"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

โกลาหลกลสั่งตาย - กลลวงที่ ๒ เด็กในปกครอง โดย เมื่อยามรัตติกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โกลาหลกลสั่งตาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์

รายละเอียด

"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

ผู้แต่ง

เมื่อยามรัตติกาล

เรื่องย่อ

'สิง' เด็กหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ฆาตกรรมพี่ชาย ร่วมสายเลือด 

กับการถูกไล่ล่าจากวิญญาณ 'ผีมโนราห์' ที่ไม่มีที่มาที่ไป 

การเอาชีวิตรอดและการปกป้องแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตที่มืดบอดอย่าง 'อิน' จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ 

ควบคู่ไปกับการตามล่าหาความจริงอันดำมืดที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานหลายปี

#โกลาหลกลสั่งตาย


 WARNING 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง จากจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (บางสถานที่มีจริง) ไม่มีอยู่จริง ผู้เขียนไม่มีเจตนาล่วงละเมิดหรือจงใจให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด หรือ สิงใดก็ตาม 

นอกจากนั้นยังไม่มีเจตนาลบหลู่ บิดเบือนศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น 

อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านพฤติกรรม ความรุนแรง และการใช้ภาษา ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอ่านโดยใช้วิจารณญาณ 

ภายในงานเขียนมีการใช้ภาษาถิ่นใต้และผู้เขียนกังวลเรื่องการผันเสียงในภาษาท้องถิ่น จึงมีการใช้ภาษากลางในการอธิบายร่วมด้วย

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ใครหลงเข้ามาสามารถเปิดใจอ่านได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ สามารถกดออกไปสู่เนื้อหาที่ผู้อ่านต้องการได้เลย :)

 

TRIGGER WARNING

Abuse / Physical Abuse มีการใช้ความรุนแรงกับเหยื่อทางกาย

Abuse Relationship ความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งการทำร้ายด้วยวาจาและการทำร้ายร่างกาย

Blood มีเลือด

Brutality การใช้ความรุนแรง, ทารุณ

Cutting ใช้ของมีคม

Corpse ศพ

Dead การตาย

Depiction of Death มีการบรรยายฉากการตาย

Dirty Talk มีการใช้คำพูดหยาบโลน

Drug Abuse การใช้ยาหรือสารเคมีแบบผิดวิธี

Ghost ภูตผี

Gore เนื้อหามีความโหดร้าย

Hallucinations มีอาการประสาทหลอน

Mental Abuse ใช้ความรุนแรงกดดันจนเกิดบาดแผลทางใจ

Mental Illness มีอาการป่วยทางจิต

Murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย

Sexual Harassment การล่วงละเมิดทางเพศ 

Psychopath โรคจิต ไม่มีความนึกคิดผิดชอบชั่วดีเหมือนคนปกติ

Violence มีการใช้ความรุนแรง 


 

Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61564472022894&amp%3Bref=embed_page

X : https://x.com/Writer_RTKDN

TikTok : https://www.tiktok.com/@writer_rtkdn

 

เงื่อนไขในการติดเหรียญ

ติดเหรียญ 5 เหรียญต่อ 1 ตอน

ตอนที่ 0-6 ฟรี!!! 

อ่านฟรีก่อนติดเหรียญ 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่)

ตอนพิเศษติดถาวร

(ตอนพิเศษ 6 ตอน 1 ตอนมีเฉพาะใน E-book เท่านั้น)

Publish Date

ตอนที่ 1-7 : 11/10/2024 - 16/10/2024

ตอนที่ 8-22 และ ตอนพิเศษ : ลงทุกวันจันทร์ / พุธ / ศุกร์

เปิดเรื่อง : 11/10/2024

ปิดเรื่อง : 0/0/2024

สารบัญ

โกลาหลกลสั่งตาย-- ปฐมบทกลลวง ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑ ข้อแลกเปลี่ยนคือความตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒ เด็กในปกครอง,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๓ ตายศพสวย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๔ บ้านใหม่หลังเดิม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๕ เตือนก่อนตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๖ ลางสังหรณ์,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๗ เครื่องรางมหานิยม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๘ สีผึ้งมหาเสน่ห์

เนื้อหา

กลลวงที่ ๒ เด็กในปกครอง

“คนรักของคุณเสือ”

เมฆแทบจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าปราปในทันที ดวงตาของเขาเบิกโพลงขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ไม่เห็นมีข่าวเลยนิครับ อะไรทำให้สารวัตรคิดแบบนั้นครับ”

“คุณเจต ผู้จัดการส่วนตัวของเสือบอกฉันมาแต่เค้าก็ไม่มั่นใจขนาดนั้น ฉันเลยอยากให้นายไปลองสืบดูหน่อย เห็นรายการที่ฉันไฮไลท์ไว้ไหม?ไปหาข้อมูลมาที ถ้าเป็นไปได้เอาภาพกล้องวงจรปิดมาด้วย แล้วก็ช่วยไปหามาหน่อยว่าหลังจากงานสุดท้ายที่คุณเสือไปออกอีเว้นท์ที่ Mega Mall เขาไปไหน”

“ได้ครับสารวัตร แล้วจะปล่อยสิงไปเลยไหมครับ”

“ยังก่อน ฉันอยากรู้อะไรบางอย่างจากไอเด็กนั้น”

หลังจากใช้งานลูกน้องคนสนิทให้ไปตามสืบเรื่องสำคัญปราปก็ได้รับสายจากสำนักงานตำรวจเรียกตัวให้เขาเข้าไปรายงานคดีที่เขารับผิดชอบอยู่อย่างเร่งด่วน ทั้ง ๆ ที่คดีเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวัน แต่เพราะผู้ตายคือนาย ศรัทธา มณีรัตนา หรือ เสือ นักแสดงชื่อดัง เลยทำให้ข่าวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง การที่เขาถูกเรียกตัวไปแบบนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของเขาสักเท่าไหร่

ปราปรายงานคดีเบื้องต้นให้พวกผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจรับทราบและถูกเร่งให้รายงานความคืบหน้าที่น่าพึงพอใจภายในหนึ่งอาทิตย์ หากไม่ใช่คดีที่ยุ่งยากการจะสืบให้ได้ผลลัพธ์ภายในระยะเวลาที่กำหนดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่ไม่รู้ทำไมปราปถึงมีความรู้สึกว่าคดีนี้มีอะไรมากกว่าที่เขาคิด ในช่วงที่ปราปกำลังเดินทางกลับจากสำนักงานตำรวจในช่วงเย็นจู่ ๆ เขาก็ได้รับสายจากเมฆว่าอินและทีมทนายมาขอผม ทำให้เขาต้องเร่งเดินทางกลับไปที่สน. ในระหว่างทางก็ไม่ลืมที่จะใช้เวลาว่างในขณะติดไฟแดงหาข้อมูลของแขกที่เขาต้องไปพบ

อินทร์ นภาสวัสดิ์นิรันดร์ ดาราหนุ่มมาดเท่เจ้าของฉายา ‘สามีแห่งชาติ’ โด่งดังจากผลงานเรื่องแรกเมื่อสิบห้าปีก่อนจนกระทั่งเขาได้มารับบทคู่จิ้นคู่กับเสือในซีรีส์วายเรื่องแรกของทั้งคู่จนโด่งดังไปทั่วเอเชีย ข้อมูลทั่วไปของอินถูกเผยแพร่บนโลกอินเทอร์เน็ตเหมือนกับดาราคนอื่น ๆ แต่มันกลับทำให้ปราปยกยิ้มมุมปากขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวในขณะที่เขากำลังเลื่อนหน้าจอสมาร์ตโฟนอ่านข้อมูลของอีกฝ่ายจนกระทั่งเลื่อนมาเจอรูปภาพใบหนึ่งเข้า ‘ยิ้มกวนตีนจังวะ’ ปราปบ่นพึมพำในใจ สติของเขาเหมือนถูกรอยยิ้มยียวนนั้นดูดเข้าไปในภวังค์ หากรถคันหลังไม่บีบแตรเรียกรถของนายตำรวจใหญ่คงได้จอดอยู่ตรงนี้จนเช้า

 

“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ พอดีผมติดธุระด่วน” ทันทีที่ขับรถมาถึงสน. ปราปก็รีบเดินเร็วตรงไปยังห้องรับรองที่มีเมฆคอยรับหน้าแขกอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่เขาได้เห็นคนในภาพถ่ายยืนตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าปราปก็แทบจะหุบยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ก้อนเนื้อกลางอกก็ดูเหมือนจะกลับมาเต้นแรงอีกครั้งหลังจากที่มันไม่เต้นแบบนี้กับใครมาเนิ่นนานเต็มที

สมฉายาสามีแห่งชาติ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องคัดค้านเลย ใบหน้าหล่อคมคาย สันกรามแหลมคมขับให้ใบหน้าดูเย้ายวนน่าหลงใหล ดวงตากลมโตหางตาเฉี่ยวให้ความรู้สึกดื้อ แสบ ซน แต่ก็แอบซ่อนความน่ารักเอาไว้ คิ้วหนาเฉียงขึ้นได้รูป จมูกโด่งได้องศาที่พอดี สัดส่วนทองคำบนใบหน้าทุกจุดรับกันได้อย่างสมบูรณ์แบบราวกับเทพสร้าง ขับให้ใบหน้าดูโดดเด่นและน่าดึงดูด บวกกับรูปร่างสูงโปร่งและผิวขาวเหลืองที่เรียบเนียนน่าสัมผัส ปราปไม่รู้จะใช้คำไหนมาบรรยายภาพความสวยงามตรงหน้าได้เลย...งดงามมากจริง ๆ

“ไม่เป็นไรครับ หมวดเมฆแจ้งให้ผมทราบแล้ว ยังไงเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะครับ นี้ทีมทนายของสิง พี่เจตได้แจ้งให้สารวัตรทราบแล้วใช่ไหมครับ” อินพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดทั้ง ๆ ที่เขาว้าวุ่นใจจนอยากจะรีบพุ่งตัวไปหาเด็กน้อยของเขาเต็มทีไม่รู้ป่านนี้ไอเด็กตาขาวนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่ที่รู้ข่าวเรื่องเสือจากเจตเขาก็แทบนั่งไม่ติดพื้น แต่เพราะยังมีภารกิจที่เขาต้องรับผิดชอบทำให้ต้องส่งผู้จัดการมาเป็นด่านหน้าก่อน

“ครับ เดี๋ยวผมจะให้เจ้าหน้าที่พาสิงไปที่ห้องสอบปากคำ คุณอินกับทนายจะได้พูดคุยกับเขา”

อินยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อในที่สุดเขาก็จะได้เจอกับไอเด็กหนุ่มที่เขาอดทนรอมาตั้งแต่เช้า “ขอบคุณครับ”

“ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมขอสอบปากคำคุณอินในฐานะพยานด้วยได้ไหมครับ?”

“แน่นอนครับ ผมเองก็มีเรื่องอยากถามสารวัตรเหมือนกัน แต่ผมขอพบสิงก่อนได้ไหมครับ?”

ปราปพยักหน้าก่อนจะหันไปสั่งให้เมฆพาตัวสิงมาที่ห้องสอบสวน หลังจากเมฆเดินออกไปแล้วเขาถึงได้เชิญให้อินและทีมทนายเดินตามเขามาพบสิงที่ห้องสอบสวน

“คุณอินกับทีมทนายเข้าไปรอสิงในห้องนี้ก่อนนะครับ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกเจ้าหน้าที่ที่อยู่แถวนี้ได้ ผมขอตัวก่อน”

“ขอบคุณครับ” 

อินพูดจบก็ผลักประตูเข้าไปในห้องสอบสวนพร้อมกับทีมทนาย เขารอเจอหน้าเด็กหนุ่มอยู่ไม่ถึงห้านาทีหมวดเมฆก็พาสิงเข้ามาก่อนจะไขกุญแจมือให้แล้วปลีกตัวออกไป อินรีบพุ่งตัวไปดึงร่างของเด็กหนุ่มเข้ามากอดเอาไว้แน่น ราวกับว่าร่างของสิงจะสลายหายไปหากเขาไม่กอดมันเอาไว้ให้แน่น

“พี่อิน” สิงเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงอ่อยพลางยกยิ้มบางแล้วค่อยกอดตอบอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง เพียงแค่ได้กลิ่นประจำตัวของอีกฝ่ายกลิ่นที่เขาคุ้นเคยและคะนึงหาตลอดเวลาก็ดูเหมือนว่าความเครียดที่เขากำลังเผชิญอยู่เบาบางลงไปทันตาเห็น การที่อินปรากฏตัวต่อหน้าเขาเป็นเหมือนการจุดไฟส่องสว่างให้กับชีวิตที่มืดมนของเขาอีกครั้ง

อินกอดเด็กหนุ่มอยู่ครู่นึง ก่อนจะผละน้องออกจากอ้อมแขนแล้วหันไปสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายแทน อินจับสิงหมุนซ้ายหมุนขวาหากพลิกหน้าพลิกหลังได้คงทำไปแล้ว “มึงเป็นอะไรไหม มีใครทำอะไรมึงรึเปล่า?”

“ผมสบายดีครับพี่อิน” 

อินยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปจับใบหน้าขึ้นน้องเอาไว้พลางมองสำรวจด้วยความเป็นห่วง “สบายดีห่าไร ทำไมกูรู้สึกเหมือนมึงซูบลงวะ ตำรวจเค้าไม่ให้มึงแดกข้าวเหรอไอสิง”

“สิงเพิ่งกินไปเมื่อกี้เองครับ หมวดเมฆเค้าซื้อมาให้ผม”

“แล้วมึงอยากได้อะไรอีกไหม เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้”

สิงส่ายหน้าไปพลางยกยิ้มไปพลางราวกับคนเสียสติ “ไม่เป็นไรครับพี่อิน ขอบคุณนะครับ”

อินทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพลางมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความสงสารจับใจ ถึงแม้ปากน้องจะยิ้มแต่เขารู้ดีว่าในใจสิงตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา เขารู้จักสิงมาตั้งแต่น้องยังเด็ก สนิทกันมานานกว่าสิบปีทำไมเขาจะไม่รู้ว่าน้องเป็นคนยังไง เด็กน้อยของเขามักจะเก็บเรื่องราวทุกข์ใจเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มเสมอเพื่อไม่ให้ทุกคนเป็นห่วง และมันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะปกป้องน้องต่อจากเพื่อนสนิท “สิง ต่อจากนี้มึงมาอยู่กับกูนะ กูจะเป็นครอบครัวใหม่ให้มึงเอง”

“พี่อิน” สิงถามเสียงหลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะพิการทางการมองเห็นแต่เขาอายุยี่สิบสามปีแล้ว ตามกฎหมายเขาเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะและสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองหลังจากการสูญเสียพี่ชาย ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่

“กูคุยกับพี่เจตแล้ว และกูก็จะเป็นผู้ปกครองของมึงต่อจากนี้ มึงโอเครึเปล่า?”

“ขอบคุณนะครับพี่อิน”

“เออ!” อินยืนมองหน้าเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในการปกครองของเขาหมาด ๆ ก่อนจะลากน้องมานั่งบนเก้าอี้ เพื่อให้มันได้พูดคุยกับทีมทนาย “นี้ทนายพฤกษ์กับทีม เขาจะเข้ามาดูแลคดีนี้ให้เรา”

สิงยกมือไหว้ทนายวัยกลางคนกับลูกทีมอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตามมารยาท “สวัสดีครับ”

ทนายพฤกษ์รับไหว้เด็กหนุ่ม “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณสิง ถ้างั้นผมขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณสิงได้ให้ข้อมูลอะไรกับทางตำรวจแล้วบ้างครับ”

“เอ่อ...ผมไม่ได้พูดอะไรเลยครับ”

ทนายพฤกษ์เลิกคิ้วขึ้นอย่างอดแปลกใจไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนต่อโลกจะเข้าใจสิทธิ์และวิธีการต่อสู้ทางกฎหมายดีขนาดนี้ การที่สิงไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรกับทางตำรวจก่อนที่จะมีทีมทนายเข้ามาช่วยเหลือเป็นวิธีการต่อสู้ที่ดีเพราะข้อมูลบางอย่างอาจทำให้พวกเขาชนะคดีได้หากสิงถูกตำรวจดำเนินคดีขึ้นมาจริง ๆ “ดีมากครับ ทางตำรวจสามารถกักตัวคุณสิงได้แค่ 48 ชั่วโมง ยังไงผมจะอยู่กับคุณสิงจนกว่าจะหมดเวลากักตัว ถ้ามีการสอบปากคำอีกผมขอให้คุณสิงตอบเฉพาะคำถามที่ตอบได้ ส่วนคำถามไหนที่ไม่สามารถตอบได้ผมจะเป็นคนคุยกับทางตำรวจให้เอง แบบนี้โอเคไหมครับ”

สิงพยักหน้าตอบ “ครับ”

ทนายพฤกษ์และทีมปล่อยให้อินได้มีเวลาส่วนตัวกับสิง หลังจากที่คุยรายละเอียดที่สิงต้องรู้ในขณะที่ถูกกักตัวเสร็จก็พากันเดินออกไปรอข้างนอก ปล่อยให้ผู้ปกครองคนใหม่ได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบจากเด็กหนุ่ม

อินเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ สิงก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบกลุ่มผมนุ่มของคนน้อง “มึงเป็นไงบ้างว่ะสิง”

สิงเงยหน้าขึ้นไประบายยิ้มอ่อนให้คนพี่ดู “ผมไม่เป็นไรครับพี่อิน”

“ไอสิง พี่มึงตาย มึงไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้ากูหรอก อยากร้องก็ร้องออกมาเลย กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงคอยปลอบจนกว่ามึงจะรู้สึกดีขึ้นเอง” อินไม่รอช้ารีบดึงร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาในอ้อมกอดพลางยกมือลูบหลังอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

จากเดิมที่คิดว่าตัวเองสามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่เปล่าเลย เพราะเพียงแค่เขาได้รับการกระทำที่อ่อนโยนจากคนที่แอบรักมาหลายปีความเข้มแข็งที่เขาสู้อุตส่าห์สร้างมาก็พังทลายลงไปในพริบตา น้ำตาที่ถูกกักเก็บมานานก็ไหลพรากออกมาราวกับเขื่อนแตกเสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วห้องมืดสลัว วงแขนถูกกระชับให้แน่นขึ้นเผื่อว่าสัมผัสของคนพี่จะทำให้ความรู้สึกแตกสลายของเขาจะดีขึ้น

อินที่เสียสละเสื้อแบรนด์เนมให้เป็นผ้าเช็ดน้ำตาให้เด็กหนุ่มอย่างไม่รู้สึกเสียดายก็เริ่มมีน้ำตาไหลซึมออกมา เขารีบยกหลังมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตัวเองลวก ๆ ไม่อยากให้สิงรู้ว่าเขาเองก็กำลังอ่อนแอไม่ต่างกัน เพราะในขณะที่สิงสูญเสียพี่ชาย เขาเองก็สูญเสียเพื่อนรักเพียงคนเดียวไปเหมือนกัน แต่อินจำเป็นต้องแสดงความเข้มแข็งออกมาในสถานการณ์ที่อีกคนกำลังอ่อนแอ

อินกอดปลอบน้องอยู่นานกว่าสิงจะสงบลง ท้องนิ้วเรียวยาวถูกยกขึ้นเพื่อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าขาวซีด “กูอยู่ตรงนี้กับมึง มึงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เข้าใจที่กูพูดไหม”

“ครับ”

“หลังจากจบเรื่องนี้ มึงต้องย้ายไปอยู่กับกูที่บ้าน”

“คะ ครับ”

“ดีมาก เดี๋ยวกูไปคุยกับสารวัตรก่อน มึงอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”

“ได้ครับพี่อิน” 

อินปล่อยให้สิงรออยู่ในห้องสอบปากคำโดยมีทนายพฤกษ์และผู้ช่วยคอยอยู่เป็นเพื่อน ก่อนจะเดินไปพบปราปที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขาเพื่อให้อีกฝ่ายสอบปากคำพร้อมกับผู้ช่วยทนายคนนึงในทีม 

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

ปราปละสายตาจากงานตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองแขกผู้มาเยือนผ่านหน้าต่างหน้าห้อง เมื่อเห็นว่าเป็นอินจึงรีบตะโกนออกไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนาน “เชิญครับ”

อินผลักประตูเข้ามาพร้อมกับทนายผู้ช่วย ปราปรีบผายมือให้ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟารับแขก ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมารับรองแขกทั้งสองคน “สิงเป็นยังไงบ้างครับ” ปราปพูดพลางยื่นน้ำเย็นทั้งสองขวดให้แขกทั้งสอง

อินผงกหัวขอบคุณน้ำใจของปราป “ตามสภาพครับ” 

“ปกติแล้วสิงเป็นคนเงียบ ๆ เหรอครับ?” ปราปหันไปถามอิน

“ไม่ขนาดนั้นครับ ถ้าเทียบกับเสือ”

“ถ้างั้นทำไมเวลาผมถามอะไร เขาเอาแต่เงียบละครับ”

“คงยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมั้งครับ พี่ชายตายไปทั้งคน”

ปราปพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจคำอธิบายของอิน แต่เขากลับรู้สึกในใจลึก ๆ ว่าสิงเหมือนจะมีอะไรที่ปิดปังพวกเขาเองไว้ “ถ้าอย่างนั้นผมขอเริ่มการสอบปากคำเลยนะครับ ผมขออนุญาตบันทึกเสียงเอาไว้เพื่อเก็บเป็นหลักฐานนะครับ”

เมื่อเห็นทนายผู้ช่วยพยักหน้ารับอินถึงได้หันไปพยักหน้าตอบรับคำขอของปราป “เชิญครับ”

ปราปทำตามระเบียบหลังจากกดบันทึกเสียงก็เริ่มถามข้อมูลส่วนตัวของอินก่อนจะเริ่มถามคำถามที่เกี่ยวกับคดี “งั้นผมเริ่มเลยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณอินมีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณเสือครับ”

“เสือเป็นเพื่อนสนิทของผมครับ เราเคยเล่นซีรีส์ด้วยกันแล้วก็มีผู้จัดการคนเดียวกันด้วย”

“รู้จักคุณเสือมานานแค่ไหนแล้วครับ?”

“10 ปีได้แล้วครับ”

“วันที่คุณเสือเสียชีวิต คุณอินอยู่ที่ไหนครับ?”

“ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศครับ พี่เจตน่าจะบอกคุณเรื่องนี้แล้ว”

ปราปพยักหน้าตอบ “ปกติคุณเสือเป็นคนยังไงเหรอครับ”

“ไอเสือมันเป็นคนเงียบ ๆ ครับ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ เพื่อนมันก็มีไม่เยอะ แต่มันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก ออกจะซื่อ ๆ เหมือนน้องมันด้วยซ้ำ”

“ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณเสือเป็นยังไงบ้างครับ เคยทะเลาะกันบ้างไหม”

อินยกยิ้มมุมปากกับคำถามของนายตำรวจใหญ่ “มันก็ต้องมีอยู่แล้วครับ รู้จักกันมาตั้งเกือบ 10 ปี พอดีผมเป็นคนกวนตะ... เอ่อ ผมหมายถึงผมไม่ค่อยยอมคนนะครับ”

“เคยลงไม้ลงมือกันบ้างไหมครับ”

“ถ้าไม่นับฉากในซีรีส์ก็…ไม่เคยครับ”

“กับน้องชายเขาละครับ”

“ผมคิดว่าสารวัตรปราปรู้อยู่แล้วซะอีก สอบปากคำพี่เจตไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

ปราปยกยิ้มบาง “ถามแล้วครับ แต่ผมอยากได้คำตอบจากคุณอินเพิ่มเติม”

“ไอเสือมันหวงน้องมันมากครับ ขนาดกับผมมันยังหวงเลย”

“พวกเขาเคยทะเลาะกันบ้างไหมครับ”

“เคยครับ ส่วนใหญ่ก็เรื่องไม่เป็นเรื่อง คนมันรักมากมันก็เลยเป็นห่วงมาก”

คำตอบของทุกคนเป็นไปในทางเดียวกัน ทำให้ปราปค่อนข้างมั่นใจในระดับนึงว่าสิงน่าจะไม่ใช่คนร้ายในคดี แต่มันยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าสิงเป็นพยานปากเอกในคดีนี้ที่เขาจำเป็นจะต้องล้วงความลับที่สิงต้องการจะปกปิดออกมาให้ได้ “ถ้าอย่างนั้น คุณอินเคยเจอแฟนคุณเสือบ้างไหมครับ”

“ไม่เคยครับ ไอเสือมันไม่เคยแนะนำให้ผมรู้จักคนคนนั้นของมันเลย”

“ถ้าอย่างงั้น คุณอินรู้ได้ยังไงครับว่าคุณเสือมีแฟน”

“ไม่เห็นยากเลยครับ ไอเสือมันติดโทรศัพท์จนแทบจะฝังลงไปในร่างกายอยู่แล้ว แถมยังหวงโทรศัพท์ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้อีก ถ้าคนสนิทแบบผมไม่รู้ก็โง่เต็มทีแล้วครับ”

“ปกติแล้วดาราจำเป็นจะต้องเก็บเรื่องพวกนี้ไว้เป็นความลับเหรอครับ?”

“ไม่จำเป็นหรอกครับ สมัยนี้ไม่มีใครเขาสนใจกันแล้ว แต่ไอเสือมันเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงมันคงไม่อยากให้ใครไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของมัน”

“แล้วช่วงนี้คุณเสือมีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมบ้างไหมครับ”

อินกลอกตาไปมาพลางนั่งนึกตามคำถามของนายตำรวจใหญ่ “เท่าที่นึกออกก็...ไม่มีนะครับ ทุกอย่างก็ดูปกติดี แต่ถ้าเป็นช่วงเมื่อต้นปีก็ไม่แน่ ช่วงนั้นมันค่อนข้าง...จะให้พูดยังไงดี ไอเสือมันเหมือนคนอกหักนะครับ แต่ไม่นานมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม อาจจะทะเลาะกับแฟนแล้วเคลียร์กันได้มั้งครับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณเสือพอจะรู้ไหมครับว่าคุณเสือเช่าคอนโดแถบชานเมืองเอาไว้ทำไม”

ดวงตาของอินเบิกโพลงขึ้นพลางเลิกคิ้วถามปราปด้วยความงุนงง “หือ?! ไอเสือมันทำแบบนั้นด้วยเหรอครับ”

“คุณเสือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคอนโดนั้นทุกเดือนครับ ตอนนี้ผมกำลังให้ลูกน้องไปสืบเรื่องนี้อยู่ ยังไงถ้ามีความคืบหน้าในคดีผมจะแจ้งให้ทราบนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

 

หลังจากสอบปากคำพยานเสร็จอินก็ขอตัวกลับไปอยู่เป็นเพื่อนสิง ปราปเห็นว่าอินสนิทกับสิงและเขาอาจจะช่วยทำให้เด็กหนุ่มยอมบอกข้อมูลที่เขารู้ออกมาจึงยอมปล่อยให้อินอยู่กับสิงนานเกือบชั่วโมง ส่วนเขาเองก็ไปนั่งฟังสองคนพี่น้องพูดคุยกันที่ห้องสังเกตการณ์ที่อยู่ติดกัน

“สองคนนั้นเค้าดูสนิทกันมากเลยนะครับ” เมฆที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง

ปราปคิ้วกระตุกในขณะที่มุมปากข้างนึงถูกยกขึ้นโดยที่เขาไม่ละสายตาไปจากภาพตรงหน้า “ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น” ปราปกัดฟันพูดในขณะที่เขารู้สึกตงิดใจอะไรบางอย่างกับรอยยิ้มของเด็กหนุ่มต้องสงสัย

“แล้วสารวัตรจะเข้าไปสอบปากคำสิงอีกไหมครับ”

“รอให้เค้าคุยให้เสร็จก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูไปโทรหาไอรามก่อน มึงจับตาดูเอาไว้” ปราปพูดจบก็เดินออกไปนอกห้องพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิท

[มึงคิดถึงกูขนาดห่างกันไม่ได้เลยเหรอ]

“หึ กวนตีน!”

[แล้วโทรมามีไร อย่าบอกนะว่ามีของอีกอะ กูไม่ผ่าให้มึงแล้วนะ แค่นี้กูก็ไม่ได้นอนละ]

“ไม่มีใครตายหรอกไอห่า กูแค่จะโทรมาถามข้อมูลอะไรนิดหน่อย”

[ว่า?]

“คนตาบอดแม่งหูดีเหรอวะ?”

[ก็เป็นไปได้ มึงลองปิดตาดูดิ ประสาทสัมผัสด้านอื่น ๆ มึงจะดีขึ้น แต่มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลวะ บางคนก็ไม่ได้มีความพิการแค่อย่างเดียว ทำไมไอเด็กสิงมันหูดีเหรอวะ?]

“แล้วคนพิการแบบไอเด็กสิงสามารถทำอาหารได้ไหมวะ?”

[เอาจริง ๆ ก็ทำได้ แต่ไม่ควรเพราะมันอันตราย]

“แล้วจำเป็นไหมวะที่คนตาบอดต้องใช้ไม้เท้า”

[ถ้าเป็นที่ที่เค้าคุ้นเคยจะไม่ใช้ก็ไม่แปลก แต่ข้างนอกกูคิดว่าจำเป็นนะ]

“แล้วคนเรามันจะหูดีประสาทสัมผัสดีจนแยกแยะสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวได้เลยเหรอวะ”

[คือยังไง ไอสิงมันสามารถเพิ่มลดแก๊สได้ผ่านการฟังเสียงเหรอ]

“กูไม่รู้ แต่คนใกล้ชิดมันบอกว่าไอสิงทำอาหารได้ แถมเดินเหินได้เหมือนคนตาดี มันจะเป็นไปได้เหรอวะ”

[ตอบยาก มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แค่ยากหน่อยเท่านั้นเอง]

“เออ ขอบใจ ไอเมฆเอาฉี่ไอสิงไปให้มึงแล้วใช้ไหม”

[อือ เอามาแล้วอยู่ในแลป รอก่อน]

“โอเค งั้นไว้เจอกัน กูไปสอบปากคำไอสิงก่อน”

 

ปราปไม่ได้ข้อมูลที่แน่ชัดจากการโทรสอบถามเพื่อนสนิทแต่เป็นอะไรที่เข้าใจได้เพราะการจะให้บอกข้อมูลที่แน่ชัด รามก็คงต้องทำการทดลองกับสิงโดยตรง แต่สำหรับสามัญสำนึกของเขาแล้วยังไงก็คิดว่ามันแปลก คนตาบอดสามารถเดินเหินไปไหนมาไหนโดยไม่ได้ใช้ไม้ค้ำแถมยังทำอาหารได้อร่อย หากสิงไม่ได้โกหกเรื่องที่เขาตาบอดไอเด็กนั้นก็คงเป็นยอดมนุษย์

นายตำรวจใหญ่รอให้สองพี่น้องพูดคุยกันจนพอใจ ก่อนจะขอเข้าไปสอบปากคำสิงเพิ่มเติมในช่วงดึกโดยมีทนายพฤกษ์และทีมอยู่กับสิงด้วย ส่วนอินแยกตัวออกไปรอที่ห้องรับรองตามที่ปราปจัดแจงให้ราวเป็นแขกวีไอพี แต่ไม่นับเป็นการเลือกปฏิบัติเพราะปราปมักจะรับรองผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีแบบนี้ทุกครั้ง

ปราปเข้าไปนั่งลงตรงที่ประจำ เขานั่งมองหน้าเด็กหนุ่มนัยน์ตาขาวอยู่ครู่นึงก่อนจะเริ่มสอบปากคำเพิ่มเติม “คราวนี้ผมหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากคุณนะคุณสิง”

“...”

“คุณบอกว่าคุณกลับถึงบ้านช่วงหกโมงเย็น แล้วคุณได้เจอพี่ชายก่อนเข้านอนรึเปล่า”

“เจอครับ”

ปราปถอนหายใจเมื่อเด็กหนุ่มยอมเปิดปาก นั้นแสดงว่าอินมีผลอย่างมากต่อจิตใจของสิง “พอจะจำได้ไหมว่าเจอคุณเสือช่วงกี่โมง”

“ประมาณสี่ทุ่มครับ พี่เสือเพิ่งกลับมาถึงบ้านพอดี”

คำให้การของสิงยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงจากภาพกล้องวงจรปิดที่เขาได้มาจากทีมสืบสวน “แล้วคุณได้คุยอะไรกับคุณเสือไหม?”

สิงเงียบไปอีกครั้งพลางก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยสีหน้าหม่นหมอง “...”

“สิง?” ปราปถามย้ำ

“ผมทักทายพี่เสือก่อนขึ้นไปนอนครับ” นายตำรวจหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังโกหกเขา สิงกับเสือเป็นพี่น้องที่เหมือนกันตามคำให้การของอินที่บอกว่าเสือโกหกไม่เก่ง สิงเองก็เช่นกัน

“แล้วช่วงที่คุณนอนหลับ คุณไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเหรอ?”

สิงถอนหายใจเล็กน้อยพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “...”

“คุณรู้เรื่องคนรักของคุณเสือบ้างรึเปล่า?”

สิงเงยหน้าขึ้นมาทันควันพลางใช้ดวงตามืดบอดมองตรงไปยังทิศทางที่คิดว่าปราปนั่งอยู่ คิ้วสวยได้รูปมุ่นเข้าหากันในขณะที่กำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายในหัว “พี่เสือไม่เคยบอกผมเรื่องนั้นครับ”

“พวกนายเป็นพี่น้องที่สนิทกันไม่ใช้เหรอ ทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้”

“พี่เสือไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ครับ ผมเองก็ไม่อยากถามถ้าพี่เสือไม่อยากพูด”

“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าคุณรู้เหรอว่าคุณเสือมีแฟน”

“ก็ไม่เชิงครับ ผมแค่เดาเอาเพราะพี่เสือมักจะพาผมไปฝากไว้กับพี่อินถ้าพี่เค้าติดธุระต้องไปค้างอ้างแรมที่อื่น”

“คุณเสือเค้าอาจจะไปทำงานก็ได้ อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณเสือไปค้างอ้างแรมกับคนรักละ”

“ผมรู้ตารางงานของพี่เสือครับ และรู้ว่าพี่เสือไม่มีงานในช่วงนั้น”

“คุณเลยคิดว่าคุณเสืออยู่กับคนรัก”

สิงพยักหน้าตอบ “แค่การคาดเดาครับ”

“นอกจากคนใกล้ชิด มีใครเข้าออกบ้านคุณอีกไหม”

“...” เมื่อไหร่ก็ตามที่ปราปถามคำถามที่สิงรู้แต่ไม่สามารถตอบได้ เด็กหนุ่มมักจะนั่งเงียบไม่ก็พูดบ่ายเบี่ยงจนเขาสามารถจับได้ว่าเด็กหนุ่มต้องรู้อะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล แต่ดูเหมือนว่าสิงเองก็ไม่มั่นใจว่าข้อมูลที่เขารู้เป็นเรื่องจริงหรือไม่

“คุณอยู่กับคุณเสือเกือบจะตลอดเวลา พี่ชายของคุณมีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมบ้างไหม”

“…” ปราปรู้แน่ชัดแล้วว่าเสือมีอะไรผิดแปลกไปจากปกติจากพฤติกรรมของเด็กหนุ่มที่แม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างคุณอินยังไม่รู้ แต่เขาจะทำยังไงให้สิงยอมเปิดปากพูด

“คุณเคยมีปากเสียงกับพี่ชายคุณบ้างไหม แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร”

“…”

ปราปถอนหายใจยาว “ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรแต่คุณควรรู้ไว้นะคุณสิง ว่าตอนนี้คุณเป็นผู้ต้องสงสัยและผมกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณไม่ได้ฆ่าพี่ชายตัวเอง คุณควรจะให้ข้อมูลกับผมเพราะในคดีนี้คนที่อยากเรียกร้องความยุติธรรมให้คุณเสือมากที่สุดนั้นก็คือคุณ”

น้ำตาหยดเล็ก ๆ หยดนึงไหลออกมาอาบใบหน้าขาวซีด ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาหลังจากที่เขาได้ฟังคำตำหนิติเตียนจากนายตำรวจใหญ่เจ้าของคดี เด็กหนุ่มที่เพิ่งสูญเสียคนในครอบครัวคนสุดท้ายในชีวิตไปกำลังสับสน เขารู้ดีว่าข้อมูลที่เขารู้สามารถช่วยให้ปราปไขคดีนี้ได้แต่เด็กหนุ่มแค่ไม่มั่นใจว่าพูดออกไปแล้วจะมีใครเชื่อคำพูดเขารึเปล่า หรืออาจจะมองว่าเขาเสียสติก็เป็นได้...

 

‘มีคนตาย มีคนตาย มีคนตาย’ 

 

สิงหันขวับไปหาเสียงแหบพร่าที่ดังก้องอยู่ข้างหู เสียงที่เขาคุ้นเคยเสียงที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก คำที่สิงได้ยินทำให้เด็กหนุ่มทำสีหน้าเครียด ใบหน้าซีดเผือดไร้เลือดฝาด เนื้อตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว พอตั้งสติได้ก็รีบควานหาความช่วยเหลือจากคนตรงหน้า มือทั้งสองข้างคว้าหมับเข้ากับมือข้างหนึ่งของปราปพลางพูดร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงลนลาน “จะมีคนตายครับ! มีคนตายอีก สารวัตร ช่วยด้วยครับ! ช่วยที!”

ปราปผงะไปเล็กน้อยที่จู่ ๆ ท่าทีของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปราวกับถูกผีเข้า แต่ก็พยายามรับฟังในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด “หมายความว่ายังไง ใครจะตาย คุณพูดให้มันรู้เรื่องหน่อยได้ไหมคุณสิง”

สิงเขย่าแขนปราปด้วยท่าทางร้อนรน พลางส่ายหน้ารัวอย่างคนตื่นกลัว “จะมีคนตายอีกครับ พี่เสือไม่ใช้เหยื่อคนสุดท้าย มันจะลงมือฆ่าคนอีก”

ปราปพยายามดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุม ก่อนจะใช้มือตัวเองสัมผัสร่างกายของเด็กหนุ่มเพื่อให้เขาใจเย็นลง “สิงใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูด ใครจะฆ่าใครแล้วใครจะตาย”

สิงพยายามกำหนดลมหายใจเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง พลางพูดอธิบายให้อีกฝ่ายฟังด้วยข้อมูลที่เขาสามารถบอกได้ “ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่วันนี้มันจะลงมือฆ่าคนอีกครั้ง พี่เสือไม่ใช้เหยื่อคนสุดท้ายของมันครับ สารวัตรต้องหาเธอให้เจอก่อนที่มันจะลงมือฆ่าอีกครั้ง”

“เธอ?ผู้หญิงเหรอ?”

“ครับ!”

“แล้วคุณรู้ได้ไง? ใครบอกคุณ?”

“เรื่องนั้น... ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่จะมีคนตายจริง ๆ นะครับ”

ปราปถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วตั้งแต่ได้พูดคุยกับคนตรงหน้า “สิง! ตั้งสติหน่อย! ถ้าคุณไม่บอกผมแล้วผมจะไปช่วยเธอได้ยังไง”

“แต่...” สิงอ้ำอึ้ง ทำท่าทีลังเลเพราะไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดมาอธิบายให้ปราปเข้าใจได้ยังไงว่าเขาสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้ หากจะพูดออกไปตรง ๆ ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อและหาว่าเขาบ้า ขนาดเสือที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ยังไม่เชื่อและสั่งห้ามไม่ให้เขาพูดถึงเรื่องนี้อีก ดังนั้นแม้กระทั่งกับอินเขาก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายรับรู้ 

ปราปพยายามกดข่มอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ภายในใจ แล้วพยายามพูดกับสิงอย่างใจเย็น “ถ้าคุณอยากให้ผมช่วย งั้นคุณพอจะบอกผมได้ไหมว่าเธอคือใคร?”

สิงส่ายหน้าทันควัน “ผมไม่รู้จักชื่อของเธอครับ”

“สิง ถ้าคุณไม่รู้แล้วผมจะช่วยยังไง?!”

“แต่ผมรู้ครับว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน”

“งั้นที่ไหนละ บอกมาซิ”

“...”

 

“หึ มันตายแน่ มึงช่วยมันไม่ได้หรอก”

“มันเลือกเอง มันต้องจ่าย มันต้องตาย” 

 

สิงแทบนั่งไม่ติดเมื่อได้ยินคำพูดของสิ่งที่พยายามสื่อสารกับเขา “ให้ผมนำทางไปแทนได้ไหมครับ?”

“สิง คุณกำลังถูกกักตัวในฐานะผู้ต้องสงสัยอยู่นะ จะให้ผมปล่อยคุณไปได้ยังไง!” ปราปพูดเสียงแข็งเจือความโมโห เพราะความอดทนของเขาก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน โดยปกติแล้วเขาก็ไม่ใช้คนใจเย็นขนาดนี้ แต่ที่พยายามทำอยู่ก็เพื่อให้คดีมีความคืบหน้า อีกใจนึงก็แอบสงสารเด็กหนุ่มพิการที่เพิ่งสูญเสียพี่ชายไป แต่ดูเหมือนไอเด็กนี้กำลังทดสอบความอดทนของเขาอยู่

“สารวัตรครับ! ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่กำลังจะมีคนตายจริง ๆ นะครับ ผมขอร้องละ ปล่อยผมแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้”

“นี้คุณสิง! ผมเริ่มจะหมดความอดทนกับคุณแล้วนะ ใครจะตาย แล้วตายที่ไหน แล้วคุณรู้ได้ยังไง”

“ผม…ผม…”

“ผมว่าคุณคงเหนื่อย พักผ่อนไปก่อนก็แล้วกันครับ” ความอดทนของปราปถึงจุดสิ้นสุดแล้วและนี้คือความปรานีสุดท้ายที่เขาสามารถมอบให้เด็กหนุ่ม ปราปเก็บแฟ้มเอกสารในมือก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องสอบปากคำเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

สิงมองหลังปราปที่กำลังเดินออกไปจากห้องสอบปากคำตาละห้อย เขารู้สึกสิ้นหวังที่จะช่วยให้ผู้บริสุทธิ์คนนึงรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช ในใจรู้สึกห่อเหี่ยวไปพร้อม ๆ กับการฟังเสียงหัวเราะที่ดังระงมไปทั่วห้องแต่กลับไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวเขาเอง

“ใครจะตายเหรอครับคุณสิง” ทนายพฤกษ์ถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบอย่างอดสงสัยไม่ได้

สิงยังคงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่ยอมพูดอธิบายอะไร “ผมขอคุยกับพี่อินได้ไหมครับ”

“เอ่อ... ได้ครับ เดี๋ยวผมไปตามให้นะครับ” ทนายพฤกษ์ตอบรับคำขอของเด็กหนุ่มก่อนจะเรียกให้ทนายผู้ช่วยทั้งสองคงออกไปกับเขา เพราะอนุมานได้ว่าสิงน่าจะต้องการเวลาส่วนตัวในการพูดคุยกับอิน

ทนายพฤกษ์เดินไปตามอินที่ห้องรับรอง อินที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินไปหาคนน้องอย่างร้อนรน ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าคนน้องจะได้รับความกดดันในขณะที่สอบปากคำ

“สิง มึงเป็นอะไรรึเปล่า?”

สิงใช้มือควานหาสัมผัสของพี่ชายคนสนิทด้วยท่าทางลนลาน ราวกับว่าอินเป็นความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ของเขา อินเห็นท่าทางของน้องก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาพลางยื่นมือไปกุมมือของน้องเอาไว้ “จะมีคนตายอีก พี่อินช่วงพาสิงออกไปจากที่นี่ได้ไหมครับ”

อินผงะไปเล็กน้อยไม่คิดว่าสิงจะร้องขอเขาแบบนี้ เพราะปกติแล้วสิงมันจะเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย การที่สิงจะต้องถูกกักตัวอยู่ที่นี่เป็นเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงเป็นเรื่องที่เขารับรู้อยู่แล้ว แต่การที่น้องร้องขอเขาแบบนี้แสดงว่าสิงต้องมีเรื่องอะไรในใจทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากอยู่ที่นี่

“กูไม่มั่นใจเลยวะว่าจะพามึงออกไปก่อนเวลาได้ไหม มึงมีอะไรรึเปล่า”

“จะมีคนตายอีกครับพี่อิน”

“ห๊ะ?! ใครจะตายวะ”

“ผมเองก็ไม่รู้ครับ แต่เค้าจะฆ่าคนอีก”

อินแทบจะไปไม่เป็นเมื่อเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่สิงพูดเลยสักคำแต่ก็พยายามหาทางช่วยเท่าที่เขาจะทำได้ “เอาเป็นว่ากูขอไปถามทนายพฤกษ์ก่อน มึงรอกูแป๊ปนึงนะ” อินพูดจบก็ปลีกตัวออกไปคุยกับทนายพฤกษ์ที่รออยู่นอกห้อง ปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งรออย่างกระวนกระวายใจอยู่ในห้องคนเดียว

ทนายพฤกษ์พยายามหาทางพาตัวสิงออกไปก่อนเวลาแต่เหมือนเขาจะมืดแปดด้าน เพราะไม่ว่ายังไงสุดท้ายแล้วคนที่จะอนุมัติได้คือสารวัตรปราปเท่านั้น อินได้ยินแบบนั้นก็ไม่รีรอรีบขึ้นไปขอพบปราปที่ห้องทำงานส่วนตัว แต่สุดท้ายดาราหนุ่มก็ต้องเป็นฝ่ายถอยทัพไปเองเพราะสิ่งที่สารวัตรหนุ่มพยายามอธิบายเป็นอะไรที่ฟังขึ้น ไม่ใช้แค่ปราปที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่สิงพูดตัวเขาเองก็ไม่แตกต่างกัน

อินเดินคอตกกลับมาที่ห้องสอบปากคำก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้าง ๆ คนน้อง “กูขอโทษวะ กูพยายามขอสารวัตรปราปให้มึงแล้ว แต่เขาไม่อนุมัติ”

สิงนั่งคอตกอย่างจำยอมไม่สามารถอ้อนวอนอะไรได้อีก “ไม่เป็นไรครับพี่อิน ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะครับ”

“เห้ย! อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นดิวะ พรุ่งนี้มึงก็ได้ออกไปแล้ว” อินยื่นแขนไปโอบไหล่น้องพลางลูบเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเด็กหนุ่ม

“พรุ่งนี้ก็ช่วยไม่ทันแล้วครับ”

“ช่วยใครวะ?”

“…” สิงนั่งคอตกไม่ยอมเอ่ยปากตอบคำถามของเขา อินเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะเพิ่มความกดดันให้คนน้องเพิ่มอีก จึงเลือกที่จะปล่อยเรื่องนั้นไปแล้วหาเรื่องอื่นคุยกับสิงแทน

“มึงหิวไหมวะ”

“ไม่หิวครับ”

อินยื่นมือไปจับไหล่ทั้งสองข้างของน้อง ก่อนจะออกแรงพลิกให้คนน้องนั่งหันหน้าเขาหาตัวเองเพื่อพูดคุยเรื่องจริงจัง “มึงโอเคจริง ๆ รึเปล่าที่ต้องย้ายไปอยู่กับกู ถ้ามึงอึดอัดมึงบอกกูตรง ๆ ได้เลยนะ” 

สิงพยายามลืมเรื่องที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือคนคนนั้นได้ ก่อนจะหันมาสนใจคนตรงหน้า “ทำไมพี่อินคิดแบบนั้นละครับ สิงไม่ได้อึดอัดที่จะย้ายไปอยู่กับพี่อินสักหน่อย ออกจะดีใจซะด้วยซ้ำ”

อินยิ้มหน้าบานเมื่อได้ยินความในใจของเด็กหนุ่ม ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถบังคับให้น้องไปอยู่กับเขาได้เพราะเชื่อว่าน้องไม่กล้าขัดคำสั่ง แต่อินไม่อยากทำแบบนั้นกับคนที่เขาคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว “จริงเหรอมึง?!”

“ครับ แต่ผมแอบเกรงใจ ที่พี่อินต้องมาดูแลผม มันเหมือนผมเป็นภาระของทุกคน”

อินแทบจะหุบยิ้มในทันที ก่อนจะง้างมือออกแรงฟาดไหล่ของคนน้องไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ “ไอสิง! ใครสั่งใครสอนให้มึงคิดแบบนี้ แล้วกูพูดรึยังว่ามึงเป็นตัวภาระห๊ะ! ไอเด็กเวรนี้!” ลงมือตีน้องไม่พอยังพูดไปหยิกไหล่สิงไปจนเด็กหนุ่มต้องรีบเบี่ยงตัวหลบ

“โอ๊ย! พี่อิน! เจ็บครับ”

“เจ็บซิจะได้จำ! คราวหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะ แล้วก็จำไว้ด้วยว่ากูไม่เคยเห็นมึงเป็นภาระแล้วกูก็เต็มใจดูแลมึง อย่าพูดแบบนี้ให้กูได้ยินอีกนะ ไม่งั้นมึงจะโดนหนักกว่านี้ เข้าใจไหม?!”

“ค้าบบ” สิงพูดเสียงยานคาง พลางทำหน้ามุ่ยที่ถูกคนพี่ดุ

อินกลอกตามองบนพลางส่ายหน้าระอากับนิสัยขี้เกรงใจของเด็กหนุ่ม ทั้ง ๆ ที่บ้านของเขาแทบจะเป็นบ้านอีกหลังของมัน ช่วงไหนที่เสือไม่ว่างเขามักจะรับดูแลมันแทนเสมอแต่พอจะย้ายมาอยู่ด้วยกันถาวรมันกลับเกรงใจเขาซะได้ “แล้วที่มึงบอกว่าจะมีคนตายอีก มึงรู้ได้ไงวะ?”

“ผมไม่รู้จะอธิบายให้พี่อินเข้าใจยังไง แต่พี่เสือไม่ใช้เหยื่อคนสุดท้ายของมันครับ คืนนี้มันจะลงมือฆ่าคนอีก”

ดวงตาของอินเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจที่ได้รู้ว่าเพื่อนสนิทถูกฆ่าตาย “มึงหมายความว่ายังไง ไอเสือถูกคนฆ่าตายเหรอ?!” 

“คะ ครับ”

“แล้วมึงรู้ได้ยังไง หรือมึงเห็นตอนที่ไอเสือโดนฆ่า?!”

“ผมไม่เห็นครับ แต่...”

“แต่อะไร?!”

“พี่เสือเป็นคนเลือกเองครับ พี่เค้ารู้อยู่แล้วว่าจุดจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไง แต่ก็ยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”

“เรื่องอะไรสิง มึงพูดให้มันเข้าใจง่าย ๆ หน่อยได้ไหมวะ?!”

“วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย”