"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"
สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โกลาหลกลสั่งตาย"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"
'สิง' เด็กหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ฆาตกรรมพี่ชาย ร่วมสายเลือด
กับการถูกไล่ล่าจากวิญญาณ 'ผีมโนราห์' ที่ไม่มีที่มาที่ไป
การเอาชีวิตรอดและการปกป้องแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตที่มืดบอดอย่าง 'อิน' จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ
ควบคู่ไปกับการตามล่าหาความจริงอันดำมืดที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานหลายปี
#โกลาหลกลสั่งตาย
WARNING
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง จากจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (บางสถานที่มีจริง) ไม่มีอยู่จริง ผู้เขียนไม่มีเจตนาล่วงละเมิดหรือจงใจให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด หรือ สิงใดก็ตาม
นอกจากนั้นยังไม่มีเจตนาลบหลู่ บิดเบือนศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น
อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านพฤติกรรม ความรุนแรง และการใช้ภาษา ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอ่านโดยใช้วิจารณญาณ
ภายในงานเขียนมีการใช้ภาษาถิ่นใต้และผู้เขียนกังวลเรื่องการผันเสียงในภาษาท้องถิ่น จึงมีการใช้ภาษากลางในการอธิบายร่วมด้วย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ใครหลงเข้ามาสามารถเปิดใจอ่านได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ สามารถกดออกไปสู่เนื้อหาที่ผู้อ่านต้องการได้เลย :)
TRIGGER WARNING
Abuse / Physical Abuse มีการใช้ความรุนแรงกับเหยื่อทางกาย
Abuse Relationship ความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งการทำร้ายด้วยวาจาและการทำร้ายร่างกาย
Blood มีเลือด
Brutality การใช้ความรุนแรง, ทารุณ
Cutting ใช้ของมีคม
Corpse ศพ
Dead การตาย
Depiction of Death มีการบรรยายฉากการตาย
Dirty Talk มีการใช้คำพูดหยาบโลน
Drug Abuse การใช้ยาหรือสารเคมีแบบผิดวิธี
Ghost ภูตผี
Gore เนื้อหามีความโหดร้าย
Hallucinations มีอาการประสาทหลอน
Mental Abuse ใช้ความรุนแรงกดดันจนเกิดบาดแผลทางใจ
Mental Illness มีอาการป่วยทางจิต
Murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย
Sexual Harassment การล่วงละเมิดทางเพศ
Psychopath โรคจิต ไม่มีความนึกคิดผิดชอบชั่วดีเหมือนคนปกติ
Violence มีการใช้ความรุนแรง
Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61564472022894&%3Bref=embed_page
X : https://x.com/Writer_RTKDN
TikTok : https://www.tiktok.com/@writer_rtkdn
เงื่อนไขในการติดเหรียญ
ติดเหรียญ 5 เหรียญต่อ 1 ตอน
ตอนที่ 0-6 ฟรี!!!
อ่านฟรีก่อนติดเหรียญ 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่)
ตอนพิเศษติดถาวร
(ตอนพิเศษ 6 ตอน 1 ตอนมีเฉพาะใน E-book เท่านั้น)
Publish Date
ตอนที่ 1-7 : 11/10/2024 - 16/10/2024
ตอนที่ 8-22 และ ตอนพิเศษ : ลงทุกวันจันทร์ / พุธ / ศุกร์
เปิดเรื่อง : 11/10/2024
ปิดเรื่อง : 0/0/2024
“สีผึงมหาเสน่ห์”
ปราปเพ่งมองกระปุกทองเหลืองทรงกลมขนาดเล็กที่อยู่ในถุงเก็บหลักฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนคิ้วเข้มที่เรียงเส้นสวยขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นปมใหญ่ “มันเอาไว้ทำอะไร สิงพอจะรู้ไหม?” ปราถามก่อนจะก้มลงไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้นกับคนพี่
“สีผึ้มหาเสน่ห์ เป็นของที่ถูกปลุกเสกขึ้นมาครับ ตามชื่อของมันเลย มันมีไว้เพิ่มเสน่ห์ เย้ายวน ให้ดูน่าหลงใหล มันใช้งานเหมือนขี้ผึ้งทาปากนั่นแหละครับ บนตัวพี่เสือก็พบร่องรอยของมันไม่ใช้เหรอครับ?”
ไม่ใช้แค่ปราปที่หันมองเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าตกตะลึง เพราะคนที่นั่งช้อนหลังเขาอยู่อย่างอินก็มองสิงตาไม่กะพริบเหมือนกัน
“สิงรู้ได้ยังไง” ปราปถามเสียงแข็งอย่างเค้นเอาความจริง ทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่เขาแค่ยังยอมรับมันไม่ได้แค่นั้นเอง
“ผมเคยบอกสารวัตรไปแล้วครับ”
ปราปถอนหายใจหนักพลางพูดประชด “ผีอีกแล้วเหรอ”
อินที่นั่งฟังอยู่นานได้ยินปราปพูดจาลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที “สารวัตรไม่ควรพูดเรื่องนั้นที่นี่นะครับ”
“ทำไมเหรอครับ ที่นี่มี…”
“ถือว่าผมขอนะครับ” อินพูดสวนก่อนที่ปราปจะพูดจาไม่น่าฟังออกมา
นายตำรวจใหญ่ที่เคยยุติธรรมกับทุกเรื่องเกิดกลัวคนตรงหน้าโกรธจึงยอมเงียบปากตามที่ขอ “ขอโทษครับ ว่าแต่หลักฐานที่สิงอยากหามีเท่านี้ใช้ไหม?”
สิงรู้สึกตงิดใจเหมือนกับว่าสิ่งที่เขามองหามันไม่ได้มีแค่สีผึ้ง เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่อยู่ที่เดียวกันเหมือนกับของเสือ หรือว่าคนร้ายจะเอาของสิ่งนั้นไป แล้วทำไมมันถึงไม่เอาสีผึ้งกระปุกนี้ไปด้วย...
“งั้นเรากลับกันเลยไหมครับ” ปราปหันไปพูดกับอินที่ยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มไม่ห่าง
“ครับ” อินตอบกลับพลางยื่นมือไปคว้ามือน้องมากุมเอาไว้เหมือนเดิม
ปราปแอบรู้สึกตงิดอยู่ในใจยังไงชอบกลกับการที่สองพี่น้องคู่นี้จับมือกันแน่นไม่ยอมปล่อยตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้ แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรให้มากความเลยเดินนำทุกคนลงมาจากชั้นสอง พอเดินลงมาถึงหน้าบ้านก็ส่งซองใส่หลักฐานไปให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
สิงที่กำลังก้าวออกจากบ้านเป็นคนสุดท้ายกลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างบริเวณหลังบ้านจึงหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง ก่อนที่เท้าจะก้าวตามบางสิ่งบางอย่างที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่
“มีอะไรรึเปล่าสิง!”
อินที่เดินออกมาจากบ้านแล้ว เห็นน้องไม่เดินตามหลังมาแต่กลับพลิกตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านจึงตะโกนถามไล่หลัง
“เดี๋ยวผมตามออกไปนะครับพี่อิน”
สิงตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมองอิน ได้แต่เดินคลำทางไปเรื่อย ๆ จนถึงซุ้มประตูห้องครัว โดยไม่รู้เลยว่ามีอะไรรอเขาอยู่ในนั้น…
สายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่วางตา สายตาที่เคียดแค้นและอาฆาตส่งผ่านมาทานนัยน์ตาสีแดงฉานราวกับเลือดที่กำลังอาบกายของมันตอนนี้
เด็กหนุ่มที่กำลังก้าวขาเข้าไปในห้องครัวต้องชะงักไปเพราะมีฝ่ามือเย็นเฉียบสัมผัสเข้าที่ต้นแขนของเขา
“กูไปด้วย”
มือที่เกาะแขนอยู่ค่อย ๆ เลื่อนลงไป ก่อนที่มือของคนทั้งสองจะประสานเข้าหากัน
“กูไม่ปล่อยให้มึงไปคนเดียวหรอก มันอันตราย”
สิงยิ้มกริ่มกับคำพูดที่ตรงไปตรงมาของอิน ภายใต้สถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ เขากลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูกราวกับความอบอุ่นถูกส่งผ่านมาจากมือเรียวของคนตรงหน้า
“มีอะไรรึเปล่าครับ?” ปราปที่เดินตามหลังอินมา เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากตรวจดูให้แน่ใจ” สิงเองก็ไม่แน่ใจว่าพลังที่สัมผัสได้มันคืออะไร แต่มันทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจยังไงชอบกลราวกับว่าภายในบ้านหลังนี้อบอวลไปด้วยพลังแห่งความแค้น ความอาฆาตพยาบาท รวมถึง ความโหยหา
สิงก้าวเข้าไปในห้องครัว เพราะเป็นที่ที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่พบเบาะแสของมันเลยแม้จะเดินวนหาจนทั่วห้องแล้วก็ตาม
ตึง!
ภายใต้ความเงียบงันที่มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่กระหน่ำเทลงมาภายนอกตัวบ้าน และ เสียงตึงตังอย่างไม่มีที่มาที่ไปดังขึ้นมาเรียกความสนใจของคนทั้งสาม
“เชี้ย!” อินอุทานออกมาด้วยความตกใจก่อนที่ภาพความทรงจำเก่าทับซ้อนกันจะโผล่ขึ้นมาในห้วงความคิด ภาพสุดสะพรึงกลัวที่เคยเกิดขึ้นกับเขาที่บ้านของเสือทำให้ขนอ่อนลุกชันไปทั่วทั้งตัว
“ใครวะ?!” ปราปรีบชักปืนพกที่อยู่ตรงเอวขึ้นมา ก่อนจะชี้ปลายกระบอกปืนตรงไปยังประตูหลังบ้านตามสัญชาตญาณของตำรวจ
สายตาของคนตาดีทั้งสองทอดมองตรงไปยังบานประตูหลังครัวแต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดที่จะเป็นต้นตอของเสียง มีเพียงความว่าเปล่าเท่านั้น มีเพียงเด็กหนุ่มที่สัมผัสได้ว่ามีอะไรยืนจ้องมองพวกเขาอยู่ตรงนั้น
สายตาสีแดงฉานกำลังจ้องมองตรงมายังใบหน้าของสิง มันเป็นสิ่งที่ร้องเรียกให้เขาเข้ามาที่นี่แต่ที่น่าแปลกคือมันดันไม่ใช้ที่มาของพลังงานอาฆาตที่ส่งผ่านมาถึงเขา
ปืนพกถูกกระชับให้แน่นขึ้นในกำมือของนายตำรวจหนุ่ม เขาก้าวเข้าไปใกล้ประตูบานนั้นอย่างเชื่องช้า แต่ละย่างก้าวค่อย ๆ ทำอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายที่คาดว่าน่าจะอยู่หลังประตู จับความเคลื่อนไหวของเขาได้
เมื่อก้าวเข้าไปประชิดประตู มือแกร่งข้างนึงก็ค่อย ๆ ผละออกจากด้ามจับปืน แล้วยื่นไปบิดลูกบิดประตูอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะใช้แรงทั้งหมดผลักประตูออกไปจนบานประตูกระทบเข้ากับกำแพงเสียงดังปัง!
ปราปยังคงกำปืนพกเอาไว้แน่น ปลายกระบอกถูกชี้ไปตามทางที่เขาเดินเพื่อที่จะสำรวจความผิดปกติ แต่กลับไม่พบสิ่งมีชีวิตใดเลยที่จะเป็นต้นตอของเสียง หลังจากสำรวจไปทั่วบริเวณหลังบ้างและเห็นว่าสถานการณ์ปลอดภัยจึงหันกลับมาพยักหน้าให้อินและสิง
สิงเดินผ่านวิญญาณตนนั้นไปโดยมีสายตาของมันมองตามเขาไป เมื่อเดินทะลุกรอบประตูบ้านออกมาก็พบว่าบริเวณหลังบ้านถูกตกแต่งให้เป็นสวนขนาดย่อม
ฝนที่ตกลงมาอย่างบ้าคลั่งทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นค่อนข้างแย่ นั้นรวมไปถึงประสาทการดมกลิ่นของสิงก็ถูกรบกวนไปด้วย ถึงแม้สิงจะได้กลิ่นเหม็นเน่าบางอย่างโชยมาจากสวนนั้น แต่กลิ่นฝนและดินทรายประเดประดังประสมปนเปมาด้วยจึงทำให้เขาไขว้เขว
“พี่อินรอสิงอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ”
“ไม่เอา กูไปด้วย!” อินร้องท้วง ถึงแม้จะกลัวผีมากแค่ไหนแต่เขากลับกลัวที่จะปล่อยน้องไปเผชิญหน้ากับเรื่องอันตรายคนเดียวมากกว่า
“นั้นซิครับ อยู่ใต้หลังคาดีกว่า เปียกฝนขึ้นมาเดี๋ยวจะไม่สบาย” ปราปพูดเสริม
“นะครับ เดี๋ยวสิงมา ไม่นานหรอกครับ”
“แต่…”
“เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนสิงเองครับ คุณอินจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
ปล่อยสิงไปกับคนปากพล่อยอย่างปราปน่ากลัวกว่าเป็นไหน ๆ แต่ก็เกิดอาการน้ำท่วมปากขึ้นมา ไม่รู้จะแย้งสองคนนั้นยังไงจึงทำได้แค่จำยอม เพราะสวนหลังบ้านก็ไม่ได้ใหญ่มากหากเกิดอะไรขึ้นเขายังพอวิ่งเข้าไปช่วยได้ทัน เขาจึงได้พยักหน้าตอบตกลง “เออ ถ้ามีอะไรตะโกนเรียกกูนะ”
“ครับ” สิงตอบก่อนจะหันหลังเดินตรงเข้าไปในสวนหลังบ้าน ปราปที่เดินตามหลังมาติด ๆ เอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ตามหาอะไรอยู่เหรอ”
“ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ แต่ผมได้กลิ่นอะไรบางอย่างจากในนี้”
คำพูดของเด็กหนุ่มไม่เคยมีคำไหนที่ไม่เป็นปริศนา และไม่มีคำไหนเลยที่เขาจะเข้าใจมันได้ง่าย ๆ ข้อนี้ปราปรู้ดีแต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากถามต่อให้มากความทำได้แค่เดินตามไปเรื่อย ๆ เผื่อจะเจอของดีบางอย่าง
กลิ่นภายนอกรบกวนเขาไม่น้อย แม้จะพยายามเปิดประสาทการรับกลิ่นสักแค่ไหนก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล จนกระทั่งโสตประสาทเขารับรู้ได้ถึงเสียงเรียก ซึ่งมันเป็นเสียงเดียวกันกับเสียงที่เรียกเขามาที่นี่ ราวกับมันกำลังช่วยเขาตามหาของสิ่งสิ่งนั้น
เพล้ง!
เสียงของแข็งบางอย่างตกกระทบพื้นจากที่สูงทำให้คนที่ยืนรออยู่คนเดียวยืนไม่ติดพื้น รีบตะโกนถามด้วยความเป็นห่วง
“สิง! มีอะไรรึเปล่า เป็นอะไรไหม?!”
“ไม่เป็นไรครับพี่อิน แค่กระถางต้นไม้ตกลงมาเท่านั้นครับ”
สิงก้าวเข้าไปดูกระถางต้นไม้ที่ตกลงมาเฉียดหัวเขาไปอย่างฉิวเฉียด แถมมันยังส่งกลิ่นเหม็นเน่ากลิ่นเดียวกันกับที่เขาพยายามตามหา
ปราปที่เดินตามหลังมารีบก้าวเข้าถามไถ่อาการเผื่อว่าเด็กหนุ่มบาดเจ็บขึ้นมาเขาจะโดนผู้ปกครองหน้าคมที่ยืนรออยู่ในครัวหมายหัว “เป็นอะไรไหม”
“ไม่เป็นไรครับ” สิงหันไปตอบก่อนจะลงไปนั่งชันเข่าตรงหน้ากระถางต้นไม้ที่แตกกระจายเต็มพื้น
ปราปเดินไปนั่งลงข้าง ๆ สิงก่อนจะเห็นห่อผ้าสีแดงที่ถูกพันด้วยด้ายสีขาวปะปนอยู่ในดินที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นหญ้า “นั้นอะไร” เขาพูดพลางคุ้ยดินออกแล้วหยิบของสิ่งนนั้นขึ้นมาดู
“อะไรวะเนี่ย?!” ปราปถบทออกมาหลังจากที่แกะห่อผ้าออกมาดู
“ตุ๊กตาคุณไสย”
สิงตอบโดยที่ไม่ต้องใช้มือคลำเพราะเขาเคยสัมผัสมันมาแล้วที่ห้องนอนของเสือ
หลังจากออกมาจากบ้านของเพรียว ทุกคนที่อยู่ในรถแทบจะไม่พูดอะไรกันเลย อินและสิงที่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วก็น้ำท่วมปาก ไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนปราปก็ได้แต่นั่งขับรถไปคิดประมวลผลกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปโดยที่เขาไม่สามารถหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลมาอธิบายได้
เด็กตาบอดที่นั่งอยู่เบาะหลังสามารถหาหลักฐานได้อีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ตำรวจทั้งสน. ช่วยกันค้นแล้วค้นอีกกลับไม่เจออะไรเลย ไหนจะกระถางต้นไม้ที่หล่นลงมานั้นอีก ต่อให้ฝนจะกระหน่ำตกลงมามากแค่ไหนแต่ลมไม่มีทางพัดกระถางต้นไม้ที่ใหญ่และหนักขนาดนั้นลงมาได้ เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นพายุ
“สารวัตร เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
อินทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดด้วยคำถามที่ไม่น่าถาม ทั้ง ๆ ที่ดูจากสีหน้าของนายตำรวจก็รู้แล้วว่าเป็นอะไร
สติของปราปถูกทิ้งไว้ที่บ้านของเพรียวและมันเพิ่งถูกเรียกกลับมาตอนที่เขารับรู้ได้ว่ากำลังถูกสายตาของอินจับจ้องอยู่ที่เบาะข้างคนขับ
“คุณอินว่าอะไรนะครับ”
“สารวัตร โอเคใช่ไหมครับ เป็นอะไรรึเปล่า”
“อ๋อ ผม…โอเคครับ แค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ”
“ครับ”
ปราประบายยิ้มบางส่งไปให้คนข้างกาย ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มผ่านกระจกมองหลัง “ไม่เป็นไรใช้ไหม ให้พาไปโรงพยาบาลรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ แค่แผลถลอกนิด ๆ หน่อย ๆ ครับ”
ปราปพยักหน้าตอบโดยไม่ได้พูดอะไร เขามองเด็กหนุ่มอีกครู่นึกก่อนจะละสายตากลับไปมองถนนตามเดิม
“อย่าเก็บไว้ในใจเลยครับ พูดมันออกมาเถอะ” อินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ลอบสังเกตอาการของนายตำรวจหนุ่ม เขาพอจะอ่านออกว่าปราปน่าจะสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติกลับต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้คงสับสนไม่น้อยเลย ขนาดตัวเขาเองที่ได้ยินเรื่องพวกนี้มาตลอดยังสติหลุด
ปราปหันหามองหน้าอินพลางยกยิ้มแห้ง “ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“มีซิครับ แต่สารวัตรแค่ยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเท่านั้น ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องรีบหรอก ค่อย ๆ คิด”
ปราปส่งเสียงหัวเราะในลำคอ “หึ คุณอินคิดว่าเรื่องแบบนั้นมันเชื่อได้เหรอครับ”
“มันก็ขึ้นอยู่กับสารวัตรแล้วละครับ”
ปราปเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากทำให้บรรยากาศภายในรถย่ำแย่ไปกว่าเดิม “เดี๋ยวผมไปส่งคุณอินที่สน.ก่อน แล้วกันนะครับ”
“ครับ ว่าแต่สารวัตรจะไปไหนต่อเหรอครับ”
“นิติเวชครับ คงต้องส่งของพวกนี้ให้ไอ้รามดู”
หลังจากที่พวกเขาแยกกับปราปที่โรงพัก อินก็ขับรถตรงกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงก็ไล่ให้น้องไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่เขาจะได้ทำแผลที่อยู่บนข้อมือให้
แท่งสำลีที่มีตัวยาเบต้าดีนเคลือบอยู่แตะลงบนแผลอย่างแผ่วเบา พร้อมกับลมปากที่เป่ารดเพื่อปลอบประโลมคนเจ็บโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้สักแค่ไหน ในขณะเดียวกันคำถามนึงก็ผุดขึ้นมาในหัวทำให้อินต้องเงยหน้าขึ้นไปถามคาดคั้นเอาความจริง “สิง”
“ครับพี่อิน”
“รอยนี้ไม่ใช้รอยครูดกับไม้ใช้ไหม?”
สิงยกยิ้มหน้าเจื่อนพลางพยักหน้าตอบอย่างจำยอม ทำให้อินชะงักไปชั่วครู่ “มันถึงขั้นนี้แล้วเหรอวะ พวกเรากำลังทำอะไรอยู่วะสิง”
“พี่อิน” สิงเรียกคนพี่เสียงอ่อน
“พี่มึงไปพัวพันกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไงวะ แม่ง!” ร่างโปร่งเหลืออดเต็มทีกับเรื่องที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ ถึงกับถบทออกมาด้วยความโมโห
“...” สิงได้แต่นั่งนิ่งไม่ไหวติง กลัวว่าการขยับตัวเพียงเล็กน้อย อาจจะทำให้คนพี่โมโหมากกว่าเดิม
“เอาเหอะ! กูไปอาบน้ำก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน” อินพูดพลางหยิบปลาสเตอร์มาปิดแผลให้น้องแล้วค่อยปลีกตัวไปอาบน้ำเพื่อลดอุณหภูมิในใจ
อินใช้เวลาอาบน้ำเพียงไม่นานเขาก็มายืนเปลือยท่อนบนอยู่ตรงหน้าสิง ต่อให้ตาจะมองไม่เห็นแต่จมูกของเขายังทำหน้าที่ได้อย่างดี กลิ่นสบู่ที่อินใช้เป็นประจำ โชยมาจนทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ สั่นไหว
“วันนั้นมัวแต่กลัวเลยไม่ได้ให้มึงไปเอาของใช้ส่วนตัวเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้มีของใช้อะไรมากมายอยู่แล้ว”
“ยังไงก็ต้องย้ายของของมึงมาที่นี่อยู่แล้ว แต่ขอทำใจก่อนแล้วกัน กูยังขนลุกไม่หาย ว่าแต่…ของที่มึงเจอในกระถางต้นไม้คือไรวะ กูได้ยินไม่ค่อยชัด” อินพูดพลางเดินไปหยิบเครื่องประทินผิวขึ้นมาบรรจงทาลงไปบนผิวหน้าเนียน
“ตุ๊กตาคุณไสยคับ”
“มันเอาไว้ทำอะไรวะ?”
“ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการทำเสน่ห์”
“แล้วมึงรู้ได้ไงวะ ว่าคุณเพรียวจะมีสีผึ้งเหมือนกับไอ้เสือ”
“ผมเดาเอาครับ ในเมื่อสารวัตรบอกว่าการตายของทั้งสามคนเหมือนกัน มันก็น่าจะเกิดขึ้นจากคนคนเดียวกัน วิธีการก็น่าจะคล้าย ๆ กัน”
“ฉลาดดีนิมึง ลาออกจากครูมาเรียนตำรวจไหม?!” อินพูดประชดตามนิสัย (สันดาน) เรียกรอยยิ้มของเด็กหนุ่มก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับออกมาพร้อมกับชุดนอนตัวเก่ง
อินเดินไปนั่งลงบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน พร้อมกับการดึงให้คนน้องเอนตัวตามลงมา “นอนเหอะ พรุ่งนี้มึงต้องไปที่วัดอีก” เขาพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มฝืนหน้ามาห่มให้สิงและตัวเอง
“ฝันดีครับพี่อิน”
“เออ ฝันดี”