาเกือบสามชั่วโมงที่เขารออย่างใจจดใจจ่อจนกระทั่งไฟสัญญาณห้องผ่าตัดดับลง เป็นเหตุให้ใจของเสือเต้นอย่างตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัวผลที่ออกมามันจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคาดหวัง ถึงหมอจะบอกว่าสิงปลอดภัยดีแต่ประโยคถัดมากลับทำให้เขาเข่าทรุดลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นจนตัวโยน ลำบากพยาบาลและหมอต้องพยุงตัวเขาไปปฐมพยาบาล

 

‘คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถรักษาดวงตาของน้องชายคุณเอาไว้ได้’

 

คำพูดของหมอยังคงวนเวียนอยู่ในโสตประสาทของเสือในขณะที่เขานอนร้องไห้อยู่บนเตียงผู้ป่วย มันย้ำเตือนให้เขารู้ว่าเขาไม่สามารถปกป้องหรือดูแลน้องได้ตามคำขอสุดท้ายของพ่อกับแม่

เสือพยายามปลอบโยนน้องชายหลังจากที่เด็กน้อยรู้ตัวแล้วว่าจากนี้ไปเขาจะมองอะไรไม่เห็นอีกต่อไป ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าของเสือเองก็ตาม

 

“เราจะไปจากที่นี่กัน” เป็นคำพูดแรกที่เสือพูดกับน้อง หลังจากที่สิงหลับไปถึงสองวันเต็ม

 

หลังจากอาการของสิงดีขึ้นจนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ เสือก็ทำตามอย่างที่เขาเคยพูดไว้กับน้อง สองคนพี่น้องช่วยกันเก็บของทุกอย่างเท่าที่พวกเขาจะสามารถนำไปได้ แล้วจากไปโดยทิ้งไว้แค่จดหมายฉบับเดียว…