"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

โกลาหลกลสั่งตาย - กลลวงที่ ๕ เตือนก่อนตาย โดย เมื่อยามรัตติกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โกลาหลกลสั่งตาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์

รายละเอียด

โกลาหลกลสั่งตาย โดย เมื่อยามรัตติกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

ผู้แต่ง

เมื่อยามรัตติกาล

เรื่องย่อ

'สิง' เด็กหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ฆาตกรรมพี่ชาย ร่วมสายเลือด 

กับการถูกไล่ล่าจากวิญญาณ 'ผีมโนราห์' ที่ไม่มีที่มาที่ไป 

การเอาชีวิตรอดและการปกป้องแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตที่มืดบอดอย่าง 'อิน' จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ 

ควบคู่ไปกับการตามล่าหาความจริงอันดำมืดที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานหลายปี

#โกลาหลกลสั่งตาย


 WARNING 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง จากจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (บางสถานที่มีจริง) ไม่มีอยู่จริง ผู้เขียนไม่มีเจตนาล่วงละเมิดหรือจงใจให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด หรือ สิงใดก็ตาม 

นอกจากนั้นยังไม่มีเจตนาลบหลู่ บิดเบือนศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น 

อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านพฤติกรรม ความรุนแรง และการใช้ภาษา ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอ่านโดยใช้วิจารณญาณ 

ภายในงานเขียนมีการใช้ภาษาถิ่นใต้และผู้เขียนกังวลเรื่องการผันเสียงในภาษาท้องถิ่น จึงมีการใช้ภาษากลางในการอธิบายร่วมด้วย

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ใครหลงเข้ามาสามารถเปิดใจอ่านได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ สามารถกดออกไปสู่เนื้อหาที่ผู้อ่านต้องการได้เลย :)

 

TRIGGER WARNING

Abuse / Physical Abuse มีการใช้ความรุนแรงกับเหยื่อทางกาย

Abuse Relationship ความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งการทำร้ายด้วยวาจาและการทำร้ายร่างกาย

Blood มีเลือด

Brutality การใช้ความรุนแรง, ทารุณ

Cutting ใช้ของมีคม

Corpse ศพ

Dead การตาย

Depiction of Death มีการบรรยายฉากการตาย

Dirty Talk มีการใช้คำพูดหยาบโลน

Drug Abuse การใช้ยาหรือสารเคมีแบบผิดวิธี

Ghost ภูตผี

Gore เนื้อหามีความโหดร้าย

Hallucinations มีอาการประสาทหลอน

Mental Abuse ใช้ความรุนแรงกดดันจนเกิดบาดแผลทางใจ

Mental Illness มีอาการป่วยทางจิต

Murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย

Sexual Harassment การล่วงละเมิดทางเพศ 

Psychopath โรคจิต ไม่มีความนึกคิดผิดชอบชั่วดีเหมือนคนปกติ

Violence มีการใช้ความรุนแรง 


 

Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61564472022894&amp%3Bref=embed_page

X : https://x.com/Writer_RTKDN

TikTok : https://www.tiktok.com/@writer_rtkdn

 

เงื่อนไขในการติดเหรียญ

ติดเหรียญ 5 เหรียญต่อ 1 ตอน

ตอนที่ 0-6 ฟรี!!! 

อ่านฟรีก่อนติดเหรียญ 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่)

ตอนพิเศษติดถาวร

(ตอนพิเศษ 6 ตอน 1 ตอนมีเฉพาะใน E-book เท่านั้น)

Publish Date

ตอนที่ 1-7 : 11/10/2024 - 16/10/2024

ตอนที่ 8-22 และ ตอนพิเศษ : ลงทุกวันจันทร์ / พุธ / ศุกร์

เปิดเรื่อง : 11/10/2024

ปิดเรื่อง : 0/0/2024

สารบัญ

โกลาหลกลสั่งตาย-- ปฐมบทกลลวง ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑ ข้อแลกเปลี่ยนคือความตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒ เด็กในปกครอง,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๓ ตายศพสวย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๔ บ้านใหม่หลังเดิม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๕ เตือนก่อนตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๖ ลางสังหรณ์,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๗ เครื่องรางมหานิยม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๘ สีผึ้งมหาเสน่ห์,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๙ ตุ๊กตาคุณไสย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑o สมบัติตกทอด,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๑ นอกอาณาเขต,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๒ จองเวรจองกรรม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๓ ตัวตายตัวแทน,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๔ ฆาตกรรมต่อเนื่อง,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๕ ผู้สมรู้ร่วมคิด,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๖ กลับบ้านเรา …รออยู่,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๗ โนราโรงครู,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๘ ครูหมอโนรา,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๙ ความอัปยศ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๐ แก้(ไข)แค้น,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๑ อดีตที่ควรฝังกลบ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๒ ตำแหน่งไหนก็เหมือนกัน

เนื้อหา

กลลวงที่ ๕ เตือนก่อนตาย

กลิ่นแปลก ๆ ลอยเข้ามาแตะจมูกของสิงตั้งแต่เท้ายังแตะพื้นบ้าน ยิ่งเดินเข้าใกล้ตัวบ้านมากแค่ไหนก็ยิ่งได้กลิ่นฉุนมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากกลิ่นอับแล้วยังมีกลิ่นนึงที่ผสมปนเปเข้ามาด้วยและมันเป็นกลิ่นที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกขนลุกซู่ ความหวาดกลัวแล่นผ่านขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหนังศีรษะ กลิ่นสาบคาวเลือดและกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายกลิ่นซากศพและมันเป็นกลิ่นของเธอคนนั้นที่เขาเห็นในความฝัน

ชายหนุ่มร่างบางที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมเชิญสิงเข้าบ้านโดยให้เขารออยู่ที่โซฟารับแขกส่วนตัวเอกก็แยกขึ้นไปตามคนที่สิงต้องการเจอตัวบนชั้นสองของบ้าน สิงนั่งรออย่างใจจดใจจ่ออีกใจก็หวาดกลัวว่าการที่เขามาที่นี่จะทำให้เธอคนนั้นโกรธ แต่การจะปล่อยให้คนคนนึงตายไปโดยไม่ช่วยอะไรก็ไม่ใช้วิสัยของเขา

“หึ”

เสียงเล็กแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆ ลอยเข้ามาในโสตประสาทของสิง เด็กหนุ่มรีบเงี่ยหูฟังเพื่อตามหาต้นตอของเสียงและดูเหมือนมันจะมาจากบนชั้นสอง ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ อีกสองเสียงดังมาจากบนชั้นสองค่อย ๆ เดินลงบันไดมาทีละขั้น ฝีเท้าที่เบากว่าเป็นของชายหนุ่มคนเดิมส่วนฝีเท้าที่หนักกว่าเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วตัวและมันยิ่งสงกลิ่นเหม็นเน่ามากขึ้นไปอีกเมื่อวิญญาณของเธอตามหลังเขามาติด ๆ

“ฮี่ ฮี่ ฮี่”

วิญญาณที่เกาะติดอยู่บนหลังหัวเราะร่าด้วยความสะใจราวกับว่ามันดีใจที่ได้เห็นเขาที่นี่ มันเอียงคอเล็กน้อยพลางมองจ้องสิงอย่างไม่วางตาไม่ต่างกับผู้ล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ

ชายผู้มาใหม่กำลังขมวดคิ้วมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญด้วยความงุนงงเพราะเขาไม่เคยเจอคนตรงหน้ามาก่อน “คุณเป็นใครครับ”

“ผม…ผมชื่อสิงครับ” สิงกล่าวทักทายตามมารยาทอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

“เพื่อนผมบอกว่าคุณมาเรื่องของบูชา คุณเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหรอครับ ทำไมผมไม่เคยเจอคุณมาก่อน”

จากคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้สิงรู้ว่าเขาคือคนที่สิงตามหา “คุณเจเจใช่ไหมครับ?”

“ใช้ครับ ผมเอง” เจเจตอบเสียงแข็งอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่คนแปลกหน้าจู่ ๆ ก็มาขอพบคนดังที่ค่อนข้างหยิ่งยองหลังจากที่เขาได้รับความนิยมในช่วงที่ผ่านมา แถมเพื่อนตัวดีก็ยังพาคนแปลกหน้าเข้าบ้านเพียงแค่โดนอีกฝ่ายล่อลวงด้วยเรื่องของบูชาที่เขานับถือ ตอนแรกที่เพื่อนบอกว่ามีคนมาหาเขาก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะวันนี้เขานัดกับอาจารย์ในช่วงกลางคืนและกฎเหล็กของอาจารย์คือจะต้องไม่มีใครอยู่ด้วยในช่วงระหว่างทำพิธี และยิ่งกว่านั้นเขาไม่ยังกะรู้ว่าอาจารย์รับลูกศิษย์แล้ว

สิงไม่รอช้ารีบพูดเข้าประเด็นเพราะไม่รู้ว่าไอสิ่งที่อยู่ข้างหลังเจเจจะปล่อยให้เขาได้ลอยหน้าลอยตาอยู่ในบ้านหลังนี้นานแค่ไหน “ผมไม่รู้ว่าคุณเจเจบูชาอะไรอยู่ แต่ผมขอแนะนำให้คุณทิ้งมันไปซะ”

จากที่รำคาญคนตรงหน้าอยู่แล้วคำพูดของสิงก็ยิ่งทำให้เจเจไม่พอใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน เพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะดันเผลอพาคนที่ลบหลู่ในสิ่งที่เจเจเชื่อเข้าบ้าน “คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ผมทิ้งมันไป คุณเป็นใครมาจากไหนผมยังไม่รู้เลยคุณสิง!!” เจเจตวาดลั่นจนพนักงานที่อยู่ในโซนออฟฟิศเมียงมองกันอย่างสนอกสนใจใคร่รู้

“คุณไม่ปลอดภัยนะครับคุณเจเจ คุณจำเป็นต้องทิ้งมันไปเดี๋ยวนี้!”

เจเจพ่นลมออกมาจากปากพลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยความเดือดดาลจนแทบอยากจะโยนคนพิการออกไปจากบ้าน “พอกันที! ผมขอให้คุณออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้! ก่อนที่ผมจะโทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก”

สิงเห็นท่าไม่ดีรีบพุ่งตัวเข้าไปจับแขนของเจเจเอาไว้พลางเขย่ามันเล็กน้อยเพื่ออ้อนวอนให้ชายหนุ่มเชื่อที่เขาพูด เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่ชายคนนี้จะรอดตาย “คุณกำลังจะตายนะครับถ้าคุณไม่ทิ้งมันไป”

เจเจสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของชายพิการแล้วยกมือชี้นิ้วด่าทอสิงอย่างไม่คิดจะไว้หน้าใครอีกต่อไป “ออกไป!!!”

ชายร่างบางเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาดึงตัวสิงให้ออกห่างจากเพื่อนพลางออกแรงลากให้สิงออกไปจากบริเวณบ้าน สิงที่สู้แรงดึงของอีกฝ่ายไม่ได้เลยต้องตะโกนออกมาแทนถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเจเจไม่มีทางเชื่อของเขา แต่นอกจากนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีวิธีไหนที่จะสามารถช่วยชีวิตเจเจได้อีก “ทิ้งมันไปเถอะครับ!!!”

เด็กหนุ่มถูกอีกฝ่ายออกแรงผลักเพื่อให้พ้นจากอาณาเขตบ้านหลังจากที่ถูกลากออกมาถึงรั่วบ้านจนตัวเขากระเด็นกระดอนเกลือกกลิ้งไปบนพื้น ผู้คนที่อยู่แถวนั้นต่างมองจ้องด้วยความสนใจไม่ต่างจากพนักงานของเจเจ ถึงแม้จะรู้สึกว่าไม่ควรทำแบบนั้นกับคนพิการแต่ไม่มีใครที่เห็นเหตุการณ์อยากจะยื่นมือเข้าช่วยเลยสักคน

เมื่อจับสิงโยนออกไปนอกบ้านแล้วชายคนนั้นก็รีบปิดประตูรั้วเพื่อกันไม่ให้สิงเข้ามาในบ้านได้อีก สิงได้ยินเสียงล้อเลื่อนปิดประตูรั่วจึงรีบดีดตัวขึ้นเกาะประตูรั้วเอาไว้และตะโกนเสียงดังลั่นอยู่หน้าบ้าน “คุณจะตายนะครับคุณเจเจ!!! มันอันตราย!!!” แต่ไม่ว่าเขาจะตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้งแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจเขา ในเมื่อวิธีนี้ไม่ได้ผลเด็กหนุ่มก็ยอมถอยไปตั้งหลักอยู่ที่ริมฟุตบาทพลางนั่งคิดหาวิธีช่วยชีวิตยูทูปเบอร์ชื่อดังด้วยความสิ้นหวัง

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดหาวิธีช่วยชีวิตคนดวงตกจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ปุ่มกดของเขาก็แผดเสียงดังขึ้น สิงจึงรีบหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดรับสายแล้วนำโทรศัพท์ไปแนบหู

“สวัสดีครับ”

[สิง!! สิงอยู่ไหนเนี่ย! ไปไหนทำไมไม่บอกพี่] เสียงแฟนแผดมาตามสายด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วไม่เจอเงาของเด็กหนุ่มอยู่ในบ้าน

“ขอโทษครับพี่แฟน พอดีผมออกมาทำธุระนิดหน่อยครับ”

[สิงอยู่ไหน? ให้พี่ไปรับไหม?]

“ไม่เป็นไรครับ สิงกลับเองได้ครับ ไม่ต้องห่วงนะครับพี่แฟน”

[งั้นสิงจะกลับตอนไหน พี่อินกลับมาไม่เจอสิง พี่โดนแหกอกแน่ ๆ] 

“อีกเดี๋ยวผมก็กลับแล้วครับ”

[โอเค ๆ งั้นสิงรีบกลับมานะ]

“ครับพี่แฟน เดี๋ยวสิงรีบกลับไปครับ”

สิงกดวางสายแล้วกลับมานั่งคอตกเพราะไม่ว่าจะคิดหาวิธีช่วยชีวิตอีกฝ่ายออกมาสักกี่วิธีคนพิการอย่างเขาก็ไม่สามารถทำได้เลยสักวิธี เด็กหนุ่มรู้สึกสิ้นหวังเมื่อคิดว่าตัวเองไม่สามารถช่วยชีวิตใครได้เลยนั้นรวมไปถึงพี่ชายของตัวเองด้วย “ผมช่วยใครไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอครับพี่เสือ” สิงบ่นพึมพำเสียงเบาคล้ายกำลังคุยกับตัวเองพลางใช้ประสาทสัมผัสตามหาวิญญาณพี่ชายอย่างที่พยายามทำมาตลอดตั้งแต่รู้ว่าเสือตาย แต่น่าแปลกที่เขาไม่เคยสัมผัสถึงพี่ชายได้เลยทั้ง ๆ ที่เขาได้ยินเสียงวิญญาณเร่ร่อนร้องส่วนบุญอยู่ตลอดแม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังได้ยินอยู่ 

น้ำตาหยดหนึ่งเอ่อล้นเบ้าตาด้วยความสิ้นหวังแต่ไม่ทันที่สิงจะได้จมดิ่งไปกับความรู้สึกผิดในใจจู่ ๆ เสียงเรียกเข้าเสียงพิเศษที่เข้าตั้งค่าเพื่อให้รู้ว่าคนสำคัญโทรมาก็แผดเสียงดังขึ้นมาห่างจากสายของแฟนไม่ถึงห้านาที

“ครับพี่อิน”

[มึงอยู่ไหนสิง! แฟนบอกว่ามึงออกไปข้างนอก ทำไมออกไปแล้วไม่บอกใครวะ?!] อินที่ได้รับสายจากแฟนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนรีบกดโทรหาเด็กหนุ่มในปกครองด้วยความเป็นห่วงปนโกรธเคืองที่สิงไปไหนมาไหนไม่บอกกล่าว

สิงหน้าหงอเมื่อได้ยินว่าคนพี่ขึ้นเสียงใส่เขาด้วยความโกรธ “ขอโทษครับพี่อิน”

[มึงอยู่ไหน? ออกไปทำไม? ออกไปหาใคร?] อินรัวคำถามราวกับปืนกล

“ผมอยู่ไม่ไกลจากบ้านพี่เสือครับ ออกมาหาคุณเจเจ”

[ใครวะเจเจ เพื่อนมึงเหรอ?] 

“เอ่อ…เปล่าครับ คือผมมีเรื่องจะคุยกับคุณเจเจ เลยมาหาเค้าที่บ้านครับ”

“เรื่องอะไรวะ?!”

“เอ่อ…คือว่า…”

“เออ เรื่องของมึงเหอะ! คุยเสร็จรึยัง” ไอโรคอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของสิงหากมันเป็นในช่วงเวลาปกติอินก็คนไม่รู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้ แต่ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดใจจนอยากจะพุ่งตัวออกไปจากกองถ่ายเพื่อไปลากตัวคนน้องกลับบ้าน อินจึงไม่คิดจะถามเอาความอะไรจากคนน้องในตอนนี้เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ตั้งใจจะกลับไปคุยกับน้องอยู่แล้วหลังจากเสร็จงาน

“คุณเจเจไม่ยอมฟังผมเลยครับ” สิงตอบเสียงหง่อย ๆ อย่างผิดหวัง

[ไม่ฟังก็ช่างมัน! ส่วนมึงรีบกลับบ้านให้ไวเลย เดี๋ยวกูเสร็จงานแล้วกูรีบกลับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน!] อินส่งเสียงขู่คำรามเด็กหนุ่มจนพอใจก่อนจะกดตัดสายโดยไม่รอให้ปลายสายได้ตอบอะไร ปลายสายถึงกับตัวชาเมื่อเห็นว่าอินกดวางสายใส่หน้าทั้ง ๆ ที่ปกติอินจะไม่ทำแบบนี้กับเขาเห็นทีว่าสิงคงไม่รอดพ้นคืนนี้ไปง่าย ๆ

เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้าของเด็กหมายักษ์อย่างสิงก็ต้องรีบหาทางกลับบ้านให้ไวที่สุด เด็กหนุ่มเดินคลำทางมาจนถึงหน้าถนนใหญ่ก่อนจะมีรถแท็กซี่คันนึงจอดรับ เมื่อรถโดยสารจอดสนิทลงที่หน้าประตูบ้านแฟนก็รีบวิ่งตัวปลิวออกมาจากในบ้านมาต้องรับเด็กหนุ่มกลับบ้านด้วยท่าทางร้อนรน

“สิงไปไหนมา พี่เป็นห่วงมากนะรู้ไหม” แฟนพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจพลางเข้ามาพลิกตัวเด็กหนุ่มแลซ้ายดูขวาเพื่อเช็คความเรียบร้อยจนน้องเกือบจะเซล้มลงไปกองอยู่บนพื้นด้วยอาการวิงเวียน

“ขอโทษครับพี่แฟน แต่พี่แฟนช่วยหาเบอร์สารวัตรปราปให้สิงหน่อยได้ไหมครับ” ความคิดนึงผุดเข้ามาในหัวในระหว่างที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่แต่ไม่สามารถโทรหาอีกฝ่ายได้เพราะไม่ได้ตั้งค่ารายชื่อของปราปไว้ในเบอร์โทรด่วน พอมาถึงบ้านก็รีบขอร้องให้แฟนช่วงหารายชื่อของนายตำรวจใหญ่ให้พลางส่งโทรศัพท์ของตัวเองไปให้อีกฝ่าย 

“สิงจะโทรหาสารวัตรปราปทำไม มีอะไรรึเปล่า” แฟนเอียงคอถามอย่างอดสงสัยไม่ได้

“ผมมีเรื่องขอให้สารวัตรช่วยครับ พี่แฟนช่วยสิงหน่อยนะครับ” สิงไม่พูดเปล่ารีบยัดโทรศัพท์มือถือของตัวเองใส่มือแฟน

“เออ ๆ แปปนึงนะ” แฟนรับโทรศัพท์รุ่นพระเจ้าเหามากดหารายชื่อก่อนจะกดโทรออกแล้วค่อยยื่นกลับไปให้เจ้าของตามเดิม “พี่กดโทรออกให้แล้วสิง”

“ขอบคุณครับ” สิงพูดพลางยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหูแต่แค่เพียงไม่กี่อึดใจปลายสายก็กดรับแถมยังเอ่ยปากทักทายต้นสายด้วยน้ำเสียงสุภาพเพราะเป็นเบอร์แปลก

[สวัสดีครับ] 

“สวัสดีครับสารวัตร ผมสิงนะครับ”

[โทรมามีอะไรเหรอสิง] ปราปตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกันเองกว่าตอนที่สิงถูกสอบปากคำ

“สารวัตรช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ?”

[ช่วยอะไร มีคนจะทำร้ายคุณเหรอ?] 

“ไม่ใช้ผมครับ แต่มีคนกำลังจะตาย” 

ปลายสายเงียบไปครู่นึงก่อนที่สิงจะได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากปราป [คราวนี้ใครจะตายอีกละ ถ้าบอกว่าไม่รู้เนี่ย ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยคุณยังไงแล้วนะสิง]

“คุณเจเจครับ” สิงรีบตอบทันควันกลัวว่าหากพิรี้พิไรอีกฝ่ายจะรำคาญเขามากกว่าเดิม

[เจเจ?ใคร?]

“คุณเจเจที่เป็นยูทูปเบอร์ครับ”

[ใครวะ?!] ปราปพูดกับตัวเองก่อนจะหันไปพูดกับปลายสายต่อ [มีชื่อหรือที่อยู่ของเค้าไหม ผมจะให้ลูกน้องไปดูให้] 

ราวกับเทวดามาโปรดก็ไปไม่ปานเมื่อปราปยอมช่วยตามที่เขาร้องของ สิงรีบบอกที่อยู่ของเจเจให้ปราปรู้ “ผมไม่มั่นใจว่ามันจะเร่มตอนไหน แต่ผมคิดว่าช่วงเวลาน่าจะไม่ต่างจากที่พี่เสือตายมากนัก ยังไงผมรบกวนสารวัตรด้วยนะครับ”

[ว่าแต่คุณรู้ได้ไงว่าเค้าอยู่ที่ไหน อย่าบอกผมนะว่าคุณไปบ้านเค้ามา] ปราถามกลับอย่างรู้ทัน

“เอ่อ...”

[เห้อ~ เอาเถอะ ผมจะส่งคนไปดูให้ก็แล้วกัน แล้วจะมีคนไหนตายอีกไหมจะได้ส่งไปดูทีเดียว] 

“ขอบคุณนะครับสารวัตร”

[อือ งั้นแค่นี้น่ะ ผมติดงานอยู่]

“สวัสดีครับสารวัตร”

สิงคาดไม่ถึงว่าปราปจะยอมช่วยเขาง่ายดายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่คิดไว้ว่าจะโดนอีกฝ่ายด่ากลัวว่าเพ้อเจ้อแท้ ๆ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมรับฟังแถมยังส่งคนไปช่วยเฝ้าระวังให้อีก แบบนี้ก็หมายความว่าเขาสามารถช่วยชีวิตเหยื่ออีกคนในคดีนี้เอาไว้ได้ เด็กหนุ่มยกยิ้มด้วยความดีใจจนออกนอกหน้า

แฟนที่ยืนฟังอยู่นานถึงกับถามโพล่งขึ้นมาด้วยความสงสัย “เจเจกำลังจะตาย แล้วสิงรู้ได้ไงว่าเขาจะตาย”

สิงหันมามองแฟนพลางทำหน้าเจื่อน “เอ่อ…ผม…”

“สิงรู้ได้ไง” แฟนถามย้ำเมื่อเห็นว่าน้องมัวแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

“เอ่อ มันอธิบายยากครับ แต่ตอนนี้คุณเจเจคงไม่เป็นอะไรแล้วเพราะสารวัตรเขาจะส่งลูกน้องไปดูให้”

“สิงปิดปังพี่เหรอ” แฟนถามพลางทำปากคว่ำปากงอ

“ไม่ใช้แบบนั้นครับ” สิงรีบแก้ตัวอย่างคนร้อนตัว

“เชอะ! งอน!” แฟนแกล้งสะบัดหน้าหนีใส่น้องแต่ก็ยอมลากน้องกลับเข้ามาในบ้าน ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องโดนัทเจ้าดังที่ซื้อติดมือมาให้เด็กหนุ่มที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็กดีรอเขากลับบ้านอย่างเชื่อฟัง แต่ที่ไหนได้กลับออกไปตะลอนที่ไหนก็ไม่รู้ ดีที่โทรบอกผู้ปกครองคนใหม่ซะก่อนไม่อย่างนั้นเขาคงโดนดาราหน้าหล่อที่หวงน้องชายเพื่อนสนิทจนออกนอกหน้าแหกอก “สิงไม่ยอมบอกพี่ไม่เป็นไรแต่พี่ซื้อโดนัทมาฝากสิง ดูซิพี่ใจดีกับสิงแค่ไหน” แฟนแกล้งพูดประชด

สิงอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะตอนนี้ดูเหมือนใคร ๆ ก็งอนเขาด้วยสาเหตุที่เขาออกไปไหนโดยไม่บอกกล่าว เด็กหมายักษ์ทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไงจึงทำได้แค่ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เขิน “ขอบคุณนะครับพี่แฟน”

พอเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีออดอ้อนเข้าหน่อยแฟนก็ใจอ่อนยอมหายโกรธคนน้องไปซะง่าย ๆ “หายงอนก็ได้ เห็นว่าหน้าตาดีหรอกนะ ฮ่า ๆ” แฟนแกล้งหยอดเด็กหนุ่มเล่นอย่างที่ชอบทำมาตลอดตั้งแต่รู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หน้าตาดีไม่แพ้พี่ชายถ้าไม่ตาบอดคงได้เข้าวงการตามพี่ชาย

“หน้าตาดีอะไรกันครับ ดูไม่ได้เลยต่างหาก” สิงพูดอย่างถ่อมตัว

“โห่สิง! เรามองไม่เห็นตัวเองไงถึงได้พูดแบบนี้ เชื่อพี่เหอะสิงหน้าตาดีกว่าพี่เสืออีก” คำพูดนี้ไม่เกินจริงเพราะตั้งแต่สิงโตเป็นหนุ่มความหล่อก็ฉายแววโดดเด่นแซงพี่ชาย แต่พอนึกขึ้นได้ว่าคนที่เป็นหัวข้อในการนินทาไม่อยู่บนโลกใบหนี้แล้ว รอยยิ้มของแฟนก็หุบลงทันควัน “ฉิบหาย พี่เสือจะมาบีบคอพี่ไหมเนี่ย?! พี่เสือแฟนขอโทษ พี่เสือหล่อที่สุด หล่อกว่าใครทั้งนั้น” แฟนพูดพลางสาละวนยกมือไหว้อากาศ

“พี่เสือไม่โกรธหรอกครับ พี่อินพูดแบบนี้กับพี่เสือบ่อยจะตายไป” สิงพูดพลางยกยิ้มกับอาการร้อนเนื้อร้อนตัวของคนร่างเล็ก แต่คงไม่แปลกอะไรเพราะช่วงที่เสือยังมีชีวิตอยู่แฟนก็มักจะไม่ค่อยกล้าหืออือกับอีกฝ่ายเท่าไหร่คงเป็นเพราะเสือเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาเมื่อไหร่ที่เสือเริ่มพูดขนาดเจตที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวยังต้องเงียบฟัง

“เออ ก็ใช้ แฮ่ ๆ” แฟนหัวเราะแห้งแก้เขินพลางหยิบโดนัทเข้าปาก

“พี่อินจะกลับมากี่โมงเหรอครับ?”

“ประมาณทุ่มสองทุ่มแหละ สิงมีอะไรรึเปล่า?”

“ผมกะว่าจะทำอาหารเย็นให้พี่อินครับ”

“คิดผิดคิดใหม่ได้นะสิง บ้านพี่อินไม่มีเครื่องปรุงอะไรพวกนั้นหรอก รายนั้นเดลิเวอรี่ล้วน”

“งั้นพี่แฟนช่วยสั่งพวกเครื่องครัวมาไว้ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ วันหลังสิงจะได้ทำให้พี่อินกิน”

“ดูแลดีเหลือเกินนะ เดี๋ยวพี่สั่งมาให้ พรุ่งนี้นู่นแหละกว่าจะมาส่ง วันนี้ก็สั่งแอปไปก่อนละกันนะ”

“ขอบคุณครับพี่แฟน”

 

แฟนได้รับสายจากเจตเมื่อสามชั่วโมงก่อนว่าวันนี้อินจะกลับบ้านช้าหน่อยเพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่กองถ่ายทำให้การถ่ายทำล่าช้าไปอีกสองสามชั่วโมง สิงจึงให้แฟนกลับบ้านไปก่อนเพราะเด็กหนุ่มเกรงใจและเป็นห่วงไม่อยากให้อีกฝ่ายเดินทางกลางค่ำกลางคืนคนเดียว หลังจากโทรปรึกษาเรื่องนี้กับเจ้าของบ้านแล้วก็ได้รับคำสั่งให้ขึ้นไปส่งน้องเข้านอนก่อนถึงจะกลับบ้านได้ พอส่งเด็กหนุ่มที่หน้าห้องนอนกำชับนู้นนี้นั้นเสร็จสรรพก่อนถึงค่อยเดินทางกลับบ้าน

สิงที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงได้ยินเสียงรถตู้ของอินจากช่องหน้าต่างที่เปิดไว้ก็รีบเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปหาคนพี่ที่อยู่หน้าบ้านสิงจนลืมไปว่าตัวเองพิการทางการมองเห็น แต่เพราะสัมผัสด้านอื่น ๆ ดีกว่าคนปกติทั่วไปจึงทำให้สิงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปากทักทายคนพี่ อีกฝ่ายกลับแผดเสียงด่าเขาเสียก่อน

“ไอสิง! มึงวิ่งมาเพื่อ?!ถ้าหกล้มหัวฟาดพื้นทำยังไงวะ ค่อย ๆ เดินก็ได้ไหม?!” อินที่กำลังเดินถือของเข้าบ้านเหลือบมาเห็นไอเด็กหมายักษ์มันกำลังวิ่งหางกระดิกมารับเขาก็รีบร้องท้วงขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง แต่พอเขาแผดเสียงด่าไอเด็กน้อยของเขามันก็ทำหน้าจ๋อยแถมยังทำปากคว่ำปากงอเสียน่ารักน่าเอ็นดู

“แกจะไปด่าน้องทำไม?” เจตที่เดินตามหลังอินมาเอ่ยปากดุเด็กในสังกัดเมื่อเห็นว่ามันกำลังขึ้นเสียงใส่เด็กหนุ่มตาบอดไร้หนทางสู้

“พี่ก็ดูมันดิ จะวิ่งมาทำไม ถ้าล้มหัวฟาดพื้นขึ้นมาจะทำยังไง” อินหันไปฟ้องผู้จัดการ

“สิงมันเก่งกว่าแกอีกเหอะ คนตาดีอย่างแกยังควานหาแว่นที่อยู่บนหัวตัวเองอยู่ได้ตั้งนานสองนาน” เจตประชด

“ผมลืมเหอะ” อินแก้ตัว

“แก่แล้วไง เพราะงั้นแกช่วยเป็นห่วงตัวเองก่อนนะ แล้วค่อยไปห่วงไอสิง”

อินเบือนหน้าหนีผู้จัดการส่วนตัวด้วยความขัดใจที่อีกฝ่ายหันไปเข้าข้างเด็กหนุ่มแถมยังขุดปมด้อยมาทับถมกันอีก ก่อนจะหันกลับมามองเจ้าตัวปัญหาตรงหน้าที่ทำให้เขากระวนกระวายตลอดทั้งวัน หลังจากที่รู้ว่ามันออกไปข้างนอกโดยไม่บอกไม่กล่าว “วันนี้มึงไปไหนมา ไปไหนทำไมไม่บอก ไม่รู้เหรอว่าคนอื่นเขาเป็นห่วง” อินพูดพลางวางของในมือไว้บนโต๊ะรับแขก

สิงหน้าเจื่อนเมื่อคนพี่เริ่มเปิดประเด็นเรื่องนี้เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองเผลอทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ และเขาก็ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ทำได้แค่ยอมรับผิดไปตามตรง “ผมขอโทษครับพี่อิน”

“กูไม่ต้องการคำขอโทษ กูต้องการคำตอบว่ามึงไปไหนมา” อินพูดเสียงแข็ง

“บ้านคุณเจเจครับ”

“เจเจไหน? เพื่อนมึงเหรอ”

สิงส่ายหน้า “ไม่ใช้ครับ คุณเจเจที่เป็นยูทูปเบอร์ครับ”

“ชื่อคุ้น ๆ”

“ใช้คนที่มาถ่ายโฆษณามือถือกับแกรึเปล่า?” เจตจำได้ว่าอินเคยร่วมงานโฆษณาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งกับยูทูบเบอร์ชื่อดังที่มียอดคนติดตามหลายล้านคน แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นจะใช้เจเจรึเปล่าจึงได้เอ่ยถามเด็กในสังกัด

“ไอเด็กขี้เก๊กที่เพิ่งไปถ่ายมาเมื่อสองเดือนก่อนใช้ไหมพี่”

“เหมือนจะใช้น่ะ ถ้าฉันจำไม่ผิด” 

เมื่อรู้แล้วว่าสิงออกไปหาใครก็หันมาคะยั้นคะยอถามเอาความจากคนน้องพลางเอียงหน้ามองคนตรงหน้าด้วยท่าทางไม่พอใจ “แล้วมึงไปหามันทำไม?”

“เอ่อ... ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณเจเจครับ แต่เขาไม่เชื่อที่ผมพูดผมเลยโดยไล่ออกมา”

“คุยเรื่องอะไร?”

“เอ่อ… กำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณเจเจครับ ผมเลยไปเตือนเค้า”

“เรื่องอะไร แล้วมึงรู้ได้ไง?”

“…” 

อินถอนหายใจเสียงดังด้วยความรำคาญกับอาการอมพะนำที่สิงเป็นอยู่ เขารู้สึกราวกับว่าน้องไม่เชื่อใจที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่ในใจออกมาทั้ง ๆ ที่เขาพยายามที่จะเข้าใจและทำทุกอย่างเพื่อน้อง แม้กระทั่งตอนนี้ที่เขาทั้งเป็นห่วงและโมโหแต่เขาก็ต้องกดข่มมันเอาไว้เพื่อความสบายใจของมัน “มึงยังตอบกูไม่ได้เลยสิง มันก็ไม่แปลกที่ไอเด็กขี้เก๊กนั้นจะไม่เชื่อมึง แล้วเด็กดื้ออย่างมึงยอมแพ้แค่เพราะมันไล่มึงออกจากบ้านเหรอ?กูว่าไม่น่าใช้”

อินตอกกลับอย่างรู้ทัน เขารู้จักไอเด็กหมายักษ์ของเขาดีว่ามันเป็นคนยังไง ถึงมันจะเป็นเด็กดีและเชื่อฟังในสิ่งที่เขาพูด แต่เมื่อไหร่ที่สิงเริ่มดื้อขึ้นมาไม่ว่าใครก็ฉุดไม่อยู่เพราะมันเป็นเด็ก ดื้อเงียบ!

สิงยกยิ้มแห้งอย่างเขินอายที่ถูกคนพี่จับไต๋ได้ “ผมโทรไปขอให้สารวัตรปราปช่วยครับ”

อินเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่ได้ยินชื่อของนายตำรวจใหญ่ “เขายอมช่วยมึงเหรอ?”

สิงพยักหน้า “ครับ สารวัตรปราปบอกว่าจะส่งคนไปดูให้ครับ”

“สารวัตรปราปเนี่ยนะ?!แล้วเขาไม่ได้ถามเหรอว่ามึงรู้ได้ยังไง ใครบอกมึง กูว่าสารวัตรเค้าน่าจะถามจี้มึงยิ่งกว่าที่กูถามอีกมั้ง” จากการที่เขาเคยเสวนาพาทีกับอีกฝ่ายมาแล้ว เขารู้ได้ทันทีว่าสารวัตรปราปเป็นคนแบบไหน รายนั้นคงไม่มีทางช่วยโดยที่ไม่ได้สาวเรื่องราวทั้งหมดออกมาจากปากของไอเด็กนี้แน่ ๆ

“สารวัตรไม่เชื่อผมหรอกครับ แต่ก็ยอมช่วยผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม”

“คงอยากพิสูจน์คำพูดของมึงมั้ง และก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรที่จะส่งคนไปสอดส่องดูแลความปลอดภัยของประชาชนคนนึง”

“คงงั้นมั้งครับ”

“เกิดมาเพิ่งเคยเจอตำรวจน้ำดี” อินพูดประชด

“ประชดเก่ง! พาน้องไปนอนปะ พี่จะกลับละ โคตรเหนื่อย”

“โอเคพี่ เดี๋ยวผมไปส่ง”

“ไม่ต้อง ๆ แค่หน้าบ้านฉันเดินไปเองได้ แกไปพักผ่อนเหอะ พี่ไปน่ะ” เจตโบกมือลาเจ้าของบ้านและผู้อาศัยคนใหม่ก่อนจะเดินกลับออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน

สิงช่วยอินถือข้าวของขึ้นไปเก็บที่ห้องนอนของคนพี่ ช่วยจัดแจงทุกอย่างเข้าที่ตามที่อินสั่งก่อนจะหันไปถามไถ่อีกฝ่ายในขณะที่เจ้าของห้องกำลังผลัดผ้าผัดผ่อน “พี่อินกินอะไรมารึยังครับ”

“กูแดกแล้ว ว่าแต่มึงเหอะต้องแดกนมอุ่นก่อนนอนไหม? กูจะได้ลงไปทำให้”

“ไม่เป็นไรครับ พี่อินไปพักดีกว่า ทำงานมาเหนื่อย ๆ”

“แค่นมอุ่นกูทำได้หน่า ไม่ถึงนาทีก็เสร็จแล้วป่ะ”

“ไว้วันหลังดีกว่าครับ วันนี้ไปอาบน้ำนอนดีกว่าเน๊อะ” สิงยกยิ้มอย่างออดอ้อน

“เออ แล้วแต่มึงเหอะ แต่ถ้าอยากแดกก็กดเรียกนะ อย่าลงไปเอง”

“ค้าบ”

 

อินที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาเห็นเด็กหนุ่มยังนั่งเล่นอยู่ในห้องของตัวเองก็เอ่ยปากถามขึ้นด้วยความสงสัย “ไม่กลับห้องไปนอนวะ ไม่ง่วงเหรอ?”

“เอ่อ... ผมขอนอนกับพี่อินได้ไหมครับ” 

อินที่กำลังเดินไปเช็ดผมไปก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมาหาคนน้องด้วยความแปลกใจ “ไอได้อะมันได้ กูไม่ติดอะไรอยู่แล้ว แต่ไหนมึงบอกมึงโตแล้วไง เมื่อเช้ายังไม่ยอมให้กูช่วยถอดเสื้อผ้าให้อยู่เลย”

“ผมไม่อยากนอนคนเดียวนิครับ” 

อินเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวกับความน่ารักของเด็กหนุ่ม พลางมองจ้องเข้าไปข้างในนัยน์ตาขาวโพลนของคนน้องที่ฉายแววความเศร้าออกมาเล็กน้อย “งั้นรอกูแปป แต่งตัวก่อน” อินเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวก่อนจะเดินกลับมาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ สิง “นอนได้แล้ว กูจะปิดไฟแล้ว” ไม่พูดเปล่าเอื้อมมือไปห่มผ้าให้คนน้องก่อนจะหันไปปิดไฟห้องนอนบนหัวเตียง

“ขอบคุณนะครับพี่อิน ที่อยู่เป็นเพื่อนสิง”

อินตอบรับคำขอบคุณของเด็กหนุ่มด้วยการกุมมือที่อยู่ใต้ผ้าห่มพลางกระชับมันให้แน่นขึ้นเพื่อให้น้องรู้ว่ามันจะไม่เหงาอีกต่อไปเพราะจากนี้ต่อไปเขาจะอยู่เป็นเพื่อนและคอยดูแลมันแบบนี้ไปตลอด อินรู้ดีว่าสิงรู้สึกเศร้าและโดดเดี่ยวแค่ไหนหลังจากที่เสือจากไป ไหนจะถูกสงสัยว่าเป็นคนฆ่าพี่ชายตัวเองจนต้องไประหกระเหินไปนอนหนาวอยู่ที่โรงพักคนเดียวอีก แต่เด็กหมายักษ์ของเขาก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นคงเพราะไม่อยากให้เขาเป็นห่วง

“ฝันดีนะครับพี่อิน”

“อือ ฝันดีมึง”

 

“ปล่อยผมไปเถอะ ผมยังไม่อยากตาย”

เสียงสั่นเครือของชายคนหนึ่งดังขึ้นปลุกให้สิงตื่นจากห้วงความฝัน เบื้องหน้าคือภาพบรรยากาศท่องทุ่งนาในช่วงเวลาโพล้เพล้ ท้องฟ้ายามเย็นกลายเป็นสีชาดราวกับสีเลือดแดงฉานรายล้อมไปด้วยเสียงกบเขียดร้องแข่งกันอย่างไม่รู้จบ เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาด้วยความลนลานพลางควานหาต้นตอของเสียงแต่แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังอัสดงทำให้เขามองเห็นอะไรได้ยากขึ้น

ความกลัวแล่นผ่านขึ้นมาจากปลายเท้าจรดศีรษะ ขนอ่อนทั่วร่างตั้งชันขึ้นมาอย่างหวาดผวาเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเขาเคยเจอใครในที่แห่งนี้มาก่อน ฝ่าเท้าของเขาชะงักไปชั่วครู่เมื่อจิตใจเริ่มลังเลและไขว้เขวแต่ถึงกระนั้นภายในจิตใต้สำนึกก็สั่งให้เขาก้าวเดินต่อ เพราะความกลัวไม่สามารถฉุดรั้งให้เขาเมินเฉยต่อมโนธรรมในใจ

สิงพยายามตามหาต้นตอของเสียงจนขาทั้งสองข้างเริ่มล้า แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากตัวของเขาเอง จนกระทั่งเขาเห็นอะไรบางอย่างอยู่ไกล ๆ ที่ปลายนา

เถียงนา…

ราวกับเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เมื่อเห็นว่ามีกระท่อมเล็ก ๆ ตั้งอยู่ไกลออกไป สิงไม่รอช้ารีบสับเท้าวิ่งตรงไปยังที่แห่งนั้นแต่เพราะผิวทางค่อนข้างขรุขระ จึงทำให้เขาหกล้มคะมำจนได้แผลแต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่ลดละความพยายามรีบลุกขึ้นและออกวิ่งต่อเพื่อให้เขาไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด

แต่เด็กหนุ่มก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อไม่พบวี่แววของคนที่เขาตามหาภายในเถียงนาที่เก่าและผุพัง

“อย่า อย่า ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง” ในขณะที่สิงทำท่าจะเดินคอตกกลับออกไปจากบริเวณเถียงนาจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นกำลังร้องขอความช่วยเหลือด้วยความกลัวไม่ต่างจากเสียงแรกที่เขาได้ยิน

เสียงที่เขาได้ยินเหมือนจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่มันน่าฉงนเพราะเขากลับมองไม่เห็นใครอยู่บริเวณนี้เลย เด็กหนุ่มไร้ทางเลือกอื่นนอกจากการถามกลับไปเพื่อระบุที่มาของเสียง “ได้ยินผมไหมครับ คุณอยู่ที่ไหน”

“ฉันเจ็บแล้ว ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ ๆ”

เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับกำลังขานรับเสียงของเขา สิงหันซ้ายหันขวาอย่างร้อนรนเพื่อเร่งการตามหาเจ้าของเสียง เพราะฟังจากเสียงแล้วเธอน่าจะกำลังบาดเจ็บและอาจจะทนต่อไปได้อีกไม่นานหากเขาไม่ยื่นมือเข้าช่วย ในขณะที่สิงกำลังก้าวเดินออกไปจากบริเวณนั้นจู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรดลใจทำให้สิงหันกลับไปมองบนเถียงนาอีกครั้ง และมันทำให้เขาพบอะไรบางอย่างที่อยากจะเชื่ออยู่บนนั้น

“คุณ!” ดวงตาของสิงเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจพลางร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงหลง

เด็กหญิงวัยรุ่นคนนึงที่มีใบหน้าสวยราวกับนางสีดาแม้จะมีรอยดินโคลนเปรอะเปื้อนไปทั่วตัวก็ไม่อาจบดบังความงามนั้นได้ แต่สิ่งที่สะดุดตามากกว่าใบหน้าที่งามหยดย้อยของเธอคือลำคอขาวที่ถูกรัดด้วยผ้าขาวม้าผืนยาวและมันถูกโยงไว้กับขื่อบนหลังคา มือข้างนึงพยายามดึงผ้าที่พันรอบคอด้วยหวังให้มันคลายออกสักนิดเพื่อให้เธอหายใจต่อชีวิต อีกข้างยื่นตรงมาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวที่อยู่ภายในบริเวณนี้

สิงรีบพุ่งตัวขึ้นไปบนเถียงนาหลังจากที่ได้สติกลับมา แต่ในช่วงที่เขากำลังเข้าไปประชิดตัวเธอที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ช่วงแขน ใบหน้าสวยที่เคยดูอิดโรยเปลี่ยนไปทันควันราวกับงิ้วเปลี่ยนหน้า ใบหน้าขาวซีดของเธอกลับไปเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นนัยน์ตาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตาก่อนที่มุมปากข้างหนึ่งจะยกขึ้นเล็กน้อย

“มาซิ มาหากู มาอยู่กับกู”

ฝ่ามือที่เคยร้องเรียกหาความช่วยเหลือถูกกวักขึ้นลงช้า ๆ ร้องเรียกให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเดินเข้าไปหา ฝีเท้าของเด็กหนุ่มหยุดลงทันควันราวกับร่างกายถูกสาปให้กลายเป็นหิน ลมเย็นยะเยือพัดผ่านเข้ามาทำให้เนื้อตัวของเขาสั่นเทา

“มาซิ มา!”

เมื่อร้องเรียกแล้วอีกฝ่ายไม่ตอบกลับมันทำให้น้ำเสียงของเธอฟังดูแข็งกร้าวขึ้น ใบหน้าซีดเผือดคล้ายผิวจิ้งจกแต่งแต้มด้วยรอยเส้นเลือดสีเข้ม ริมฝีปากกลายเป็นสีม่วงคล้ำ นัยน์ตาดำถูกแทนที่ด้วยสีขาวโพลน ริมฝีปากของมันยกยิ้มพร่ำร้องเรียกให้เหยื่อตรงหน้าเข้ามาใกล้

ร่างกายที่แข็งค้างเคลื่อนตัวไปตามคำร้องเรียก ขาทั้งสองข้างก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้าอย่างเชื่องช้าโดยที่เด็กหนุ่มไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นหุ่นเชิดของเธอไปแล้ว ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยดินโคลนกำลังพาร่างของเด็กหนุ่มเข้าไปใกล้จนใบหน้าของเขาห่างแค่เพียงมือเอื้อม ดวงหน้าขาวสัมผัสเข้ากับปลายนิ้วเย็นเฉียบ นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปบนผิวเนียนของเหยื่อในกำมือ มุมปากสีคล้ำยกยิ้มกว้างจนมุมปากทั้งสองข้างฉีกขาดจนถึงกกหูเธอส่งเสียงหัวเราะโหยหวนออกมาด้วยความสะใจ

“ฮี่ ฮี่ ฮี่” 

 

“ไอสิง ไอสิงโว้ย!”

อินร้องเรียกคนน้องเสียงดังลั่นห้องหลังจากที่เขาถูกมันปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับลึกจากแรงแตะถีบที่เด็กหนุ่มนอนดิ้นไปมาบนเตียงกว้างอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้วเห็นว่ามันกำลังนอนดิ้นไปมาราวกับคนขาดอากาศหายใจ แต่เพียงแค่เสียงเรียกดูเหมือนมันจะไม่สามารถทำให้สิงตื่นขึ้นมาได้ อินจึงจำเป็นต้องใช้แรงทั้งหมดที่เขามีเพื่อเขย่าตัวให้มันตื่นขึ้นมา

“ไอเชี้ยสิง!!!”

อินตะโกนสุดเสียงพลางเขย่าจนคนน้องตัวโยนก่อนที่เปลือกตาของมันจะเบิกโพลงขึ้นมา แต่สิงยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงราวกับร่างไร้วิญญาณ อินเห็นท่าไม่ดีจึงใช้ฝ่ามือตบแก้มขาวเบา ๆ เรียกสติ “ไอสิง มึงโอเคไหมวะ?!”

เมื่อขวัญกลับเข้าตัวสิงถึงค่อยหอบหายใจเฮือกใหญ่หอบเอาอากาศเข้าปอด “พี่อิน”

“ก็กูดิ จะใครละ แล้วมึงเป็นอะไรเนี่ย ทำไมนอนดิ้นเหมือนจะขาดใจตายอย่างนั้นวะ”

สิงผละตัวออกจากตักของคนพี่ก่อนจะยันกายขึ้นพิงหัวเตียง “ผมฝันร้ายครับพี่อิน”

“มึงฝันเชี้ยไร ทำไมต้องดิ้นทุรนทุรายขนาดนั้น”

“เอ่อ…ผมฝันถึงผู้หญิงคนนึงครับ เธอ…อยากให้ผมไปอยู่ด้วย”

“เชี้ย! หลอนสัส! ไว้ค่อยไปหาน้ำมนต์มาแดกล้างซวย แต่ตอนนี้มึงต้องนอนก่อน มานี้มา” ถึงจะเป็นห่วงน้องแค่ไหนแต่กลางดึกขนาดนี้คงไม่พระสงฆ์องค์เจ้าที่ไหนตื่นปลุกเสกน้ำมนต์ให้พวกเขา ตอนนี้คงทำได้แค่นอนรอให้ถึงเช้าแล้วค่อยหาวิธีจัดการอีกที แต่ครั้นจะให้น้องนอนก็กลัวว่าจะฝันร้ายอีก อินจึงอ้าแขนออกกว้างเพื่อให้มันเข้ามานอนในอ้อมกอดของเขาแทน เหมือนกับตอนเด็ก ๆ ที่สิงมักจะนอนฝันร้ายแล้วเขาต้องคอยกอดปลอบจนกว่ามันจะหลับ

“ทะ ทำอะไรครับ?” สิงเลิกคิ้วถามอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

“งงอะไร มานี้!” อินไม่พูดเปล่าคว้าตัวคนน้องเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยไม่ได้ถามความสมัครใจ

“พะ...พี่อิน” เด็กหนุ่มร้องเรียกชื่อคนพี่เสียงตะกุกตะกักใบหน้าเริ่มเห่อร้อนด้วยความเขินอาย ก้อนเนื้อกลางอกเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ

“นอน! กูง่วงแล้ว!”

สิงเม้มปากแน่นไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำใดออกมารบกวนการนอนของคนพี่ นัยน์ตากลอกไปมาอย่างทำตัวไม่ถูกพยายามตั้งสติและทำใจให้นิ่งเพื่อให้ตัวเองนอนหลับไปใด้ภายในสถานการณ์แบบนี้ จนกระทั่งเขารู้สึกถึงความอุ่นวาบบนศีรษะจากฝ่ามือนุ่มของคนพี่ที่กำลังลูบไล้บนเรือนผมนุ่มเพื่อทำให้เขาสงบลง ราวกับมนต์วิเศษเพราะการกระทำของอินทำให้เด็กหนุ่มกลับเข้าสู่ห้วงนิทราได้อีกครั้ง

 

ครืน ๆ

 

เสียงการสั่นสะเทือนของโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะหัวเตียงปลุกให้อินตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขาถอนหายใจด้วยความรำคาญพลางส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอด้วยความขัดใจ ก่อนจะกวาดมือไปบนโต๊ะหัวเตียงคลำวนไปมาหาต้นตอของเสียง ทันทีที่มือนุ่มสัมผัสเข้ากับโทรศัพท์มือถือปุ่มกดรุ่นโบราณ อินถึงค่อยหรี่ตาขึ้นมามองหน้าจอที่สว่างวาบแสดงข้อมูลรายชื่อสายโทรเข้าที่ทำให้เขาแปลกใจ ปลายนิ้วเรียวยาวกดกดปุ่มรับสายก่อนจะนำโทรศัพท์รุ่นเก่ามาแนบหู

“ฮัลโหล”

[สิง คุณต้องมาพบผมที่สน. เดี๋ยวนี้!] เสียงตวาดกร้าวจากปลายสายทำให้อินต้องรีบชักโทรศัพท์ให้ออกห่างจากใบหูก่อนที่เสียงนั้นจะทำให้เขาหูหนวก

“เบา ๆ ก็ไม่มั้งสารวัตร” อินตอบด้วยเสียงงัวเงียแฝงด้วยความไม่พอใจอยู่หน่อย ๆ

[คุณอินเหรอครับ?] เสียงของปลายสายอ่อนลงไปทันทีที่รู้ว่าคนที่เขาคุยอยู่ไม่ใช้เจ้าของโทรศัพท์แต่เป็นคนที่เขาให้ความสนใจอยู่ในตอนนี้

“ครับ ผมเอง สารวัตรมีอะไรรึเปล่าครับ” อินตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นมาขยี้ตาเพื่อให้สร่างจากอาการงัวเงีย

[ผมต้องการสอบปากคำสิงครับ] 

“ไอสิงมันหลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วนิครับ จะสอบปากคำมันอีกทำไม?”

[สอบปากคำในฐานะพยานคนสำคัญในคดีของนายธีรภพครับ]

“ธีรภพ ใครเหรอครับ?”

[คุณเจเจ เค้าเสียชีวิตแล้วครับ]

“ห๊ะ?!” อินร้องเสียงหลงด้วยความตกใจพร้อม ๆ กับอาการง่วงนอนที่พลันหายวับไปกับตา 

เสียงร้องของอินปลุกให้สิงตื่นพลางหันไปถามคนพี่ด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรรึเปล่าครับพี่อิน?”

“สารวัตรบอกว่าใครตายนะครับ พูดอีกทีได้ไหม” ราวกับหูดับเมื่อสิ่งที่สารวัตรปราปพูดทำให้อินแทบจะไม่ได้สนใจคำถามของคนน้องเลยแม้แต่น้อย

[คุณเจเจครับ] สารวัตรปราปพูดย้ำ

ราวกับวิญญาณออกจากร่างเมื่อได้ยินคำย้ำชัดจากปลายสาย ใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจสุดขีดค่อย ๆ หันไปมองหน้าเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาช้า ๆ “ไอสิง มึงรู้ได้ไงว่าไอเด็กเจเจนั้นจะตาย”

สิงยังไงงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าจึงได้เอ่ยถามกลับไปอีกครั้ง “เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับพี่อิน?”

“สารวัตรปราปบอกว่าไอเด็กเจเจนั้นตายแล้ว!”

สิงเด้งตัวออกจากอ้อมกอดของคนพี่ทันควันราวกับถูกไฟช็อต ดวงตาเบิกโตขึ้นราวกับจะถลนออกมา “อะไรนะครับ! เป็นไปได้ยังไงครับ?!”

“กูไม่รู้ มึงไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย สารวัตรเค้าอยากเจอมึง” อินออกคำสั่งพลางชี้นิ้วตรงไปยังทิศทางห้องน้ำเพื่อให้เด็กหนุ่มทำตามคำสั่งก่อนจะหันกลับไปสนใจปลายสายอีกครั้ง “เดี๋ยวผมพามันเข้าไปเองครับสารวัตร”

[ขอบคุณมากครับ ขอโทษที่รบกวนในเวลานี้นะครับ]

“ไม่ทันแล้วสารวัตร งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ”

[ครับ แล้วเจอกันครับ]

 

ฟ้ายังไม่ทันสว่างแต่สองคนพี่น้องอินสิงจำเป็นจะต้องรีบออกจากบ้านโดยด่วนตามคำเชิญของนายตำรวจใหญ่เจ้าของสน. ที่อยู่ใจกลางเมือง รถสปอร์ตยุโรปคันงามแล่นด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไปบนถนนที่ว่างเปล่า ใช้เวลาเพียงไม่นานสองพี่น้องก็มายื่นหน้าสลอนอยู่ที่หน้าโรงพักโดยมีหมวดเมฆยืนรอรับอยู่แล้ว

เมฆทักทายแขกคนสำคัญตามคำเชิญของผู้บังคับบัญชาก่อนจะเดินพาทั้งคู่ตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวของปราป เมื่อเดินมาถึงเจ้าของห้องก็ไม่ลืมที่จะกล่าวทักทายตามด้วยการเชื้อเชิญให้ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟารับแขก

“สวัสดีครับคุณอิน คุณสิง”

“สวัสดีครับสารวัตรปราป” สองพี่น้องกล่าวทักทายเจ้าของห้องตามมารยาท

ปราปพยักหน้ารับก่อนจะเงยหน้าไปมองลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เมฆ ไปเตรียมเครื่องดื่มมาให้คุณอินกับคุณสิงหน่อย”

“ครับสารวัตร” เมฆรับคำสั่งก่อนจะก้าวเดินออกไปจากห้อง

เมื่อเสียงประตูถูกปิดลง สิงก็ไม่รอช้ารีบหันไปถามปราปอย่างไม่รีรอ “สารวัตร คุณเจเจเสียชีวิตได้ยังไงครับ”

สารวัตรหนุ่มถอนหายใจหนักราวกับจะเสียเวลาชีวิตไปอีกสิบปี “คงต้องรอผลการชันสูตร แต่สภาพศพแทบไม่ต่างอะไรจากพี่ชายของคุณเลย”

“สารวัตรได้ส่งใครไปเฝ้าดูคุณเจเจรึเปล่าครับ?”

“ไป แต่นั่นแหละที่แปลก”

“มีอะไรแปลกเหรอครับสารวัตร” อินถามแทรก

“เจ้าหน้าที่ที่ผมส่งไปสลบไม่ได้สติ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”